"วันนี้ครูตั้งใจอยากจะให้พวกเราทุกคนในห้องหากิจกรรมอะไรทำสักอย่างดีมั๊ย" ในชั่วโมงวิชาการตลาดอาจารย์สมปองพูดขึ้น ขณะถือแฟ้มเอกสารเตรียมการสอนเข้ามาในห้อง "ในห้องนี้ใครมีแฟนแล้วบ้าง" อาจารย์สมปองถามขึ้นมาลอยๆ ทำเอานักเรียนทั้งห้องเป็นงงหันหน้ามามองกัน ไม่เคยเห็นอาจารย์สมปองเป็นแบบนี้มาก่อน บางครั้งก็อารมณ์เสียกับความทะโมนของลูกศิษย์ แต่จริงแล้วอาจารย์สมปองแกสอนวิชาการตลาดได้สนุกลุกนั่งสบายได้ยอดเยี่ยมมาก ลูกศิษย์จะรักชอบ ทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรได้แต่สงสัยว่า เอ... วันนี้อาจารย์มาแปลกแฮ๊ะ แต่แกก็มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาเซอร์ไพร์ลูกศิษย์ของแกเสมอๆ ไม่ซ้ำแบบ "ไหนใครยังไม่มีแฟน" อาจารย์สมปองกระแทกเสียงขึ้นจนสะดุ้ง พวกไม่มีแฟนกับเขาก็ได้เฮ..ยกมือ บางคนยกสองมือเลย "หนูคะๆ จานมีรายมาแจกคะ" พูดกวนๆ ออกจะแนวๆ ไปหน่อย ไอ้เขี้ยวจอมซ่าขาโจ๋ประจำห้องพูดขึ้น ไอ้เขี้ยวพ่อมันเป็น ส.ส. ประจำจังหวัดหลายสมัย บางครั้งมันก็ยังแอบเอาของกินของใช้ที่บ้านมาแจกเพื่อนๆ ฟรี จากพ่อค้า นายทุน มาเส้นไหว้พ่อมัน. ในห้องเรียนมีแต่หญิงล้วน ไม่มีหนุ่มๆ มาให้ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ในห้องจึงมีครบทุกรสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ทะโมน สุดแสบที่จะทนของบรรดาอาจารย์ทั้งหลาย. อาจารย์สมปองให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม โต้วาทีในหัวข้อ "มีแฟนกับไม่แฟนอย่างไหนดีกว่ากัน" พวกเราได้เฮ กันอีกครั้งในห้องเต็มไปด้วยความ สนุกสนานที่ไม่ต้องเรียนในชั่วโมงโดยไม่รู้ว่าอาจารย์สมปองแกมีแผนมาเหนือเมฆปราบพวกเราอย่างไร แต่ละกลุ่มคัดเลือกหัวหน้าทีมคือ ทีม "มีแฟน" และ "ไม่มีแฟน" หัวหน้าทีมทั้งสองจับฉลากเลือกหัวข้อ แต่ละกลุ่มระดมความคิด ต่างเตรียมงัดกลยุทธมาสู้กันต่างฝ่ายต่างมองหาแนวร่วม ไอ้เปิ้ล ไอ้นี่มันกระเปิ๊บกระป๊าบสวยก็ไม่สวย น้อยนักที่จะเห็นมันเดิน วิ่งเสียงดังตึกแทบสะเทือนไปเลย แต่ไอ้เปิ้ลมันมีแฟน ไม่น่าเชื่อว่าเวลาอยู่กับแฟนเห็นมันนี่กระหนุ๋งกระหนิ๋งสวีทหวานแหว๋วทำให้หลายคนอิจฉา ไอ้น้อยบุคลิกท่าทางมันยังกะทอม เดินยังกะนักเลง ยังมีเด็กขาสั้น ตามรับตามส่งอีก คือไอ้น้อยมันมีเด็กนักเรียนมัธยมตามจีบหรือว่าไอ้น้อยไปจีบเขาก็ไม่รู้ สุรีย์สาวสวยประจำห้องได้รับฉายาว่า "สวยแต่โง่" ว่างไม่ได้ เธอจะต้องเอากระจกมาส่อง ผัดหน้าทาแป้ง มาเรียนก็สาย "เฮ้ย แต่เรื่องมีแฟนนี่มันไม่โง่น้ะเว้ย เห็นผู้ชายเปลี่ยนหน้ามารับส่งมันอยู่บ่อยๆ" เพื่อนบางคนพูดขึ้น เพราะเธอ "เรียนไม่ค่อยยุ่งมุ่งแต่ รัก รัก รัก" ในที่สุดสุรีย์ก็สำเร็จจบหลักสูตรการ "รัก" ไปก่อนเพื่อน แต่ไม่ได้รับใบประกาศจบหลักสูตรการศึกษาพร้อมกับเพื่อนๆ ในห้อง แต่ไอ้นุ้ยมันเพิ่งอกหักเลิกกับแฟน เห็นหน้านี่เศร้านั่งเหม่อลอยไม่สนใจเรียน เทอมนี้ไม่รู้มันจะรอดอีกคนมั๊ยนี่ นั่นเป็นคำวิจารณ์พิจารณาคัดเลือกเพื่อนๆ หาข้อมูลในกลุ่มมาเป็นแนวร่วมโต้วาที ใครชอบฝ่ายไหนก็เชียร์ฝ่ายนั้นจนถึงบทสรุป หัวหน้าฝ่ายไม่มีแฟนสรุปว่า การไม่มีแฟนนี่มันก็ดี ไม่ทำให้เราปวดหัว คอยระแวงกัน คอยหึงหวง มีอิสระเต็มที่ คิดจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจ บ้างต้องมานั่งกลุ้มใจสนใจอีกว่าแฟนไปไหนกลับใคร ไปอยู่กับใคร ทำอะไรที่ไหน อย่างไร ทำให้เสียสมาธิ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่มีแฟนนั่นแหละดีแล้วจะได้ไม่ต้องมากังวลหรือคิดมากเสียใจเวลาแฟนบอกเลิก หัวหน้าฝ่ายมีแฟนสรุปว่า มีแฟนซิดีเพราะสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว มีปัญหาก็ได้ปรึกษากัน ทำให้เราไม่เหงาก็ถือเสียว่ามีเพื่อนสนิทมากๆ มีแฟนคอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไปไหนไปด้วยกัน ที่สำคัญเป็นกำลังใจให้กันอยู่เสมอ สรุปว่าชนะทั้งสองฝ่าย ฉันชอบวิธีการสอนของอาจารย์สมปอง อาจารย์มักจะชอบแทนตัวเองว่าครูคือผู้ให้ ไม่นำหลักวิชาการมาสอนๆ แล้วก็จบให้รายงานทำการบ้าน แต่ยกตัวอย่างให้ฟังกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวที่เป็นความจริง ให้ทุกคนทำนำเสนอในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อเป็นการฝึกคิดและรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่นเดียวกับเราผลิตสินค้ามาตัวหนึ่ง ต้องรู้ว่าสินค้าตัวนี้ดีมีคุณสมบัติประโยชน์ประหยัดในการใช้สอยอย่าไรและไม่ดีอย่างไรต้องหาเหตุและผลมาหักล้างกันให้ได้คำตอบก่อนนำเสนอต่อผู้บริโภคตามหลักวิชาการของแก แต่ใช้คำว่า "แฟน" เป็นตัวสินค้านำเสนอให้ทุกคนพิจารณาตัดสินแก้ปัญหา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนแต่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบและดีที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดคือการเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเราเอง
8 มีนาคม 2551 08:23 น. - comment id 99413
เขียนต่อซีครับ อ่านสนุกมาก
9 มีนาคม 2551 06:12 น. - comment id 99436
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ จบแล้วคะ ที่ไม่จบก็เพราะ ได้หัวข้อโต้วาที่ "ไม่มีแฟนดีกว่า" นี่แหละคะ ทำให้ลูกศิษย์อาจารย์สมปอง เลยกลายเป็นคนไม่มีแฟน ตั้งแต่เรียนจบมหาลัยฯ จนทำงาน ฮิ ฮิ ขนาดทำงานอยู่แถวๆ บ้านคุณก่อพงษ์ ตั้งหลายปี ไม่มีใครมาขอเป็นแฟนสักคน กลายเป็นว่า "รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน" แต่แล้วก็มีคนตาถึง มาขอแต่งเอาดื้อๆ เกือบไม่ได้ลงจากคานซะแล้ว ฮิ ฮิ
9 มีนาคม 2551 11:05 น. - comment id 99440
สวัสดีค่ะ คุณรอยทาง ดอกบัวแวะมาสวัสดีและอ่านงานของคุณค่ะ แล้วจะมาอ่านต่อนะค่ะ ผลสรุปจะเป็นอย่างไรค่ะ
9 มีนาคม 2551 18:58 น. - comment id 99446
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ โดนใจมากๆเลย ตอนนี้ฉันเองก็ตกที่นั่งคนไม่มีแฟนเหมือนกัน ศึกษาหัวข้อนี้มายี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ ฮือๆๆๆ
27 มกราคม 2552 04:36 น. - comment id 99447
สวัสดีคะ น้องดอกบัวที่เข้ามาสวัสดีดี สรุปว่าเรื่องนี้ "ชนะกันทั้งคู่" ไม่มีใครแพ้คะ 0000 สวัสดีคะคุณการัณยภาส "ตอนนี้ฉันเองก็ตกที่นั่งคนไม่มีแฟนเหมือนกัน ศึกษาหัวข้อนี้มายี่สิบกว่าปีแล้ว" ช่างเป็นคำพูดที่โดนใจรอยทางจริงๆ นะคะ หัวอกเดี่ยวกันช่างเป็นเรื่องที่ยากยิ่งเสียเหลือเกิน การไม่มีแฟนบางครั้งก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ยากอธิบาย หรือบางครั้งเราอาจมีเป้าหมายอย่างอื่นที่สำคัญกว่าที่จะคิดถึงเรื่องนั้น แต่คนเราเขาบอกว่าถ้าเรามีคู่ เมื่อถึงเวลาและโอกาสที่เหมาะสม พระเจ้าก็จะประทานให้เราเอง ถ้าหากเราไม่มีจริงๆ ก็อย่าไปมกมุ่นเสียเวลากับมัน ช่วงที่เราว่างอยู่ไม่มีใคร หมั่นทำความดี รักและเคารพตัวเองให้มากๆ คะ ทำในสิ่งที่เราอยากทำ และฝึกเป็นผู้ให้รักช่วยเหลือแบ่งปันคนรอบข้างด้วยความจริงใจ อธิษฐานในสิ่งที่เราอยากเจอ ลองทำดูนะคะและอดทนรอคอยแล้วคนดีๆ ก็จะเข้ามาหาเราเองคะ ขอบคุณคะ
9 มีนาคม 2551 21:58 น. - comment id 99450
สวัสดีตอนดึกค่ะ ขอบคุณคุณรอยทางมากนะคะที่ให้กำลังใจและสอนในสิ่งที่ดีๆ ตอนนี้ฉันก็จะพยายามทำบุญทำทานให้มากๆ จะเริ่มจากใส่บาตรตอนเช้านี่แหละค่ะ หมู่นี้ตื่นสายบ่อยก็เลยไม่ค่อยได้ทำ
10 มีนาคม 2551 01:02 น. - comment id 99454
สวัสดคะ คุณการัณยภาส ขอเป็นกำลังใจนะคะ การทำบุญทำกับใครก็ได้คะ รอยทางก็ไม่ค่อยมีโอกาสเข้าวัดนัก ตอนนี้แถมยังมาอยู่ประเทศมุสลิมอีกต่างหาก คิดดี ทำดี พูดดี การให้คือการให้กำลังใจทั้งตัวเราและคนอื่น นี่แหละคะกุศลแรงนัก ขอให้มีความสุขนะคะ