ในยุคของเราสินค้าที่ดังแบบชาเขียวมีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือสินค้าประเภทไว้ท์เท็นนิ่ง ผมถามน้องชายของผมที่เพิ่งมีแฟนว่ามีอะไรบ้าง แกก็ตอบว่ามีหมดแหละพี่ทั้งสบู่ ครีม โลชั่น ลูกกลิ้ง ลิปสติก โฟม เจล ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไม่มากก็น้อยในยุคที่หิมะกำลังจะตกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "สินค้าพวกนี้ขายดีไหม" ผมถาม "คนขายรวยเละเลยพี่ ใครๆก็อยากขาว แม้แต่อ้ายหนุ่มก็ยังเอามาทาตัว เพื่อจะได้ขาว" ผมหัวเราะ ที่หัวเราะไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น ผมหัวเราะเพราะผมเห็นเนื้อตัวของน้องชายของผม ที่ดำเมี่ยมเหมือนผมไม่มีผิด ถ้าทาครีมตัวขาวเข้าก็คงเห็นขาวแบบ "อ้อก-ลอก" ( คำวิเศษณ์นี้มีเฉพาะในพจนานุกรมไทยตะวันออกเฉียงเหนือฉบับ ก.พ. 255x) คือขาวด่าง ๆ ไม่เข้าน้ำไม่เข้าเนื้อ "แล้วเอ็งชอบขาวหรือดำ" "แหม ถ้าเป็นผู้สาวก็ขาวไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นถ่านก็ต้องดำล่ะว้า" อ้ายหนุ่มหน้าดำพี่น้องคู่หนึ่งได้ฮากันในค่ำที่ดวงจันทร์แหว่งไปเสี้ยวน้อย ๆ น้องชายของผมกำลังจีบสาวอยู่คนหนึ่ง ท่าทางคงเอาจริงเอาจังถึงขั้นเป็นบ้านเป็นเรือนคือขอแต่งงาน หน้าตาของว่าที่น้องสะไภ้เรียกว่าไปวัดไปวาได้สบาย ไม่ถึงกับดำแต่ก็ไม่ถึงกับขาว อยู่หมู่บ้านเดียวกับเราแต่ห่างออกไปทางท้ายหมู่บ้าน เธอเพิ่งกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ ผมไม่ห่วงน้องชายของผมนักในเรื่องความรัก ถึงแกจะไม่ใช่นักรักแกก็มีเชื้อของนักรบ ที่หัวใจแกร่งพอที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดนานาได้ "ถ้าสมมติว่า แฟนแกเคยมีคนอื่นมาก่อนแกจะรับได้ไหม" ผมถามแบบเกือบจริงจัง "มันก็ต้องดูก่อนล่ะพี่ ว่าหลังจากที่มีผมแล้วเขาจะมีใครอีกไหม ถ้าจะมีอีก ผมก็รับไม่ได้ อ้ายที่ผ่านไป ผมไม่ติดใจอะไรหรอกพี่ เพราะผมก็ใช่ว่าจะดีเด่อะไรนักหนา" "และถ้าเกิดเขามีคนอื่นด้วยจริง ๆ แกจะเอายังไง" "แหมทำไมมันถึงบีบคั้นแบบนั้นนักล่ะพี่" "พี่สมมติ ในหนังในละครและแม้แต่ข่าวมันก็มีแบบนั้น ผู้คนหัวใจเปราะบางกันมาก" "ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ใครจะอยากเป็นควายให้คนสวมเขา" หลังจากที่ได้คุยกันผมก็โล่งใจไปมาก เขารู้จักอะไรมากกว่าที่ผมคิดอีก ถ้ามีครอบครัวเขาคงสร้างครอบครัวได้ดี แต่คนเขาว่าบางทีเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเวรเป็นกรรมที่ต้องชำระ ช่วงหลัง หลังจากที่ได้พูดคุยกันน้องชายของผมไปขลุกอยู่ในไร่นาของว่าที่น้องสะไภ้บ่อยขึ้น ช่วยงานโน่นนี่จนเป็นราวคนในครอบครัวนั้น ผมอวยพรในใจให้คนตัวดำที่เกิดคลานตามผมมาประสบความสำเร็จ แต่เรื่องก็มาถึงจุดบีบคั้นอีกจุดหนึ่งจนได้เมื่อน้องของผมรู้ว่าเธอมีท้องจากกรุงเทพฯมาก่อนแล้ว "เอาไงดีล่ะพี่ ผมเกิดรักเธอเข้าแล้ว" 000 อ้ายหนุ่มหน้ามนคนหน้าดำน้องชายของผมเล่าให้ผมฟังจนหมดไส้หมดพุงเรื่องความรักของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งทีกำลังจะเป็นแม่คน "ผมสงสารเขา ความจริงก็คือรักนั่นแหละ ใครจะว่ากินน้ำใต้ศอกก็ว่าไป" "การตัดสินใจเป็นของเอ็งไอ้น้องเอ๋ย ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่หัวใจของคนนั่นแหละ ถ้าน้องคิดว่านี่จะเป็นการไถ่บาปที่เคยทำกับหญิงอื่นมาก่อนพี่ก็ไม่ขัด แต่ถ้ามันคือความคิดชั่วแล่น อารมณ์ชั่ววูบ หรือแม้แต่ความลุ่มหลงยามลืมตาพี่ว่าน้องคิดให้ดี" "คิดตรงไหนอีกหรือครับ ในเมื่อผมทำใจรับสภาพนี้ไปแล้ว" ผมชิงตอบ "หนึ่งเธอมีจิตใจหวนหากันหรือเปล่า อ้ายคนที่บอกให้เธอเอาเด็กออกคนนั้น สองลูกคลอดออกมาแล้วเอ็งจะอุ้มชูดูแลได้จริงไหมถ้าพ่อจริง ๆ ของมันมาเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สามเธอมีใจอย่างไรกับเองแน่ สี่.." "พอ..พอแล้วพี่ ผมนึกออกแล้วว่าทางออกสำหรับผมคืออะไร" เขาผละจากผมไปแบบฝ่ายที่คาใจคือผม นี่ทำให้ผมนึก ว่าถ้าผมเป็นเขาเวลานี้ผมจะตัดสินใจอย่างไร นิสัยส่วนหนึ่งของน้องที่ผมรู้ก็คือตัดสินใจเร็ว ตอนที่ไปเป็นทหารพรานด้วยกัน ผมรอดตายเสียแขนซ้ายไปเพียงข้างเดียวก็เพราะเขา คนเคยผ่านสนามรบมาด้วยกัน บางสิ่งบางอย่างไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้กัน ผมรู้ว่าน้องชายกลับไปที่บ้านของหญิงสาวอีก และเชื่อว่าเขาคงไม่ไปรบเร้าเอาคำตอบใด เขาคงไปเพราะความรักนั่นแหละ ว่าที่น้องสะใภ้ ที่จริงผมก็รู้จักนิสัยใจคอของเธอไม่น้อย เธอเรียนเก่งพอใช้ มีความจริงใจจนออกซื่อ พ่อแม่ของเธอเป็นชาวบ้านธรรมดาทำนาทำไร่ ฐานะไม่จนไม่รวย เธอเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาลูกสาวทั้งหมดสี่คนที่ออกเรือนแล้วแต่อยู่บ้านติดกันกับพ่อแม่ เธอไปทำงานกรุงเทพฯเพื่อเก็บเงินเก็บทองสร้างฐานะ แต่ก็มาพลาดท่าอ้ายหนุ่มกรุงชีกอ มันหล่อมันอวดรวย จนน้องนางปักใจเชื่อว่าจะพาชีวิตรุ่งเรืองพ้นไปจากความลำบาก ครั้นพลาดท่าตั้งท้องขึ้นมามันก็จะให้เอาเด็กออกท่าเดียวจนเธอต้องซมซานคืนเรือน 000 ผมเคยอ่านในหนังสือแปลเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นนักเล่นกายกรรมร่างกายกำยำเขาอยากมีลูกแต่ก็ไม่อาจเป็นไปได้เพราะเป็นหมัน เขาไม่บอกเรื่องนี้กับภรรยา นานวันเข้าภรรยาก็อดทนไม่ไหวในการที่เขาไม่มีลูกให้ภาคภูมิใจเหมือนคนอื่นจึงให้อ้ายหนุ่มคนหนึ่งนอนด้วยแบบไม่ได้รัก จุดประสงค์ของหล่อนคืออยากได้ลูกให้เขา คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพื่อนของนักกายกรรมเอง