..ต่างชีวิตและความเข้าใจ...
ชินเดช ญาณรัตน์
สายฝนภายนอก ยังโปรยปรายหนักหน่วง
ขณะเขาพาร่างเปียกโชกเข้าไปในห้อง รู้สึกหนาวจนฟันกระทบกันกึกๆ นิ้วมือซีดเผือด เขาปิดประตู เสียงอื้ออึงของลมฝนหรี่เสียงลงไปถนัดใจ ห้องปิดกระจกแน่นกลบเสียงได้มากทีเดียว และตอนนี้เขาก็ไม่อยากเปิดหน้าตาต่างนัก เขาควรหาความอบอุ่นให้ร่างกายตัวเองมากกว่า
เขาค่อยๆแกะกระดุมเสื้อออกอย่างยากลำบาก นิ้วมือชาเหน็บจนไม่อยากกระดุกกระดิก เสื้อเปียกน้ำฝนจนชุ่ม รัดแน่นแนบผิว กว่าจะถอดออกได้ก็ทุลักทุเลสิ้นดี นึกสมน้ำหน้าตัวเองขึ้นมาอีก ที่เดินตากฝนมาจนเปียกปอน ทันทีที่ก้าวลงจากรถประจำทาง เขาน่าจะหยุดรอให้ฝนหายเสียก่อนเหมือนคนอื่ๆนที่ยืนเบียดเสียด หน้าสลอนกันอยู่ในศาลาที่พักผู้โดยสาร มันเป็นฝนหลงฤดู ทุกคนคงไม่คาดคิดว่า ฝนจะตกลงมาอย่างกระทันหัน ไม่มีใครมีร่มติดตัวกันมาสักคนรวมทั้งตัวเขาเองด้วย
แต่เขากลับเดินดุ่ม ฝ่าสายฝนไปหน้าตาเฉยเพียงลำพัง ทุกคนมองตามร่างเขาไปเป็นจุดเดียวกันอย่างงุนงงสงสัย คงมีใครคิดว่าเขาบ้า สติไม่เต็มเต็ง ช่างเถอะ ไม่มีใครเข้าใจเขาเท่ากับตัวเองหรอก คนเราชอบที่จะคิดและมองคนอื่นไปต่างๆนานาอยู่แล้วเขาไม่อยากใส่ใจเลย
เขารู้ว่า เขาอยากกลับไปให้ถึงห้องพักให้เร็วที่สุดอยากขังตัวเองอยู่เงียบๆ เฝ้ามองดูสายฝนโลมดิน หรือไม่ก็นอนหลับตา ข่มหัวใจอันโหวงหวิว ความอ่อนแอกำลังจู่โจมเข้าสู่ความรู้สึก มากยิ่งขึ้นๆทั้งที่พยายามบอกกับตัวเองว่า เขาต้องเข้มแข็งให้ถึงที่สุด อย่างน้อยวันนี้เขาก็ชนะแล้ว
ใช่ เขาชนะแล้ว แม้จะต้องใช้ความเข้มแข็งกว่าทุกวัน แต่มันจะเปนครั้งสุดท้ายเขาจะเจ็บปวดอีกเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องเจ็บซ้ำซากอีกวันแล้ววันเล่า...
