อีนางเอก ตอนที่ 1

โนรีคำราม

"แค่นี้โอเคนะ พอได้ไอเดีย" 
"เย้" เสียงเฮดังของนักศึกษาแพทย์สาวบ่งบอกความดีใจเมื่อได้เวลาสำหรับอาหารเช้าของเธอ ไม่เกรงอกเกรงใจผู้เป็นอาจารย์ตรงหน้า
"ผมว่าตามตารางสอนคงได้ไม่หมด เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงหลัง echo เสร็จ โทรรหาผม คงต้องสอนเพิ่ม" อาจารย์หนุ่มแพทย์หนุ่มไปแรงออกคำสั่งนักศึกษาแพทย์อย่างกระตือรือร้นจะประเคนความรู้ให้ เป็นเรื่องที่หาได้ยาก
"ค่ะ" เป็นคำตอบของนักศึกษาแพทย์อีกคนที่ตั้งตนเป็นหัวหน้ากลุ่ม รับผิดชชอบการรนัดอาจารย์แพทย์ ณ วินาทีนั้น  เธอคนนี้ชื่อวีรดา
"เอ้อ...แล้วพรุ่งนี้กับวันพฤหัสผมจะสอนเพิ่ม เอาเป็น 11 โมงหรือบ่าย 3 ดี"
"โอ๊ย! 11 โมงสิคะ ตอนบ่ายจะได้เลิกเร็ว" คำตอบลักษณะนี้เป็นของคนเดียวกับที่ 'เย้!' ลั่นไอซียูเด็กเมื่อตะกี๊นี้แน่ๆ
"แต่ผมว่าสอน 11 โมงด้วย บ่าย 3 ด้วยดีกว่า" 
"ห๋า! อาจานปล่อยมุกแน่ๆ! ขำแล้วค่ะ....นี่มัน elective นะคะ"
"เรานี่ขี้เกียจแฮะ เนตรวดี" อาจารย์แผนกกุมารเวชฯมักจะใจดี จึงตำหนิเดกแค่เบาๆ
"โธ่ก็อาจานคะ นี่มัน elective เห็นเพื่อนคนอื่นเลิกก่อนแล้วน้อยเนื้อต่ำใจ"
ถัดจากคำแก้ตัวแบบ 'น่าเห็นใจซะจริง' ของเธอก็เป็นเสียงเฮครืนของนักศึกษาแพทย์อีกสามสี่คนที่นั่งล้อมโต๊ะเรียนวิชาเลือกตัวเดียวกับเธอ
"เอ้า...แล้วใครรับผิดชอบเป็นคนโทรมานัดผม" เมื่อระรอกแห่งเสียงเฮฮาผ่านมาจนถึงจังหวะที่เป็นท้องคลื่น อาจารย์หนุ่มก็รีบถามเอาความ
"หนูเองค่ะ" 
"โอเค วีรดา 11 โมงถ้า echo เสร็จ โทรหาผมนะ แล้วไปเจอกันที่ห้องชั้น 11 เลย"
"อ้าว แล้วถ้า echo ไม่เสร็จล่ะคะ นักศึกษาแพทย์เนตรวดีมักเตรียมทางหนีทีไล่ไว้พร้อมเสมๆ
"ถ้าไม่เสร็จก็เรียนทีเดียวบ่ายสามเลย"
-------------------------------------------------------------------------
เด็กหญิงตัวน้อยผมหยิกในชุดกระโปรงบานกับโบว์สีชมพูหวานซึ่งถูกหญิงวัยต้นสามสิบจูงเข้ามาเมื่อครู่ ตอนนี้นอนทำตาปริบๆอยู่บนเตียงที่มีนักศึกษาแพทย์ห้าคนล้อมอยู่ มีแม่นั่งลูบกระหม่อมเป็นพักๆ กันวงแตก
"จ๋าจ้ะๆ" อาจารย์สุธาทิพย์ กุมรแพทย์ทางด้านโรคหัวใจเด็กมักทำความคุ้นเคยกับคนไข้แบบนี้ประจำ
