อยากเป็นทหาร
ใบคา
เสียงประกาศจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก บอกกำหนดรถด่วนทักษิณซึ่งเดินทางจากกรุงเทพมหานครสู่อำเภอแห่งนี้ เข้าช้ากว่ากำหนดเดิม 2 ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าการปล่อยตัวรถด่วนเที่ยวต่อไปที่เวลา 14.00 น. ต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ผู้โดยสารหลายคนเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนเรือนกลมโต ที่อยู่บริเวณโถงของห้องขายตั๋วอย่างเอือมระอา และก้มหน้ารอคอยกันต่อไป ใครมีลูกหลานญาติพี่น้องมาส่งเป็นจำนวนมาก ก็อาศัยเขาเหล่านั้นพูดคุยฆ่าเวลา ผู้โดยสารท่านใดมาคนเดียวมีสัมภาระน้อยชิ้นก็อาจจะหาร้านสงบๆ นั่งจ่อมกับเครื่องดื่มมึนเมา หรือน้ำชากาแฟเรื่อยไปตามแต่ศาสนาของใครจะอนุญาต แต่ก็มีหลายคนที่เป็นฝ่ายให้เวลาฆ่าตัวเอง
ไม่ว่าใครจะอยู่ในสภาวะใด แก่นของทุกคนคืออาการเบื่อหน่ายต่อการไม่ตรงเวลาของรถไฟไทยเท่าๆ กัน แต่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้มาคอยรถไฟ
เขามาคอยคน
เดือนที่แล้ว เหตุการณ์คล้ายๆ กัน หลังจากที่คอยรถด่วนทักษิณมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
เมื่อช่วยอาที่กลับมาเยี่ยมบ้านเนื่องจากงานทำบุญเดือนสิบ หรือวันชิงเปรตของชาวใต้ ยกข้าวของเครื่องใช้ทั้งสะตอ เนื้อหมูป่าแช่แข็ง และของที่อาบอกขาดไม่ได้คือน้ำบูดู ขึ้นขบวนรถเรียบร้อยแล้ว ไม่นานระฆังดังส่งสัญญาณได้เวลาล้อเคลื่อน การเดินทางไกลของคนบนรถก็เริ่มขึ้น
เขายังไม่อยากกลับบ้าน ทั้งๆ ที่แม่กำชับให้รีบกลับ จริงๆ แล้วแม่บอกให้กลับทันทีที่ส่งอาถึงสถานี โดยให้เหตุผลว่าอันตราย เพราะสภาวะบ้านเมืองอย่างที่เป็นอยู่ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าผู้ไม่หวังดีคือใคร และไหนคือชาวบ้านธรรมดา
ยิ่งกลุ่มก่อความไม่สงบฆ่าคนโดยไม่เลือกหน้าแล้วด้วย ไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ที่เดียวที่เราจะปลอดภัยนั่นคือบ้าน แต่เขาเห็นว่ารถไฟเสียเวลาพอดูจึงนั่งเป็นเพื่อนอาพูดคุยอะไรเรื่อยไป คุยไปคุยมาก็ตกอยู่ที่เรื่องของการสอบเข้านักเรียนนายร้อยของเขาเมื่อช่วงปลายเทอมที่ผ่านมาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่เขาพยายามลืมมัน
ตลอดระยะเวลา 1 ปีการศึกษาชั้นมัธยม 4 แม้จะอยู่ในชนบทห่างไกลความเจริญ แต่ด้วยใจรักในอาชีพทหาร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำอำนาจนั้นมาพัฒนาถิ่นกำเนิด เขามุ่งมั่นอ่านหนังสือ ฟิตร่างกาย หมายเป็นหนึ่งในนักเรียนเตรียมทหารให้ได้ ตลอดเวลานั้นเขาพร่ำบอกกับใครๆ ว่า
จะไปเป็นทหารแล้วนะ
ด้วยความขยันบวกกับความหัวดีของเขาที่สร้างให้คนในหมู่บ้านประจักษ์มาแล้วจึงทำให้คำพูดนั้นเป็นจริงไปแล้วเกินกว่าครึ่ง รวมทั้งคำเชียร์ส่งเสริมทำนองอิจฉาในตัวเขาที่เลือกทางเดินนี้ ทำให้เขาฮึกเหิม และมีกำลังใจมากขึ้น นั่นเท่ากับว่าเขาเชื่อแล้วล่ะว่าได้แน่นอน
เมื่อผลสอบรอบแรกออกมาปรากฏว่าไม่ผ่านข้อเขียน
ไม่เป็นไรถือว่าเก็บประสบการณ์ ปีหน้าค่อยเอาใหม่ นั่นคือคำปลอบของพ่อที่นึกขึ้นครั้งใดน้ำตาคลอเบ้าทุกที
แม้จะดูเหมือนว่าทำใจได้ แต่เมื่อถูกถามย้ำ รอยแผลที่กำลังสมานก็ย่อมปริออกอย่างง่ายดาย
อาไปแล้ว แต่เขายังอยู่ ยังไม่ควบมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ซึ่งห่างออกไปร่วม 30 กิโลเมตร เขาเลือกนั่งคิดอะไรในร้านน้ำชาริมสถานีคนเดียว
เป็นร้านเดียวกันกับร้านที่เขานั่งวันนี้
ครั้งนั้นเขาเดินดุ่มเข้าไปโดยไม่สนสายตาลูกค้าอื่นที่มองเขาอย่างระแวดระวัง เจ้าของร้านเข้ามาถามว่าต้องการอะไรเป็นภาษายาวี เขาทำหน้าเหรอหราแสดงอาการว่าไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองเติบโตมาท่ามกลางชนชาวมุสลิม เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ยากที่จะสื่อภาษาท้องถิ่นไม่ได้
เขาไม่อยากแสดงว่าเข้าใจด้วยเหตุผลบางประการ
เขาเคยบอกกับเพื่อนทุกครั้งที่เจอคำถามว่าทำไมต้องแกล้งพูดยาวีไม่เป็น
เพื่อประโยชน์ทางข่าวสาร หลายครั้งที่เจ้าของภาษาไม่ระวังคำพูดเนื่องจากเข้าใจว่าคนรอบข้างไม่เข้าใจความหมาย อะไรดีๆ ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย เหมือนกับครั้งนั้น
เจ้าของร้านเปลี่ยนเป็นภาษาไทยแปล่งๆ ว่า เอาอะไร
ชาร้อน เขาตอบ
ชายวัยรุ่น 2 คนในร้านนั่งพูดคุยกันเบาๆ แต่เขาดันได้ยิน
สักครู่ 2 คนนั้นลุกขึ้นเดินออกไปนอกร้าน คนหนึ่งล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาทำท่าจะกดหมายเลขโทร. ออก แต่แล้วก็หันมายิ้มให้กับชายอีกคน แล้วแบมือทั้งสองออกข้างตัว
คนที่ถูกยิ้มให้ หัวเราะลั่น พร้อมกับล้วงเอาเศษกระดาษในกระเป๋ากางเกงยีนต์มอซอออกมาส่งให้
ชายที่มีโทรศัพท์กดหมายเลขอยู่สักครู่แล้วเอาแนบกับหูเดินออกไปอย่างช้าๆ ไม่นานเสียง ตูม! ก็ดังขึ้นที่สถานีรถไฟ ผู้คนแตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน เขาเองเข้าไปนอนหมอบใต้โต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อตั้งสติได้ เขารีบควบรถกลับบ้านทันที มาทราบทีหลังจากรายการข่าวภาคค่ำว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะแรงระเบิดนั้นอ่อนมาก คาดว่าน่าจะเป็นการก่อกวนเท่านั้น
นั่นคือเรื่องราวเมื่อ 1 เดือนก่อน และเขามั่นใจว่าใครคือคนร้าย
และรู้แน่ว่าสาเหตุใดบ้านของเขาถึงโดนลอบยิงแล้วเผาอย่างโหดเหี้ยม ร่างพ่อและแม่รวมทั้งน้องชาย นอนตายอยู่ในบ้าน พวกเขาเสียชีวิตก่อนที่ไฟจะผลาญร่างกายให้ดำงอ ส่งกลิ่นเหม็นสะอิดสะเอือน ทั้งสามนอนตายรวมกันในห้องนั่งเล่น หัวของพวกเขาพรุนไปด้วยรอยกระสุน ไม่ใช่นัดเดียว แต่มันเกิดจากการกระหน่ำยิงอย่างไม่ยั้งและแม่นยำ นัดแล้วนัดเล่าจนศพกลายเป็นร่างดำๆ ไม่มีหัว เขาร้องไห้แทบจะบ้าตาย เกลือกกลิ้งลงเบื้องหน้า ปากพร่ำบ่นว่า ไม่น่าเลยๆ กูน่าจะอยู่ด้วย กูไม่น่าไปอยู่เวรให้โรงเรียนเลย ทำไม ประโยคหลังเหมือนประท้วงต่อผู้มีอำนาจเบื้องบน บนสรวงสวรรค์
ไหนแม่บอกว่าบ้านคือที่ปลอดภัยที่สุดของเราไง เขาบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆ และเรื่อยๆ หลังจากที่เหนื่อยอ่อนกับการเกลือกกลิ้งเหมือนเด็กร้องขอซื้อของเล่น ใครได้เห็นสภาพนั้นต่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เวลาไม่นานเรื่องราวก็เข้าสู่สายตาคนทั้งประเทศ
วันรุ่งขึ้นรายการข่าวยามเช้าโทร. เข้ามาสัมภาษณ์ สอบถามถึงความรู้สึก เขาตอบไม่กี่คำเพราะพูดไม่ออก ผู้ดำเนินรายการถามคำถามสุดท้ายว่าอยากให้ทางรัฐช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมบ้าง เขาบอกเขาอยากเป็นทหาร ตกเย็น ผบ.ทบ. เดินทางมาเยี่ยมเขาถึงที่ พร้อมด้วยคณะผู้ว่าราชการจังหวัด ท่าน ผบ.ทบ. มอบเงินให้จำนวนหนึ่งและรับปากจะบรรจุเขาเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยทันที
วันนี้เขามานั่งอยู่ที่เดิม นั่งมองจับกังขนของหนีภาษีขึ้นขบวนรถไฟท้องถิ่นอย่างขะมักเขม้น ไม่ว่ากี่ครั้งที่มา เขายังไม่เคยเห็นกำหนดรถไฟตรงเวลาเสียที และคนที่คอยก็ยังไม่มา
ไม่เป็นไรเขายังคอยได้
หลังเหตุการณ์ระเบิดสถานีรถไฟ เมื่อเดือนที่แล้วผ่านไป 3 วัน มีเวลาว่างเมื่อไหร่เขาจะมานั่งร้านน้ำชาแห่งนี้ทันที เขาจะควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจโดยไม่กลัวอันตรายใดๆ มานั่งคอยคนคนนั้นจนเจอ คนที่กดโทรศัพท์ในวันนั้น
เขาถือวิสาสะเข้าไปคุย ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้มัน และวันนี้ข้อเสนอนั้นก็ถึงคราวที่จะต้องจ่ายค่าตอบแทน
เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้ ซองเงินสีน้ำตาลยังอยู่ เงิน 1 หมื่นบาทที่เขาทำงานสะสม ได้มาจากพ่อบ้าง ช่วยแม่กรีดยางบ้าง ได้มาจากการรับจ้างจิปาถะแล้วแต่ใครจะออกปากตามแต่ความเหมาะสมบ้าง วันนี้มันจะถูกใช้แล้ว
โฆษกประกาศบอกเวลาที่รถไฟเสียเวลาอีกครั้ง ครั้งนั้นมันก็เสียเวลาเหมือนหนนี้ มันเป็นการเดินทางไกลครั้งแรกของเขาโดยมีพ่อเป็นผู้นำทาง พ่อก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเมื่อรู้ว่าสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยไม่ติด เงินที่เสียไปกับการเดินทางครั้งนั้น รวมทั้งค่าที่พักมันมากโขเลยทีเดียว มากกว่าเงินก้อนในซองนี้ด้วยซ้ำ พ่อบอกว่า เอาใหม่ ปีหน้าต้องได้แน่
พ่อครับผมอยากเป็นทหาร เขาบ่นออกมาเบาๆ
*****************