เขาเช็ดตัวลวกๆ เปลี่ยนเสื้อผ้า มองหาแก้วเหล้า วิสกี้ที่หลงเหลืออยู่กว่าค่อนขวดมื่อคืนก่อน คงช่วยเขาได้บ้าง เขาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ร้อนวูบอุ่นไปทั่วท้อง แล้วทุ่มตัวเองลงบนเตียงอยากหลับให้สนิทไปในทันที จะได้ไม่ต้องต่อสู้กับความเจ็บร้าวที่มันยังประดังอยู่ในใจก็ได้แต่คิดเท่านั้น เขารู้ตัวดี เขาเป็นอย่างนี้เอง เพียงมีอะไรมาสะกิดใจนิดเดียว เขาก็เก็บมาคิดแล้วนอนไม่หลับไปทั้งคืนบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันมากยิ่งกว่ากระเทือนไปทั้งชีวิตจิตใจทีเดียว
ป่านนี้ เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ก็คงต้องเสียใจ หรืออาจจะออกไปสนุกสนานกับเพื่อน เธออาจจะคิดไว้นานแล้ว และทำใจได้แล้วเมื่อรู้ว่า วันหนึ่งมันต้องเป็นเช่นนี้ หรือเธออาจจะนอนร้องไห้ รักมากก็ย่อมต้องเสียใจมาก โดยเฉพาะกับคนที่คิดว่ามีความหมายต่อชีวิตเราอย่างที่สุด เธอคิดว่ามันยุติธรรมแล้วใช่ไหม.. ก็เธอเป็นคนบอกเขาเองไม่ใช่หรือ วันหนึ่งถ้าต้องจากกัน เธอจะทนกับชีวิตที่เหลือได้อย่างไร
ทันทีที่นึกถึง ท่าทีเรียบๆหวานเศร้าของเธออย่างที่เขาเคยประทับใจ ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอีก ทั้งหวงแหนและรื้นรั้น เขาโหดร้ายต่อเธไปอหรือเปล่าหนอ แต่สิ่งที่เธอทำกับเขามันก็คู่ควรกันแล้ว
สักครู่ เขาก็กลับทำใจได้ใหม่ เขาจะต้องไม่ใจอ่อนอีก เขาควรจะทำอะไรบ้างและความรู้สึกที่หลุดหล่น เขาก็ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ทั้งหมด
นิยายรักระหว่างเธอกับเขา เกิดขึ้นง่ายๆก็ต้องจบลงง่ายๆไม่ใช่หรือ
เขาลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะข่มตาหลับต่อไป มองไกลออกไปนอกหน้าต่างห้อง สายฝนที่แน่นหนาทำให้มองเห็นแต่ละอองฝ้าขาวครอบคลุมไปทั่ว แต่ก็ยังมีแสงไฟเล็ดลอดมาบ้าง
ที่ที่เขาอยู่เป็นตึกสูง ห้องเช่าของเขาอยู่ชั้นบนสุด เขาพอใจตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาแล้ว ความสูงของมันทำให้มองทิวทัศน์ได้ไกลๆ ทุกเช้า ถ้าเขาไม่นอนดึกจนเกินไป เขาจะลุกขึ้นมานั่งมองพระอาทิตย์ขึ้น ด้านนั้นยังเป็นทุ่งกว้างที่พอมองเห็นอะไรได้บ้าง ทุกเช้า ตีนฟ้าด้านนั้น จะเริ่มต้นด้วยแสงนิ่มนวลอ่อนโยน อย่างที่เรียกกันว่าแสงเงินแสงทอง แล้วต่อมาก็ค่อยๆระบายสีส้ม จากนั้นดวงตะวันกลมโตจะโผล่ขึ้นมารทีละนิด พร้อมกับแจกจ่ายความสว่างไสวไปทุกแห่งหน จนแสงจัดจ้าเต็มที่นั่นแหละ เขาจึงลุกขึ้นอาบน้ำไปทำงาน
หลายสิ่งเมื่อเริ่มต้นมักอ่อนโยนเช่นนี้ แต่นานไปอาจจะไม่เหมือนวันเก่าก่อนเลย อย่างที่เขาเคยแปลกใจต่อดวงตะวันในตอนเที่ยงที่แปรเปลี่ยนไป ราวกับเป็นคนละดวงเป็นคนละสิ่งกับที่เห็นในตอนเช้าตรู่ แล้วในที่สุดก็จะค่อยๆอ่อนแสงลงในตอนย่ำเย็น อีกครั้งก่อนจะลับลาจากไป
แต่เรื่องราวของเขากับเธอ คงไม่อาจเดินย้อนกลับไปสู่วันแรกเริ่มได้อีก
มันจบแล้ว
เขาจะไม่หลอกตัวเองเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอีก จะมีประโยชน์อะไรที่คนสองคน ต้องมานั่งเสแสร้างว่าเข้าใจกัน ในเมื่อความแตกต่างมันชัดเจนอยู่ในความรู้สึก อันที่จริงเขาน่าจะรู้นานแล้ว เพียงแต่ตอนนั้น เขาไม่แน่ใจเท่านั้นเอง และเฝ้าแต่หวังว่า นานวันแห่งความสัมพันธ์ทุกสิ่งอาจจะดีขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่า มันคือความล้มเหลว เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงใครได้เลย สิ่งดีงามสำหรับเขา ก็คงไม่ใช่ความสลักสำคัญสำหรับใครๆ
ในวันแรกพบ ถ้ามีญาณทิพย์รู้ล่วงหน้าว่า ทุกสิ่งจะจบลงด้วยการแยกจาก เขาอยากรู้เหมือนกันว่า เขาจะดีใจไหม..
