เรื่องหลอกเด็ก.. ตอนจบ

หมอกจาง

เราตกลงใจกันว่าจะย้ายออก ยอมถูกริบมัดจำจากสัญญาที่ว่าต้องเช่า 6 เดือนขึ้นไป แต่การหาบ้านใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เรายังคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอีกสักอาทิตย์สองอาทิตย์
มึงกลัวก็มานอนกับกูก็ได้ เพื่อนผมเสนอ ผมไปนอนกับมันอยู่สองสามคืนก็ไม่ไหว ห้องแคบและเตียงก็เล็กเกินที่จะนอนเบียดกันสองคน ผมกลับมานอนห้องตัวเอง แก้ปัญหาด้วยการมอมตัวเองด้วยเบียร์ทุกๆคืนก่อนนอน ซึ่งมันก็ทำให้ผมหลับเป็นตายทุกคืน..  ผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ที่ทำงานฟัง  พี่ที่ทำงานแนะนำให้ไปทำบุญ
ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม อุทิศส่วนกุศลไปให้ซะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น
    เสาร์ถัดมาเป็นวันพระ ผมหอบอาหารถุงไปวัด ชวนเพื่อนมันมาด้วยกัน แต่มันไม่มา
ขี้เกียจตื่นว่ะ ทำเผื่อด้วยแล้วกัน มันว่า
    ที่วัด ขณะที่ผมใส่กับข้าวเสร็จสรรพ นั่งรอฟังพระสวด ก็สังเกตเห็นครอบครัวเล็กครอบครัวหนึ่ง มีผู้ชายผู้หญิงอายุราวสามสิบกว่ากับลูกชายอายุสี่ห้าขวบอีกคน หอบข้าวหอบแกงหม้อใหญ่ขึ้นมาทำบุญ ท่าทางดูเศร้าๆหมองๆ หลังจากถวายอาหารเรียบร้อย ผู้ชายไปคุยกับมัคทายกวัดอยู่ ที่เหลือลุกมาหาที่นั่งฟังพระสวด แล้วก็มานั่งข้างๆผมพอดี ผมหันไปทักผู้หญิงคนนั้น
หอบกับข้าวมาทำบุญเยอะเลยนะครับนี่ ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเศร้า
ทำบุญให้ลูกสาวน่ะค่ะ ครบร้อยวันแก ผมใจหาย รู้สึกเศร้าไปกับเธอ
ผมเสียใจด้วยนะ ผมไม่รู้ว่าสมควรพูดอะไรในสถานการณ์อย่างนั้น เธอพึมพำอะไรในคอเหมือนคำขอบคุณ  หันไปหยิบรูปลูกสาวออกมาให้ผมดู ก่อนบอกให้ลูกชายเอาไปให้พ่อ คงสำหรับประกอบพิธีทำบุญ
แกอายุเท่าไหร่เหรอครับ ผมถาม ดูจากรูปยังเด็กอยู่มาก
เก้าขวบค่ะ พี่สาวเจ้าคนนี้ เธอชี้ไปยังเจ้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังเดินเลาะไปหาพ่อ
ป่วยหรือครับ 
ไม่ได้ป่วยหรอกค่ะ เธอน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา จริงๆแล้วต้นเหตุเพราะฉันเองนั่นแหละ 
ผมรู้สึกผิดขึ้นมาที่ไปรื้อฟื้นความเสียใจของเธอ..
ขอโทษนะครับ คุณไม่ต้องเล่าก็ได้
    เธอเช็ดน้ำตาก้มหน้าเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ลูกชายเธอกลับมานั่งข้างๆ เธอบอกลูกให้ลงไปวิ่งเล่นข้างล่างก่อน
ถ้าคุณสนใจ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง แล้วเธอก็เริ่มต้นเล่า.. และนี่ คือเรื่องราวที่เธอเล่า
    เธอเล่าว่าครอบครัวเธอมีอยู่กันสี่คน พ่อ แม่ ลูกสาวและลูกชาย สามีเธอทำงานเป็นภารโรงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอรับจ้างเย็บผ้าเล็กๆน้อยๆอยู่กับบ้าน วันหนึ่งลูกสาวเธอพาน้องชายออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ จนตกเย็นปรากฏว่าลูกสาวเธอกลับบ้านมาคนเดียว..
น้องล่ะ
น้องกลับมาแล้วไง.. ลูกสาวเธอชะโงกหน้าเข้ามาในบ้าน พยายามหาน้องชาย
ยังไม่เห็นเลย ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน เอาน้องไปทิ้งไว้ไหน เธอคาดคั้น ลูกสาวเธอเริ่มทำตาแดงๆ
หนูไปเล่นตุ๊กตาที่บ้านแนน แนนเป็นเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวเธอ บ้านอยู่ในตลาด แต่น้องไม่อยากไป จะกลับบ้าน หนูเลยบอกให้กลับมาเอง
เพียะ เธอฟาดเข้าที่หลังของลูกสาว โกรธที่ปล่อยน้องซึ่งยังเล็กกลับบ้านมาคนเดียวเพราะห่วงเล่น และไม่รู้ป่านนี้ลูกชายคนเล็กเธอไปอยู่ที่ไหน
ออกไปตามน้องมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
แต่..หนูหิว..
ไปตามมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เจอไม่ต้องกลับมาบ้าน เธอคาดโทษ จริงๆเธอไม่ค่อยห่วงลูกชายคนเล็กเท่าไหร่นัก แถวบ้านเธอมีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น เพียงแต่โกรธลูกสาวที่ไม่ยอมดูแลน้อง..
เธอบอกว่าเธอยังจำภาพนั้นได้ติดตา ภาพที่ลูกสาวเดินเช็ดน้ำตาป้อยๆออกไปหาน้องชาย แวบหนึ่งเธอคิดจะเรียกลูกกลับมากินข้าว เดี๋ยวน้องคงกลับมาเอง แต่อีกใจหนึ่งก็นึกอยากสั่งสอนลูก
จะได้เข็ด  เธอนึก
..และนั่นคือภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นลูกสาวเธอยามมีชีวิต..
    ครึ่งชั่วโมงถัดมาลูกชายเธอก็กลับมาถึงบ้าน ซักถามได้ความว่าไปวิ่งเล่นอยู่กับพวกเด็กที่วัด เล่นจนเพลิน จนพระต้องไล่ให้กลับบ้าน อีกพักใหญ่สามีเธอกลับจากทำงาน เธอเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเริ่มห่วงลูกสาว แต่สามีเธอเพียงบอกว่า
ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามันตามหาน้องมันไม่เจอเดี๋ยวมันก็กลับมา
    แต่ไม่เป็นอย่างนั้น จนสองทุ่มลูกสาวเธอก็ยังไม่กลับบ้าน  สามีเธอออกตามหา เธอรออยู่บ้านเผื่อลูกสาวจะกลับมาบ้านได้เอง แล้วถ้าไม่เจอใครที่บ้านลูกสาวอาจเดินเตลิดไปไหนอีก เธอบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ที่เธอรู้จัก.. แต่มันคงช้าไป
เกือบเที่ยงคืน สามีเธอกลับมาพร้อมข่าวร้าย เพื่อนบ้านที่ช่วยกันออกตามหาพบศพลูกสาวเธอที่หลังตึกร้างแห่งหนึ่งที่วัยรุ่นมักไปมั่วสุมกันดมกาว ไกลออกไปจากบ้านเธอมาก ตำรวจชันสูตรพบร่องรอยการถูกข่มขืนและบีบคอจนขาดใจ เธอร้องไห้จนเป็นลมอยู่หลายรอบ แต่มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น หากเย็นวันนั้น เย็นที่ลูกสาวเธอเดินออกไป ถ้าเพียงแค่เธออ้าปากเรียก  เพียงแค่นั้น
ผมเสียใจด้วย ผมพูดพลางส่งทิชชู่ให้เธอซับน้ำตาที่ซึมลงมาบางๆ เธอไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ดวงตาเธอมันฟ้อง ว่าเธอปวดร้าวกับมันขนาดไหน สามีกับลูกชายเธอมานั่งข้างๆ ผมแสดงความเสียใจกับสามีเธอ เรานั่งฟังพระสวดด้วยกันจนจบ ผมกลับบ้านด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
บ่ายวันนั้นผมตั้งใจจะนอนเล่นอยู่บ้าน แต่เสียงโครมครามจากทางหลังบ้านรบกวนจนผมหงุดหงิด
เขาทุบตึกทิ้งน่ะ เพื่อนผมบอก
ตึกอะไรวะ
ตึกร้าง หลังบ้านเราไปสัก 100 เมตรนี่เอง เมื่อก่อนเคยเป็นออฟฟิต เห็นว่าบริษัทเจ๊งเลยขายทอดตลาด เจ้าของใหม่เขาเลยจะทุบสร้างใหม่
ทุบทำไม น่าจะซ่อม ทาสีใหม่แล้วใช้ต่อ ประหยัดกว่าตั้งเยอะ
เฮ้ย ตึกโทรมมากแล้ว หญ้าขึ้นรกเรื้อไปหมด พวกวัยรุ่นมันชอบแอบไปมั่วพี้ยากัน
แวบหนึ่งผมคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาที่วัด
คงไม่ใช่หรอก ผมปัดความคิดนั้นไปจากตัว บ้านผมไกลจากบ้านเธอออกมามาก
    ดึกคืนนั้น ผมนอนไม่หลับ ลืมตาโพลงอยู่ในความมืด เบียร์ 2 กระป๋องที่กินเข้าไปไม่ช่วยอะไรได้ นึกถึงเรื่องเมื่อที่ได้ยินมาเช้า นึกถึงเรื่องตึกร้าง..  รู้สึกถึงอากาศในห้องที่เย็นกว่าปกติ เลยนึกได้ว่าเมื่อหัวค่ำผมเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า แล้วออกไปนั่งกินเบียร์ที่ห้องโถงกับเพื่อน กลับเข้ามาปิดไฟนอนโดยที่ลืมปิดหน้าต่าง
ผมขยับตัวจะลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง แต่กลับลุกไม่ขึ้น ตัวหนักและชาไปหมด ขนทั้งตัวลุกขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ จนรู้สึกได้ถึงผมที่ตั้งชัน ปากคอหน้าตาคล้ายเห่อพองใหญ่ขึ้น เหมือนๆครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ผมแน่ใจว่าผมรู้สึกตัว
    ความมืดบางอย่างที่เข้มข้นและหนักอึ้งค่อยๆไหลเข้ามาทางหน้าต่าง มันมืด เย็นและหยุ่นกว่าความมืดปกติ มันไหลเข้ามาโอบล้อมรอบตัวผม และในความมืดนั้นเอง ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว 9-10 ขวบ สวมเสื้อผ้ามอมแมมยับยู่ ยืนมองผมอยู่ที่ข้างเตียง หน้าเขียวจางๆของเธอเปรอะด้วยดินและเลือด ตากลมเจือแววเศร้าของเธอเบิกโพลงผิดปกติ
พี่.. เสียงนั้นเย็น เศร้าและเครือ พี่คะ.. พี่เห็นน้องหนูบ้างไหมคะ
...ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเธอออกตามหาน้องเธอไกลขนาดไหน..
..
.				
comments powered by Disqus
  • แม่มดน้อยค่ะ

    8 พฤษภาคม 2546 05:49 น. - comment id 68655

                                T__T
    
    เ ศ ร้ า จ ริ ง ๆ   ด้ ว ย ค่ ะ   แ ต่ เ รื่ อ ง ก็ ยั ง ส ย อ ง อ ยู่ เ ห มื อ น เ ดิ ม ค่ ะ .   .   . 
     จ บ ดี ม าก  เ ล ย ค่ ะ 
     น่ า ส ง ส า ร น้ อ ง ผู้ ห ญิ ง ค น นั้ น น ะ ค่ ะ   
     ช่ ว ย พ า เ ค้ า ไ ป ห า น้ อ ง ช า ย เ ค้ า ห น่ อ ย ซิ ค่ ะ พี่ ห ม อ ก   อิ อิ. . .
    
    รู้ สึ ก ใ จ มั น สั่ น ๆ   ไ ง ไ ม่ รู้   ที่ รู้ ว่ า ร อ ย มื อ ต ร ง ห น้ า ต่ า ง เ ป็ น ข อ ง เ ด็ ก ผู้ ห ญิ ง ค น ห นึ่ ง ที่ ต า ม ห า น้ อ ง แ ม้ เ ธ อ จ ะ ไ ม่ ไ ด้ มี ชี วิ ต อ ยู่ แ ล้ ว  T__T
    
               =^___________^=
    
  • แนน

    8 พฤษภาคม 2546 11:03 น. - comment id 68657

    สนุกดี ซึ้งดีด้วย  เจ๊งว่ะ.....อุอุ
  • หมอกจาง

    9 พฤษภาคม 2546 13:46 น. - comment id 68662

    ขอบคุณครับ แม่มดน้อย..
    แต่เรื่องให้พาเขาไปหาน้องคงไม่ไหว..ฝากทีละกันนะ  :)
    ขอบคุณครับ แนน อุอุ...
    ว่าแต่ แนนไหนอ้ะ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน