สังคมปัจจุบันเอื้ออำนวยให้เราเด่น ดัง และสวยได้รวดเร็วที่สุด ขอแค่เพียงมีเงิน ในอดีตหลายพันปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำว่า มีเงินถือว่ามีพระเจ้าคุ้มครองยัง คงใช้ได้จนบัดนี้ จะเห็นได้ว่า นายต่างๆกลายเป็น...นางสาวแถมสวยกว่าสตรีแท้ๆอีกหลายหมื่นคน ก็เพราะ...เงิน และคนมีชื่อเสียงได้ง่ายดายอีกทางหนึ่งก็ด้วย..เงินอีกเช่นกัน การเปิดบล็อก เปิดเวบ การไปเล่นฟรี หรือจะเปิดเองโดยยอมเสียค่าบริการต่างๆ ในปัจจุบันนี้มีมากและง่ายยิ่งกว่า...การหาอากาศบริสุทธิ์ และเมื่อเราเปิดบล็อกหรือเปิดเวบแล้ว สิ่งต่อมาคือ...หาข้อมูลต่างๆมาเสนอ การหา งานเขียนต่างๆมาประดับเวบหรือบล็อก ต่างก็มีเทคนิคและวิธีการไม่ต่างกันสักเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนกลอน นิยาย พูดคุยเรื่องอาหารการกิน ตลอดจนไปถึงเรื่องเซ็กส์ ณ ที่นี้จะขอกล่าวแค่เรื่องเดียว คือการเขียนหนังสือ เขียนไม่ว่าจะเป็นกลอน นิยาย หรือ บทความต่างๆ สิ่งหนึ่งที่มักมีมาให้เราท่านได้อ่านได้ถกเถียงไม่สิ้นสุดคือ.... โดนลอกงาน ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อน การลอกนั้นถ้าพิจารณาดีๆ เราจะพบคนลอกงาน 2 จำพวก 1. ลอกอย่างผู้รู้ดี 2. ลอกอย่างผู้เพ้อ การลอกอย่างผู้รู้เราจะเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า การเรียน เช่น เรียนลีลาการแต่งกลอน แต่งนิยาย ดังเช่นตัวอย่างง่ายๆ ยามเราสวดมนต์ หรือ อ่านกลอนท่านสุนทรภู่ เราจะรู้ทันทีทุกครั้งที่ได้ยินคนสวดหรือเขียนคำสวดบทต่างๆ(กรณีเราเคยท่องจำมา) ว่าเขาท่องมนต์ อะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร หรืออีกแนวหนึ่งและเราจะบอกได้ทันทีว่า คนๆนี้เขียนกลอนแนว เดียวกับท่านสุนทรภู่หรือไม่ โดยจากการที่เราท่านเคยอ่านผลงานของท่านบรมครูมา และผู้ลอกกลุ่มนี้ จะเป็นผู้ลอกที่เก่ง และเป็นผู้ลอกนักพัฒนา สามารถนำแนวการที่ เลียนตามไปพลิกแพลงเป็นการเขียน ฉบับของตน ได้ในที่สุด ส่วนนักลอกผู้เพ้อนั้น เราท่านจะเห็นได้ง่ายอีกเช่นกัน มักประกาศตนเป็นผู้มีความสามารถหลายอย่าง มักมี ข่าวโคมลอยที่ เลิศหรู โก้ ไปทุกอย่าง อีกทั้งมีอัธยาศัยใจคอน่ารักเป็นที่สุด มักมีเพื่อนพ้องล้อมหน้าล้อมหลัง ล้อมเต็มบล็อก ล้อมเต็มเวบ ฯลฯ มักมีผลงาน ...ดี..เด่น..ดัง..เหนือกว่าผู้คนทั่วไป ชนิด 7-11 (ตลอด24ชั่วโมง) ทว่า ลองมีผู้ใดเข้าไปตั้งคำถามเกี่ยวกับบทความที่เขา...อ้างว่าเขียนเองสิ จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที ....ช้าก่อน อันนี้แค่นักลอกผู้เพ้อ รุ่นอ่อนหัดเท่านั้นนะ ถ้าเป็น นักลอกรุ่นเก่าเก๋ากึ๋กละก็ เขาจะมีลีลาการเล่าได้ไม่เลว....ทว่าอย่าเพิ่งแปลกใจหรือเชื่อว่าเขาเขียนงานเองจริง การดูนักลอกกลุ่มนี้ไม่ยากเลย เมื่อเราตั้งคำถามมากมายเข้าไปถึงจุดเน้นต่างๆของบทความ หรือบทกลอนเหล่านั้น ที่เขากล้าอ้างว่า.....เขียนมากับมือ ท่านจงถามต่อไปเถิด ถามต่อไปตามความจริงที่ท่านรู้ดี(กรณีท่านเป็นเจ้าของงานเขียนตัวจริง) มินาน ท่านจะพบสิ่งมหัศจรรย์ทันตาเห็นเลย คือบล็อกหรือเวบเหล่านั้นมีอันเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่านักเล่นกล .....และท่านอย่าเพิ่งภูมิใจนะที่จับคน....ลอกงานท่านได้ เพราะ นักลอกเหล่านี้เขาสามารถแปลงตัวเร็วกว่าจิ้งจก เมื่อโดนจับได้ครั้งนี้ ครั้งหน้าเขามีประสบการณ์มากขึ้น รู้ทาง หนีทีไล่ได้อีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นถ้าท่านบังเอิญต้องโคจรชีวิตไปหลงในกลุ่มคนลอกพวกนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องทำทันที คือ พยายามท่องเอาไว้ เราดังแล้ว เพราะนักลอกพวกนี้ที่เขาเลือกลอกคน เขาไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าลอก เขาลอกอย่างมีลีลาลีลาศไม่น้อย เช่น ดูว่าผู้ที่เขาคิดลอกงาน มีงานหลายแนวไหม มีงานเขียนเยอะไหม งานของเขาสะดุดตาคนมากพอไหม เมื่อ พิจารณาแล้ว ก็มาคิดการลอก...ก่อนลอกเขาก็คิด จะลอกทั้งดุ้น...หรือบางประโยคดีละ? ตรงนี้แหละเราจะเห็นได้ชัดที่สุด ถ้านักลอกคนนั้นยัง อ่อนหัด มักลอกไปทั้งดุ้น ไม่มีการอ่านตรวจทาน ไม่มี การเว้นวรรค ไม่มีการตรวจว่า ผู้ที่เขาลอกไปนั้นเขียนผิดคำใดหรือเปล่า และถ้าคนลอกผู้นั้น เคยโดนคนจับได้บ่อยๆแล้วละก็ วิธีการลอกจะต่างไปอีกแบบ นั่นคือ เขาจะทำการ ผ่าบทความ โดยนำการเขียนของบุคคลที่ ๑ ไปต่อกิ่งกับ บุคคลที่๒ -๓-๔ ฯลฯ และเติมคำแปลกๆที่เขาคิดว่า มันเท่ห์มาก ลงไปในบทความเหล่านั้นด้วย เพื่อประกาศว่า... นี่แหละข้าฯเขียนเอง อย่าเพิ่งทำหน้ากังวลจนเกินเหตุนะท่านผู้อ่าน....วิธีจับนักลอกเหล่านี้....มิได้ยากเลย!!!! สังเกตสักนิด นักเขียนหนังสือเก่งจริงทุกท่าน มักอ่านหนังสือ แตกความและแปลความได้ทันที และสิ่งสำคัญ นักเขียน ตัวจริงมักเว้นวรรค แต่คนลอกงานกลุ่มนี้เขาไม่เว้นวรรคนะ...เพราะว่า เว้นวรรคคนจะจับผิดได้ง่าย ไงล่ะ และที่เขาต้องเขียนติดยาวเหยียดให้เบียดกันเป็นปลากระป๋อง เพราะเขาอ่านหนังสือ ข้ามและกระโดดไปมา เขาก็อปปี้ไปวางติดๆกัน เพื่อโชว์ว่า.... เด่นนะเนี๊ยะเขียนได้ยาวกว่ารถไฟแค่นั้นเอง...หาใช่อ่านเข้าใจไม่? ทีนี้ก็มาถึงว่า ทำไมต้องลอกเราละ? เขาเลือกเราเพราะเขาฝันถึงเราเสมอไงละท่าน!!! เพราะเขาตั้งความหวังอยากเป็นบุคคลผู้นั้นมากๆ อยากมีชีวิตไปยืนแทนที่คนผู้นั้น แต่พยายามแล้วพยายามเล่า สมองและความคิดมันก็ยังทรยศไม่ยอมคล้อยตามให้เหมือน.... ในที่สุดทางเดียวที่จะไปสู่ความฝันของเขาได้ทันใจคือ............ลอกผลงานบุคคลผู้นั้นมันเสียเลย และเมื่อลอกนานเข้าจึงมักตกเป็นทาสของ... เชื้อโรคแห่งความคิด......คิดว่าเขาคือบุคคลที่เขาลอกงานมานั่นเอง!!! ปล. วันนี้คุณเจอ....คนลอกงานคุณแล้วหรือยังคะ? ถ้าเจออย่ากลัวอย่าดีใจเกินไปนะ เพราะว่า....พรุ่งนี้คุณอาจต้องเจอคนลอกอีกเป็น...เท่าตัวค่ะ
13 กรกฎาคม 2551 22:33 น. - comment id 88014
คุณโอเลี้ยงคะ อ่านเรื่องที่คุณถูกลอกงานแล้วก็น่าโมโหนะคะ แต่ของดิฉันกับคุณไหมแก้วฯคงเหมือนกันคืออยากเขียนกับอยากถ่ายทอดความรู้สึกมาเป็นตัวอักษรและพอเข้ามาthai poem แล้วได้มีโอกาสบอกเล่ารู้สึกมีความสุขเพราะอยากเขียนหนังสือ เขียนกลอน แล้วก็ตั้งกระทู้เพราะคิดว่าน่าจะมีคนอย่างเราๆที่มีเวลาก็มาแสดงความคิดเห็นกัน ไม่อยากย้ำกะตัวเองเลยว่าเพิ่งเข้ามายัง ซิงๆอยู่เลยค่ะ มีโอกาสอ่านงานเขียนคุณก็อดทึ่งไม่ได้อายุยังน้อยทำไมเก่งจังคะ อันนี้ให้เลยค่ะเป็นกำลังใจให้นะคะ ใครก๊อปงานคนอื่นขอให้ท้องไส้ปั่นป่วน (ไม่ขออนุญาติ)อิอิ
29 มีนาคม 2551 07:16 น. - comment id 99752
ทำไมๆๆๆๆๆๆยังไม่มีใครมาลอกงานพี่เลยล่ะ คงยังไม่เตะตา คำถามว่า ทำไมอยากลอก งานผู้อื่น คำตอบก็คือ ก็คงชอบนะคะ ไม่ชอบ ไม่ลอก ใช่มั๊ยเอ่ย
29 มีนาคม 2551 09:56 น. - comment id 99756
จริงๆผมว่าเรื่องนี้ เราน่าจะมารณรงค์กันได้แล้วนะครับ เริ่มจากในไทยโพเอมเรานี่แหละ คือเหมือนช่วยกันบอกต่อ ช่วยกันทำ ช่วยกันปลุกให้มันเป็นกระแสขึ้นมานิดนึง ว่าถ้าใครเอางานใครไปลงที่อื่น ช่วยรบกวนบอกที่มาด้วย บอกชื่อคนแต่งด้วย ถ้าจะให้ดี ลงลิงค์ไปด้วยก็ยิ่งดี แน่นอนว่ามันแก้ปัญหาได้ไม่หมดหรอกครับ แต่ก็น่าจะทำให้อะไรๆมันดีกว่าที่เป็นอยู่บ้าง ในความเห็นผม คนลอกมีใหญ่ๆสองแบบ คือ เอาไปเพราะตั้งใจลอกเลย คือเอาไปใส่ชื่อเป็นผลงานตัวเองเลย อันนี้กลุ่มนึง กลุ่มนี้แก้ยากครับ เป็นนิสัยติดตัว อีกกลุ่มซึ่งใหญ่กว่ากลุ่มแรกคือ ลอกแบบ ชอบ เลยเอาไปลงในเวบ ในบอร์ด ในบล๊อก โดยไม่มีการบอกเล่าเก้าสิบถึงที่มาที่ไป อันนี้เกิดจากวัฒนธรรมมักง่าย ซึ่งถ้ามีการช่วยกันรณรงค์แก้ไขก็น่าจะดีขึ้นบ้าง คนเขียนกลอน เขียนเรื่องลงในเนท ปกติก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรอยู่แล้ว นอกจากเพื่อความสบายใจ ความสุขใจ ของตนเอง ของคนอ่าน รางวี่รางวัลเล็กๆ ที่พอจะมี ก็คงเป็นเครดิตเล็กๆเวลาที่มีคนอ่านมาชื่นชอบผลงาน เป็นแค่ความชื่นใจ ความภาคภูมิใจส่วนตัว การลอกไปโดยไม่อ้างอิง ก็คือการไม่ให้เครดิตผู้แต่ง ขโมยความภาคภูมิใจที่เขาควรได้รับไป ถ้าเอาไปโดยใส่ชื่อตัวเองอีก อันนี้เข้าข่ายปล้นกันเลยนะนี่ (กรณีนี้ ถ้าเจอ ผมจะโกรธนะ กรณีแรกยังไม่เท่าไหร่ เฉยๆ ทำใจ) ใครที่อยากรู้ ว่างานตัวเองโดนลอกหรือเปล่า ลองค้นกูเกิ้ลเล่นๆดูก็ได้ครับ ว่างๆผมก็นั่งค้นเล่นนะ (เป็นงานอดิเรก 55) .ใส่ชื่อหัวข้อกลอนหรือเรื่องสั้นตัวเองลงไป แล้วค้น แล้วถ้าจะให้ดี ใส่ประโยคแรก หรือประโยคเด่นๆในเรื่องหรือกลอนลงไปแล้วค้นดู เพราะบางที คนก๊อบไป เขาอาจไปเปลี่ยนชื่อเรื่อง หรือไม่ได้ลงชื่อเรื่องไว้ก็ได้ ลองค้นดู แล้วบางทีคุณอาจจะได้ผลลัพธ์ที่คิดไม่ถึงออกมาก็ได้นะ ........................................ ทุกครั้งที่เอาผลงานคนอื่นไปโพสต์ ไม่ว่าที่ไหน หรือกระทั่งฟอร์เวิร์ดเมล บอกที่มา คนแต่ง ทำลิงค์ไปยังเวบที่เอามาด้วย ง่ายๆแค่นี้เองครับ ช่วยๆกันนิดเถอะ ...................................... ผมนึกอยากตั้งกระทู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน พอดีเห็นคุณโอเลี้ยงตั้ง เลยขออนุญาติแจมเลยนะครับ
29 มีนาคม 2551 13:39 น. - comment id 99757
ตอบ คุณหมอกจาง ............................ 5555555555 โอเลี้ยงเจอนักลอกเด็ดกว่าคุณหมอกจางเอ่ยถึงอีกนะคะ เขาเอานิยายและเรื่องสั้นของโอเลี้ยง ไป ผ่าตัดจัดฉากตัวละครใหม่ ในเรื่องหนึ่งเอ่ยถึงตัวละครแนวหนึ่ง เขาเอาไปยัดรวมเป็นแนวเดียว กันหมด แล้วไปนำบทความและแนวเขียนเรื่องอื่นๆของคนอื่นมา ผสม เป็นแนวงานของเขา และบางครั้งยังเอาไปเป็นข้ออ้างแทน ตัวเอง เช่น โอเลี้ยงเขียนถึงตัวละครในเรื่อง บุญมี..แต่ไม่ถึง ในแนวพระเอกกับนางเอกเจอกัน เพราะนางเอกเช็ดกระจกนอก ตัวอาคาร พลาดตกลงมาในขณะที่พระเอกกำลังก้มหน้าก้มตาดัดแก้ไข ล้อรถมอเตอร์ไซด์เพื่อขับต่อไปที่ร้านซ่อมของตนเองได้....นักลอก คนเก่งคนนั้นเอาไปอัพเป็นว่า.... เขาตกลงมาเพราะทำความสะอาด เช่นกัน และบาดเจ็บเล็กน้อย(ชั้น3นะคะ) และรุ่งอีกวันเขาก็สามารถ อัพอีกได้ทันทีว่า วันนี้ไปเดินดูหนังสือจนเย็น ถึงมีข้าวตกถึงท้อง 5555555555 คุณหมอกจางเห็นไหมคะ...เขาเก่งแค่ไหน? ตกตึกวันเดียว เข้าโรงพยายาลด้วยนะ อีกวันไปเดินดูหนังสือได้...5555 คนอ่านถ้าตั้งใจ คิดตามไปด้วย เราจะจับได้ทันที...