เขานั่งนิ่งอยู่เป็นนาน ขณะความมืดโรยตัวครอบคลุมไปหมดแล้ว ถ้าฝนไม่ตก คงไม่มืดเร็วกว่าทุกวัน บางทีเขาอาจจะได้ออกไปเดินในสวนสาธารณะใกล้ๆที่พักด้วยซ้ำ แต่ฝนตกหนักอย่างนี้ อะไรๆก็ได้แต่คิดเท่านั้นเอง เขาทอดสายตาผ่านเลยไปอย่างไม่มีจุดหมาย
ที่ผนังห้องด้านหนึ่ง มีรูปโปสเตอร์ขนาดใหญ่ติดอยู่ เป็นรูปทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆพราวไสวไปทั่ว มันช่วยให้ห้องเหงาๆดูมีชีวิตมากขึ้น เธอเป็นคนซื้อให้เขาจากแผงริมทางเท้าที่สวนจตุจักร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้นี่เอง เขายังจำคำพูดของเธอในวันนั้นได้หมด
ชอบดอกไม้สีขาวนักไม่ใช่เหรอเอ้า ฉันเอามาให้เต็มทุ่งกว้างเลย คุณไม่ต้องเปลี่ยนที่แจกันอีกแล้วนะ
เธออ่อนไหวและซ่อนแววฝันเช่นนี้เองที่ได้ผูกสัมพันธ์กับเขาแนบแน่น ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน วันหนึ่งเคยพูดถึงดอกไม้ด้วยกัน เขาบอกเธอถึงดอกไม้บางชนิดที่อาจะไม่สวยแต่แข็งแรงทนทาน เป็นประโยชน์กับสัตว์โลกบางชนิดที่ได้อาศัยเป็นอาหารด้วย เขาถามเธอว่าคือ ดอกอะไร เธอบอกว่ามันคือดอกหญ้า เธอชอบดอกหญ้า และชอบที่จะเป็นอย่างดอกหญ้า เพราะมันเข้มแข็ง อดทนและเจียมเนื้อเจียมตัว ดอกหญ้านั้นเกิดขึ้นมาเงียบๆโดยไม่ได้รับความใส่ใจจากใครเลย ต่อสู้กับธรรมชาติและผู้รุกรานโดยไม่ปริปากและเมื่อถึงวันหนึ่ง มันตายไปเงียบๆ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักเธอ ผู้หญิงผมยาว ผอมบาง เล็กๆคนนี้เขาตื้นตันจนนิ่งอึ้งไป เป็นเรื่องเล็กน้อยดอกหรือกับการที่เราได้พบคนที่อยู่ในความฝันของเรามานานแสนนานทั้งที่เราคิดว่า คงเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจู่ๆเขาก็ได้มาพบ
เขาบอกเธอว่า ผมอยากกอดคุณจังเขาจำไม่ได้ว่าเธอพูดอะไรกับเขาก่อนที่เธอจะมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาลูบผมยาวสลวยนั้น ขณะสบตากัน
คุณรักฉันจริงหรือ? เธอถาม
เขาได้แต่เพียงพยักหน้า ลำคอตีบตันด้วยความรู้สึกบางอย่าง
รักเถอะฉันเองก็มีคนที่รักฉันไม่มากนักหรอก
ช่วงนั้น เขารู้สึกเหมือนชีวิตสว่างไสวไปหมด วันคืนผ่านพ้นไปอย่างเป็นสุข โลกทั้งโลกเหมือนหุ้มห่อด้วยดอกไม้ เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก โดยเฉพาะกับเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอผ่านไปรวดเร็วจนเขาแปลกใจ และวันไหนที่ไม่ได้พบกัน วันนั้นจะกลายเป็นวันที่แสนเหงาและเชื่องช้าที่สุดในชีวิต
อากาศเริ่มเย็นลง ฝนสร่างซาแล้ว แต่ยังพรำเม็ดไม่หยุดเสียงกบ เสียงอึ่งอ่างร้องระงมเคล้าคลอขึ้น ด้วยบทเพลงธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ แต่เหงาเศร้าในความรู้สึกของเขา เวลาค่อนข้างดึกแล้ว เขาน่าจะนอนให้หลับ วันพรุ่งนี้เขาต้องเดินทางอีกไกลทีเดียว อาจจะไกลกัน จนตลอดชีวิต ทำไมเขาจะต้องมาสูญเสียเวลากับเรื่องนี้มากเกินไปนัก เขาตอบตัวเองไม่ได้และคงไม่มีตอบเขาได้เช่นกัน
เขาเอื้อมมือไปเปิดวิทยุที่หัวเตียง หมุนหารายการเพลงยามดึก บางที เสียงเพลงอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก็ได้ ก่อนจะเติมวิสกี้ที่เหลือจนเต็มแก้ว เริ่มต้นจิบช้าๆ เสียงเหงาๆของ จอห์น เดนเวอร์กำลังเริ่มต้นด้วยเพลงแสนเศร้าด้วยท่วงทำนองการลาจากของชายหนุ่มกับหญิงคนรัก ช่างกระหน่ำความรู้สึกเขาได้ดีเหลือเกิน
ฉันเก็บกระเป๋าทั้งหมดจนเรียบร้อย
และพร้อมที่จะไปแล้ว
ไม่อยากปลุกเธอขึ้นมาเพื่อจะเอ่ยคำอำลา
ขณะอรุณรุ่งกำลังปรากฏเช้าตรู่แล้ว
ฉันจะต้องจากไปแล้ว
- - - - - - - - - - - - - -
รู้สึกว้าเหว่จนอยากจะตายแล้ว
จูบฉันซิ.. และยิ้มให้ฉัน
บอกซิว่าเธอจะรอคอย
กอดฉัน ทำให้เหมือนว่าไม่อยากให้ฉันไป
- - - - - - - - - - - - - - -
ฉันจะจากไปแล้ว
ไม่รู้ว่า เมื่อใดจะได้กลับมาอีก
ที่รัก ฉันไม่อยากจากไปเลย
- - - - - - - - - - - - - - --
มีหลายสิ่งที่ฉันทำให้เธอผิดหวัง
แต่หลายครา ฉันเริงร่า อยู่ใกล้ๆเธอ
ที่รัก ขอบอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมายใดเลย
จูบฉันซิและยิ้มให้ฉัน
บอกซิว่า..เธอจะรอคอย
ฉันกำลังจะจากไปแล้ว ไปกับเครื่องบินแจ็ทในเช้าตรู่วันนี้เอง
- - - - - - - - - - - - - - - --
Theres so many times love let you down
So many times love played around.
