ให้หัวใจนำทาง..เราสอง ตอนที่1
ฟาราน
ตาว่าน กลับมาแล้วหรอลูก มาทักทายป้าพลอยกับน้องเพชรสิลูก วีรวุธยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่ข้างๆแม่ของเขา ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
จำป้าพลอยได้ไหมลูก ครอบครัวป้าพลอยไปอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่ว่านอยู่ม.สาม พอดีคุณลุงอานนท์เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ป้าพลอยกับน้องเพชรเลยจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทย แล้วบ้านเก่าป้าพลอยก็ขายทิ้งไปนานแล้ว แม่เลยจะให้ป้ากับน้องมาพักอยู่ที่บ้านเราก่อน คุณหญิงฤดีทบทวนความทรงจำให้ลูกชาย พร้อมกับชี้แจงที่ว่าทำไมผู้หญิงต่างวัยสองคนนี้ถึงได้มายืนอยู่ที่บ้านของเขา
ตายแล้ว หลานชายฉันโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย แถมยังรูปหล่ออย่างกับเทพบุตรอีกแหน่ะ พลอยวิมลเอื้อมมือมาแตะที่แขนเขา แถมยังลูบๆคลำเหมือนกับว่าเห็นเขาเป็นของขวัญถูกใจ
เอ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณป้าก็ชมกันเกินไป
ไม่เกินไปหรอกจ้ะ หลานป้าน่ะหล่อจริงๆ อ่อ ป้าลืมไปเลย ว่านจำลูกสาวป้าได้ไหมจ๊ะ น้องเพชรขามาไหว้พี่เขาสิลูก น้องเพชรขา..อย่างนั้นหรือ นึกว่าวิธีเรียกชื่อแบบนี้จะมีแต่ในละครภาคดึกที่แม่ของนางร้ายใช้เรียกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองซะอีก นี่มันมีในชีวิตจริงด้วยหรอเนี่ย ไม่น่าคนเขาถึงบอกกันว่าละครน่ะทำมาจากชีวิตจริง เขาได้แค่คิดในใจเท่านั้น เพราะถ้าพูดออกไปคงมีหวังโดนคุณแม่ที่ยืนยิ้มหน้าบ้านด้วยเหตุอันใดไม่ทราบตีเข้าให้แหงๆ ฐานที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าเพื่อนเก่า เขาจึงทำได้แค่ยกมือรับไหว้จากเพชรรัตน์เท่านั้น
พี่ว่านจำน้องเพชรได้ไหมคะ แหม..แต่ว่าพี่ว่านคงจำน้องเพชรไม่ได้ ก็..ตอนนี้ น้องเพชร.. เพชรรัตน์หันไปสบตามารดาทีนึง เมื่อเห็นมารดายิ้มแล้วพยักหน้าให้จึงพูดต่อ(โดยไม่อายปาก) ก็ตอนนี้น้องเพชรเป็นสาวแล้ว แล้วก็สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะนี่คะ เจ้าหล่อนพูดจบแล้วก็ทำท่าเขินอาย ยังจะมีให้อายอีกเรอะ เขาแอบคิดในใจอีกแล้ว ก็ดูพูดเข้าสิ นี่บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกกันมายังไงนะ เขาหันไปมองตาแม่ พยายามถามด้วยสายตาว่าจะให้ทำยังไงต่อ แต่แม่กลับทำตาดุๆใส่เขาเข้าให้ เป็นอันรู้กันระหว่างคุณหญิงฤดีกับลูกชายตัวแสบอย่างนายวีรวุธว่า ตอบๆไปเถอะน่า จะได้เปลี่ยนเรื่องซะที
จำได้สิครับ ตอนเด็กๆน้องเพชรก็มาเล่นที่บ้านพี่บ่อยๆ พี่จะลืมลงได้ยังไง ก็ยัยคนเนี้ย สมัยที่ป้าพลอยพามาเล่นที่บ้านเขาบ่อยๆ ก็มาเกาะติดเขาแจ ทำเอาเขาไม่ต้องเป็นอันทำอะไร แถมตอนนั้นคุณน้องเพชรขาเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ก็ไปโมเมให้เพื่อนเขาฟังว่าเขาไปสารภาพรักและขอเธอเป็นแฟนอีก เธอสงสารเลยยอมคบด้วย ตอนนั้นเขาแค่ม.สอง ส่วนเจ้าหล่อนน่ะป.หก เลยกลายเป็นว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่ต้องตามก้นง้อผู้หญิงรุ่นน้องดิกๆไปซะงั้น เรื่องแบบนี้พี่คงจะลืมลงหรอกครับคุณน้องเพชร อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ หลงตัวเองแต่เด็กใช่ไหม
หลังจากคุยกันอีกเล็กน้อย คุณหญิงฤดีจึงแนะนำให้ไปคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร เพราะแขกทั้งสองคนเดินทางมาเหนื่อยๆคงหิว และอยากจะรีบพักผ่อน เขาก็เห็นด้วย เพราะหลังจากทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนสนิทแล้ว ก็ยังไปโยนโบว์ร้องเกะกันต่ออีก ทำเอาพลังงานที่พึ่งได้จากอาหารเมื่อตอนเที่ยงมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง แถมดูเหมือนจะไม่พอเสียด้วย ไม่งั้นตอนนี้เขาจะหิวจนท้องไส้ปั่นป่วนได้ขนาดนี้หรอ
ตลอดเวลาที่กินข้าวเขามองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ถ้าถามผู้ชายหน้าไหนรวมถึงเขาด้วยว่าคนตรงหน้าสวยไหม ทุกคนก็คงจะต้องบอกว่าสวย แต่สำหรับเขามันดูจะเป็นสวยแบบน่ากลัวไปมากกว่า ทั้งผมที่ดัดเป็นลอนใหญ่ๆนั่น การแต่งหน้าที่หนาเตอะ เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยจะได้ปิดบังร่างกายของคนสวมใส่สักเท่าไหร่ ความจริงมันก็แค่แต่งตัวตามสมัย ยิ่งเคยไปอยู่อังกฤษมานานๆก็คงได้รับอิทธิพลตะวันตกไปเยอะ แต่ที่เขาไม่ชอบใจสุดๆคงจะเป็นท่าทางและคำพูดของเพชรรัตน์ที่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ทำเหมือนตัวเองจะดูดีไปซะหมด แถมยังพูดด้วยความมั่นใจสุดๆอีก เขาดูรู้หรอกว่าเธอกำลังให้ท่าเขา แต่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ ถ้าให้คบเล่นๆไปก็พอได้ แต่ถ้าให้คบกันจริงจังถึงขั้นแต่งงาน เขาขอเลือกผู้หญิงที่เจอกันเมื่อตอนเที่ยงมากกว่า
ลูกจันคือคนที่เขาเห็นว่าเหมาะสม เธอน่ารัก อ่อนหวาน ดูเรียบร้อย ไร้สีสันจากการแต่งแต้มใดๆ เหมือนผ้าขาวๆที่ไม่มีรอยแปดเปื้อน เขาชอบผู้หญิงแบบนั้น ในชีวิตเขาเจอผู้หญิงมามาก แต่ก็ไม่เคยถูกใจใครเท่าเธอมาก่อน จะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมนะ สงสัยงานนี้ต้องให้ไอ้กวีกับน้องกานต์ช่วยซะแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ ป้าพลอยและแม่ของเขาจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปไหว้พระที่อยุธยากัน และขอให้เขาเป็นคนขับรถไปให้ แผนที่วางไว้ว่าจะไปหาสองพี่น้องตัวกอเลยต้องถูกพักไว้ชั่วคราว แต่เขาบอกตัวเองว่ากลับมาถึงเขาจะดำเนินการตามแผนทันที รอพี่ก่อนเถอะน้องลูกจัน
ก๊อกๆๆ
ลูกจัน เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก เสียงหญิงสาววัยกลางคนดึงพิณธุภัทรให้ออกมาจากภวังค์ เอาอีกแล้ว เธอคิดถึงเขาอีกแล้ว เขาจะตามหลอกหลอนเธอไปถึงไหนกันเนี่ย ลูกจันเหลือบไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนเดินไปเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่เข้ามา หอมแก้มท่านหนึ่งฟอดก่อนพาไปนั่นที่เตียง
คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ ถึงมาหาจันดึกขนาดนี้ สี่ทุ่มกว่าแล้ว แม่มีอะไรสำคัญนะ
พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่าลูก แม่จะชวนไปทำบุญที่อยุธยา พิณธุภัทรส่ายหน้า ก็ดีสิคะแม่ จันก็อยากไปไหว้พระเหมือนกัน เพราะช่วงนี้จันรู้สึกดวงซวยๆยังไงไม่รู้ค่ะ ไปสะเดาะเคราะห์สักทีก็ดีเหมือนกัน เพื่อชาตินี้ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีก
อมยิ้มอะไรลูก มีอะไรปิดบังแม่รึเปล่าเนี่ย วรรณวดีมองลูกสาวอย่างค้นหา นี่ลูกเธอเป็นอะไรไปเนี่ย ตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงที่มีรถที่ไหนขับมาส่งก็ไม่รู้ พอถามก็บอกว่าเพื่อน ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็เหม่อลอยบ่อยๆ อมยิ้มคนเดียวบ้าง หน้ามุ่ยคนเดียวบ้าง ลูกสาวเธอต้องมีอะไรปิดบังกันอยู่แน่ๆ อยู่ด้วยกันมายี่สิบปีมีรึที่แม่จะไม่รู้ว่าลูกแปลกไป ว่าแต่เจ้าตัวเถอะ รู้รึเปล่าว่าตัวเองแปลกไป
นี่ไม่คิดจะบอกอะไรแม่เลยจริงๆหรอ ห๊า..คุณลูกสาว ว่ายังไงจ๊ะ
มะ..ไม่มีอะไรค่ะแม่ ลูกจันก้มหน้าหนี ไม่ให้หนีได้ยังไง ถ้าเธอสบตาแม่เข้า มีหวังต้องเล่าหมดทุกอย่างแน่ๆ เธออุส่าห์เก็บความลับมาได้ตั้งห้าปี จะมาแตกเอาตอนนี้ได้ยังไง ว่าลูกสาวคุณแม่น่ะ ปักใจรักผู้ชายที่เคยหักอกตอนสมัยม.สาม
แน่น้า วรรณวดีแกล้งลากเสียงยาวๆแกล้งลูกสาว เธอกับพิณธุภัทรสนิทกันมาก เพราะสามีของเธอเสียไปตั้งแต่ลูกจันยังอายุแค่5ขวบ แต่สมบัติที่เขาทิ้งไว้ให้ก็สามารถเลี้ยงและส่งเสียยัยหนูได้อย่างสบายๆโดยที่เธอไม่ต้องทำงานอะไรด้วยซ้ำ และญาติทางฝ่ายสามีเธอก็รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเธออย่างมาก โดยเฉพาะคุณย่าใหญ่ พี่สาวของแม่สามีเธอ อาจจะเป็นเพราะทางนั้นไม่มีหลานสาวเลยสักคน มีแต่หลานชายรายล้อมก็เป็นได้ คุณย่าใหญ่จึงส่งเงินเข้าบัญชีของเธอเป็นค่าเลี้ยงดูพิณธุภัทรทุกเดือนเป็นจำนวนมาก ขนาดที่ว่าใช้อย่างฟุ่มเฟือยก็ยังใช้ไม่หมด แต่เธอเคยสอนให้ลูกสาวฟุ่มเฟือยซะทีไหน