เมื่อหญิงสาวคลอดอ้ายหนุ่มคนนั้นก็พยายามจะแสดงความเป็นพ่อ ทางออกบีบแคบเข้ามากเข้าคนที่เปิดช่องต่อปัญหานี้ก็คือเพื่อนของนักกายกรรม อ้ายหนุ่มถูกกำจัดออกไปจากวงโคจรนี้ แต่ภรรยาของเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่านักกายกรรมเป็นหมันที่ได้พบหมอเป็นการยืนยันแล้ว เรื่องนี้น่าชื่นชมก็ตรงที่นักกายกรรมรักเด็กคนนั้นเหมือนลูกของตัวเอง อืม..เรื่องนี้ยังไงก็คือนิยาย แต่เรื่องของน้องชายผมล่ะมันจะออกมาอย่างไรนะ 000 ไม่ทันที่ผมจะไปตาม น้องชายของผมก็ยิ้มหน้าระรื่นกลับมา "ผมสบายใจแล้วพี่ คำถามของพี่ผมได้คำตอบเสร็จสรรพ" ผมร้องโอ้โฮในใจ ทำไมมันไวขนาดนี้ เจ้าน้องชายพูดอย่างกับเวลาสำหรับการพูดเหลือแค่น้อยนิด มันทั้งติดอ่างและรัวสลับกัน "เธอตอบรับรักผม รักผมคนเดียวเท่านั้น เธอรักลูก ไม่มีทางที่จะทำลายชีวิตที่จะเกิดมาใหม่ ส่วนอ้ายคนนั้น เธอบอกว่าอย่าไปพูดถึงมัน เธอตัดมันออกไปจากชีวิตแล้ว ขอเพียงแต่ผมรับปากที่จะรักลูกของเธอด้วย เธอจะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจ" เมื่อน้องหยุดพูดผมจึงได้หยุดถอนหายใจยาว "แล้วเอ็งจะเอายังไงต่อ" "ก็ไม่ต้องเอายังไงยาก เพียงแค่ผมขอเวลาดูแลเธอให้มากขึ้นเท่านั้น ผมขอเป็นพ่อคนก่อนพี่แล้วกัน ฮ่าๆ " "เออ..ตามสบายเถิดโยม แต่เอ็งโชคดีได้เป็นง่ายแบบไม่ลงทุนเลยนะ" "ผมมันคนมีบุญพี่" ว่าแล้วน้องชายตัวดำก็ดิ่งเข้าบ้านเก็บข้าวเก็บของเพื่อจะไปอยู่บ้านพ่อตา ผมมองตามแล้วก็หัวเราะ และนึกว่าทำไมอะไรมันเป็นไปได้ง่าย ๆ แบบนั้น แต่ผมก็ไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านั้น บางทีวันเวลาก็คงตอบคำถามของวันเวลาเอง ผมไม่มีหน้าที่ที่จะไปหน้านิ่วคิ้วขมวดหาคำตอบใดๆแทน ไม่กี่นาที น้องชายที่รักของผมก็มาลา อ้ายหนุ่มหน้าดำเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว 000 พ่อตาให้ลูกเขยกับเมียไปอยู่กระท่อมกลางนา ชีวิตของทั้งคู่ไม่ถึงกับยากลำบากนัก เพราะที่นั่นมีบ่อปลา สวนผัก มียุ้งข้าว และข้าวของเครื่องใช้จำเป็นแล้ว อ้ายหนุ่มผู้จะเป็นพ่อคนใหม่ ตักน้ำ เก็บผักหักฟืน เตรียมข้าวของไว้สำหรับวันคลอด ใบหน้านั้นอิ่มเอิบอย่างพระปฏิมา ผมเห็นแล้วก็เบาใจ ตอนเราใช้ชีวิตอยู่ในป่าคราเป็นทหารรับจ้างเขาดูแลเกือบทุกคนในกองร้อยให้กินอยู่สบายๆ เมื่อเป็นพ่อเรือนหน้าที่พ่อบ้านของเขาจึงไม่ขาดตกบกพร่อง ผมมองเห็นสีหน้าของพ่อตาของเขามีความพออกพอใจไม่น้อย คนท้องรักษาตัวเองอย่างดีตลลอดหลายเดือนแต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับความหวังของเขาจนได้ น้องสะใภ้ของผมพลาดท่าสะดุดตอไม้หกล้มหัวทิ่มต้องนำส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เด็กน้อยในท้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ใช่ครับเธอแท้งลูก อ้ายหนุ่มถึงกับหงอย แต่คนที่ซึมเศร้ายิ่งกว่าใครคือแม่ของแม่ผู้สูญเสียลูก ทุกคนที่เกี่ยวข้องพลอยโศกสลดไปด้วยกันทั้งนั้น ความหม่นหมองนี้แผ่คลุมไปทั่วกระท่อมกลางนา นกกาพากันเงียบเสียงไม่เจื้อยแจ้วอย่างวันแรกที่ครอบครัวใหม่มาอยู่ 000 ความโศกสลดของครอบครัวนี้มาถึงขีดสุดอีกครั้งในไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อลูกสาวคนสุดท้องผู้แท้งลูกป่วยโซลงอย่างหนัก "อ้ายพอง น้องคงบุญวาสนาไม่ถึงอ้าย ขอบคุณหลายๆ ที่ดูแลน้องกับลูกในท้องอย่างดี วันข้างหน้าขอให้พี่ได้พบผู้หญิงดีๆ และมีลูกที่ว่านอนสอนง่าย มีครอบครัวมีความสุข" นั่นเป็นถ้อยคำของหญิงสาวผู้ที่คงรู้ตัวว่ากำลังจะจากไป เกิดมาผมก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของนักรบ แต่วันนั้นน้ำตาของอ้ายพองไหลรดแก้ม ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อลดความโศกซึมที่ปริ่มๆจะรินออกมาที่ขอบตา เมื่อคนรักจากไป อ้ายพองก็ไม่มีใจจะทำอย่างอื่น เมื่อช่วยงานศพในบ้านนั้นจนเสร็จ มันก็เอ่ยปากกับผมเพื่อขอบวช ผมก็ว่าตามใจเถิดน้องเอ๋ยหากน้องคิดที่จะสงบใจซักพัก แต่ถ้าจะบวชแบบเลื่อนลอยพี่ก็อยากให้คิดให้ดี ไม่อยากให้ศาสนาพลอยเสื่อมเพราะสกุลเรา น้องชายของผมบอกอย่างหนักแน่นว่าผมไม่ได้หวังบวชพักใจ แต่ผมต้องการค้นหายาทาใจให้มันขาวแจ้งไม่เจ็บไม่ทุกข์ ผมไม่อยากเชื่อเลยในถ้อยคำและน้ำเสียงที่ได้ยิน นี่มันเป็นคำของพระนี่นา ผมได้ฟังพระเทศน์ในสถานีวิทยุมาบ้างเรื่องความทุกข์และการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากน้อง นั่นล่ะมั้งที่ทำให้คำว่าสาธุหลุดออกจากปากผมไปเกือบจะไล่เลี่ยกัน ผมจัดงานบวชให้น้องชายอย่างเรียบง่ายในวัดใกล้บ้าน พระใหม่ตั้งใจปฏิบัติจงกรมกรรมฐานอย่างเข้มงวด เจ้าอาวาสซึ่งรู้จักพวกเราดีก็ให้โอกาสเต็มที่ในวัตรต่างๆที่พระใหม่ควรทำ ผมก็ได้โล่งใจไปอีกหนหนึ่งในหนทางของน้องชาย แต่แล้วเรื่องก็มาถึงจุดหักเหอีกครั้ง เมื่อมีหญิงนางหนึ่งอุ้มลูกมาร้องกับเจ้าอาวาสว่าพระผู้นี้(น้องชายของผม)คือพ่อของเด็กที่อุ้มมา เขาไม่มีความรับผิดชอบ ไม่สมควรต่อการเป็นพระให้ศาสนาเสื่อม เธอโวยวายมากกว่านั้น พระน้องชายของผมไม่โต้ตอบด้วยถ้อยคำใดๆ ดูเหมือนยอมรับต่อวิบากกรรมนี้แต่โดยดี เมื่อสอบถามความจริงยืนยันกันได้ว่าเรื่องราวเป็นตามที่ผู้กระเตงลูกร้องผมก็ช่วยรับผิดชอบเพื่อให้เธอกับลูกได้กลับบ้านกลับช่อง ส่วนน้องของผมผมถามว่าจะเอาอย่างไร คำตอบของนักรบชัดยิ่งกว่าชัด "ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวพี่ ขอบคุณพี่มากที่อบรมสั่งสอนผมอย่างดี แต่ผมมันไม่ดีเอง ขอรับกรรมทั้งหมดที่เคยก่อ" ผมมองตามน้องชายที่กำลังจะจากไปสู่บ้านอีกหลัง เขาจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขนับจากนี้ไปคงเป็นสิ่งที่เขาเลือกเองล้วน ๆ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าที่ไหนที่มียาทาหัวใจให้หายดำด่างได้ ก็ได้แต่อวยพรว่า.. โชคดีเถิดอ้ายหน้าดำน้องรัก
3 มีนาคม 2551 07:10 น. - comment id 99276
สวัสดีครับ ถ้าผมเขียนเรื่องนี้จบได้ผมขอเรียกตัวเองว่านักเขียนได้ไหมครับ-ฮา
3 มีนาคม 2551 12:25 น. - comment id 99279
ตอนนี้ก็น่าจะเรียกได้แล้วนะคะ ... เอาเป็นว่า "แล้วจะคอย ติดตามตอนต่อไป"
3 มีนาคม 2551 14:18 น. - comment id 99281
เป็นกำลังใจให้เต็มที่ครับ
3 มีนาคม 2551 14:37 น. - comment id 99283
ขอบคุณคุณหลังม่านและคุณboytilldieมากครับ ที่เข้ามาให้กำลังใจ
3 มีนาคม 2551 16:37 น. - comment id 99286
สวัสดีคะคุณก่อพงษ์ คนเราเมื่อมีความรัก มีเหตุและผลสมดุลย์กัน เมื่อมีปัญหาก็ยอมมีหนทางแก้ จะรอคอยติดตามต่อคะ
3 มีนาคม 2551 17:09 น. - comment id 99289
สวัสดีครับคุณรอยทาง คนเราเมื่อมีความรัก มีเหตุและผลสมดุลย์กัน เมื่อมีปัญหาก็ยอมมีหนทางแก้ ผมนิยมความคิดนี้ครับ
3 มีนาคม 2551 19:29 น. - comment id 99291
สวัสดีครับน้องดอกบัว น้องคงรู้แล้วนะครับ
3 มีนาคม 2551 19:48 น. - comment id 99292
ขาวอ้อกลอก ภาษาเหมือนบ้านมีนเลย อิอิ จะคอยติดตามผลงานต่อไปค่ะ
4 มีนาคม 2551 00:54 น. - comment id 99294
สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์ ติดตามอ่านจนจบ สรุปว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ดูพี่น้องครอบครัวคุณก่อพงษ์ คุยกันน่ารักดีนะคะ ขอบคุณคะ
4 มีนาคม 2551 02:05 น. - comment id 99296
สุดยอดเลยค่ะพี่ แบบนี้หนูว่าพี่เป็นนักเขียนได้แล้วนะ พูดจิงๆว่า.....สงสารเกือบแอบปล่อยน้ำตาเล็ดออกมาแหนะ เฮ้อ ชีวิตมนุษย์
4 มีนาคม 2551 06:02 น. - comment id 99298
อรุณสวัสดิ์ครับคุณรอยทางและคุณ p.g. สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อืม.....สรุปได้แจ่มมาก มิตรใหม่คุณ p.g. ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมฝันอยากเป็นมานานแต่อายที่จะเรียกตัวเองอย่างนั้น เพราะเขียนได้ไม่กี่เรื่องเอง ผมจะพยายามครับ
3 มีนาคม 2551 19:11 น. - comment id 99299
สวัสดีค่ะ พี่ก่อพงษ์ ดอกบัวรออ่านคำตอบน้องชายพี่ก่อพงษ์ ว่าจะมีความรักที่แท้จริงหรือเปล่าค่ะ ขอให้พี่และครอบครัวมีความสุขค่ะ
3 มีนาคม 2551 20:11 น. - comment id 99300
สวัสดีครับคุณมายอามีน ผมว่าคุณมายอามีนต้องร่ำรวยหรือไม่ก็มั่งคั่งคำวิเศษณ์ที่จะเอามาเขียนกลอนได้แน่ๆเลย
4 มีนาคม 2551 20:02 น. - comment id 99305
สวัสดีค่ะ นี่เป็นเรื่องที่สองของคุณที่ฉันอ่านนะคะ ขอบอกว่าคุณเป็นนักเขียนที่มีศักยภาพสูง และมีความสามารถโดดเด่นทีเดียวค่ะ เนื้อเรื่องมีความสนุก ให้แง่คิด และชวนติดตาม รับรองว่างานเขียนของคุณจะต้องไปได้ไกลแน่นอนค่ะ
4 มีนาคม 2551 16:44 น. - comment id 99307
แว๊กกก...ข้อความไม่ขึ้น...ขอโทษ ก่อพงษ์ด้วยนะคะ รบกวนช่วยลบค.ห ที่ 14-15 ของ โคลอนด้วยนะคะ ว่าจะทักทาย คุณ พีรเดช นวลสายเสียหน่อย ข้อความล่องหนซ้า
4 มีนาคม 2551 16:45 น. - comment id 99308
เรื่องสั้น ของ ก่อพงษ์า อ่านแล้วเพลินเลยค่ะ แบบนี้ไม่เรียกว่านักเขียนก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรได้แล้วค่ะ เขียนมาอีกเยอะๆนะคะ จะรออ่าน
5 มีนาคม 2551 15:49 น. - comment id 99315
สวัสดีค่ะ.. ไม่คุยกับคุณก่อพงษ์น้าน..นานแล้วนะเนี่ย อ่านเรื่องสั้นแบบนี้แล้ว..พอเจอคอมเม้นท์แรก ได้อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ คุณก่อพงษ์ เอ..ไม่ทราบเคยไปแวะเยี่ยมเยียนเว็บพีเสวิกุลหรือยัง ของคุณประภัสสร เสวิกุลน่ะค่ะ ท่านรับเรื่องสั้นลงคลินิกด้วย.. ลองส่งไปได้นะคะ ออนไลน์อยู่ที่ www.psevikul.com ขอความมั่นใจจงบังเกิดแก่ท่าน
5 มีนาคม 2551 15:51 น. - comment id 99316
เจ้ย... ไม่ได้ว่าคุณก่อพงษ์ไม่ใช่นักเขียนนะคะ.. อารมณ์เดียวกันหมายถึง สีน้ำฟ้าก็ไม่เคยมั่นใจว่าเรื่องที่เราเขียน พอผ่านสายตานักอ่านทั้งหลายแล้ว.. เราจะถูกเรียกว่านักเขียนไหมน่ะค่ะ แหะ แหะ .. ขออภัยที่เขียนเอง..เข้าใจเอาเอง ทำเอาคุณจะเข้าใจผิดซะแน่ะ ขออภัยๆๆๆ
5 มีนาคม 2551 17:41 น. - comment id 99317
สวัสดีครับคุณ โคลอน ผมขอบคุณมากครับที่ให้กำลังใจ เมื่อวานหลังจากลบความคิดเห้นที่คุณระบุแล้ว ผมเข้าเน็ตไม่ได้อีก พยายามแก้ไขอยู่หนึ่งวันเต็ม ๆ จึงเข้ามาได้อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมยังอยากเขียนนะครับ เมื่อเช้าได้ยินเรื่องโรงเรียนฝึกควายแล้วก็เกิดอยากเขียนเรื่องโรงเรียนฝึกงัวดูบ้าง ผมฟังเขาเล่าแล้วยังนึกขำอยู่เลย จะลองดูนะครับ ====== สวัสดีครับคุณการัณยภาส ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับกำลังใจจากคุณการัณยภาสนะครับ ผมเก็บต้นฉบับเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ส่งไปสำนักพิมพ์ไว้ดูนะครับ บรรณาธิการแก้ตั้งแต่บรรทัดแรกของหน้าแรกไปถึงเกือบครึ่งเรื่อง คงเหน็ดเหนื่อยกับผมน่าดู สรุปแล้วก็คือสำนวนของผมตอนนั้นมันไม่เป็นธรรมชาติ คำพูดคำจากันของชาวบ้านแถวภาคกลางคงไม่เป็นอย่างนั้นอย่างที่ผมเขียน มันก็คงใช่แหละ เพราะพื้นเพของผมไม่ใช่คนพูดจาภาษากรุงเทพฯเด๊ะ ๆ คุณเชื่อไหม ครับผมขยาดที่จะส่งเรื่องสั้นไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่า