ชุดนอนแบบกางเกงเปียกลู่ เธอหนาวสั่นสะท้าน พยายามมองไปรอบๆ เธอต้องหนี เรือนเล็กที่ถูกกระแสน้ำพัดไหวยวบ ...หนี!!! ไปทางไหนเล่า ที่ไหน..... ต้องหนีไป น้ำป่าพัดมาแรงและอย่างรวดเร็ว เสียงกึกดังไปทั่วขุนเขาปานจะถล่มทลาย ทอรุ้งเหลือบมองไปทางเนินดอยที่ดำทะมึนอยู่หลังบ้าน ต้องหนีไปที่สูงๆ ....ต้องไป.... ทั่วทุกทางล้วนมีแต่น้ำ สองชีวิตในอ้อมกอดตัวสั่นงันงก ในความความหนาวเย็นถึงหัวใจ ทอรุ้งรู้ถึงน้ำอุ่นที่ไหลมาอาบหน้า คุณปราชญ์คะ! ทอรุ้งกรีดเสียงร้องเมื่อมีสิ่งหนึ่งมากระแทกกับเสาเรือนอีกครั้ง เธอถลาไปข้างหน้าหากยังไม่ยอมปล่อยสองชีวิตนั้นออกไป สิ่งเดียวที่เธอคิดได้คือต้องพาทั้งสองหนีไป เมื่อกระโจนลงจากบ้าน เธอจึงรู้ว่าระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วเพียงใด ฝนยังคงตกหนัก ลมพัดอื้ออึงทั่วทุกทิศทางจนไม่สามารถรู้ได้ว่ามาจากทางใดแน่ ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ เธอได้แต่วิ่งไปข้างหน้าที่สูงขึ้น บางทครั้งเธอลื่นไถลล้มลงแต่เธอไม่ยอมปล่อยสิ่งใดให้หลุดออกจากอ้อมแขน แสงสว่างที่รัวลาง เม็ดฝนที่ซัดสาด กิ่งไม้ที่ฟาดซัดลงมา เธอไม่ได้สนใจนอกจากพยายามวิ่งขึ้นไป เธอรู้ว่ามันจะขึ้นไปสิ้นสุดที่ใด เสียงเพลงดังอึงอลจนฟังไมได้ศัพท์ เขาอยากออกไปจากที่บริเวณนี้ มีเสียงหนึ่งดังแว่วมาไกล เขาพยายามฟังหาที่ของเสียง ...อาปราชญ์ อาปราชญ์คะ.... คุ้นๆ คล้ายเคยได้ยินใครคนหนึ่งเรียก เสียงอื่นกลับดังกลบขึ้นมาอีก จนไม่รู้สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงอะไร .....เร็วค่ะ อาปราชญ์ กลับบ้าน... เสียงนั้นดังแว่วมาแทรกในเสียงต่างๆ ไม่ใช่เสียงเพลง เขาฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนได้ยินเสียงหวีดร้องเสียงที่คุ้นหู ป๊ะ! ปราชญ์ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่ง เขามองไปรอบๆ ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีเสียงหวีดร้อง เขามองไปรอบห้องจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ที่ใด และต้องตกใจยิ่งกว่าที่พบว่ามีอีกร่างหนึ่งนอนหลับอยู่เบียดกับเขาบนเตียงเล็กนี้ เขาก้าวลงจากเตียงทันที ร่างนั้นจึงงัวเงียขึ้นตาม อะไรคะพี่ปราชญ์ งานเลิกแล้วทำไมไม่เรียกพี่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว พลางตบกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถก่อนที่จะล้วงเอามาถือไว้ ก้อส้มเห็นพี่ปราชญ์หลับ ไม่กล้าปลุกนี่คะ ครับ งั้นพี่จะกลับตอนนี้ล่ะ เขาเดินออกจากห้องไปทันที ไม่สนใจกับเสียงเรียกของเธอ เขารู้หงุดหงิด กระวนกระวายบอกไม่ถูก เขาหาเครื่องโทรศัพท์อีกครั้งและพบว่าเครื่องถูกปิดไว้! ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเดินแกมวิ่งตามเขามาจนทันขณะที่เขากำลังจะปิดประตูรถ ปราชญ์ไม่ได้ออกปากชวนสักนิด พี่ปราชญ์จะกลับฝางเหรอคะ ครับ แต่ ส้มยัง.... พี่ไปล่ะครับ ขอตัว เขาไม่ฟังเธอพูดจนจบ ยอมเป็นคนเสียมารยาทขับรถออกจากบริเวณที่จอดรถทันที เขากดเปิดเครื่องสักพักสัญญาณเครื่องปรากฎขึ้น เขามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับนับสิบสาย เขารีบกดไปยังหมายเลขที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด ตอนนี้เกือบตีสาม....
ทอรุ้งค่อยเอามือคลำไปตามผนังโพรงท่ามกลางความมืดมิด ร่างสั่นสะท้าน มือเย็นเชียบจนชาแข็ง เธอเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ ใช้เท้ายื่นไปข้างหน้าเพื่อหาตำแหน่งของลังไม้ของเขา เธอคิดว่ามันน่าจนอยู่ใกล้กับผนังโพรง จนปลายเท้าไปเตะโดนของแข็งๆ บางอย่าง เธอค่อยย่อตัวลงวางเจ้าพูห์ลง น้องฝันยังกอดคอเธอไว้แน่น มือเธอคลำไล่ไปตามรูปทรงของสิ่งที่เธอกำลังแตะ เป็นลังไม้ของเขาจริงๆ ด้วย เธอไล่มือต่อไปจนเจอมือจับยกฝาลัง ทอรุ้งควานลงไปในลังแล้วดึงเอาผ้าคลุมที่เคยใช้ออกมาพันตัวน้องฝันทันที ม๊ะ! มืด เสียงน้องฝันพูดเบาๆ ทอรุ้งกระซิบปลอบโยนพลางเอามือสอดเข้าไปในผ้าคลุมจัดการถอดชุดนอนเปียกโชกของน้องฝันนั้นออก เธอคิดว่าน่าจะมีผ้าอีกสักผืนในลัง เธอควานมือลงไปอีกขึ้นคราวนี้เธอกลับได้ของที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นกระบอกไฟฉาย ...ใช่จริงๆ ด้วย... เธอกดคลิกปุ่มข้างกระบอก ลำแสงเล็กๆ ส่องสว่างขึ้นมาในความมืดราวกับความหวังที่เรืองรอง เธอนั่งขัดสมาธิไปบนพื้นดินเปียกชื้นนั่นอย่างไม่สนใจ อุ้มร่างน้อยที่ห่อหุ้มด้วยผ้าผืนใหญ่ขึ้นนั่งบนตัก เจ้าพูห์เองก็เข้ามาซุกตัวอยู่ข้างตัก เธอใช้ไฟฉายกระบอกเล็กส่องลงไปในลังอีกครั้ง คราวนี้ไม่ยากต่อไปเธอได้ผ้าปูรองนั่งขนาดยาวและผ้าห่มผืนเล็กอีกผืน เขาเคยบอกว่าที่นี่เป็นที่ปลีกวิเวกส่วนตัวของเขาเองดังนั้นลังจึงมีของใช้ที่จำเป็นอยู่ ทอรุ้งเอาผ้าผืนใหม่ขยี้เช็ดที่เปียกโชกของลูกสาวนายจ้าง หนาวมั๊ยคะ น้องฝันพยักหน้าน้อยๆ สิ่งที่ทอรุ้งนึกกลัวนั่นคืออาการไข้จากการเปียกฝนเป็นเวลานาน เธอจึงเอาผ้าคลุมทับอีกชั้นและนั่งโอบกอดร่างนั้นไว้ ทอรุ้งไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีสภาพเช่นไรนอกจากอาการเหน็บหนาวจนชาไปทั่วร่างกาย เสียงภายนอกยังดังกึกก้องเข้ามา ไม่รู้ว่าภายนอกจะเป็นอย่างไร ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินนั่นคือเสียงกระแทกกับตัวเรือนหลังเล็กดังลั่นจนน่ากลัว เธอไม่มีเวลาที่จะหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากวิ่งหนีขึ้นที่สูงอย่างเดียว เธอเอนตัวอิงกับลังไม้น้องฝันซบศีรษะลงกับซอกไหล่เธอ ป๊ะ! หาป๊ะ น้องฝันพูดออกมาเบาๆ ค่ะ พรุ่งนี้นะลูก ไปหาป๊ะกัน ทอรุ้งตอบด้วยเสียงที่ง่วงงุน เธอรู้สึกมึนงง อาการสั่นสะท้านยังไม่หาย เธอซุกมือที่เย็นเฉียบกับผ้าห่มที่โอบคลุมเด็กน้อย ค่อยๆ ซบศีรษะลงกับลังไม้ น้องฝันไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวป๊ะก้อมารับเรา.... น้ำเสียงเธอแผ่วเบา แล้วเงียบไปในที่สุด หยดน้ำจากเรือนผมสลวยรินหยดลงมา...เป็นสีแดงคล้ำ!!!!!!
ฮัลโหลๆๆ เขากดปุ่มตอบรับที่สายหูฟังทันทีที่มีสายเรียกเข้า ป้อเลี้....มีไหนคร่ะ.... นายหรุ่งเหรอ ...ครั.... ขะไจ้.... สัญญาณขาดหายไปอีก มีเสียงซ่าๆ รบกวน จนไม่สามารถฟังได้ เขาจึงกดปิด เร่งความเร็วของรถขึ้นอีกด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา ถนนยามดึกเช่นนี้ว่างเปล่าเขาจึงสามารถขับรถด้วยความเร็วได้ เขาต้องการจะติดต่อกับทางบ้านให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำเสียงที่ร้อนรนของนายหรุ่งยิ่งทำให้เขากระวนกระวาย ....ติ๊ดดดดด... มีเสียงเรียกเข้า เขารีบกดรับทันที สายตาจับจ้องไปที่ถนนข้างหน้า คุณปราชญ์คะ เสียงเรียกคราวนี้ชัดเจนขึ้น โอ!ป้าพรรณ เขาเรียกด้วยความรู้สึกดีใจท่วมท้น คุณปราชญ์ อยู่ที่ไหน ผมกำลังขับรถกลับครับ ถึงที่ไหนแล้วคะ จะถึงตัวอำเภอเชียงดาวแล้ว ค่ะ ขับรถระวังหน่อยนะคะ ป้าพรรณ น้องฝันเป็นอะไร เขาถามทันที แต่เสียงปลายสายกลับนิ่งไปอึดใจ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะเล่าให้ฟังนะคะ น้ำเสียงของแม่บ้านดูพยายามสะกดกลั้นอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะได้ซักถามอีกรถก็วิ่งถึงบริเวณจุดอับสัญญาณ ปราชญ์จึงต้องปิดสายไป ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เขานึกโกรธตัวเองที่เมามายไม่ได้สติอยู่ที่งาน จนทำให้ต้องหลับไปหลายชั่วโมง นึกโกรธวัสสิกาที่ไม่ทำตามที่รับปาก เมื่อขับรถเลยสถานีต้นน้ำที่แม่แตง ฝนเริ่มโปรยปราย ปราชญ์เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น สัญญาณแสงไฟสีแดงจากกระบอกไฟฉายของเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจแก่งปันเต๊าโบกไปมา เขาชะลอรถให้ช้าลงและจอด เขาลดกระจกลงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้มองเห็นด้านในตัวรถ จะไปไหนครับ กลับฝางครับ ฝางเหรอ ได้ยินว่ามีน้ำท่วมนะ เจ้าหน้าที่คนที่ยืนโบกกระบอกไฟบอกเขา น้ำท่วมดอยล่ะงานนี้ เสียงเพื่อนร่วมชุดปฏิบัติการพูดแทรกขึ้นมา ที่ไหนเหรอครับ ไม่แน่ใจนะครับ ได้ยินว่าอ่างขางนะ ปราชญ์ใจหายวูบ หมู่บ้านที่เขาอยู่นั้นตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยอ่างขาง ...ไม่น่าใช่นะ... เขาปลอบใจตัวเอง อาจเป็นแค่เหตุการณ์ที่มาพ้องกันเท่านั้นเอง ค่อยขับรถไปนะครับ อาจมีดินสไลด์ ครับขอบคุณครับ ปราชญ์เคลื่อนรถออกจากด่านช้าๆ และเร่งขึ้นทันทีที่พ้นบริเวณด่านตรวจ