I tell you now There don t mean a thing
เพลงชื่อ ฉันจะจากไปกับไอพ่น ของเดนเวอร์จบไปอย่างเหงาๆ ระโหยหา โฆษกเริ่มประกาศรายการและพร้อมที่จัดเพลงต่อไปอีก แต่เนื้อร้องของเพลงเดิม ยังย้ำติดอยู่กับความรู้สึกของเขา
จริงซิ
หลายครั้ง หลายสิ่ง เราต่างให้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน
และหลายครั้ง เราต่างเจ็บปวด เพราะกันและกัน
แต่บัดนี้ทุกสิ่งจบแล้ว ไม่มีความหมายอื่นใดอีก
ความหลัง บางทีก็เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึง บางอย่างผ่านเข้ามาแล้วจากไปเงียบๆ
เมื่อวานเขากับเธอ ยังเดินอยู่ด้วยกัน
แต่วันนี้ ต่างแตกร้าวกันแล้ว
ช่างเป็นเรื่องน่าขำเสียจริงๆ แต่เป็นเรื่องขำที่คงไม่มีใครอยากจะหัวเราะ
เขานึกไปถึงคำอธิษฐานที่เธอเคยบอก เธออธิษฐานว่า ในล้านคนบนโลกนี้ ขอให้ได้พบคนจริงใจสักเพียงหนึ่งก็พอ สุดสิ่งปราถนาเธออยากพบใครที่รักเธอจริง
จริงๆนะ ฉันอธิษฐานอย่างนี้ คุณจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ฉันเชื่อ เพราะไม่กี่วันต่อมา ฉันก็ได้พบคุณ
ตอนที่ได้ฟังเธอบอกเล่าครั้งแรก เขาไม่ได้รู้สึกอัศจรรย์อะไรเลย หากแต่กลับรู้สึกรักและสงสารเธอมากขึ้น และเฝ้าสัญญากับกับตัวเอง จะเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องเธอตลอดไป จะเป็นความอบอุ่นทดแทนความว้าเหว่ในครอบครัวที่แตกแยกของเธอ พ่อทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอเพิ่งจำความได้ ซ้ำยังขาดความรักความเข้าใจจากแม่ที่เหลืออยู่อีก วันนั้น เขาดึงร่างเธอมากอดแนบแน่นอย่างจะถ่ายเทความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้
ครอบครัวใหม่ที่สุขสงบ ต่างร่วมกันฝันต่างมั่นหมาย
แต่ วันนี้ ความฝันทั้งมวลที่เคยมี เหมือนดับสลายไปหมดสิ้นแล้ว
เขาไม่ได้สังหรณ์ใจมาก่อนเลย ความหมางเมินเกิดขึ้นเงียบๆ ตอนแรกเขาพยายามเข้าใจว่า เขาทำงานมากเกินไป มีเวลาให้เธอน้อยลงกว่าแต่ก่อน เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอต้องรู้สึกอะไรบ้าง ต่อมาหลังจากนั้นเขาจึงรับงานน้อยลง แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คาดหวังไว้เลย
ผมให้สัญญารออีกปีเดียว เราจะแต่งงานกันเสียที
อย่าเลยค่ะ เธอพูด เขาพยายามคิดว่าเธอเสแสร้งหยอกเอินเขามากกว่า ถ้ามันไม่พร้อมก็ยังต้องหรอก ถ้าคุณยังปากกัดตีนถีบอย่างนี้ เราไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ ฉันไม่อยากให้เด็กๆที่จะเกิดมาลำบาก ฉันไม่อยากให้ลูกต้องพบกับชีวิต แร้นแค้นเซ็งๆน่าเบื่อหน่ายเหมือนฉันอีก ให้มันหยุดเสียที่ฉันเถิด
งั้นคุณก็ต้องแต่งงานกับคนมีเงินเท่านั้นแหละ มันถึงจะมีพร้อมไปหมด ผมคง ยังต้องสร้าง..ต้องทำ...
เธอนิ่งเงียบ เขาไม่เข้านัก เธออาจจะพูดออกมาด้วยอารมณ์ เขาควรจะอภัยให้ได้ ไม่ควรจะย้อนเธอไปอย่างนั้น ถ้าจะมีเพียงแค่นั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมานี่ซิ.. เขาคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไร คนเราจะมีความอดทนสักเพียงไหนกัน บางสิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาจำเป็นต้องลาออกจากงานที่ทำเมื่อเห็นว่าไปไม่ได้ด้วยกับบรรณาธิการเจ้าของหนังสือ
ช่วงที่เขาว่างงานอยู่นั้น เขาได้รับรู้ว่า มีใครบางคนที่เคยผูกพันกลับมาหาเธอ และเขาคนนั้นก็มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเพรียง สำหรับอนาคตที่เธอฝันใฝ่ เขารู้สึกผิดหวัง น้อยใจแต่ก็เก็บมันไว้อย่างเงียบเชียบ เพราะ ยังเชื่อใจเธอ แม้เธอจะห่างเหิน ไม่โทรหา ไม่คิดถึงหรืออยากพบเขาอีกอย่างที่เคยทำ
ครั้งหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนขาดเพื่อน เขาจึงนึกถึงเพื่อนคนสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ เขาหมุนโทรศัพท์ถึงเธอ ในวันที่เหงาจนเต็มที่และหวังว่ากิจกรรมที่เคยชื่นชอบด้วยกันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น เธออาจจะกลับมาเข้าใจเขามากขึ้น
ออกมาหาผมหน่อยได้ไหม ผมเหงา มาเถอะ วันนี้ที่ธรรมศาสตร์เขามีรายการอภิปรายที่น่าสนใจนะ ผมจะพาคุณไปฟัง ผมมีเรื่องจะบอกเล่ามาก มันอัดแน่นอยู่ในใจผมจะระเบิดแล้วนะเขาพรั่งพรูคำพูด เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ แล้วเห็นขอนไม้ลอยเข้ามาใกล้ตัว...
แต่คำตอบที่ได้รับ เขาแทบไม่เชื่อว่า นี่คือคำพูดจากคนที่เข้าใจและรักเขา เธอปฏิเสธเหมือนไม่ต้องการรับรู้ปัญหาหรืออย่างคนที่เข้าใจกัน
ไปเถอะ คุณไปคนเดียว ฉันขี้เกียจแต่งตัวออกไปแล้ว
บางสิ่ง บางอย่าง เหมือนได้รอเวลาอยู่แล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงเราได้สูญเสียความมั่นใจไปเท่านั้น
ไม่เป็นไร เขาคิดว่า เขาพอทนได้ เธออาจจะมีเหตุผลของเธอ แต่เขาก็ไม่อาจะปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกที่เคยมีต่อเธอนั้นได้สูญเสียไปแล้วเมื่อทราบว่า วันนั้นเธอไปงานเลี้ยงหรูหรากับเขาคนนั้น ครั้งหนึ่ง เธอเคยถามเขาไม่ใช่หรือว่า เขาจะไปจากเธอไหม วันนั้น นานเหมือนกัน กว่าที่จะหาเหตุผลตอบเธอได้ อย่างตรงกับความรู้สึกของเขาที่สุด
บางทีผมอาจจะต้องไป.. เขาตอบอย่างจริงใจที่สุด แม้สีหน้าของเธอจะหมองลงไป จริงๆ วันหนึ่งผมอาจจะต้องไปก็ได้ และวันนั้น มันอาจเป็นความต้องการของคุณเอง แต่ผมเชื่อว่า มันจะไม่เกิดขึ้น มันอยู่ผมกับคุณ เราสองคน ผมอยากบอกคุณอย่างหนึ่ง ผมอยากให้คุณมั่นใจ อย่าท้อแท้กับชีวิตมากนัก ยังมีคนอีกมากมายที่เขาทุกข์ยากกว่าคุณ เขาอาจจะไม่มีในสิ่งที่คุณมีด้วยซ้ำ การเกิดมามีชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่ถ้าเรา มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง บางที เราทุกคนอาจจะไม่ต้องมานั่งตอบคำถามเช่นนี้หรอก
เขาพูดกับเธอยืดยาวมากกว่านี้ แต่จำไม่ได้ทั้งหมด
หญิงสาว.. เธอจะยังจำคำถามนี้ได้ไหม หรือได้ลืมเลือนไปหมดแล้ว ไม่เป็นไร ถ้าคิดว่าชีวิตคุณยังต้องมีสิ่งอื่นๆ อย่างอื่นต้องพบและจดจำอีกมาก และไม่เป็นไร หากคุณจะได้เปลี่ยนคำอธิษฐานที่เคยมีกับเขาไปเสียแล้ว
เสียงคนยามเคาะแผ่นเหล็กบอกเวลาแว่วมากับสายลมดึกจากที่ใดที่หนึ่ง เขานับตามในใจ หนึ่ง สอง สาม สี่ ตีสี่แล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน และข้างนอกฝนหายไปจนหมดสิ้นทิ้งร่องรอยเพียงความเปียกชื้นไว้ให้เห็นเท่านั้น
เขาจัดแจงเก็บเสื้อผ้า ลงกระเป๋าเดินทาง เหลืออีกเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง รถไฟเที่ยวเช้าก็จะนำเขาไปจากที่นี่ ไปสู่หมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านที่เธอเคยร่วมฝันกับเขาว่าวันหนึ่งจะเดินทางไปให้ถึง แต่ วันนี้ เขากำลังจะเดินทางไปที่นั่น ไปเพียงลำพังคนเดียว
รู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อทุกสิ่ง อย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็ได้สูญเสียเวลากับบางสิ่งนานเกินไปแล้ว โดยเฉพาะไปวางความหวังไว้กับคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย ซึ่งรังแต่จะทำให้ตัวเขาเจ็บช้ำเปล่าๆ เขาค่อยๆปลดรูปดอกไม้สีขาวลงอย่างแผ่วเบาทนุถนอม คำพูดของเธอเมื่อตอนเช้าวานนี้ยังดังก้องอยู่ในความรู้สึกเมื่อได้แตะต้องสัมผัสกรอบรูป
ฉันยังไม่พร้อม เราคบกันไปเรื่อยๆเถอะ.. จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่ทอดทิ้งฉัน ฉันต้องเตรียมบางสิ่งไว้สำหรับตัวฉันเองด้วย ชาตินี้ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องพบกับความเปลี่ยวเหงากับชีวิตเหมือนที่ผ่านมาอีก ฉันกลัวและเกลียดมันแล้ว ฉันต้องการหลักประกัน คุณเข้าใจไหม..
เขาล็อคประตูเดินออกไปจากห้อง อยากเคาะประตูเพื่อนห้องข้างเคียงเพื่อเอ่ยคำอำลา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ อาจจะเป็นการรบกวนใครเขาก็ได้ คำอำลาของเขาจะมีค่าอะไรเมื่อจริงๆแล้วเราต่างเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันในสังคมของเมืองใหญ่นี้ นับจากเธอแล้วเขาจะเหลือใครที่เข้าใจเขาอีก
อากาศภายนอกปลอดโปร่งเย็นชื่น ราวกับจะเป็นการอวยพรสำหรับการเดินทางไปสู่ความหวังใหม่ของเขา หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีแสงสี มีแต่ความกันดาร เด็กๆยากจน เขาตัดสินใจที่จะสมัครไปเป็นครูสอนหนังสือที่นั่น ของมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ได้ตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย
ลาก่อนพิณดา ถ้าเพียงแต่คุณเข้าใจและคิดว่า เราต่างมีชีวิต เลือดเนื้อ ต้องการความรัก ด้วยกันไม่เฉพาะแต่กับคุณเท่านั้น บางที ความหวังที่มีอยู่แล้วในมือของเรา คงไม่ต้องมาตกแตกเช่นนี้หรอก
เขาอยากบอกกับสายลมไปถึงเธอ ขณะรถแท็กซี่เปลี่ยนเกียร์เพิ่มความเร็ว เสียงเพลงจากวิทยุในรถ เหมือนดังมาซ้ำเติมความเจ็บปวดให้เขา บทเพลงแห่งการลาจากเหมือนตามมาเยาะเย้ย..
There so many time I ve let you down.
So many times Ive played around
I tell you now. They dont mean a thing.
ใช่ซิทุกสิ่งจบแล้ว เขาบอกกับตัวเองเอนตัวพิงเบาะ น้ำตาซึมไหลอย่างไม่อาจกดกลั้นไว้ได้อีก