ความอยากเขียนยังมีอยู่นะครับ ผมจึงแอบมาเขียนตามเว็บฯ แบบที่ทำอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมก็นับถือบรรณาธิการท่านนั้นมากนะครับที่เสียเวลากับผมคืออุตส่าห์คืนต้นฉบับที่ท่านแก้คำแก้สำนวนให้ แต่ผมมันไม่ดีเอง จิตใจอ่อนไหวเกินไปกับถ้อยคำของท่านบรรณาธิการ จนหยุดเขียน มาวันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ที่ได้จดหมายฉบับนั้นจากบรรณาธิการ ผมจะไม่เขียนในสิ่งที่ผมไม่รู้อีกต่อไป แต่สิ่งที่ผมรู้ผมก็คงไม่เขียนทุกเรื่องล่ะ ขอบคุณคุณการัณยภาส อีกครั้งครับที่ให้กำลังใจ ===== สวัสดีครับคุณสีน้ำฟ้า ดีใจจังครับที่ได้คุยกันอีก ในthaipoem.com มีงานร้อยกรองดีๆ ให้อ่านมากมาย งานของหลายท่านเป็นงานในระดับที่ผมเคยอ่านในหนังสือรวมกวีนิพนธ์นะครับ ผมคิดว่างานของหลายๆท่านน่าจะได้ประดับเป็นส่วนหนึ่งในสนามนิตยสารหรือหนังสือ เพื่อให้ได้รับรสแห่งถ้อยคำด้วยกัน แต่สนามเหล่านั้นคงมีที่ว่างเหลือน้อยมั้งคับ สำหรับการเขียนหนังสือ ผมอยากละเมอออกมาว่า ขอความมั่นใจจงมั่นคงอยู่กับข้าเถิด ฮา ขอบคุณคุณสีน้ำฟ้านะครับ
5 มีนาคม 2551 18:27 น. - comment id 99319
คุณสีน้ำฟ้าครับ ผมเข้าไปอ่านคลินิกเรื่องสั้น แล้วครับ เรื่องบ้านนั้นเขามีงานศพ ที่คุณสีน้ำฟ้าเขียนและคุณประภัสสร เสวิกุลให้คำแนะนำนั้นผมก็ได้อ่าน แล้ว เมื่อย้อนกลับมาดูเรื่องสั้นของตัวเองก็เห็นได้ทันทีเลยว่าขาดหรือเกินตรงไหนบ้าง ต้องขอบคุณคุณสีน้ำฟ้าอย่างยิ่งที่แนะนำให้เข้าไปอ่านที่www.psevikul.com และขอกราบขอบพระคุณคุณประภัสสร เสวิกุล อย่างยิ่งด้วยครับที่ทำให้ผมหูตาสว่างขึ้นมาก หลังจากที่ตาบอดตาใสมาตั้งนาน
6 มีนาคม 2551 01:07 น. - comment id 99326
คุณก่อพงษ์ แจมว่านะ.. ด้วยปัจจัยหลายอย่าง..ทำให้งานเขียนของ "สีน้ำฟ้า" มีจุดบกพร่องไป ดังนั้นเมื่อไปถูกทิศ ถูกที่ ก็เลยได้กำลังใจและความรู้เสริมเข้ามา แจม รู้จักคุณครูประภัสสร ผ่านอินเตอร์เน็ตค่ะ มิเคยสนทนากันส่วนตัวสักหน แต่ท่านเมตตามากๆ งานทุกชิ้นที่ไปถึง ท่านจะรีบ "ดูให้" อย่างเรียกว่า "ที่ว่าง" ที่คุณกล่าวถึงเขาไม่ค่อยดูดำดูดีกะเรา.. ทั้งนี้ทั้งนั้น พอได้กำลังใจมา ก็เริ่มจะ ลองของอีกแล้ว..หลังจากที่ไม่ได้มอง "ที่ว่าง" ที่ว่ามานาน ฉะนั้นตอนนี้ลองซื้อพวกนิตยสารรายปักษ์ กลับมาอ่านอีกครั้ง นี่เพิ่งผนึกซองเสร็จค่ะ.. หวังว่า.. ความมั่นใจของแจม คงพอจะมีที่ว่างให้บ้าง..ก็เท่านั้นเอง ยินดีที่ได้คุยกันอีกเช่นกันค่ะ
6 มีนาคม 2551 06:58 น. - comment id 99331
อรุณสวัสดิ์ครับคุณสีน้ำฟ้า ถ้าไม่ส่งต้นฉบับเราก็ไม่มีทางได้เกิดในที่ว่างนั้น คุณสีน้ำฟ้าทำถูกต้องแล้วครับ ผมขอเชียร์ เมื่อถึงเวลาอันควรผมจะตามคุณสีน้ำฟ้าไป