ท้าสู้
สะพั่งสะท้านไมภพ
ในตำบลหนึ่งในแดนตงง้วน สมัยราชวงศ์หงวน ใกล้ๆจะกลายเป็นราชวงศ์เหม็ง เขาเป็นความหวังของหมู่บ้านใบไม้เขียว หน้าตาหล่อเหลาประกายตาแจ่มใส มันชมชอบใส่เสื้อยาวสีเขียวซึ่งซีดออกเหลืองๆ แต่ในความซีดเซียวของเครื่องแต่งกายของมัน ย่อมสะอาดอย่างยิ่ง มีดรุณีหลายหลายเมื่อได้เข้าไกล้จะรู้ว่ามันเรียบกลีบเป็นสันโง้ง และมีกลิ่นหอมสะอาด ทุกคนในหมู่บ้านใบไม้เขียวต่างกล่าวขวัญถึง ในความเก่งด้านหมากล้อม มันได้ปล้ำกับทุกคนในหมู่บ้านแล้วก็ยังไม่มีใครจะงัดมันให้ล้มคว่ำได้ แต่มิเพียงมันเคยรังแกหรือทำร้ายผู้อื่นแต่มันยังสร้างสรรค์ช่วยเหลือคนและแก่ความสุขส่วนรวม และมีบางคนเคยไปถามมันเรื่องอนาคตของมัน มันตอบว่ามันจะรับราชการ
มันคิด หากจะรับราชการ ขอเพียงคิดกระทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้ยากได้ซึ่งมีจำนวนมากกว่ามากได้ ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบแล้ว เท่านี้ ก็พอใจมันแล้ว
มันตั้งใจแล้วว่าในแผ่นดินหงวนนี้ ไม่ใช่พวกฮั่น เอาแต่ปกครองโกงกินกดขี่ข่มเหงประชาชนให้ยากไร้ วางท่าทีประหนึ่งเป็นเทพยดาหยามเหยียดต่อประชาชนชาวอั่นที่มีจำนวนมากกว่ามาก แต่อย่างไรก็ตามมันจะต้องแทรกเข้าไปอย่างน้อยก็เป็นข้าหลวงที่มีอำนาจให้ได้เพื่อการปฏิวัติอย่างนุ่มนวลอันจะทำให้ประชาชนกินดีอยุ่ดีมีความสุขสงบปลอดภัย
ณ พระที่นั่ง ข้าราชการวงศ์หงวน แต่งกายประดับด้วยเสื้อมังกรห้าเล็บแสดงถึงศึกดิ์ฐานะว่าเป็นชนชั้นเสนาบดี บนลำคอของมันประดับไว้ด้วยสายประคำทอง มองดูคร่าวๆก็ตกประมาณหนึ่งร้อยแปดลูก มันมองมาที่ เด็กหนุ่มแล้วเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำถามว่า ขอให้ยกบทกวีของซูตงขึ้นมาบทหนึ่ง
ชายหนุ่มพอได้ยินคำถามปุ๊บก็เอื้อนเอ่ยบทกวีซูตงออกไปว่า
คนมีทุกข์สุขอยู่ร่วมจำพราก
จันทร์มีมืดสว่างกลมแหว่งเว้า
เรื่องราวนี้ยากสมบูรณ์พร้อม
อำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดทำให้ผู้คนฟอนเฟะ
เมื่อว่าจบ เสนาบดีคนที่ถามมองหน้า สายตาได้บ่งบอกถึงความสะใจ และเขาได้กล่าวว่า เสนอได้ดี แล้วเขาก็ตะโกนออกมาว่า ผ่าน
หลายวันต่อมา ในชุดเครื่องแบบสีเขียว ชายหนุ่มแห่งหมู่บ้านใบไม้เขียวได้ก้าวออกมาจากวังหลังจากการแต่งตั้ง
ในวันนั้นแม้จะได้รับเลือกไปแล้ว แต่ก็ต้องมีการสอบตัดสินชิงตำแหน่ง และชายหนุ่มได้ใช้คำคมบทเด็ดออกสู้ความว่า
มีผู้เปรื่องปราดต้องมีเจ้าชีวิตสุงส่ง
เหนือเรื่องราวบุคคลยังมีวิถีแห่งฟ้า
ราคาเทียมฟ้าต่อรองต่ำติดดิน
เพียงสามบาทก็สามารถฝ่าเหล่าบัณฑิตมาอยู่ในระดับแถวหน้าได้
ในหมู่บ้านใบไม้เขียวชาวบ้านต่างก็จัดงานเลี้ยงไอ้หนุ่มที่ไปสร้างชื่อเสียงให้ ทุกคนต่างก็มาอวยพรและยื่นสุราคำนับ ชายหนุ่มก็ยกสุราจอกแล้วจอกเล่า พร้อมกันนั้น ผู้ใหญ่บ้าน ถัง ได้ชูมือขึ้นให้ทุกคนเงียบ แล้วแกก็กล่าวว่า
เล่าฮู ขอให้ กงจื๊อได้แสดงบทกลอนให้พวกเราได้ฟังกันสักหน่อย
กงจื๊อหนุ่มได้ยิน ก็หัวเราะและก็เริ่มเอื้อนเอ่ย
วิหกร้องกลางแมกไม้
ค่างกู่ร้องกลางไพรี
ทั้งกระเทือนเนตรพันลี้
พรากขวัญวิญญานเตลิดหนี
ไม่หวั่นวิตกอันตราย
สำนึกบุญคุณมาตุภูมิ
ลูกผู้ชายไม่กล่าวพล่อยปาก
ชาติชาตรีถือสัจจะวาจา
คนคำนึงถึงหน้าตาท่วงท่า
ไยถกถึงลาภยศสักการะ
(กลอนของงุยเต็ง)
ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็แซร่ซร้องสรรเสริญความมีสติปัญญาของชายหนุ่ม
ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา
ชาวบ้านต่างก็พากันปลีกตัวไปพักผ่อนในกระท่อมสวรรค์ของตน
ชายหนุ่มแม้จะกังเปยไปมากแต่ทว่า เพียงสุราไม่กี่ถังนี้มิอาจทำให้เมามายได้
เพียงแต่ในค่ำคืนนี้
เหมยฟ้าที่เขาคิดถึงป่านฉะนี้เธอจะรอเขาอยู่หรืออย่างไร
เขามองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าแล้วก็ถอนหายใจ
แม้จะมีปัญญามาก
แต่ยังไม่รู้เลยว่าสวรรค์จะให้เป็นไปแบบใด
มีต่อ