วันกลับบ้าน

ชินเดช ญาณรัตน์

 กลับบ้าน  วิทยาบอกกับตัวเองและใครๆอย่างนั้น
                         คุณจะกลับมาที่นี่อีกไหม  กลับมานะพวกเราจะคอย คุณเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรา เพื่อนๆที่ทำงานอยู่ในตึกสูงแห่งเดียวกันบอกอย่างนั้น  เมื่อวันลาที่บริษัท
                         กลับมาที่นี่  วิทยาย้ำคำนั้นในใจ  แล้วยิ้มเยาะตัวเอง  กลับมาทำไมกัน  หลายปีแล้ว  กาลเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปจนแทบหมดสิ้น  เพียงพอแล้ว  สำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่  ความตั้งใจเดิมถูกริดรอนไปอย่างเยาะเย้ยหยามหยัน  ตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้ว   นานพอที่เขาพ่ายแพ้ต่อความตั้งใจเดิมที่จะกลับไปสู่หมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีแสงสี  ไม่มีไนท์คลับ หรือสถานอาบอบนวด  ไม่มีโบลว์ ไม่มีอะไรๆที่เมืองใหญ่มี  แต่มีความเป็นคน  มีความซื่อบริสุทธิ์  มีความแร้นแค้นยากเข็ญอยู่พร้อมมูล   อย่างที่เขาและบรรพบุรุษเคยพบพานมาแล้วเมื่อเยาว์วัย
                        เขาจะกลับไปที่นั่นเสียที   เขานึกถึงทิวมะพร้าวยาวเหยียดริมฝั่งทะเลในสวน  หาดทรายขาว  เสียงคลื่นซัดสาดโขดหินดังโครมครืนไม่ขาดระยะสายลมเฉื่อยฉิวคอยปลอบขวัญให้กำลังใจเมื่อยามท้อแท้      นึกถึงภาพเด็กๆเปลือยกายวิ่งเล่นกรูเกรียวในหมู่บ้านมอมแมมผอมหัวโตเพราะเป็นโรคขาดอาหาร  เติบโตอย่างไม่รู้อนาคต  เหมือนดอกไม้ป่า  รอเวลาเป็นเหยื่อของสัตว์   เมืองที่แข็งแรงด้วยสติเปัญญากว่า   ตกเป็นทาสทางผลประโยชน์อย่างไม่มีวันดิ้นหลุด
                      ขาน่าจะกลับไปที่นั่นนานแล้ว  เพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกันหลายคน  มาจากดินแดนต่างๆกัน  จากเหนือ  อิสาน  หรือใต้สุดพูดเล่าเรื่องถึงหมู่บ้านที่จากมากด้วยกัน  บัดนี้พวกเขากลับไปหมดแล้ว  เขาคนเดียวที่ถูกทิ้งเหลืออยู่
                        เขาทนอยู่อย่างไรนะ   ทนอยู่กับชีวิตที่สับสน  แก่งแย่ง  เร่งรีบกันหาเงินให้ได้มากที่สุดในวันหนึ่งๆ ทุกเช้า,ทุกเย็นและเกือบทุกเวลา  ต้องผจญกับความแออัดยัดเยียดทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเครื่องจักร  อยู่กันอย่างคนแปลกหน้าในสังคมใหญ่  มีสวรรค์ มีนรกจกเปรตอยู่พร้อม  มีวัด  มีโรงแรม บาร์มืดที่เปิดอย่างโจ่งแจ้งโชว์การประกอบกามกิจกันเกร่อเป็นล่ำเป็นสัน  ศีลธรรมถูกซุกอยู่ในซอกมืด
                        ทุกๆวินาทีผ่านพ้นไป   ทุกคนต้องเร่งรีบไปทำงาน  ไปกินเลี้ยง  ไปเสพกาม  ไปคดโกง  ไปตายโหงตายห่าที่ไหนต่อที่ไหน ฯลฯ