ภาพหัวใจเต้นตุบๆปรากฎขึ้นบนจอหลังจากหัวของเครื่อง echo ถูกวางลงกลางอกของเด็กน้อยวัยสามขวบซึ่งมาเพื่อตรวจเชคทางเชื่อมระหว่าเส้นเลือดแดงใหญ่กับเส้นเลือดจากหัวใจห้องล่างขวา ซึ่งควรจะปิดลงตามธรรมชาติเมื่อคลอดพ้นครรภ์มารดา แต่บางคนก็ยังไม่ปิด ทำให้เป็นโรค 'Patent ductus arteriosus' (PDA)
"นี่ left ventricle นี่ left atrium เห็นมั้ย"
"เห็นค่ะ เลือดวิ่งจาก left atrium ไป left ventricle"
นักศึกษาเพทย์ทั้งห้าคนต่างแสดงความสนอกสนใจในรูปแบบต่างกัน
รังสิมาพยักหน้ารับรู้และเข้าอกเข้าใจเป็นยระยะ
มิ่งขวัญยืนนิ่งทำตาว่างเปล่าใส่อาจารย์ไม่เว้นระยะ 
สาวหน้าคม วีรดา ตั้งอกตั้งใจตอบคำถามที่อาจารย์ไม่ได้ถามทุกช่องว่างของประโยคซึ่งอาจารย์ต้องการพักหายใจ ไม่เว้นสักเฮือกเดียว
"left ventricle กับ right ventricle โต"
"อื้อใช่  เด็กๆ เห็นไหมมีเลือดไหลจาก aorta ไป pulmonary artery มันก็เลย load "
"คนนี้ PDA ยังไม่ปิ" เธอมีความรู้ดีซะจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้ถามนะยังตอบได้ขนาดนี้ แล้วถ้าถามล่ะ จะตอบได้ขนาดไหน
เอาล่ะ แล้วคุณรู้มั้ยว่ายัยเนตรวดีทำอะไร ขณะที่ทุกคนต่างจ้องที่จอเครื่อง echo อย่างคนจะเรียนหนังสือ เธอกลับแลบลิ้นปลิ้นตาแล้วหลอกเด็กด้วย 'ลังโคม เลอ รูจ แอบโซลู เดอซีร์ เอสพีเอฟ 12'  ลิปสติกของเธอนั่นเอง
สีแดงเลือดนกและความแวววาวของฝาลิปสติกเรียกความสนใจเด็กผู้หญิงได้ดีจนเธอเอื้อมมือมาคว้าพลางถือไว้แล้วพินิจพิจารณาสิ่งสวยงามตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
เด็กหญิงเขย่าแท่งลิปสติกไปมาพลางใช้อีกมือดึงเล่นอยู่กับมันสักระยะ แล้วรอยยิ้มก็กว้างขึ้นเมื่อสีชมพูแว๊บติดเลอะมือเธอ
"สวยไหมคะ มีกากเพชรด้วนน๊า"
เนตรวลีชื่นชมเด็กผู้หญิงซึ่งกำลังพอใชสีสวยพริ้งของลิปสติกที่เธอเปิดฝาเล่นได้ด้วยตนเอง
"ว้าย!! กินไม่ได้ลูก! ไม่ได้มีไว้กิน" 
โชคดีที่มือช่างฉวยโอกาสของเธอนั้นฉวยแขนเด็กน้อยไว้ทันก่อนเอาลิปสติกเข้าปาก โอ๊ย ไม่ใช่ถูกๆนะ กว่าเธอจะตะล่อมเอาของน้ามาได้
ลิปสติกถูกหยิบออกจากมือเด็กหญิงแล้วปิดฝาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ทันทีที่เธอนึกได้
"วี๊ดดดดด!!!!!!"
เสียงประท้วงของเด็กหญิงซึ่งถูกพรากจากของเล่นแสนสวยทิ่มทะลุหูชั้นในของนักศึกษาแพทย์อีกสี่คนและอาจารย์สุธาทิพย์ ขณะที่ร่างเล็กดิ้นเร่าๆอยู่บนเตียง
และทุกสายตาก็จ้องมาที่เนตรวดีในทันที อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
"น้องเขาจะกินลิปสติก"
คำอธํบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสรุปของเธอใครบ้างจะไม่เอือมระอา
"เอ้าเอาผ้ามาเช็ดเจลให้เด็ก"
(หมายเหตุ: ต้องทาเจลที่อกเด็กห่อนวางหัวเครื่องเอคโคลงที่อกเด็กนะจ๊ะ)
อาจารย์สุดารัตน์พูเพียงแค่นั้นแล้วเดินออกไปสั่งยา
"ไอ้เนตรแกโรคจิตรึไง ชอบแกล้งให้เด็กร้อง" นักศึกษาแพทย์มิ่งขวัญด่าอย่างเกลียดเสียงแสบแก้วหู
"จะบ้าเหรอ ฉันหลอกเด็กให้เฉยอยู่ได้ตั้งนานตอนอาจานสอน" 
"เออ...สิบเอ็ดโมงแล้ว โทรหาอาจารย์ธรรมนูญแล้วนะ" วีรดา หัวหน้ากลุ่มผู้รู้หน้าที่เจ้ากี้เจ้าการจะโทรหาอาจารย์หนุ่มตามที่ตกลงกันไว้
"คนไข้หมดแล้วเหรอ" มิ่งขวัญถามอย่างสงสัย 
 "11โมงแล้ว หมดแล้วมั๊ง" สาวหน้าคมมองไปยังแม่ๆและเด็กๆที่หน้าห้องแล้วประเมินจากสายตา
"บ้ารึไง เขาบอกว่าถ้าดูเอคโคเสร็จค่อยโทรตาม ทำไมเราจะต้องรีบเอคโคเสร็จด้วยวะ" คงไม่ต้องบอกว่านี่เป็นคำท้วงของใคร 
"เนตร  เราว่าอาจานเค้ตั้งใจสอนนะ เราว่า...ตอนที่เนตรพูดเหมือนไม่อยากเรียน...เราว่า...เขา.....นิดนึงอ่ะ   ....คือ...ก็นิดนึง" ถึงคิวรังสิมาออกความเห็นฟังดูแล้วก็ถูกของเธอ ใครๆที่เห็นอย่างเธอก็ต้องคิดอย่างเธอนั่นแหละ 
"แต่ว่าเขาไม่รู้หรอก เขาจะรู้ได้ไงว่าเอคโคเสร็จตแนไหน"
นิ้วเรียวยาวของสาวผู้เป็นหัวหน้าละจากการลูบแก้มเด็กชายหน้าขาวแก้มยุ้ยเหมือนลูกเกาหลีขณะเดินผ่านหน้าเธอไป แล้วล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือทำท่าจะกด แต่หันมาตำหนีเพื่อสุดขี้เกียจก่อนว่า
"นั่นน่ะสิ เราว่าอาจารย์เขาไม่พอใจ เราไม่เข้าใจว่าแกก็บอกว่าอยากเป็นหมอเด็ก แต่แกก็ไม่เห็นสนใจเรียน แล้วแกก็ชอบเล่นกับเด็กแบบแปลกๆ ชอบแกล้งให้เด็กร้อง เราว่าอาจานสุธาทิพย์เขาอารมณ์เสีย อาจารย์ธรรมนูญก็ไม่ค่อยพอใจแก ถ้าแกกลับมาสมัครเรียนเด็กที่นี่เป็นเราเราก็ไม่รับหรอก"
ใบหน้าผ่อนคลายของสาวขี้เกียจเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำในทันใด และอารมณ์ที่ไม่ต้องเดาก็พาเท้าทั้งสองของเธอก้าวออกจากห้องนั้นมา และเธอก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะพักโดยมีเพื่อนสองตนเดินตามมา
"แกไม่ต้องไปสนใจ" ขอบคุณที่มิ่งขวัญมันเกลียดวีรดา ไม่งั้นไม่รู้เหมือนว่าว่าจะมีคนเข้าข้างเธอรึเปล่า
"เนตรเราไม่ได้อยากว่าแกนะ เราแค่เกรงใจอาจานเค้า ....เห็นอาจานเค้าอยากสอน" รังสิมาเดินมาง้ออย่างกลัวเพื่อนโกรธ
ขณะที่ผลการง้อของเธอคือ
"จะบ้ากันรึไง แกไม่มีสิทธิ์มาประเมินฉันเลยด้วยซ้ำว่าฉันเหมาะรึไม่เหมาะจะเป็นหมอเด็ก   ฉันเล่นกับเด็กเพราะฉันเอ็นดู และฉันก็มีวิธิของฉัน ไม่ได้สำคุญว่าบ้านใครเขาจะเล่นกันแบบนี้รึเปล่า  อย่างน้อย..."
"เนตร...เรา"
"ฉันมีวิธีหลอก และวิธีเล่นของฉัน ทั้งๆที่บางคนมันไม่มองหน้าเด็กด้วยซ้ำเวลาเล่นกับเด็ก แต่ทำท่านางฟ้าไปงั้นเพื่อให้ตัวเองดูสวยชิหายๆๆๆ"
"ใจเย็ยๆ แกไม่ต้องไปสนใจอีนังวีรดามัน" มิ่งขวัญเข้าใจเธอ ไม่ใช่เพราะรักเธอหรอก แต่เพราะเขาเกลียดคนๆเดียวกัน
"ฉันเลือก elective เป็นเด็กหมดทุกตัวเพราะฉันอยู่ที่วอร์ดนี้แล้วมีความสุขที่สุด ฉันจะขยันหรือจะขี้เกียจมันไม่เกี่ยวกับเธอ ยังดีกว่าเลือกวิชาเลือกเพื่อมายั่วอาจาน"
"บอกแล้วว่าอย่าสนใจคนแบบนั้น" มิ่งขวัญพยายามปลอบเพื่อน เพราะมันไม่หยุดพูดซะที
"แล้วการที่ฉันบอกอาจานว่าอยากเลิกเร็วมันก็เป็นวิธีสร้างบรรยากาศการเรียนของฉัน มันไม่ประจบประแจงออเซาะเหมือนเธอก็เลยอาจจะดูไม่ดี เพราะฉันชอบที่จะเป็นเด็กให้อาจานเคี่ยวเข็ญมากกว่าเป็นคนสวยที่อาจานหนุ่มติดใจ"
เมื่อเธอพูดจบสีเขียวคล้ำบนใบหน้าก็หายวับไปราวกับถูกพ่นออกมาระรอกใหญ่  หางตาของเธอมองเห็นแต่รังสิมา เพื่อนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซึ่งน้ำตาซึมคิว่าตัวเองถูกด่า กับอีนางเอกคนสวยที่ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องทีค่เกิดขึ้น หูก็ฟังเสียงสมทบจากมิ่งขวัญว่า 
"มันทำเป็นไม่รู้เรื่อง แกอย่าไปใส่ใจ"
"ใครมันอยากเป็นนางเอกก็ปล่อยให้มันเป็นไป .........รังสิมา! ฉันไม่ได้ด่าแกนะ ฉันด่าเพื่อนแกอีกคน" 
เธอทำหน้างง!
------------------------------------------------------------
และวันต่อมา ข่าวการทะเลาะกันของเนตรวดีกับรังสิมาก็แพร่สะพัดไปทั่วชั้นปี โดยที่เนตรวดีเป็นฝ่ายงี่เง่าและแย่สุดแย่ 
คุณว่ามั้ย บางทีเธออาจแย่จริงๆ
แต่จะบอกให้ว่าคุณไม่มีสิธิ์ประเมิน เพราะคุณน่ะแน่ใจแล้วเหรอว่าคุณสมบัติที่ไม่แย่น่ะเป็นยังไง แล้วแค่ฉากเดียวน่ะ คุณรู้แล้วเหรอว่าเนตรวดีเป็นคนยังไง				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน