แต่งงานกับสาวไซด์ไลน์ ความท้าทายของผู้ชายรักจริง
อายิจัง
เมื่อแรกรัก น้ำต้มผักก็ว่า "หวาน" ถูกต้องทุกประการ แต่.... "รักแท้ คือ รักที่หัวใจ มิใช่ สิ่งของปรุงแต่งภายนอก" เป็นความถูกต้องที่สุด
นั่นเพราะ ธรรมชาติของคนเรานั้น เมื่อพบกันครั้งแรก ย่อมต้องประพฤติตัวให้เป็นที่ "ต้องตาต้องใจ" ต่อฝ่ายตรงข้าม ความถูกใจหรือความชอบพอจึงเกิดขึ้นเพียงเพราะความประทับใจครั้งแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป "ตัวตน" ที่แท้จริงของแต่ละฝ่ายย่อมเผยให้เห็น หากแต่ละฝ่ายไม่สามารถยอมรับกับความ "แท้จริง" การเลิกราย่อมเกิดขึ้น แต่หากเข้าใจและยอมรับกับความเป็นจริง นั่นจึงเรียกว่ารักแท้
เต๋า ช่างภาพหนุ่มอิสระ วัย 28 ปี ยอมเปิดเผยเรื่องราวความรักกับแฟนสาว ที่อดีตเคยหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็น "สาวไซด์ไลน์" ว่า เขารักภรรยาของเขาด้วยใจจริง แม้จะรู้ว่าเธอเคยมีอดีตเป็นเช่นไร
เจ้าของเรื่องราว เล่าย้อนถึงที่มาที่ไปในความรักของเขาว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่านรามอินทรา กับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง ซึ่งขณะเดียวกัน แฟนสาวก็ได้อาศัยอยู่คอนโดฯเดียวกัน กับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งรุ่นพี่และเพื่อนของแฟนได้เกิดอาการ "ปิ๊งกัน" เมื่อตกกลางคืน แต่ละฝ่ายต่างก็ชวนเพื่อนร่วมห้องออกมาหาของกิน
เรื่องราวความรักจึงเกิดขึ้น ณ จุดนั้น จากความใกล้ชิดเพราะเพื่อนร่วมห้อง ที่เป็นเหมือน สะพานให้คนทั้งสองได้พบกัน บวกกับความเอาใจใส่ทำให้เต๋า เริ่มใจอ่อน เต๋าตกลงใจคบกันแฟนสาวอย่างจริงจัง และในที่สุดเธอผู้นี้ก็เป็น "ผู้หญิงคนแรก" ของเต๋า
หลังจาก "ค่ำคืน" แรกของเต๋า เขาบอกด้วยความรู้สึกของ "ผู้ชาย" ว่า "เขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอ" ซึ่งแฟนสาวก็ได้ยอมรับความจริงว่า เธอเคยมีสัมพันธ์กับแฟนเก่ามาแล้ว 2 คน ซึ่งเมื่อเต๋ารู้ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ยึดติดกับเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศของผู้หญิง
คำ "สารภาพ" ของแฟนสาว มิได้ทำให้เขาหมดรัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมหลายอย่างในตัวแฟนสาวกลับทำให้เขาเริ่ม "สงสัย"
"ไม่ได้ทะลึ่งหรือลามกนะครับ แต่ของอย่างนี้ สังเกตได้ หลักฐานบางอย่างมันฟ้อง แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดคือ บ่อยครั้งที่ผมเห็นแฟนนั่งซึม เหมือนมีอะไรเก็บไว้ในใจ แต่ไม่ยอมบอก แล้วหลังจากที่คบกันประมาณ 1 ปี เราเริ่มขัดสนเรื่องเงิน แฟนผมก็จะไป "ขอยืมเงิน" จากพี่ผู้ชายคนหนึ่ง แรกๆ ไม่คิดอะไร แต่ว่าหลังๆ เริ่มไปบ่อย ไปแล้วกลับมาก็จะได้เงินติดมือครั้งละ 1,000-2,000 บาท จนวันหนึ่งตอนออกไปเขาถักเปีย แต่ขากลับปล่อยผมที่ยังแห้งไม่สนิท ผมจึงถามว่าไปไหนมา เมื่อซักมากๆ เข้า เขาก็บอกว่าพี่เขาชวนกินเบียร์ และถูกข่มขืน แล้วก็บอกกับผมแต่เพียงว่า พี่ผู้ชายคนนี้เป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ว่า น่าจะมีความจริงอะไรบางอย่างปิดบังผมอยู่"