เธอสอนให้พิณธุภัทรประหยัดมาตลอด ส่วนเงินที่เหลือนั้นเธอจะเก็บเข้าบัญชีของลูกสาวไว้ เพราะยังไงมันก็เป็นเงินของพิณธุภัทร ภายภาคหน้าถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา อย่างน้อยๆ เธอก็รู้ว่าลูกสาวเธอจะอยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่บอกก็ไม่บอก พรุ่งนี้7โมงนะจ๊ะพี่นิวัฒธ์จะมารับ
คุณย่าใหญ่จะไปด้วยหรือคะ พี่นิวัฒธ์ถึงต้องขับรถมาเอง
เปล่าหรอกจ้ะ แม่โทรไปบอกคุณย่าใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะพาลูกสาวแม่ไปไหว้พระ ตานิวัฒธ์คงได้ยินเข้าเลยอาสาขับรถให้ สงสัยอยากจะทำบุญร่วมกับใครบางคน
คุณแม่ก็..พี่นิวัฒธ์ก็คงแค่อยากจะไปทำบุญบ้างละมั้งคะ วรรณวดีมองลูกสาวที่หน้าขึ้นสีระเรื่อ ใครๆก็รู้ว่านิวัฒน์หลายยายของคุณย่าใหญ่ชอบพอลูกสาวเธออยู่ นิวัฒธ์ก็เป็นคนดี เธอเองก็ชอบใจอยู่ไม่น้อยที่เขามาสมัครเป็นลูกเขย แอบลุ้นอยู่ลึกๆ แต่ก็คงให้พิณธุภัทรตัดสินใจเองมากกว่า เธอไม่อยากบังคับจิตใจลูก เหมือนที่เธอเคยโดนมาแล้ว
ไม่ล้อก็ได้ แม่พูดความจริงแต่บางคนกลับไม่ยอมรับซะได้
โธ่..แม่คะ ลูกจันไม่คุยด้วยแล้ว กู๊ดไนท์ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ หึหึ รีบไล่แม่เชียวนะยัยลูกคนนี้ คงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วล่ะสิถึงได้มุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่มแบบนั้นน่ะ เธอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับลูกสาวแล้วจึงเดินออกไปหลังจากปิดไฟในห้องให้ดับลง
นานๆมาไหว้พระซักที ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะครับ ต้องขอบคุณน้าวรรณกับหนูจันที่ให้โอกาสพี่มาทำหน้าที่ขับรถให้ ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเขา เขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กๆ และรักเธอเกินคำว่าน้องสาวมาแต่ไหนแต่ไร แต่ลูกจันก็ไม่เคยแสดงออกเลยว่าชอบเขา แต่เขาก็ยังไม่หมดหวัง เพราะก็ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เธอสนิทเป็นพิเศษเหมือนกันจากที่เขารู้มาจากปากของวรรณวดี
ทางนี้สิคะต้องขอบคุณพี่นิวัฒธ์ที่เสียเวลาพาคุณแม่กับจันมาไหว้พระถึงอยุธยา พิณธุภัทรยังคงรักษาท่าทางเสมอเวลาอยู่กับเขา เขากับเธอนั่งรอน้าวรรณอยู่ที่โต๊ะม้าหินในลานวัดแห่งหนึ่ง นี่ถ้าแม่ของลูกจันไม่ขอเวลาไปทำธุระแถวนี้โดยไม่ให้พวกเขาตามไป เขาคงไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอเป็นประโยคแบบนี้แน่ เพราะหนูจันของเขาน่ะ อยู่ต่อหน้าแม่ของเธอเมื่อไหร่จากคนพูดน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งพูดน้อยไปกันใหญ่ ถามสิบประโยคบางทีได้คำตอบเป็นแค่การพยักหน้าทีเดียว