เขาเอางานเราไปแปลงแบบไหน ยังมีอีกมากมายที่โอเลี้ยง โดนชำแหละเพราะเขียนไว้3ปีกว่า500เรื่องราว ทั้งกลอน บทความ นิยาย เรื่องสั้น และก็พบด้วยวิธีที่คุณหมอกจางแนะ กับอ่านพบเองค่ะ และเคยไปถามตรงๆด้วยนะคะ....ปรากฎว่าเขาด่าเรากลับที่ไปว่าเขา เขาบอก ว่าคนอย่างเขาไม่เก่งจริงไม่มีคนล้อมอยากรู้จักมากมายแบบนี้...ทว่ารุ่งขึ้น รายการต่างๆและบล็อกนั้นก็...ล่องหน ทันที 5555 ไม่เหลืออะไรให้ค้น นอกจากหาจากกลูเกิลที่บันทึกรายการครั้งนั้นๆที่เขาแอบอัพเรื่องของเรา และไม่ใช่จบนะคะ มีต่อมาอีกหลายๆหนหลายๆนาม...ยากที่จะสิ้นสุด โอเลี้ยงจึงแค่ดูและคิด...พยายามเขียนแนวต่างจาก ความฮิตนั้นช่วง นั้นๆไปเป็นแนวผีบ้าง แนวกลบทบ้าง...เพื่อดิ้นรอดสายตาคนเหล่านี้ไงคะ
29 มีนาคม 2551 13:47 น. - comment id 99758
สวัสดีค่ะพี่เจี๊ยบ อย่าเพิ่งมั่นใจนะคะ นักลอกดังๆมักลอกไปโดยเราไม่ทันคิด และนำไปดัดแปลงหรือแก้ไขเติมแต่งจนบางทีถ้าเราไม่ตั้งใจอ่าน...จะไม่รู้เลยว่านั้นคือบทความที่เราเขียน นักลอกเหล่านี้เขาจะดูคนไหนเขียนงานเยอะ และต่างแบบมากๆ เขากะลุ้นเราหลงลืมไงคะพี่เจี๊ยบ
29 มีนาคม 2551 14:54 น. - comment id 99759
อือ.... นักลอกขั้นเซียนนี่มีความอุตสาหะมากจัง ทั้งลอกทั้งตัดต่อ ทั้งเติมความ ..... แต่งเองมันไม่ง่ายกว่าหรือ บางคนอาจคิดเช่นนี้ แต่.... ช้าก่อน มาดูนี่... ความยากของการสร้างงานขึ้นมาสักชิ้น คือความคิดริเริ่มหรือแรงบันดาลใจในการงาน อันนี้นี่แหล่ะที่นักลอกเขาไม่มี ที่ไม่มีเพราะอะไร ไม่มีเพราะจิตใจของเขาหยาบกระด้างจนเกินกว่าที่จะเห็น เกินกว่าที่จะสะเทือนใจในสิ่งที่เป็นไปรอบตัว แล้วหยิบเอาประเด็นเหล่านั้นขึ้นมาสร้างเป็นผลงาน นักลอกจึงเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เป็นผู้ที่ตะเกียกตะกายแหวกว่ายอยู่ในวงวรรณ ด้วยลมหายใจและผลงานของผู้อื่น เขามีความสุขดีอยู่หรือ.... อยู่ทุกวันด้วยความหวาดผวา พอเจ้าของผลงานจับได้ก็ปิดเว็บปิดบล็อกหนี ชีวิตอย่างนี้ไม่ควรแก่การสงสารบ้างเลยหรอกหรือ ดังนั้น... ถูกแล้ว....ที่เราควรช่วยกันทำบุญ ด้วยการดำจัดเหลือบของวงการออกไป เพื่อให้นักลอกหมดโอกาสที่จะหยิบฉวยผลงานของใครไปใช้ นักลอกจะได้ไม่ต้องทนทุกขเวทนา นอนผวาทุกคืนวัน ว่าเมื่อใดเจ้าของผลงานจะจับได้ แหะ ๆๆๆ ที่เล่ามาทั้งหมด ... ผมอิจฉาคุณ ๆ ทั้งหลายจัง ที่ผลงานเข้าขั้นถึงขนาดมีแฟนคลับลอกเอาไปใช้ งานของผมดิ.... เง้อ... จมฝุ่นไทยโพเอมมาหลายปีดีดัก (ดาน) แล้ว เนี่ย...
29 มีนาคม 2551 16:37 น. - comment id 99760
สวัสดีค่ะคุณหมอ วฤก สาเหตุหนึ่งที่งานของบางท่าน ไม่ถูกคนลอก ไม่ใช่งานไม่ดีหรือเด่นนะคะ แค่นักลอกเขารู้ทิศทางลมค่ะ...มักลอกจากคนที่เขียนแนวงานด้วยคำสามัญง่ายๆเป็นส่วนใหญ่ เพราะอย่างที่คุณหมอบอก เขาคิดไม่ออก จินตนาการณ์ไม่เป็น แล้วไปเจอกลอนฉันทลักษณ์สวยๆยากๆ เขาจึงปล่อยผ่านตาดีกว่า เพราะสอบตก...ภาษา อย่างคุณหมอรอดตานักลอก อาจเป็นเพราะในกลูเกิลงานของคุณหมอโชว์บอกแทบทุกที่ทุกเวบ ที่คุณหมอเล่น นักลอกจึง...ละเว้นก็ได้นะคะ นักลอกมักลอกจากคนใหม่หรือคนที่ดลูเกิลออกรายการงานน้อยกว่าก็เป็นได้นะคะ...อันนี้จากความคิดของโอเลี้ยงกับเพื่อนๆที่เคยคุยกันถึงเรื่องโดนลอกงานกันทางMSNค่ะ ผิดถูกอภัยด้วยค่ะ
29 มีนาคม 2551 17:50 น. - comment id 99762
ผมลองทำตามวิธีของคุณหมอกจาง โดยการพิมพ์วรรคแรกในgoogle น่าตกใจ เหมือนกันครับ ไม่นึกว่าจะมีคนลอกงานของผม ที่ได้เครดิตมี 7 เรื่อง อันนี้โอเคครับ แต่ทีไม่ให้เครดิต แล้วยังไปแปลงบางคำ พิมพ์ผิดบ้างถูกบ้าง อีก 4 เรื่อง ไม่โกรธหรอกครับ ตลกดี 5555
29 มีนาคม 2551 19:59 น. - comment id 99764
ถ้าเราพบว่าใครลอกกลอนของเราแล้วไม่อ้างอิงให้เรา เราขอบอกจะฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ทางด้านปัญญา แม้ว่าเราพึ่งเข้ามา เพราะอ่อนด้านไอที และไม่ได้อ่านผลงานของใครเท่าไร เท่าที่อ่านดูเพียงส่วนหนึ่ง เป็นกลอนรัก อกหัก หวานแหวว อาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะคะ เราอายุมากแล้วเกือบ 50 ปี อาชีพรับราชการ(ทหารอากาศ) มีลูกชายวัยรุ่น 2 คนคน เวลาแต่งกลอนจะเอาข้อมูลจากประสบการณ์ของตนเองมาเขียน เขียนแบบธรรมดาที่ไม่ได้เชี่ยวชาญนักแต่คลายเคลียดและบริหารสมองไม่ให้อัลไซเมอร์ เพราะสังเกคคัวเองดูรู้สึกว่าช่างขี้ลืมเอามากๆ
29 มีนาคม 2551 22:17 น. - comment id 99765
ตามมาลอก...(คราบ) .... อิอิอิ เจ้ามีมี่..ประจานเลย น้องเอ๊ย!!
30 มีนาคม 2551 00:16 น. - comment id 99766
เคยลอกงานของคนอื่นคับ และคนอื่นก้ลอกงานของเราบ่อยเหมือนกัน ที่ลอกเพราะเห้นว่าเขาแต่งดี อยากเอามาให้คนอื่นอ่าน ถ้าดัดแปลงห็บอกว่าดัดแปลงมาจากไหน แต่ก้อย่าลืมใส่ชื่อคนที่เอามาคงไม่มีใครว่าอะไร
30 มีนาคม 2551 18:38 น. - comment id 99773
ขอบคุณค่ะคุณฤทธิ์ ศรีดวง ที่ยังมองเป็นเรื่องตลกได้ เพื่อนโอเลี้ยงคนหนึ่ง เคยเล่าสู่กันที่เอมฯว่า เคยเจอคนฟ้องร้องกันอย่างรุนแรงตอน...คนลอกได้ออกหนังสือ ซึ่งผลงานที่ออกเป็นส่วนหนึ่งของเขา แต่คนได้ตังค์และได้ชื่อเป็นคนลอกคนนั้นค่ะ
30 มีนาคม 2551 18:49 น. - comment id 99774
สวัสดีค่ะคุณเนืองนิจ มากบุญ นามแฝง ไหมแก้วสีฟ้าคราม ที่จริงแล้ว ในความคิดของโอเลี้ยง คิดว่าการเขียนเรื่องราวต่างๆ ตลอดจนกาพย์กลอน เป็นการสื่อ "อารมณ์ที่ลึกซึ้งของเรากับการสัมผัสสิ่งรอบตัว..มากกว่าบอกอายุ " การสื่อเรื่องรัก เศร้า ชีวิต สารพัดแบบ เป็นการแสดงภาพทางตัวอักษร..ให้คนอ่านประทับใจได้ทั้งนั้นนะคะ ส่วนเรื่องฟ้องเรื่อง ที่จริงแล้วเราท่านคงไม่อยากทำ อิ อิ อันนี้โอเลี้ยงคิดอีกแหละค่ะ เพราะทุกครั้งที่อ่านพบคนลอกงานตัวเองหรือใครๆมักทำให้อารมณ์ปั่นป่วนเกินเกิดอารมณ์เขียนงานต่างๆออกมาได้ อีกนานทุกที จึงอยากมากที่สุดถ้า " เลี่ยง" เรื่องเห็นหรือรู้ใครลอกใคร ใครฟ้องใคร 555 ขออภัยถ้าท่านอื่นๆไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้นะคะ
30 มีนาคม 2551 18:56 น. - comment id 99775
พี่ฝุ่นแล้วถ้าพี่เจอแบบ "ท่านโพฯ" พี่คิดว่าประจาน เขาจะ...เจ็บ...หรือ..ชื่นคะ อย่าลืมนะบางคนเขามีความสุขได้ง่ายๆคือขอแค่ให้มีคนเอ่ยถึงเขาตลอด...จะเลวร้ายหรือไม่เขาไม่สนใจ "ยิ่งด่าก็คือยิ่งรัก" 5555 มี่ยังจำคำยายบอกคำนี้ได้
30 มีนาคม 2551 19:04 น. - comment id 99776
สวัสดีค่ะคุณ หมึกมรกต ที่คุณเม้นต์ จัดอยู่ในพวกนักลอกกลุ่มที่ 1 นะคะ ไม่ใช่พวกนักลอกที่คนเอือมระอาค่ะ
30 มีนาคม 2551 20:36 น. - comment id 99778
แด่ คุณโอเลี้ยง ก็ขู่เล่นๆค่ะ ผลงานของตัวเองคงไม่ขนาดมีใครมาลอกหรอกค่ะ และไม่นิยมไปลอกเลียนแบบใคร เพราะมันไม่เป็นอิสระทางความคิด เวลาเขียนกลอนก็ไม่ค่อยคำนึงถึงข้อห้ามของหลักภาษาไทย ที่ว่าห้ามใช้ภาษาไทยปนเปกับภาษาอังกฤษ คือว่าเพื่อนที่เป็นครูภาษาไทยเคยบอก และห้ามโน่นห้ามนี่ เสียงสามัญ เสียงเอกอะไรนั่น ก็ไม่ค่อยใส่ใจ ที่บอกอายุเพราะว่า เป็นการตกผลึกทางความคิด ประสบการณ์ ผสมผสานกับมโนภาพ จินตนาการ โดยใช้คำธรรมดา มีบางเวลาเปิดพจนานุกรม บ้างเพื่อเทียบเคียง ปัจจุบันการเรียนการสอนมักไม่นิยมให้เด็กท่องจำ แต่เราว่าบางอย่างต้องท่องจำ เช่นการเรียนวิชาภาษาไทย การท่องคำกลอนของสุนทรภู่ซึ่ง เป็นสุดยอดบรมครู ที่เป็นต้นแบบของการประพันธ์ในด้านนี้ ทำให้เราซึมซับความงดงามด้านภาษา มีอารมณ์สุนทรีย์ เวลาเครียด สามารถใช้ผ่อนคลายได้ค่ะ