เต๋าอยู่กับความสงสัยได้ 3 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เริ่มมีการทะเลาะกัน ความไม่เข้าใจก็ยิ่งก่อตัวมากขึ้น จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งหลังจากที่แต่ละคนกลับมาถึงบ้าน เริ่มทะเลาะกันอีกเพราะแฟนสาวไม่อยู่บ้านอีกแล้ว ความอดทนของเต๋ามีจำกัด เขาจึงตัดสินใจพูดคุยกับแฟนสาวอย่างเปิดอก
"ตอนนั้น ผมไม่รู้นะว่าเขาเป็นอะไร แต่ทนไม่ไหวแล้ว เพราะยิ่งอยู่กันไป ยิ่งไม่เข้าใจ ผมไม่สนใจว่าคำตอบมันจะเป็นยังไง เป็นสิ่งที่ผมกังวลหรือเปล่า แต่ขอให้รู้ก่อน รับได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ผมพูดว่าเลิกกันดีกว่า แฟนผมเลยพูดว่าถ้าจะเลิกจริงๆ เขาจะเล่าสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด แล้วเขาก็บอกว่า เขาเคยขายตัวมาก่อนที่จะคบกับผม และทำเป็นอาชีพหลัก ไม่ได้ทำเล่นๆ เป็นครั้งคราว เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มๆ"
แฟนสาวของเต๋า เปิดใจเล่าสิ่งที่เก็บกดไว้ในใจไป ร้องไห้ไป เธอตอบคำถามเต๋าทุกคำถามอย่างตรงไปมา ไม่ว่าจะเป็น สาเหตุที่ตัดสินใจ "ขายตัว" , วิธีการหาลูกค้า, แต่ละวันได้ลูกค้ามากน้อยแค่ไหน, ทำมานานเท่าใดแล้ว รวมทั้ง "ผู้ชายอุปถัมภ์" คนนั้นด้วยว่า เป็นขาประจำของเธอ
"ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดมาก เพราะตลอดเวลาเธอร้องไห้ไปเล่าไป ร้องไห้จนตัวโยน สะอึกสะอื้น หูตาแดงไปหมด เพราะเธอบอกว่า นี่เป็นสิ่งที่เธออยากจะลืม แต่ทำยังไงก็ลืมอดีตที่ก้าวพลาดของเธอไม่ได้สักที เธอบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกผิดและอยากจะสารภาพเรื่องนี้กับผม"
แม้จะมีพื้นฐานความคิดเรื่องความรักที่ไม่สนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยอมรับว่า "อึ้ง" ไปเหมือนกัน แต่เต๋ายืนยันว่า เขาไม่มีท่าทีรังเกียจใดๆ
"ในเมื่อแฟนผมเขากล้าเปิดเผยความจริงขนาดนี้กับผม ผมก็คิดว่า นี่ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด หากกล้าเล่า ก็คงจะไม่มีอะไรปิดบังหรือโกหกอีก คุยเปิดใจกันชั่วโมงกว่า จากที่ตั้งใจว่าจะเลิก ก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเป็นขอแต่งงานแทน ซึ่งเขาก็ตกใจเล็กน้อยว่าทำไมผมถึงยังรักเขาทั้งๆ ที่เขามีอดีตที่เลวร้าย"
คำตอบคือ "ความจริงใจ" "สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนจากเลิกเป็นแต่งงาน คือ ความจริงใจล้วนๆ เพราะผมไม่สามารถตอบได้ว่า ทำไมผมถึงรักแฟนผม เพราะเวลารักใครผมรักด้วยใจ 100% ไม่มีเหตุผลเลย ส่วนเรื่อง "นั้น" ผมไม่คิดมากอยู่แล้ว เพราะสมมุติว่าหากเราอยู่กับแฟนแล้วมีอะไรกันทุกวัน แล้วในช่วงก่อนหน้านั้น เขาก็ไปมีอะไรกับผู้ชายทุกวัน เพียงแต่เปลี่ยนหน้าไป ผมว่ามันก็ไม่ต่าง"
เต๋าบอกปิดท้ายด้วยว่า นับจากวันที่ได้เปิดใจ 2 ปีแล้ว ทุกวันนี้เขาก็ยังรักกับแฟนสาวเหมือนเดิม มีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่เขาไม่เคยนำเรื่องราวในอดีตพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจ หรือแสดงท่าทีรังเกียจใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญเมื่อได้เปิดใจกันแล้ว ทุกอย่างก็ราบเรียบ มีความสุข สบายใจกันมากขึ้น
การใช้ชีวิตคู่ มิใช่แค่ความรักอย่างเดียวจะสามารถประคับประคองให้คนทั้งสองคนเดินทางไปตลอดด้วยความปลอดภัย แต่ความจริงใจและการยอมรับทั้งส่วนดี และส่วนบกพร่องของกันและกัน จะช่วยให้ชีวิตรักเปี่ยมไปด้วยความสุขที่แท้จริง
ขอบคุณขอความจาก kapook.com ค่ะ