พี่จะไปซื้อน้ำทางนู้น หนูจันจะเอาน้ำอะไรคะ หรือว่าอยากกินขนมอะไรไหม พี่จะได้ซื้อมาให้ คำพูดเพราะที่แสดงถึงความห่วงใจมักจะออกมาจากปากของชายหนุ่มคนนี้ให้หญิงสาวได้ยินเสมอ และคราวนี้กก็เหมือนกันนิวัฒธ์เสนอตัวเป็นคนไปซื้อน้ำมาให้ แต่พิณธุภัทรกลับแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เธอเกรงใจ..เขารู้ดี แต่ถ้าเขาซื้อมาแล้ว เธอก็จะต้องเกรงใจเขาจนกินหมดอีกนั่นแหละ เขาจึงตัดสินใจเดินไปซื้อสิ่งที่ตั้งใจไว้ ทิ้งให้หญิงสาวนั่งตากลมที่โต๊ะม้าหินอยู่คนเดียว
พิณธุภัทรคิดว่านิวัฒธ์คงจะไปนานเพราะต้องอ้อมไปซื้อถึงหน้าวัด แต่ตรงที่พวกเธอนั่งกันอยู่นี่น่ะหลังวัด แล้ววัดนี้ก็ใช่แคบเสียเมื่อไหร่ หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินไปดูของที่ระลึกที่จะเอากลับไปฝากกานต์ดากับกวีที่แผงลอยตรงประตูหลังวัด ซึ่งห่างกับที่เธอนั่งไม่มาก เธอเลือกของไปเรื่อยๆ จนได้พวงกุญแจมาสามอัน ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อไปฝากใครอีกคนหรอกนะ แต่คนขายเขาขายสามอันห้าสิบหรอกถึงต้องซื้อมา หญิงสาวแอบคิดในใจแล้วก็อมยิ้มออกมาทางมุมปาก ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังแก้ตัวให้ตัวเองอยู่
ว๊ายยย นี่ยายแก่ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยดูซิ เสื้อใหม่ฉันเลอะหมดแล้วเนี่ย แกจะชดใช้ยังไงห๊ะ พิณธุภัทรหันไปตามเสียงร้อง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเอาทิชชู่เช็ดเสื้อที่เหมือนจะโดนน้ำหวานสีแดงสดหกใส่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ปากก็ด่าทอคนที่เดินชนเธอ พิณธุภัทรจะไม่รู้สึกอะไรถ้าคนที่ชนผู้หญิงคนนั้นชนแล้วเดินหนีไป แต่นี่...คุณยายที่ไม่รู้ว่าเดินชนหรือถูกชนยังนั่งพับเพียบอยู่ที่ขาของหญิงสาว ดูท่าทางยายแกคงจะลุกไม่ไหว อะไรกันใจจืดใจดำชะมัด แค่ชนแล้วน้ำหกใส่แค่นี้เอง ทำเป็นโวยวายไปได้ ไม่สงสารยายแกบางเลยหรือไงนะ
ยายคะ ให้หนูช่วยนะ ยายเจ็บมากไหมคะ พิณธุภัทรไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยพยุงยายให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวปากจัดที่ยังทำท่าเหมือนจะเอาเรื่อง
นี่คุณ คนไทยด้วยกันน้ำใจไม่มีหรอไง ชนยายจนล้มลงไปไม่มีกะจิตกะใจจะช่วยขึ้นมา ยังมีหน้ามาเอาเรื่องยายเขาอีกหรอ น่าแปลกที่เวลามีเรื่องทีไรเธอจะกลายเป็นคนพูดมากแบบไม่เกรงใจใครขึ้นมาทุกทีซิน่า
แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วยห๊ะ ดูสินี่เสื้อตัวละสองพันนะ แล้วนี่ใครจะชดใช้ให้ฉันกันล่ะ ถ้าเธอไม่ชดใช้ก็ถอยไป ฉันจะให้ยายแก่นี่ชดใช้ให้ฉัน เพชรรัตน์ถลึงตาพร้อมชี้นิ้วมาทางเธอและคุณยาย เป็นจังหวะเดียวกับที่นิวัฒธ์เดินมาเห็นเหตุการณ์พอดี
มีเรื่องอะไรกันคะหนูจัน
นี่คุณ คุณเป็นแฟนยัยเห่ยนี่ใช่ไหม ช่วยบอกให้แฟนคุณรู้จักสงบปากสงบคำซะบ้างนะ แล้วก็ให้เลิกยุ่งไม่เขาเรื่องกับเรื่องของชาวบ้านด้วย เพชรรัตน์หันไปพูดกับนิวัฒธ์แบบเชิดๆ ก่อนจะหันกลับไปจ้องพิณธุภัทรต่อ
พี่นิวัฒธ์ ลูกจันไม่ได้ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะคะ ก็ยัยคนเนี้ยเดินชนจนคุณยายหกล้มลงไปกองกับพื้น ไม่ใช่แค่ไม่ช่วย ยังจะเรียกค่าเสียหายจากคุณยายตั้งสองพันเพราะแค่น้ำแดงหกใส่เสื้อเองเนี่ย จันยอมไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องอะไรเธอจะให้ยัยบ้าที่ไหนไม่รู้มาฟ้องอยู่ฝ่ายเดียว พี่นิวัฒธ์น่ะคนฝ่ายเธอต่างหาก ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่มองหน้าสองฝ่ายไปมา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจควักกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้วหยื่นธนบัตรสีเทาสองใบให้เพชรรัตน์ไป พิณธุภัทรทำตาโตหันมาค้อนให้เขาวงใหญ่ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น
เพชรรัตน์ใช้หางตามองมาที่เขาก่อนจะไล่ไปที่เงินแล้วปัดมือของเขาทิ้ง ทำให้ธนบัตรทั้งสองใบปลิวลงสู่พื้น เขาเองก็ได้แต่ยืนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เอาเศษเงินของพวกคุณคืนไปเถอะ ฉันมีเหลือเฟือ เสื้อตัวนี้ก็กะว่าใส่แค่ครั้งเดียวก็คุ้มแล้ว ต้องขอบคุณฉันด้วยนะที่ไม่เอาเรื่องพวกคุณน่ะ ฮึ อารมณ์เสียจริงๆเลย เพชรรัตน์ยักไหล่แล้วเดินไป หญิงสาวอีกคนค่อยๆก้มลงเก็บธนบัตรส่งให้ชายหนุ่ม คุณยายขอบคุณพิณธุภัทรและนิวัฒธ์เป็นการใหญ่ ชายหนุ่มจึงให้เงินไปห้าร้อยเป็นค่ารักษาพยาบาล แม้คุณยายจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาและเธอก็ยังยืนยันที่จะให้คุณยายรับเงินนั้นไว้ และพิณธุภัทรก็ยังยืนยันให้คุณยายรับน้ำหวานที่นิวัฒธ์พึ่งซื้อมาให้เธอไปด้วยหลังจากที่รู้ว่าน้ำถุงที่หกไปแล้วคุณยายจะซื้อไปให้หลานชายที่รออยู่ คุณยายคนนั้นถึงกลับน้ำตาคลอ ยกมือไหว้ไปปากก็บ่นพึมพำอวยพรทั้งสองคนไป หลังจากแยกจากกันแล้ว หญิงสาวและชายหนุ่มก็กลับไปนั่งรอวรรณวดีที่โต๊ะม้าหินเหมือนเดิม ไม่นานนักวรรณวดีก็มาถึง ทั้งสามคนจึงขึ้นรถกลับกรุงเทพ ระหว่างทางพิณธุภัทรก็เล่าเรื่องที่เจอมาให้คนเป็นแม่ฟัง ต่อท้ายด้วยการบ่นกระปอดกระแปดว่าผู้หญิงแล้งน้ำใจคนนั้นแล้วก็พาลมาถึงผู้ชายที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆว่ายอมควักเงินง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป