วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกๆวัน ผมลืมตาขึ้นด้วยเสียงนาฬิกาที่ดังลั่นจนทำให้ผมปวดหัว ที่ต้องตั้งเสียงนาฬิกาไว้ดังขนาดนี้ ก็เพราะผมเป็นคนขี้เซา ก็ที่โดนไล่ออกจากงานที่โรงพิมพ์ก็เพราะอย่างนี้แหละ.. ผมไปตอกบัตรไม่ทัน ทำงานได้ไม่ถึงสองเดือน ก็โดนเจ้าของเขาไล่ออก ให้มานอนจมปลักอยู่กับบ้านอย่างนี้... แต่ช่างมันเถอะ ความหลังเป็นเรื่องของความหลัง ผมจะไม่รื้อฟื้น ตอนนี้ ผมต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อน ไม่มีเวลาจะคิดอะไรแล้ว ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก.. เสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงสแล็คสีกรมท่า ชุดเดิม..เหมือนเมื่อวาน และความรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนเดิม ผมไม่อยากไปทำงาน ผมไม่ชอบงานโฆษนาเลย แต่อย่างว่าแหละ.. ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องอดิ้นกันไป แต่ผมไม่มีเวลาจะมามองตัวเองได้นาน ผมรีบวิ่งไปหยิบถ้วยกาแฟสำเร็จรูปที่ผมชงไว้ก่อนที่จะแปรงฟัน ป่านนี้มันคงจะหายร้อนแล้ว.. ต้องรีบกินข้าว เดี๋ยวไปทำงานสายแล้วจะยุ่ง ผมหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ที่ผมใช้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตผมตอนนั้นกับตอนนี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมายหรอก ห้องเช่าห้องเดิม ทีวีขนาดเล็กเครื่องเดิม และก็ คอมพิวเตอร์ห่วยแตก ราคาต่ำ เครื่องเดิม ที่ซ่อมแล้วไม่รู้กี่รอบ ผมมองมันอย่างเคียดแค้น ในใจคิดเพียงว่า มันเป็นตัวขูดรีดเงินของผมจริงๆ ผมเดินจ้ำอ้าวไปยังป้ายรถเมล์ สายตาจับจ้องอยู่ที่นาฬิกาข้อมือ พร้อมอัฐิษฐานให้รถสายที่ผมนั่ง มาสายกว่าปกติสักนิด หากผมขึ้นสายนี้ไม่ทัน กว่ามันจะมาอีกทีก็เกือบ 20 นาที คิดแล้ว ผมก็เริ่มออกวิ่ง ยังดีที่ที่อยู่ของผม อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นัก .. ตอนเช้าๆอย่างนี้ รถเมล์ยังว่างอยู่ ผมกระโดดขึ้นไปนั่งหลังสุด ในมือคลี่หนังสือพิมพ์ออกอ่าน ไม่ทันที่รถจะออกจากป้าย กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็อบอวลขึ้น ผมมองไปยังประตูรถเมล์ พบชายแก่ๆผอมๆ คนเดิม มันขึ้นรถเมล์สายเดียวกับผม เวลาเดียวกับผมทุกวัน และกลิ่นของมันนะ... เหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเจ็ดปี.. ผมชำเลืองมองตาแก่จากหัวจดเท้า และมองขึ้นไปที่หัวของมันอีกครั้ง ผมสีเทา บางๆ ที่ถูกกองเป็นกระจุกอยู่บนหัวมันนั้น ทำให้ผมรู้สึกเกลียดชังมันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รถเมล์เงียบสนิททั้งคัน ผมมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่คนทำหน้าขยักแขยงเวลาตาแก่นั่นเข้าไปใกล้ๆ ทำไมนะ มันไม่รู้ตัวหรือไง ว่าสภาพมันดูไม่ได้ขนาดไหน ไม่รู้ตัวหรือไง ว่าคนเขาสะอิดสะเอียนกกลิ่นของมันจะตายกันอยู่แล้ว อรุณสวัสดิ์จ้า... พี่ ผมเหลือบตาไปมองตาแก่นั่นหน่อย เห็นมันยิ้มหยดย้อยเชียว.. มองแล้วหมั่นไส้ แก่จะตายอยู่แล้ว ยังเที่ยวเรียกเขาว่าพี่... เหม็นก็ เหม็น จะบ้าตาย *********************************** วันต่อมา ก็เป็นอีกวันธรรมดาของผม แต่ผมสะดุดใจตรงที่ ชายแก่บนรถเมล์ หลังจากที่เขากล่าวทักทายคนขับรถเมล์แล้วนั้น เขายังหันไปสวัสดีผู้หญิงเสื้อแดงที่นั่งอยู่ใกล้ๆคนขับด้วย มันแปลกมากๆเลย จริงๆแล้ว ผมก็ไม่เคยสนใจเขาหรอก แต่พักนี้ เขาแปลกๆไปจริงๆ แต่ผมก็คงไม่ให้ความสนใจเขามากมายอะไรหรอก เรื่องงานต้องมาก่อนเสมอ พอเวลาผ่านไป ชายแก่คนนั้น เขาก็เริ่มทักทายผู้คนไปทั่ว ด้วยความที่รถเมล์ตอนเช้าๆ ไม่มีคนนั่งมากนัก เขาจึงได้พูดคุยกับทุกคน แรกๆ เขาเพียงพูดว่า อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน แล้วก็ยิ้ม แต่วันนี้ เขาเดินทั่วรถ และทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ.. ช่างแปลกคนจริงๆ ปกติ ไม่มีใครเขาพูดกันหรอก เวลาอยู่บนรถเมล์ ญาติโกโหติกาก็ไม่ใช่... วันนี้ เขามาแปลกจริงๆ เขาใส่ชุดสูทสีเขียวอ่อนๆ ที่ดูจะเล็กไปสำหรับตัวเขานิดหน่อย เขาหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำหอม และในมือของเขาถือดอกกุหลาบสีขาวอยู่ดอกหนึ่ง มันถูกห่อหุ้มอย่างสวยงามด้วยกระดาษปอนด์ที่เขาบรรจงตัด และฉลุ เป็นลายลูกไม้ เขาหันมายิ้มให้กับทุกคนที่นั่งอยู่บนรถ วันนี้เองเป็นวันแรก ที่คนขับทักเขาก่อน ว่าไง น้องอิน เอาดอกไม้ไปให้ใคร หรือว่าจะไปให้แฟน คนขับพูดโดยไม่หันมามองหน้าเขาสักน้อย แต่มันก็ทำให้ชายแก่อายจนหน้าแดงก่ำ ตัวของเขาเหมือนจะอ่อนแรง เขานั่งลงก่อนที่จะพูดว่า บ้า เพียงสั้นๆคำเดียว วันนั้นเป็นวันแรก ที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะ บนรถเมล์สีน้ำเงินเก่าๆคันนี้ ผมรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อผมพบว่า ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่แอบหัวเราะ ผู้หญิงคนหนึ่งถามชายแก่ว่า แล้วลุงจะไปให้แฟนนี่นะ แค่ดอกเดียวเองหรอ.. ชายแก่ทำท่าเอียงอาย ก่อนที่จะกระซิบเบาๆว่า ผมไม่มีปัญญาซื้อหรอก แพงๆน่ะ เมื่อเช้ามืดผมแวะไปตลาด ว่าจะเอาไปให้เธอเสียหน่อย คุณว่า เธอจะไม่ชอบหรือ ทั้งสองคนคุยกันอีกสองสามคำ แต่ผมได้ยินไม่ชัดนัก พอดีนั่งหลังจากเขาอยู่สองแถว วันต่อๆมา ชายแก่ ก็นำดอกกุหลาบสีขาว ติดมือมาขึ้นรถเมล์ทุกเช้า ทุกครั้งจะเป็นดอกเล็กๆ ที่ออกจะเหี่ยวๆนิดๆเหมือนเดิม แต่ในวันนี้ ผมต้องแปลกใจ ที่มีผู้ชายคนหนึ่ง ถือดอกกุหลาบสีขาวติดมือมาด้วย หนึ่งดอก ผมมองเขาอยู่นาน เขาจึงได้อธิบายว่า เขาเอามาให้ชายแก่ เขาจะได้นำไปให้แฟนเขา พอชายแก่เดินรู้ เขาก็ดีใจจนเนื้อตัวสั่น ทำให้คนทั้งรถได้ขำกันอีกรอบ ผมเพียงแต่ยิ้มให้ชายผู้นั้น และเดินลง เมื่อถึงที่ทำงาน เวลาผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ และทุกๆวัน จำนวนดอกกุหลาบก็เพิ่มขึ้น จากหนึ่งดอก เป็นสองดอก... จนวันนี้ ชายแก่ได้ดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปฝากหญิงที่เขารัก ผมก็ได้แต่มองแล้วยิ้ม เพราะตัวผม ก็ไม่ได้คิดจะซื้อให้เขาหรอก ผมไม่มีเวลา ผมต้องรีบไปทำงาน กลับมาบ้าน ก็ต้องทำงานต่อ ยังไงก็ขอให้เขาโชคดีก็แล้วกัน แก่ปูนนี้แล้ว เพิ่งจะเจอผู้หญิงที่ถูกใจ ************************** วันนี้เป็นวันเสาร์ และเป็นวันแรกที่ผมไม่ได้เจอเขาบนรถเมล์ เช้านี้มีคนเพียง 5-6 คนอยู่บนรถ ผมทำงานวันเสาร์อาทิตย์.. และทุกวัน ผมต้องเจอชายแก่ หรือที่ใครเรียกเขาว่า ลุงอิน แต่เมื่อวันนี้ ผมไม่พบเขา มันเริ่มจะทำให้ผมกังวลนิดหน่อยแล้ว ผมหวังว่า เขาคงจะไม่เป็นอะไร บางที เขาอาจจะขึ้นรถเมล์สายอื่นไปแล้วก็ได้.. เขาอาจจะมีนัดที่อื่นบ้าง.. ไม่แปลกอะไร วันนั้น ผมทำงานไม่ค่อยได้ อ่านเอกสารก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนว่า ใจมันไม่อยู่กับตัว ผมคิดเพียงแต่เรื่อง ชายแก่คนนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นเขา ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อวันนี้ เขาไม่มา แทนที่ผมจะรู้สึกโล่งอก ผมกลับมานั่งไม่สบายใจอยู่อย่างนี้ แต่ไม่เป็นไร... พรุ่งนี้เขาคงมา หกโมงก็แล้ว.. เจ็ดโมงก็แล้ว ผมยืนรอเขาอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะปรากฏตัวเลย วันนี้ผมไม่ต้องเข้าไปทำงาน เพราะสัปดาห์นี้ ผมอยู่ทำงานจนค่ำ แทนเพื่อน วันนี้เขาจึงจะไปทำงานแทนผม.. ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงต้องตื่นแต่เช้า มายืนรอชายแก่อยู่ที่นี่ ผมรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ผมยืนรออยู่จนแปดโมง ผมจึงได้เดินกลับเข้าไปในซอย ผมไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย ว่าในซอยที่ผมอยู่ มีบ้านพักคนชรา คงเป็นเพราะผมออกจากบ้านแต่เช้ามืด และเมื่อผมกลับมาก็ค่ำแล้ว ไม่มีเวลาได้มองเห็นอะไรๆเลย ผมเดินเข้าไปอย่างช้าๆ มองป้ายสีส้มๆ ที่ปักอยู่หน้าประตูใหญ่ บ้านพักคนชราไม้เขียว ผมยิ้มกับชื่อนั้น ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูเป็นมิตรเหลือเกิน... เมื่อผมถามผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ผมก็ได้รับคำตอบที่น่าสลดใจ เธอบอกว่า ลุงอิน อยู่ที่นี่ แต่เขาหายไปเมื่อ 2 วันก่อน เขาโทรกลับมาบอกว่า เพื่อนที่รักของเขา ได้ตายจากเขาไปแล้ว แต่เขาจะนั่งรอเพื่อนของเขา เผื่อเธอจะมาหาเขา เขาจะได้บอกเธอ ว่าเขารักเธอมากเพียงใด... ผมเดินกลับออกมาด้วยหัวใจที่ลีบเหลว... ป่านนี้ชายแก่จะเป็นอย่างไร ผมคิดว่า เพื่อนที่เขาพูดถึง คงจะเป็นหญิงที่เขาบอกว่า เขาหลงรัก หญิงที่เขานำดอกกุหลาบสีขาวไปให้อยู่ทุกวี่วัน... ผมรู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก.. วันนั้นผมอยู่แต่ที่บ้าน ผมนั่งดูทีวี.. ผมพยายามจะคิด แต่เหมือนสมองผมตื้อไปหมด ************************ ผมก้าวขาขึ้นขั้นบันไดของรถเมล์สายเก่า ผมชำเลืองมองคนขับ... คนเดิม... กระเป๋า... ก็คนเดิม ผมรีบก้มหน้าและเดินไปยังที่นั่งที่ใกล้ที่สุด ผมนั่งตัวงอ ในตาเพ่งมองดอกกุหลาบสีขาวที่อยู่ในมือ.. ผมไม่เคยคิดเลยว่า การที่ผมได้ฟัง.. มอง และพูดคุยกับชายแก่บ้าบอคนหนึ่งเพียงเดือนกว่าๆ ทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้... ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตคนเรา มีอะไรมากกว่า การทำงาน หาเงินใช้ ไปวันๆ ผมไม่เคยมองสิ่งต่างๆนรอบตัวผมเลย ว่ามีอะไรให้ผมเรียนรู้มากแค่ไหน.. ผมไม่เคยคิดมาก่อน... ว่าจะมีวันหนึ่ง ที่ผมตื่นแต่เช้า.. ก่อนนาฬิกาปลุก และเดินไปซื้อดอกกุหลาบที่ตลาดมาให้ใครสักคน... ใครสักคนที่ผมไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ... ใครสักคนที่ผมเคยรังเกียจ และเกลียดชัง.. รถเมล์แล่นออกจากป้ายแล้วล่ะ... วันนั้น รถเมล์ทั้งคันเงียบกริบ ไม่มีแม้เสียงมือถือ ที่ปกติจะดังอยู่ไม่ขาดระยะ ผมเงียบ... โลกทั้งใบดูเหมือนจะเงียบตามผม.. แต่สิ่งที่ผมไม่รู้คือ.. ทุกคนที่นั่งอยู่บนรถคันนั้น ต่างก็กำดอกกุหลาบสีขาวในมือตนไว้แน่น... ****************************** ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง เหล็กเท่าลำตาลตรึง ไป่หมั้น มนต์ยาผูกนานหึง หายเสื่อม ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท่าวันตาย
9 พฤษภาคม 2546 06:28 น. - comment id 68661
น้ำตา... ..กับ..คำที่อยากบอก.. ..เขียน..ได้ดีมาก..นะคะ.. ..กุหลาบ..สีขาว.. นั่งเหงา.. รอใคร..คนนั้น.. ..ทุกอย่าง..ไม..เงียบงัน.. ..อยากฝัน.. แค่วัน...ที่รอ.. ..เรนแจม..บ้างนะคะ.. ชอบ..กุหลาบ..สีขาว..มากมาย.
9 พฤษภาคม 2546 15:57 น. - comment id 68663
เขียนได้ดีมากเลย อ่านแล้วเตือนใจว่า ไม่มีความแน่นอน อะไรอยู่บนโลกนี้เลย
11 พฤษภาคม 2546 11:24 น. - comment id 68666
เขียนได้ดีจริงๆครับ... อ่านแล้วรู้สึกอยากเดินออกไปจากห้องทำงาน... แล้วก็ซื้อดอกกุหลาบสีขาวสักดอกให้ใครสักคน.... ขอบคุณนะครับ สำหรับเรื่องดี-ดี แบบนี้ :)
12 พฤษภาคม 2546 00:04 น. - comment id 68682
เข้าใจแต่งนะคะ สุดยอดมากเลย มาเยี่ยมนะคะ
12 พฤษภาคม 2546 14:21 น. - comment id 68685
รู้สึกดี ที่ได้อ่านค่ะ
13 พฤษภาคม 2546 17:11 น. - comment id 68715
งิงิเค้าชมกัน เราติโคลง ผิดสัมผัส1ตัว หาดูนะครับ ติเพื่อก่อ อิอิ ปายดีก่าเด๋วโดนเพ่นกบาล อิอิ
14 พฤษภาคม 2546 11:39 น. - comment id 68719
ผิดตรงไหน ผิดตรงไหน แง เค้าป่าวเขียนโคลงเองนะ
20 พฤษภาคม 2546 18:57 น. - comment id 68782
อ่านแล้วอยากจะทำสิ่งที่ดีกกับคนทีี่เราารัก