                        หลายครั้งเขาเคยเห็นคนเสนอตัวขึ้นไปพูด   ไปวางความหวังถึงความฝันที่ทุกคนใฝ่หา  แต่แล้วก็ผ่านเลยไปเหมือนสายลมคนเหล่านั้นถูกกลืนหายไปหมด  หายไปกับกระแสแห่งความผันผวน   ความฝันก็คงเป็นอยู่อย่างนั้น    เขาทนอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน  ทนอยู่เกือบสิบปีแล้ว สิบปีที่เหมือนความว่างเปล่า  ในแก้วบรั่นดี  ในสังคมหรูหรา  ในห้องอาหารประดับประดาสวยงาม  ไม่ได้ให้อะไรที่เป็นความภาคภูมิใจให้แก่นสารที่เป็นความจริงแก่เขาเลย  นอกจากความเป็นสัตว์เมือง
                        เครื่องยนต์กระหึ่มขึ้น  เสียงเตือนเสียงกล่าวคำอำลาดังเซ็งแซ่  รถกำลังจะออกแล้ว   ชายชราคนนั้นแหวกกลุ่มคนที่ต่างมาโบกมือไหวๆ โชเฟอร์ชงักการนำรถออกยังมีผู้โดยสารอีกคน เขาบอกเด็กรถ
                        ชายชราทรุดนั่งตรงที่ว่างติดกับวิทยา  รถเคลื่อนออกไกลออกไปทุกที
                         ลาก่อน  ฉันจะกลับบ้าน  กลับไปที่นั่นแล้ว วิทยาบอกลาอย่างนั้นกับตึกรามแสงไฟระยิบระยับที่ผ่านพ้นไปอึงคนึงในใจ
                        ไม่นานก็ผ่านพ้นย่านแออัดออกสู่ถนนใหญ่  รถพุ่งลิ่วสู่จุดหมายปลายทาง    จมูกพลันได้กลิ่นยาฉุนลอยมาสัมผัส  นานหลายปีที่ไม่เคยได้พานพบกลิ่นเช่นนี้  ชายชราคนนั้นนั่นเอง
                         ขอโทษนะหลานชาย  หากยาฉุนมันรบกวน   แกกล่าวประโยคแรก
                         ตามสบายครับพ่อลุง  เขาตอบและยิ้มให้แกด้วยไมตรี
                         คนบ้านนอกคอกนาเป็นที่น่ารำคาญน่ารังเกียจอย่างนี้แหละ
                        แกพูดอีกพร้อมๆกับอัดยาสูบอย่างระมัดระวัง  คงเกรงจะรบกวนเขาและคนอื่นๆ  วิทยารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  คิดถึงพ่อขึ้นมาอย่างจับใจ พ่อสูบยาฉุนอย่างนี้เสมอๆ    ชีวิตเมื่อจบสิ้นแล้วจะไปไหนหนอ   พ่อจะต้องเดินทางอีกหรือไม่  คงไม่หรอก  ทุกสิ่งของพ่อจบสิ้นแล้ว
                        รถคงตะบึงฝ่าความมืดมิดไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง    นานๆจึงจะมีรถสวนทางส่องไฟจ้ามาสักคัน  ผู้โดยสารเงียบงันไปหมดแล้ว   หลายคนกำลังหลับไหลรวมทั้งชายชราแกกรนเบาๆแล้วด้วยซ้ำ  หลับง่าย  กินง่าย  ซื่อ  ไม่มีพิธีรีตองอย่างนี้แหละ   เขาคิดถึงหลายๆคนในหมู่บ้าน  ลุงดำ  ลุงเขียด  น้าปรุง  น้าสำอางค์  ยาโก๊บ  บังเสม  ทุกคนยังอยู่ครบ  ยังลากอวนเล่นสะบ้าและสบายดีอยู่หรือ  อย่างนี้เหมือนๆกันทั้งนั้น
                        ทุกคนจะดีใจไหม  หากรู้ว่าเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่จากไปเสียนานกำลังกลับมาหมู่บ้าน  มาเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆที่นั่น
