"ตั้งแต่เกิดฉันกำพร้า บิดรมารดาผู้ให้กำเนิดฉัน มีเพียงดาวเดือนและดวงตะวัน ที่ปลอบดวงใจคลายเหงาเศร้าตรม" เนื้อเพลงท่อนหนึ่งชื่อ เด็กกำพร้า ของ อ๊อด คีรีบูน นักร้องขวัญใจวัยมัธยมต้นของฉัน ทำให้สะดุดและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชีวิตฉันเอง ฉันเกิดมาพอจำความได้ก็ถูกเรียกว่าเป็น ลูกกำพร้า ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจความหมายว่าลูกกำพร้าคืออะไร ฉันกำพร้าพ่อ พ่อตายไปตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ พอจะจำหน้าพ่อได้อย่างลางเลือนเรามีพี่น้องท้องเดียวกันทั้งหมด 8 คน ฉันเป็นคนที่ 7 ทุกคนยังเด็กมากเรียงลำดับเกิดกันมา ฉันไม่มีโอกาสได้เรียกคำว่า "พ่อ" แบบถนัดๆ ปากเหมือนคนอื่นเขา ฉันจำไม่ได้ถึงความรักและสัมผัสอันอบอุ่นที่พ่อมอบให้ฉัน 20 ธันวาคม 2515 ค่ำคืนดึกดื่นอันแสนเศร้าฤดูหนาว ขณะที่แม่นั่งให้นมน้องชายคนเล็กเพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่เดือน เสียงลมหายใจของพ่อดังฟืดๆ ขึ้นมาสองสามครั้ง แม่ต้องรีบวางน้องวิ่งเข้าไปประคองตัวพ่อ พ่อหายใจไม่ออกท้องแข็งแน่นหน้าอก ดูแม่กระวนกระวายกระวีกระวาดใช้มือกดท้องร้องเรียกพ่อเสียงดัง ฉันนั่งอยู่ข้างๆ ตามประสาเด็กวัย 2-3 ขวบ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อก็สิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ได้พูดหรือสั่งลา แต่หมอลงความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวฉับพลันทั้งที่พ่อยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น ตื่นเช้าฉันเห็นผู้คนชาวบ้านทะยอยเดินกันมาที่บ้าน บ้างก็ถือข้าวสารอาหารแห้งมาให้ ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรกัน แต่ฉันก็เห็นร่างพ่อนอนแน่นิ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านมีผ้าสีขาวคลุมไว้ทั้งตัว มีผู้ชายสี่ห้าคนพยายามยกพ่อเข้าใส่โลงไม้เล็กๆ บางคนร้องให้น้ำตาไหลบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ฉันสังเกตุเห็นพี่ชายคนโตสองคนตอนนั้นเขากำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ป.6 จำได้พอคลับคล้ายคลับคราเหมือนแม่จะหมดหนทางที่จะให้พี่ทั้งสองเรียนต่ออีก เขานั่งก้มหน้าร้องให้หัวกระแทกฝาบ้าน ปัง ปัง วันต่อมาฉันถูกแม่อุ้มเอาไว้ที่เอวเดินมาพร้อมกับผู้คนมากมายแบกโลงศพพ่อมาที่วัด แล้วนำมาวางไว้บนกองฟืนแล้วก็จุดไฟเผา ไม่เข้าใจความหมายว่าคนเหล่านั้นกำลังทำหรือเล่นอะไร ฉันไม่เข้าใจคำว่าสูญเสีย ไม่รู้จักคำว่าเสียใจ ไม่เคยรู้จักคำว่า "ตาย" และแล้วในวันต่อๆ มาฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าชายที่เป็นพ่อคนนั้นอีกเลย เขาหายไปไหน... ทำไมเขาถึงไม่กลับมาที่บ้านมาอยู่กับพวกเราเหมือนเช่นเคย ด้วยความสงสัยของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ยินแต่คนอื่นเขาพูดว่าพ่อของฉัน "ตายแล้ว" ณ วันนี้ใครที่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ จงห่วงใยดูแลกลับไปหาและเอ่ยคำว่า "รัก" กับท่านทุกๆ ครั้งก่อนที่คุณจะไม่มีพ่อหรือแม่ให้เรียกคะ 02/03/2551 @@@@@ 2,, แม่เล่าให้ฉันฟังว่า... ด้วยวิถีชีวิตที่จนและดิ้นรน นับแต่ปี 2510 ที่พ่อกับแม่ย้ายจากถิ่นเดิม เข้ามาปักหลักทำมาหากินในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ซึ่งมีไม่กี่หลังคาเรือนตอนนั้น ปกคลุมไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่ามากมาย ความเจริญยังเข้าไม่ถึง ถนนยังเป็นทางเกวียน ยังใช้ไฟตะเกียงน้ำมัน ค่ำลงก็มองไม่เห็นกันแล้ว แม่เล่าว่าพ่อเป็นที่รักและชื่นชมของคนในหมู่บ้านและมีอาชีพอย่างหนึ่งคือเป็นหมอ พูดง่ายๆ เป็นหมอเถื่อนนั่นเอง ไม่ได้มีใบประกอบวิชาชีพอะไร พ่อได้รับวิชาความรู้ถ่ายทอดจากญาติซึ่งเป็นพยาบาล หาความรู้อ่านเองบ้างในตำหรับตำรา ยุคสมัยนั้นอะไรต่างๆ ก็ยังเข้าไม่ถึงชาวบ้าน พ่อได้ช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านให้พ้นจากความเจ็บไข้ได้ป่วย จากไข้ป่า พ่อจึงถูกเรียกว่าหมอ ฉันจำได้ตอนเป็นเด็กไม่สบายเคยโดนพ่อเอาเข็มแทงก้นจนร้องจ๊าก.... บ้านเรือนไม้หลังใหญ่เสาสูงที่พวกเราอาศัยอยู่ พ่อต้องเหน็ดเหนื่อย ออกแบบสร้างเอง ฉันเคยเห็นเครื่องมือช่างของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นกบใสไม้ อุปกรณ์ช่างต่างๆ ยุคสมัยนั้น ทุกอย่างต้องทำขึ้นด้วยตัวของพ่อเองจากเป็นหมอ พ่อก็มาเป็นวิศวกรอีกแล้ว ไม่มีเครื่องจักรอะไรมาช่วยผ่อนแรงช่วยกันทำกันสร้างกับชาวบ้าน ทุกอย่างยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์พ่อก็มาตายจากไป ยามฝนตกพวกเราวิ่งเอาขันกะละมังไปรองน้ำฝนตามรูรั่วของหลังคาบ้านเก็บข้าวของเข้ามุมกลัวว่ามันจะเปียก เมื่อฉันเริ่มโตขึ้นได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านสมัยนั้นเล่าและชื่นชมในตัวพ่อให้ฟัง พ่อฉันเป็นคนดีไม่น่าจากไปเร็วเช่นนี้ และพ่อยังเป็นคนคิดหัวเรี้ยวหัวแรงนำชาวบ้านก่อสร้างวัดขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในหมู่บ้าน และไม่น่าเชื่อว่าวัดนั้นจะกลายเป็นที่เผาศพของพ่อเป็นคนแรก พ่อกับแม่เรียนจบแค่ชั้น ป.4 มีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้าน เขาทั้งสองมีความฝันร่วมกันนั่นก็คืออยากให้ลูกๆ เรียนสูงๆ หลังจากพ่อเสียชีวิตฉันจึงเห็นสองแขนของแม่เป็นทั้งพ่อและแม่โอบอุ้มปกป้องพวกเราลูกทั้ง 8 คน ไว้ในเวลาเดียวกัน เป็นเสาหลักที่หักไม่ได้อีกแล้ว สู้ฟันฝ่าอุปสรรค์ทำนาทำไร่เป็นหนี้เป็นสินก็ยอม ฉันเห็นแม่วิ่งเข้าออกบ้านเถ้าแก่เพื่อกู้เงินมาทำนาทำไร่แบ่งบางส่วนให้ลูกๆ ได้เรียน สิ้นปีแม่ต้องขายของในไร่นาให้เถ้าแก่เหลือหักหนี้สินไม่กี่บาทก็ต้องกู้ยืมเขาต่ออีก ฉันเห็นภาพเหล่านั้นจนไม่อยากจะคิด แม่บอกว่า "ถ้าเราไม่มีข้าวของในไร่นาขายหักหนี้ให้เขาก็คงไม่ให้เรากู้หรอก" เพื่อสานฝันอันยิ่งใหญ่ของพ่อที่พวกเขาเคยตั้งความหวังไว้ด้วยกัน แม่เป็นหญิงแกร่ง หญิงเหล็ก มือก็ไกวดาบก็แกว่ง บางครั้งฉันก็แอบเห็นน้ำตาแม่ไหล แม่บอกว่ายอมอดยอมเหนื่อยได้เพื่ออนาคตของลูก ฉันจึงเห็นภาพของแม่มาคอยเตือนฉันทุกๆ ครั้งเมื่อยามที่ฉันท้อและหมดกำลังใจ.... 03/03/2551 เหลืออีกนิดก็จบแล้วคะ
3 มีนาคม 2551 04:09 น. - comment id 99272
ที่เขียนขึ้นมา อยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่า ชีวิตคนเรานั่นไม่แน่นอน เมื่อเราคิดอยากทำก็รีบทำ คิดอยากจะรักใครก็บอกเขาไปเลยก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้พูด พรุ่งนี้อาจไม่มาถึง เรามีแต่คำว่าวันนี้และเดี๋ยวนี้คะ
3 มีนาคม 2551 07:14 น. - comment id 99277
สวัสดีคุณรอยทาง มาแสดงความชื่นชมยินดีครับ ขอให้คุณสร้างงานที่มีคุณค่าประดับหัวใจผู้คนต่อไป ขอบคุณครับ
3 มีนาคม 2551 12:31 น. - comment id 99280
สวัสดีคุณรอยทาง อ่านแล้วก็ประทับใจดีนะ แต่ก็เศร้าด้วย ... รีบเขียนต่อให้จบนะคะ อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว
3 มีนาคม 2551 16:14 น. - comment id 99284
สวัสดีคะคุณก่อพงษ์ ขอบคุณมากคะสำหรับกำลังใจ และแรงบันดาลใจแก่เพื่อนนักเขียนมือใหม่ ทำให้รอยทางกล้าตัดสินใจร้อยเรียงตัวอักษร สู่สายตาเพื่อนสมาชิก ช่วยแนะนำติชมด้วยนะคะ ขอบคุณคะ
3 มีนาคม 2551 16:20 น. - comment id 99285
สวัสดีคะคุณหลังม่าน ขอบคุณคะที่เข้ามาทักทาย ขอบคุณอีกครั้งที่เนื่อหาทำให้คุณประทับใจ เป็นธรรมดาของมนุษย์และสัตว์โลก มีสุข ทุกข์ เศร้าเคล้ากันไป แล้วแต่ชีวิตใครจะเจอแบบไหน ในบางครั้งเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงของชีวิต และเดินหน้าต่อไปเพราะจดจบของชีวิตก็คือ "ความตาย" เท่านั้นเอง ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมทางคะ
4 มีนาคม 2551 00:39 น. - comment id 99293
สวัสดีคะ คุณดอกบัว ที่เข้ามาทักทายเป็นกำลังใจ ดอกบัวเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่รอยทางชอบมาก ชื่อนี้คงมีที่มาที่ไปแน่เลย การที่เราเกิดมาเป็นลูกกำพร้า ใช่ว่าเราจะหมดหนทาง ต้องขอขอบคุณท่านที่ทำให้เราได้เกิดมา หากแต่เราต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเอง อดทน สู้ ใช้ความฝันเป็นแนวทางสู่ความเป็นจริงของเรา ขอเป็นกำลังให้คุณดอกบัว ขอบคุณคะ
3 มีนาคม 2551 20:47 น. - comment id 99301
สวัสดีค่ะ คุณรอยทาง ดอกบัวกำลังติดตามอ่านงานคุณอยู่ค่ะ ดอกบัวรู้ว่า ความรู้สึกลูกกำพร้าเป็นอย่างไร คุณยังดีที่มีคุณแม่อยู่ แม่ดอกบัวท่านจากไป ตั้งแต่ดอกบัวได้ 4 ขวบ คุณเขียนต่ออีกนะค่ะดอกบัวจะเข้ามาอ่านค่ะ พ่อตายคือฉัตรกั้น หายหัก แม่ดับดุจรถจักร จากด้วย ดอกบัวไม่เหลือใครเลยค่ะ ทั้งพ่อแม่ ทั้งปู่ย่า ตายาย ขอให้คุณโชคดีค่ะ ขอให้สิ่งที่คุณตั้งใจทำจงสมเร็จค่ะ