ประมาณชั่วโมงเดียวเขาก็ขับรถมาจนถึงปากทางเข้าไปหมู่บ้าน เขาต้องตกใจเมื่อเห็นปากทางถนนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยผู้คน รถฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ จอดอยู่เต็ม ส่งสัญญาณไฟกระพริบวูบวาบไปทั่วบริเวณ เขาชะลอรถเพื่อจะเลี้ยวเข้าแต่ต้องถูกเรียกให้หยุด ขอโทษครับ เขาไปไม่ได้ครับ ทำไมครับ เขาถามอย่างร้อนรน ฉุกเฉินครับ ห้ามเข้าไปครับผม มีน้ำท่วมหมู่บ้านข้างใน บ้านไหน ตั้งแต่ทุ่งหลุกเข้าไปครับ บ้านผมอยู่ข้างใน ผมต้องเข้าไป ปราชญ์ตอบอย่างเสียอารมณ์ เขาจอดรถและเดินดุ่มไปกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังช่วยลำเลียงผู้คนที่แตกตื่นออกมา เขาพยายามมองหาใบหน้าที่คุ้นตาแต่ไม่มีสักคน รถพยาบาลคันหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้ามา ท่านครับ ปราชญ์เข้าไปพูดกับนายตำรวจนายหนึ่งซึ่งกำลังยืนควบคุมสถานการณ์ บ้านผมอยู่ในบ้านยาง ผมต้องการเข้าไป ปราชญ์พยายามชี้แจงและขอเข้าไปให้ได้ หากสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปได้ ปราชญ์ต้องกระวนกระวายใจรออยู่จนกระทั่งฟ้าสว่าง ผู้คนเริ่มมากมาย ทั้งคนที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือและคนที่ต้องการมาดูเหตุการณ์ ในที่สุดเมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานแห่งหนึ่งทำให้ปราชญ์สามารถขับรถเข้าไปได้ สภาพสองข้างทางถูกน้ำป่าไหลทะลักเข้ามาท่วมเมื่อกลางดึก ถนนบางช่วงถูกเซาะพัง เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ ยิ่งเข้าไปลึกเขาก็ยิ่งพบความเสียหายจากน้ำป่ามากขึ้น เขาใจหายเมื่อนึกถึงคนที่เขาทิ้งไว้อยู่กับบ้านในคืนเกิดเหตุ จะปลอดภัยกันบ้างไหม เขาไปถึงหมู่บ้านก็ต้องจอดรถที่ในวัดด้วยไม่สามารถเข้าไปจนถึงสวนของเขาได้ สภาพวัดไม่ได้ดีไปกว่าด้านนอก มีทั้งโคลนทั้งน้ำไหลเป็นบางแห่ง มีเจ้าหน้าที่นำรถเข้ามาเพื่อลำเลียงอพยพชาวบ้านออกไป ปราชญ์ต้องฝ่าผู้คนไปตามเต๊นท์มีมาตั้งอย่างฉุกเฉิน บนศาลาก็เต็มไปด้วยชาวบ้าน ป้อเลี้ยงๆ เสียงเรียกเขาดังขึ้น ปราชญ์ไปมองรอบๆ ร่างผอมเกร็งร่างหนึ่งเดินแหวกคนที่แน่นขนัดศาลามาหาเขา หมู่เฮาอยู่ตางเพ้ เป็นคนงานคนหนึ่งในสวนนั่นเอง ปราชญ์เดินตามเขาไปด้านในจึงพบคนที่เขาต้องการพบยกเว้นอีกสองชีวิตที่หายไป ป้าพรรณโผเข้ามากอดพร้อมกับร้องไห้อย่างไม่อายใคร คุณปราชญ์ โฮๆๆๆๆๆๆ! อ้าว ป้า เดี๋ยวครับ เขากอดแม่บ้านร่างท้วมไว้พลางเหลียวมองไปรอบๆ ใบหน้าแต่ละคนดูตื่นตระหนกและโศกเศร้า น้องฝันกับครูล่ะ ไม่เจอ...ไม่...เจอค่ะ ป้าพรรณสะอื้นฮัก ป้าพยายามติดต่อแล้ว โทไปหาคุณปราชญ์ก้อไม่เปิดเครื่อง เขาอึ้งต่อคำพูดนั้น ผมขอโทษครับ ป้า ตอนนี้เจ้าหรุ่งกับพวกคนงานกำลังหาน้องฝันกับแม่ครู ป้าพรรณพยายามสะกดเสียงร่ำไห้ ปราชญ์นิ่งฟัง งั้นป้าอยู่ที่นี่กับพวกเรานะ ผมจะเข้าไป คนงานผู้ชายบางคนขยับตัวลุกขึ้นเพื่อที่จะติดตามเจ้านาย ปราชญ์เห็นแสงจิ่งนั่งกอดเข่า ตาบวมแดงด้วยร้องไห้มาอย่างหนัก ถ้าออกไปได้ป้าช่วยจัดการเรื่องอาหารเข้ามาด้วย เขาส่งกระเป๋าเงินให้แม่บ้านถือไว้ด้วยความไว้วางใจก่อนจะเดินนำกลุ่มคนงานสามสี่คนเข้าไปยังสวนส้ม สภาพสวนส้มที่เขาเข้าไปเห็นต้องใจหาย ยังมีน้ำไหลบ่าล้นลำห้วย ต้นส้มบางส่วนถูกน้ำพัดล้ม ยังมีบางส่วนที่จะพอฟื้นสภาพได้ แต่มันคือความเสียหายอย่างหนัก สภาพบ้านนั้นยิ่งกว่า มีซุงขนาดใหญ่ไหลมากระแทกตัวเรือนที่เป็นเรือนพักของแม่บ้านและและทอรุ้งจนล้มพัง เรือนหลังใหญ่กลับปลอดภัยด้วยฐานที่มั่นคง หากยังมีบางส่วนที่เสียหายเล็กน้อย น้ำในลำห้วยเป็นสีแดงขุ่นคลั่กเอ่อขึ้นท่วมจนถึงพื้นชั้นล่าง เมื่อนายหรุ่งเห็นปราชญ์มาถึง เขาจึงรีบมารายงานความเสียหายในสวน คนงานทุกคนปลอดภัย ยกเว้นน้องฝันและครูทอรุ้งที่หายไป ปราชญ์แทบคลั่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาสั่งให้คนงานเริ่มค้นกันใหม่ ตั้งแต่ในซากบ้านพักที่พังทลายเขาให้คนงานส่วนหนึ่งค่อยๆ รื้อซาก ส่วนหนึ่งไล่เลาะไปตามสองฝั่งลำห้วย ด้านสวนส้มเริ่มมีคนงานทะยอยขึ้นมาช่วยตรวจดูสภาพความเสียหาย นอกจากนี้ยังต้องคอยกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาวุ่นวายในสวน นอกจากเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ความเสียหาย ป้อเลี้ยง เฮาเซาะหาน้องฝันกับแม่ครูจ๋นเซี้ยงละนา นายหรุ่งกลับมาบอกอย่าหมดหวัง หมดทุกที่แล้วเหรอ ปราชญ์ถามอย่างอ่อนล้า ในห้องโถงข้าวของระเนระนาด เจิ่งนองด้วยน้ำโคลนสีแดง เขายืนมองดูแลคนงานสองสามคนที่กำลังช่วยขนย้ายตู้เอกสารขึ้นไปไว้บนบ้าน เขามองออกไปข้างนอกตัวบ้านเห็นสภาพที่ไม่อยากเห็นสักนิด ซากต้นไม้ที่ลอยมาตามกระแสน้ำพัดมาค้างให้เห็นรอบตัวบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากเครื่องมือถือบนโต๊ะทำงาน เขาเหลือบมองดูหมายเลขที่เรียกอย่างเมินเฉย ไม่สนใจที่จะรับจนเสียงเงียบไปและดังขึ้นมาใหม่หลายครั้ง จนเขาต้องตัดสินใจยกรับ ไม่ว่างนะครับ "พี่ปราชญ์คะ ส้มอยากจะ... เขากดตัดสายไป และไม่สนใจอีกเลยแม้จะเรียกเข้ามากี่ครั้งก็ตาม พลันเขาได้ยินเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งแว่วมา เขาพยายามเงี่ยหูฟัง เฮ้ย เงียบหน่อยสิ เขาตวาดกับกลุ่มคนงานที่กำลังเก็บกวาด ช่วยฟังหน่อย เสียง... ปราชญ์เดินหาที่มาของเสียง เสียงหมาหน้อยเห่า ป้อเลี้ยง นายหรุ่งพูดเบาๆ ปราชญ์แทบจะยิ้มออกมาอย่างลิงโลด เจ้าพูห์! เสียงเจ้าพูห์ เร็ว ทุกคนกรูกันออกไปด้านหลังบ้านที่ติดกับเนินเขา เสียงแหลมเล็กนั้นแว่วมาแต่ไกล ปราชญ์รีบชี้ขึ้นไปข้างบนทันที โพรงตีนดอย! พูดจบเขากระโจนไปทันที นายหรุ่งรีบตามไปไม่ห่าง ทั้งสองตัดข้ามสนามที่ท่วมโคลนเละๆ ไปเดินแหวกซากกิ่งไม้ที่หักพาด พูห์! พูห์! ปราชญ์ตะโกนเสียงดังขณะเดินขึ้นไป ทันใดนั้นร่างเล็ก ขนสีน้ำตาลเลอะเทอะวิ่งเห่าส่งเสียง โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ มันกระโดดเข้าหาทั้งสองอย่างดีใจ ปราชญ์หัวเราะร่าอุ้มมันขึ้นชู เจ้านายเอ็งอยู่ไหน พูห์ บอกมา เมื่อจะรู้ในคำพูด เจ้าพูห์ดิ้นรนลงจากมือเขาแล้ววิ่งมุดซากต้นไม้หายไป นายหรุ่ง ลงไปตามคนเตรียมรถไว้ เขาหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท ก่อนที่จะเร่งตามเจ้าพูห์ขึ้นไป เขารู้ดีว่าเจ้าพูห์จะนำเขาไปที่ใด และที่นั่นเองเขาจึงพบร่างของสองคนที่อยู่ในหัวใจเขา ทอรุ้งกึ่งนั่งกึ่งนอนหายใจแผ่วเบาอยู่ข้างลังไม้ของเขา บนตักเธอมีกองผ้ากองโตเมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเธอโอบอุ้มลูกสาวเขาด้วยผ้าห่ม น้องฝันนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของแม่ครู น้องฝัน ปราชญ์เรียกชื่อลูกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือ เอื้อมมือแตะเธอเบาๆ ลูกครับ เด็กน้อยพลันขยับตัวลืมตาขึ้นพอรู้ว่าเป็นใคร เธอจึงโผเข้ากอดคอ ป๊ะ! ป๊ะ! เสียงใสๆ นั่นบ่งบอกถึงอาการปลอดภัยของเจ้าตัว หากอีกร่างหนึ่งยังคงนอนนิ่ง ม๊ะ เจ็บ น้องฝันมองดูแม่ครูของตนพร้อมกับบอกพ่อ ปราชญ์เอื้อมมือไปแตะแขนเธอเบาๆ ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อย ปรือตาขึ้นมา คุณปราชญ์... แล้วเธอก็เงียบเสียงไปอีกครั้งหนึ่ง ปราชญ์โอบประคองเธอขึ้นมาจึงรู้ว่าเธอต้องเผชิญกับสิ่งใดมาเพื่อปกป้องลูกสาวเขาอย่างสุดชีวิต ผมแห้งกรังด้วยเลือดที่จับตัวเป็นก้อนแข็ง เขาไม่กล้าเปิดดูแผลเกรงจะกระเทือนมากอีก แขนล้วนมีแต่รอยบาดแผลขีดข่วน บางแห่งเขียวช้ำ คงมาจากการถูกกระแทกอย่างแรง ที่สำคัญเธอมีอาการไข้ขึ้นสูง ทอรุ้ง คุณอย่าเป็นอะไรนะครับ เขากระซิบอย่างอ่อนโยน อยู่กับผมนะ อย่าไปไหน
บทส่งท้าย...... ทอรุ้งนอนพักอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องคนไข้ดูเหมือนจะคับแคบไปถนัดตา ลูกชายสองคนนั่งอยู่ข้างเตียง ป้าพรรณยืนยิ้มอยู่ปลายเตียงขณะที่นางซอและแสงจิ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวชิดฝาผนัง มีน้องฝันนั่งอยู่บนตัก จากเหตุการณ์วันนั้นน้องฝันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นอกจากรอยถลอกเล็กน้อย หากทอรุ้งกลับได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกที่ศีรษะเป็นแผลใหญ่ อาการเสียเลือดประกอบกับตัวเปียกชื้นตลอดทั้งคืนทำให้เธอมีไข้สูง หวุดหวิดที่จะช่วยเหลือไม่ทัน เธอหมดสติไปถึงสามวันจึงฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความยินดีของทุกคน งานนี้ยกความดีให้เจ้าพูห์ ปราชญ์บอกกับทุกคน เขาอยู่เฝ้าเธอไม่ยอมห่างจนกระทั่งลูกชายทั้งสองของเธอทราบข่าวและพากันมาอยู่ดูแล แต่ปราชญ์ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังคงเทียวไล้เทียวขื่อระหว่างสวนกับโรงพยาบาลตลอดเวลา พอคุณครูหายดีแล้ว ยังจะไปดูแลน้องฝันเหมือนเดิมใช่มั๊ยครับ ก้อคงแล้วแต่คุณปราชญ์นะคะ ทอรุ้งตอบไปเรียบๆ แต่รู้สึกใจหายที่เขาถามออกมาแบบนี้ราวกับจะบอกเลิกจ้าง งั้นเอายังงี้นะครับ ผมคงต้องพูดตามตรงต่อหน้าหลานชายทั้งสอง เขาพูดด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ผมคงจะเลิกจ้างคุณทอรุ้งมาเป็นครูพิเศษล่ะ อ้าว คุณปราชญ์ ป้าพรรณไม่พอใจ เห๊อ ป้อเลี้ยงหยังจะอั้น นางซอประหลาดใจ ทอรุ้งจ้องมองคนพูดเขม็ง แต่เขากลับหันไปคุยกับสองหนุ่มแทน เป็นครูสอนน้อง ลุงลำบากใจ คงจะขอมาเป็นคนดูแลลุง แล้วก้อเป็นแม่ให้น้องฝันด้วยดีกว่า ใบหน้าภายใต้หนวดเคราแดงก่ำเมื่อพูดจบ หลังจากที่ทุกคนตกตะลึงในคำพูดของเขา ต่างพากันหัวเราะลั่นอย่างมีชอบใจ ลุงกะลังขอแม่ผมใช่ป่าว เจ้าคนเล็กถาม ใช่ คำตอบเขาหนักแน่น สองหนุ่มยังคงหัวเราะ คงมีแต่คนที่นอนบนเตียงคนไข้นั่นแหละที่ได้มอง พูดอะไรไม่ออก ชีวิตจะดำเนินต่อไป ไม่มีใครหยั่งรู้ เพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุด
2 มกราคม 2551 16:16 น. - comment id 98793
จบด้วยความยินดีปรีดาคุกเคล้าด้วยความเจ็บปวดและความปลื้มปิติ และแล้วพระเอกกะนางเอกก็เข้าใจในคำว่ารักและเป็นห่วง
5 มกราคม 2551 22:17 น. - comment id 98834
ขอบคุณคุณบ๊อง แฟนพันธ์แท้นะคะ ความจริงอยากจบให้สะใจกว่านี่นะ แต่ช่างเถอะ....แบบนี้....สายรุ้งจึงเป็นสิ่งสวยงาม ที่จะทักทอความฝัน ไว้ปลอบประโลมใจและความจริงที่เจ็บปวด ...นะคะ...