                        เขามองฝ่าความมืดออกไปนอกหน้าต่างรถ  ปล่อยความคิดล่องลอยไปในความเงียบ  การเดินทางของชีวิตบางช่วงก็มืดมิดอย่างนี้  หากไม่หยุดอยู่กับที่เสียก่อน  ไม่ท้อแท้กับการแสวงหา  ไม่ปล่อยชีวิตกับความมืดมิดอันว่างเปล่า  สิ่งรอบตัวจะไม่ไกลโพ้น  ความมืดมิดจะไม่ยาวนาน  หากมีอะไรสักอย่างที่เป็นความหวัง  เป็นจุดวาบของความสว่างในความมืดมน  มั่นใจเถิดสิ่งนั้นอาจนำสู่แสงสว่างของวันพรุ่งนี้ก็ได้และเมื่อถึงจดนั้น   จะรู้ว่าเราก้าวพาตัวเองไกลจากจุดเดิมหลายก้าวทีเดียว                        ฟ้าเรื่อแดงปล่อยลำแสงแรกตรงขอบฟ้าแล้ว   วิทยาไม่รู้สึกอิดโรยที่ไม่ได้งีบหลับเลยตลอดคืน  กลับรู้สึกสดใสยิ้มรับกับเช้าของชีวิตอีกวันหนึ่ง  แต่วันนี้สดชื่นกว่าวันวาน  อีกเพียงชั่วโมงเศษจุดหมายปลายทางที่เฝ้ารอมาเต็มคืนก็จะสิ้นสุดเสียที
                        ลงที่ไหนหรือหลานชาย ชายชราคงตื่นนานแล้ว  วิทยามัวชื่นชมกับธรรมชาติทิวทัศน์สองข้างทางลืมสังเกตุ
                        ต้นแซะครับพ่อลุง  เขาตอบ
                        ที่เดียวกันเลย แกยิ้มอย่างดีใจ  แต่ลุงต้องต่อสองแถวเข้าไปในเขาปิหลายอีกที  เอ..หลานชายไปทำอะไรที่นั่น หรือมีญาติ แกถามพลางมวนยาฉุนช้าๆ
                        บ้านผมอยู่ที่นั่น  เขาปิหลาย  เราไปจุดหมายเดียวกันพ่อผมเกิดและตายบนผืนดินเล็กๆของเรา  ผมจะกลับไปจากมันนานเหลือเกิน เขาพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง  แต่ชายก็ตั้งใจฟัง
                        ลุงไม่ใช่คนเขาปิหลายหรอก  บ้านลุงอยู่กระบี่  ลุงมาดำแร่สามปีเข้านี่แล้ว  จึงไม่รู้จักหลานชาย.. นั่นคือ  บางสิ่งในตัวแก
ดำแร่ ?  เขารู้  หมายถึงการขุดแร่ในทะเลด้วยแพเล็กผลัดเปลี่ยนกันดำลงไปในน้ำเพื่อจับสายดูด   ดูดดินที่สำรวจพบสายแร่ขึ้นมาบนแพแล้วนำไปแยกเอาแร่ทีหลังด้วยกรรมวิธี    เมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ข่าวเหมือนกันทำกันเพียงแห่งเดียวที่เดียวคือที่หมู่บ้านน้ำเค็มอำเภอตะกั่วป่าเท่านั้น    มันกินดินแดนรวดเร็วมากจนเขารู้สึกประหลาดใจ  บัดนี้  มันได้มาถึงหมู่บ้านเขาปิหลายของเขาแล้วช่างรวดเร็วนัก
                        ใช่  มันเป็นอาชีพสำคัญของชาวเขาปิหลาย,นาใต้หรือโคกกลอยไปแล้ว  ทำเงินได้หลายตังค์อยู่  มากพอที่จะเรียกคนจากถิ่นอื่นๆให้มาแสวงโชค จากนครศรีธรรมราช  ตรัง  กระบี่ หรือพวกมาจากภาคอิสาน  วันๆทำกันอย่างขี้คร้านนะสองสามร้อยได้อยู่แล้ว คิดดูเถิดอาทิตย์หนึ่งเท่าไหร่หลานชายคงจากไปนานจริงๆ ถึงไม่รู้ว่าคนที่นั่นเขารวยกันขนาดไหน..
                        ร่ำรวย เขาย้ำคำนั้นอีก  ใช่ เขาควรจะดีใจในความสำเร็จของคนในหมู่บ้านของเขา  แต่หวั่นเกรงหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
                        อย่าว่าลุงโม้เลยหลานชาย  ชายชราพูดต่อ  เดี๋ยวนี้อะไรๆที่ภูเก็ตหรือแม้แต่ที่กรุงเทพฯมี เขาปิหลายเราก็มีทั้งนั้น บาร์  ห้องอาหาร   ทุกอย่างมันเจริญตามกันไปหมดแหละ รับรองคนหนุ่มอย่างหลานชายต้องชอบไม่แพ้กับเที่ยวในกรุงเทพฯเลย.. ชายชราหยุดพูดนิดหนึ่งเมื่อล้วงมือลงไปในกระเป๋าสัมภาระของแก  ดึงเอากล่องขนาดกล่องรองเท้าออกมาวางบนตัก
นี่  ลุงเองก็ควักทุนไปหลายเหมือนกัน  เหมาซื้อจากสนามหลวงน่ะ  เด็ดๆทั้งนั้น  พวกหนุ่มๆดำแร่มันชอบ  ลุงเอาไปแบ่งขายเป็นชุดๆชุดหนึ่งก็มีสักห้ารูปกำไรเท่าตัวเลย  ลุงขึ้นกรุงเทพฯทีหนึ่งก็ไม่เสียหลายหรอก มันเป็นลำไพ่พิเศษที่ไม่เลวเลยจริงๆ แกพูดอย่างภาคภูมิใจ แล้วเก็บภาพเหล่านั้นไว้ตามเดิม แน่นอน  ภาพท่าเสพกามที่บางท่าเหมือนสัตว์เสพสมกันมันคงทำกำไรให้แกได้มากทีเดียว     ความรู้สึกบางอย่างเริ่มหวดกระหน่ำวิทยาแล้วและหนักขึ้นทุกที
                        รถจอดที่โคกกลอย  คนที่จะเดินทางไปหาดใหญ่หรือลงใต้ไปไกลกว่านี้จะต้องลงเพื่อต่อรถที่นี่
                        ลงกันที่นี่เถอะหลานชาย  เดี๋ยวเราต่อรถสองแถวเข้าไปเขาปิหลายอีกที  ต้นทางอย่างนี้รถมันไม่แน่นจะได้นั่งสบายๆ ชายชราบอก  เขาก้าวตามหลังลงไป
                        หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว  บ้านเรือนที่เคยมีรูปทรงเป็นแบบฉบับดั้งเดิมหายไป  ตึกสูงรูปทรงที่เขาเบื่อตาผุดขึ้นมาแทน  นั่นบาร์  ไนต์คลับ  ห้องอาหาร  นั่นซ่องสำหรับเสพกาม  แต่โน่นวัด  ดูเหมือนจะเป็นเพียงสถานที่เดียวที่ยังชนะความเปลี่ยนแปลงยังมีเพียงแห่งเดียวเท่าเดิม
                        เสียงเพลงชักกระตุกดังสนั่นจากตู้  เด็กหนุ่มสาวแต่งตัวเหมือนถอดแบบมาจากหนังสือแฟชั่นรายสัปดาห์  นั่นจับกลุ่มคุยกัน  แต่ละร้านมีลูกค้าเต็มไปมหด  ขวดเหล้าเบียร์กลาดเกลื่อนเต็มอยู่บนโต๊ะ  สาวสวยในจำนวนหลายคนยืนสูบบุหรี่ส่งตาหวานมายังเขา เหมือนเชื้อเชิญให้ชมสินค้าของหล่อนที่มุมร้านด้านหนึ่ง
                        นี่หรือ  บ้านเกิดที่เคยสงบเสงี่ยมเหงาหงอยเมื่อหลายปีก่อน  เขารู้สึกขมขื่นต่อสิ่งที่เรียกว่าความเจริญที่เขาอุตส่าห์หนีมาจากเมืองใหญ่  เขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับที่นี่ไปเสียแล้ว
                        รถสองแถวมาพอดี  ไปกันเถอะ  เย็นนี้ลุงขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าหลานชายสักมื้อ  รับรองบรรยากาศที่เขาปิหลายไม่แพ้ที่นี่หรอกแล้วทำทีกระซิบกระซาบเด็ดกว่านี้อีกหลายเท่า  ลุงรับรอง
                         "ไม่ละครับ   ผมเปลี่ยนใจจะไม่ไปที่นั่นแล้ว
                        อ้าว..!!! ชายชราอุทานอย่างแปลกใจ ไม่กลับบ้าน  หรือหลานชาย
                       บ้าน..? เขารำพึง รู้สึกผมจะหลงทางหลงบ้านเสียแล้วหมู่บ้านชายทะเลของผมไม่มีอะไรๆอย่างนี้หรอก  มันเงียบสงบ ชาวบ้านยากจนแต่ช่วยเหลือกัน  ผมจะไปสอนหนังสือที่นั่น  ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน..ที่ไหน.. เขาพูดเหมือนคนละเมอ แหบโหยอย่างคนได้รับความเจ็บปวด พอดีกับที่แท็กซี่คันหนึ่งโฉบเข้ามา วิทยาเปิดประตูเข้าไปในรถทันที
ไปไปที่ไหนก็ได้..
                        ภูเก็ตนะครับโชเฟอร์เสนอ
                        ไปเถอะ   นำผมไปจากที่นี่
                        โชคดี  ลาก่อนพ่อลุง วิทยากล่าวเป็นคำสุดท้ายแก่ชายชราที่ยังไม่เข้าใจ  งุนงงจนรถแล่นลับหายไปจากสายตา
                        ชายชราไม่รู้ไม่เข้าใจหรอก  ถึงความผิดหวังบางอย่างของเขา  เพราะที่นั่นไม่ใช่บ้านเกิดของแกแกเป็นเพียงคนต่างถิ่นที่เข้าไปแสวงโชคเท่านั้น   แกไม่สามารถรู้ถึงความเจ็บปวดขมขื่นของเจ้าของถิ่นคนหนึ่งได้หรอก  บางทีอือมม..บางที  อาจจะมีเขาเพียงคนเดียวก็ได้ที่รู้สึกเช่นนี้
                        ภายในรถแท็กซี่ร้อน  อบอ้าว  จนเหงื่อไหลชื้น  แต่วิทยากลับรู้สึกหนาวเหน็บ อ้างว้าง เหมือนความรู้สึกของคนแปลกหน้าพลัดถิ่นคนหนึ่ง     ต่างแต่เขาพลัดหลงในถิ่นเกิดของตัวเองเท่านั้น
                        กลับบ้าน เขาจะบอกอย่างนี้กับใครๆ ไม่ได้อีกแล้ว
				
comments powered by Disqus
  • เด็กโคกกลอย30ปี

    26 พฤษภาคม 2551 20:56 น. - comment id 97042

    ที่เขาปิหลาย..เคยมีบาร์ด้วยหรือค่ะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นง่ะค่ะเห็นมีแต้ร้านอาหารประเภทอาหารทะเล ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ มีไม่ถึง5ร้านค่ะเพราะไปทุกวัน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน