การเดินทางเริ่มต้น กลุ่มที่ 1 ตั้งชื่อกลุ่มว่า สีน้ำฟ้า..ออกนำไปก่อน ฤกษ์, อ้อน, เรน, อ้อม,ฟาง, น้ำ หกคนร่วมกันรับผิดชอบชีวิตเด็ก 6 คน เด็กซึ่งเป็นคนพื้นที่จะนำพี่ ๆ ครูอาสาเดินไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยมีพี่โจ้เป็นคนชี้แนวทางและแจกแผนที่ให้ไปทำกิจกรรมในแต่ละจุด จุดแรกเรียกว่า.. ศึกษาต้นน้ำ เป็นการเดินข้ามภูเขาลูกเล็ก ๆ ไปยังต้นกำเนิดห้วยแม่ต๋าแหล่งน้ำที่สำคัญซึ่งห่างจากจุดเริ่มต้นไปประมาณ 3 กิโลเมตร .. โดยกลุ่มสีน้ำฟ้าซึ่งไปศึกษาเชิงนิเวศนั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้คิดค้นการแสดงละคร 1 เรื่องให้ชาวบ้านได้ชมด้วย "ข้าเจ้าเป๋นสาวเจียงใหม่ แถมบ่เต้าใด ก็จะเป๋นสาวแล้ว ตึงวันมีบ่าวมาแอ่ว มาอู้มาแซวเป็นคนละปูน ... " เสียงเพลงสาวเชียงใหม่ดังแว่วมาจากหัวแถว ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงวัยสิบกว่าขวบ ที่ถูกเพื่อน ๆ คะยั้น คะยอ ให้ร้องเพลงให้ครูอาสาฟังระหว่างเดินทาง ทุกคนปรบมือเป็นจังหวะให้.. "ตี้นี่เป๋นหมู่บ้านเก่าของหนู ตะก่อนป้อ-แม่ อยู่นี่ ปลูกไฮ่ฝิ่นเป๋นอาชีพหลัก ต่อมาเมื่อตางก๋ารเปิ้นเค้ามาสอดส่อง ดูแล มีโครงก๋ารแม่ฟ้าหลวง สวนฝิ่นถูกทำลายก็เลยย้ายไปอยู่ตี้หมู่บ้าน ตี้เฮาพักกั๋นตะคืน" เด็กน้อยที่จูงมือครูเรนชวนคุย และชี้ชวนให้ดูหมู่บ้านร้าง ที่ยังเหลือซากบ้านเรือนที่ทำจากไม้ไผ่ และหลังคามุงด้วยหญ้าคาบางหลังที่ผุพังด้วยแรงลมฝนเนื่องจากไม่มีคนอยู่ทำนุบำรุง แล้วย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านที่พักกันที่ผ่านมาเมื่อคืน "จ้ะ.." "ฮั่นน่อ..คุณครูมีดอกมั้ยสีแดงตี้คุณครูชอบ กำเดียวหนูจะไปเก็บมาฮื้อ" ฮั่นน่อ.. นั่นไง.. มีดอกกุหลาบสีแดง สีที่ครูเรนชอบแล้ว.. เธอยิ้มสดใส ชี้ไปยังกุหลาบคงจะเป็นของชาวเขาที่ปลูกไว้เมื่อครั้งยังอาศัยอยู่ที่นี่ ต้นมันสูงใหญ่ คงจะได้รับอิทธิพลมาจากฝนที่ตกมาตามฤดูกาล มีดอกสีแดงบานสะพรั่งเต็มต้น คราบน้ำค้างเปื้อนฝุ่นเกาะที่ใบมันจนกลายเป็นสีเขียวขุ่น ๆ เด็กน้อยทำท่าจะเด็ดดอกกุหลาบ.. เรนรีบห้าม.. "ไม่ต้องหรอก.. แค่พาครูมาดูก็พอแล้ว แค่นั้นก็ชื่นใจ ดอกไม้จะงามแค่ไหน ต่อเมื่อไปอยู่ในมือครู..ไม่กี่นานมันก็เหี่ยวเฉา ให้มันงามกับต้นน่ะดีแล้ว" "ครูใจ๋ดีแต้ว่า..ผ่อปุ้นเลาะ ครูคนนั้นเด็ดมาเต๋มก๋ำ" เด็กหญิงชี้ให้ดูฟางกับอ้อมที่กรี๊ดกร๊าดเสียงดังเมื่อเจอดอกกุหลาบในป่า ต่างยื้อแย่งกันมาเป็นเจ้าของดอกโน้นดอกนี้กันให้เอ็ดอึง.. "คนเรา..มันต่างกันไงอาเปอะ วิถีชีวิตที่ดำเนินมาต้นกำเนิดมันต่างกัน ก็เหมือนหนูเป็นคนดอยกำลังสอนครูให้รู้จักพันธ์ไม้ และครูอยากอธิบายเรื่องความเป็นมาของคนบนพื้นฐานที่ต่างกัน บางคนที่อยู่ในเมืองไม่ใช่คนดีเสมอไป แต่ไม่ได้หมายความว่าครูฟางเขาเก็บดอกไม้มาเป็นของตัวเองแล้วเป็นคนไม่ดีนะ ครูชี้เห็นต่างหากว่าคนเราได้รับการฝึกและการสอนมาต่างกัน พ่อครูสอนให้รู้จักทะนุถนอมดอกไม้ พันธุ์ไม้โดยการให้มันงามอยู่กับต้น แต่ครูฟางอาจจะได้รับการสอนมาอีกแบบหนึ่ง หนูมองเห็นความแตกต่างไหมจ้ะ" "เจ้า.. ครูกับครูฟางมาจากคนละตี้..ป้อ-แม่ คนละคน ความคิดก็เลยแตกต่างกั๋น" "ดีมาก..สาวน้อยของครู นั่นดอกอะไร ครูรู้จักแต่กุหลาบป่าสีแดง แล้วที่อยู่บนต้นไม้นั่นล่ะ" "อันนั้นเปิ้นฮ้องดอกเอื้อง ดอกเอื้องเป๋นกล้วยไม้ชนิดนึ่ง ดอกสีเหลืองห้อยเป๋นพวง คล้าย ๆ กับดอกคูน ครูฮู้จักดอกคูนก่อล่ะ" "รู้จักจ้ะ" "นั่นละ ต่างกั๋นตั๊ดตี่กลีบดอกเอื้องแข็งกว่าน่อยนึ่ง หอมกว่าโตย" "จ้ะ..ดอกกุหลาบสีแดง..ดอกเอื้องสีเหลืองมองดูแล้วให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากนะว่าไหม" "เจ้า..ดอกกุหลาบมีหนามแหลมคม แต่หอมกว่า ลักษณะดอกแข็งแรงกว่า หาดูได้ง่าย ดอกเอื้องดูบอบบางกว่าหาดูได้ยากกว่า" "อือออ.. เข้าใจเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง โตขึ้น..คงจะเก่งกว่านี้ ก็ดอกไม้ไม่ต่างกันกับผู้หญิงบางคนสวย..บอบบาง บางคนสวยแกร่ง" "ครูเรน สวย เข้มแข็ง แต่ครูฟางสวย บอบบาง" "แน่ะ.. รู้อีก อย่าไปพูดให้เธอได้ยินนะ.. บางคนเขาก็ไม่ชอบให้ไปว่าเค้า คนเราไม่ชอบให้ใครมาดูถูกตัวเอง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่อย่างหนึ่งที่ครูอยากให้อาเปอะจำไว้อีกอย่างหนึ่งนะนะ คือแม้ไม่ไปทับถมคนอื่น ก็อย่าไปยกยอเขาเกินจริง เพราะมันจะก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ถ้าบางคนมีวิจารณญานดี เข้าใจว่าเขายกยอปอปั้นก็แล้วไป แต่ถ้าคนไหนที่คิดไม่ถึงและหลงตัวเองอยู่แล้วก็ทำให้เขาเหลิงง่าย ๆ บาปรู้มั้ย..ถ้าทำให้คนอื่นเชื่อแบบผิด ๆ" "เจ้า..หนูจะจ๋ำที่ครูเรนสอน แล้วจะเอาไปสอนเปื้อน ๆ " จ้ะ..เธอกอดคอเด็กน้อยเดินต่อ "ต๊าย..ดอกเอื้องหรือ พี่น้ำ เก็บให้อ้อมหน่อยค่ะ" อ้อมตะโกนเสียงดัง น้ำหันมายิ้ม "อย่าดีกว่ามังน้องอ้อม.. ให้มันสวยตามธรรมชาติ แบ่งให้คนอื่นดูบ้าง... เดี๋ยวยังมีคนอื่นที่เดินตามหลังเรามาอีกนะ" อ้อมกระเง้ากระงอด หันไปอ้อนฤกษ์ "พี่ฤกษ์ เก็บให้อ้อมหน่อยค่ะ" "อย่าดีกว่าน้องอ้อม เหมือนที่พี่น้ำบอกนั่นแหละ แบ่งให้คนอื่นดูบ้าง" อ้อมกระทืบเท้าจนฝุ่นคลุ้ง.. "อ้อน" "จ๋า ว่าไงจ้ะ" "ตัวสูง ๆ เด็ดให้เค้าหน่อยซี" อ้อนยิ้ม..แล้วส่ายศรีษะเร่งฝีเท้าตามเด็ก ๆ ที่นำหน้าไปแล้ว เหลือแต่ฟางกับอ้อม.. "แหม... มีตั้งหลายช่อ ทำเป็นหวง.. ฟาง..ให้อ้อมขี่หลังนะ..เดี๋ยวจะเก็บดอกเอื้องให้" หันมาทางเพื่อนซี้.. "ได้ ๆ เดี๋ยว ๆ เราวางกุหลาบก่อนนะ.. " เพื่อน..ย่อมเข้าใจในเพื่อนเสมอ.. ฟางวางดอกไม้แล้วไปยืนใต้ต้นไม้ อ้อมกระโดดคร่อมหลัง..แต่แรงโถมน้ำหนักทำให้ฟางเซ โงกเงก ๆ หัวไปโขกต้นไม้.. เธอร้องกรี๊ด ปล่อยมือที่รับน้ำหนักอ้อม อ้อมหล่นลงพื้นดังพลั่ก.. ร้องโอดโอย... เดือดร้อนหนุ่ม ๆ วิ่งกลับมาดู.. "โอ๊ย ๆๆๆ ช่วยหน่อยซี..ยืนเป็นบื้ออยู่ได้" อ้อมส่งมือให้พี่ฤกษ์.. เขายื่นมือไปฉุด กลั้นยิ้มเต็มที่ ฟางเดินคลำศรีษะป้อย ๆ มาขอโทษขอโพย "ขอโทษ ๆ อ้อม.. เราตกใจหัวโขกต้นไม้ เลยปล่อยเธอ" อ้อมสะบัดหน้า ไม่พูด "ผมว่าเราไปกันเถอะฮะ.. คนอื่น ๆ ล่วงหน้าไปไกลแล้ว" น้ำเอ่ยปาก..และออกนำเมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง ในที่สุด 12 ชีวิตที่ผลัดกันเป็นครู-นักเรียน ก็มาถึงต้นน้ำ.. เป็นเพียงลำธารเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลรินมาจากภูเขาสูง จนกลายเป็นน้ำตก หลายคนรีบเข้าไปล้างหน้า ล้างตา.. เด็ก ๆ ถอดเสื้อผ้ากระโดดน้ำกันตูมตาม อากาศยามเช้าของฤดูหนาว ซึ่งไม่ร้อนนักทำให้หลายคน...ปฏิเสธที่จะเล่นน้ำไปมากกว่านั้น สีสันของเสื้อกันหนาวเดินไปสำรวจนั่นนี่กันทั่วบริเวณ มอสและตะไคร่น้ำที่จับเกาะก้อนหินจนเขียวนุ่มคล้ายผืนพรมกำมะหยี่ถูกลูบไล้เล่นอย่างเบามือ.. ทุกคนให้เรนเป็นผู้บันทึกสิ่งที่พบเห็น เพื่อจะได้ไปแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนี้เหมือนการรายงานหน้าชั้น ในกิจกรรมรวมคืนนี้ เสียงน้ำตกดังซ่า ๆ ซาบซ่านจับใจ.. น้ำจากกระเป๋าเป้ที่หนุ่มฤกษ์บรรจุมาถูกแบ่งแจกจ่ายไปจนครบทุกคน.. น้ำเริ่มนำข้าวห่อที่เตรียมมาแจกจ่ายตาม... เมื่อทุกคนอิ่มหนำ .. น้ำถูกเติมให้เต็มขวดอีกครั้งจากบ่อน้ำกินที่ชาวเขากั้นเป็นอาณาบริเวณไว้ น้ำที่มีรสชาดหวาน..ผิดไปจากที่เคยได้ลิ้มรสกันในเมืองทำให้ทุกคนชื่นใจกันถ้วนทั่ว น้ำแบ่งขวดบรรจุน้ำมาจากฤกษ์เพื่อเตรียมไว้ในระหว่างการเดินทางกลับ ซึ่งต้องอ้อมไปอีกทางหนึ่งของขุนเขาลูกเล็ก ๆ นี้ เด็ก ๆ จะเป็นครูพาเดินลัดเลาะไป ครูอาสาชวนเด็ก ๆ พูดคุยถึงวิถีชีวิตคนเมือง เป็นการแลกเปลี่ยนที่ลงตัวเหลือเกิน ********************************************************************************************************************************* การเดินทางของกลุ่มที่ 2 ชื่อกลุ่มลัคกี้อินเกม..แอนด์เลิฟ จะถูกพาไปศึกษาเกี่ยวกับพืชไร่ของชาวเขาที่ปลูกผลัดเปลี่ยนเวียนไป.. งวดนี้ทุกคนจะต้องไปช่วยชาวบ้านเก็บข้าวโพดจากต้นโดยที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน.. ทุกคนต่างตื่นเต้น และสอบถามวิธีการจากเด็ก ๆ ให้เซ็งแซ่ไปหมด.. "ไหนบอกครูนิวซิ อาเกาะจะพาครูไปหักข้าวโพดตี้ไหน" "ไฮ่ของป้อโผม..อยู่ปู้น.." ไร่ของพ่อผม..อยู่ดอยลูกโน้น... หลายคนมองตามแล้วทำสีหน้าสลด ก็มันข้ามดอยไปไกลเหลือเกิน.. กว่าจะไปถึงมีหวังเป็นลมตาย พี่ตุ้มกู้สถานการณ์โดยการ..ปลอบน้อง ๆ "ไม่เป็นไรหรอก.. เดี๋ยวอาเกาะกับเพื่อน ๆ ก็มีทางลัดให้พวกครูใช่ไหมจ้ะ" "ใจ่คับ.. โผมจะปาไปตางลัด กั๊มเดียวก็ถึง" แน่ะ คุยอีกว่าแป๊ปเดียวก็ถึง.. แต่ก็ช่วยให้ใจชื้นกันได้บ้าง.. "ครูตุ้มเกยหักข้าวโพดก่อครับ" เขาพยายามพูดให้ชัดขึ้น "ไม่เกยอ่ะจ้ะ.. เคยแต่นั่งรถผ่านไร่ข้าวโพด" "เอมก็เหมือนกัน" "แต่ผมเคยนะครับ นานแล้วสมัยเรียนอยู่มัธยมต้น โรงเรียนมีที่แล้วก็จะให้เด็กที่เรียนแผนเกษตรไปปลูก ไปถอนหญ้า พอข้าวโพดโตพอที่จะหักได้ ก็จะเกณฑ์นักเรียนแต่ละชั้นปีไปช่วยกันเก็บข้าวโพด พอขายได้เงินมาก็เอามาซื้ออุปกรณ์กีฬา, ปรับปรุงสนามกีฬา หรือไม่ก็ซื้อหนังสือเข้าห้องสมุด ชอบครับได้ไปปีละครั้ง 3 ปี.. แต่ละปีก็ได้ประสบการณ์ต่างกันไป.. แต่ก็สนุกล่ะครับ เฮ ๆ กันไปกับเพื่อน" "ดีจัง ผมไม่เคยเลย" ลัคกี้บอก "พี่นิว เดี๋ยวเป็นพี่เลี้ยงให้ผมหน่อยนะ.." นิวบุ้ยปากไปทางเจ้าตัวเล็ก "นั่นไง ครูอาสาของนายอ่ะ" เด็กน้อยยิ้มแก้มแทบปริ จูงมือลมให้เร่งฝีเท้า เพราะอยากอวดฝีมือเต็มที "จะให้ใครเป็นคนบรรยายดีภาพล่ะ คนบรรยายไม่ต้องใช้แรงงาน" "หนูเอมไงคะ.." พี่ตุ้มเสนอ "เอมว่าให้พี่นิว ดีไหมคะ" "พี่มีประสบการณ์แล้ว ให้พี่ตุ้มดีกว่า พี่ตุ้มจะได้ไม่เหนื่อยมาก ทางที่มานี่ก็ไกลแล้วครับ ผมให้เกียรติแม่ครัวคนเก่ง" "โหวตด้วย" นายกี้...ยกมือ "ด้วย ๆ " ลมกับหนูเอมเออ ออ ด้วย "เอางี้ ๆ ผมมีเพลงดอกไม้งามชนิดหนึ่งมานำเสนอ" นิว..เอ่ยขึ้นมาอย่างครึ้ม ๆ เพื่อน ๆ ปรบมือกันเกรียว "แปลให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนนะ.. ดอกต๋าเหินเป็นดอกสีขาว ๆ คล้าย ๆ ดอกขิง มีอยู่ตามแอ่งน้ำ หุบเขา มีกลิ่นหอม มีภมรภู่ผึ้งมากมายที่มารุมตอมความหอมหวานนั้น.." "งั้นเราก็มีสิทธิเจอใช่ไหมพี่นิว...เพราะเราเดินมาบนดอย" "ก็ไม่แน่ครับ.. ถ้าโชคดี..เอาล่ะน้า...ทนเสียงผมหน่อยก็แล้วกัน" "ดอกต๋าเหิน.. ขาวเหมือนน้ำค้าง ดอกต๋าเหิน หวีดตางน้ำเนิน ในห้วยละหาน ยอมดอกต๋าเหินบาน หุบปานวิมานเมืองเทพคะยอม กลิ่นดอกหอม...หมุ่เมาต๋อมในอ้อมแอ่งดอย อายกลิ่น ต๋าเหินลอย หมู่แมงแง้มคอยเซาะกอยกลีบงาม ** ผู้คนถามติดตามผึ้งตอม กลิ่นหอมของเจ้า พบไม้ป่าสวนป่าขามลำเนาช่างโฉดเขลา โค่นป่ากันฟันป่าตาย ห้วยเหือดหาย.. หุบแล เหมือนทรายแล้งเยือนเขื่อนผา มวลดอกต๋าเหินลา..ป่าไพรพนาลับตา.. สิ้นงาม" "ว๊า... น่าสงสารดอกต๋าเหินนะครับ พี่นิว" "ใช่ ดอกต๋าเหินลา.. เพราะคนโค่นป่าแท้ ๆ " "ในระบบการศึกษาของไทยเรา น่าจะมีหลักสูตรอนุรักษ์ธรรมชาตินอกห้องเรียนบรรจุตั้งแต่เด็กประถมนะ กี้ว่า" "นั่นสิ..เอมเห็นด้วย เคยอ่านหนังสือ ที่เมืองนอกเค้าจะมีการเรียนเชิงนิเวศด้วย" "เอมเล่าให้กี้ฟังเหมือนกัน" "มีได้ก็ดี.. เดือนหนึ่งหรือเทอมหนึ่ง ๆ ให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติสักครั้ง แบบที่เราได้มีโอกาสมาแบบนี้บ้างก็ดี" "แต่ค่าใช้จ่ายมันก็สูงนะคะ สำหรับคนเมืองหลวง" พี่ตุ้มว่า "ใช่.. เป็นเด็กชนบท ผมว่าได้เปรียบเด็กในเมืองตรงนี้แหละ" "มันก็ต่างได้เปรียบ เสียเปรียบกันคนละอย่าง คือเด็กในเมืองมีโอกาสที่จะเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีมากกว่า สมัยนี้เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งในชีวิต อย่างคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตมันซึมลึกแล้วนะสมัยนี้" "นิวว่านะพี่ตุ้ม.. น่าจะมีโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนชนบท กับนักเรียนในเมืองบ้าง แทนที่จะทำแค่แลกเปลี่ยนกับคนต่างบ้านต่างเมือง" "เสนอแนะสิพี่นิว กี้ว่านะ สมัยนี้โลกมันเสรี เราไปโหวตกระทู้ในอินเตอร์เน็ตผ่านสื่อมวลชน คงจะช่วยสะกิดใจบรรดาท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายได้บ้าง เดี๋ยวนี้รัฐบาลเค้าฟังเสียงประชาชนขึ้นเยอะแล้วนี่" "กลับไปนี่จะลองเขียนดู" "ลมจะไปช่วยด้วยอีกแรงครับพี่ ผมชอบสื่อ อย่างนักหนังสือพิมพ์ หรือนักวิทยุโทรทัศน์ เสนอข่าวกัน 24 ชั่วโมง เราก็ได้รับรู้ความเป็นไปของโลกได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก" "ไม่น่าเชื่อนะคะ น้อง ๆ นี่อายุไม่เท่าไหร่กันเอง.. ชอบดูข่าวเหมือนกันหรือ" "ค่ะ พี่ตุ้ม เอมชอบ" "ลมด้วยฮะ.. เมื่อก่อนก็จะฟังแต่เพลง ดูแต่หนัง นับแต่มีข่าวสงคราม และโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน โรคซาร์ส ผมเลยการเป็นคนชอบดูข่าวไปเลย" "ดีค่ะ การได้ดูข่าว จะช่วยให้น้อง ๆ มีความคิดที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว แต่การดูข่าวก็อย่าเชื่อสื่อให้มากนัก อย่างบางข่าวที่โหมโรงกันเสียจนเสียรูปเดิมไปหมดก็มี" พี่ตุ้มเตือนในฐานะพี่ใหญ่ "คร้าบบบบบ ป้าตุ้ม" นายกี้..ทะลึ่ง "ฟังคุณครู อู้กั๋นแล้วผมใค่ไปดูข่าวแล้วก่าครับ" นั่นแน่ะ..อาเกาะรู้จักแซวด้วย... เด็กคนอื่น ๆ วิ่งเล่นแข่งกันตามแนวป่า นิวถามเด็กชายที่จูงมือเขาแน่น "ไม่ไปเล่นกับเพื่อน ๆ หรืออาเกาะ" "ไม่ครับ คุณครูเสริมบอกว่า ผมต้องเป็นผู้นำให้คุณครูอาสาไปพบพ่อที่ไร่ครับ" "อืออ.. แววมันออกนะ" ลมจับศรีษะเด็กน้อยโยกเยกเล่น ทุกคนยิ้ม.. เมื่อถึงไร่ข้าวโพด.. ที่สูงท่วมศรีษะ พ่อของอาเกาะ กับผู้หญิงหลายคนกำลังลงมือหักข้าวโพดไปได้ครึ่งไร่ "ครูระวังหนา.. ใบข้าวโพดมันคม มันจะบาดมือ" เสียงพ่อของอาเกาะตะโกนบอก เมื่อชี้แจงวิธีการเก็บข้าวโพดให้เหล่าครูอาสาได้ฟังกันแล้ว "ครับ/ค่ะ.." ทุกคนรับคำและเริ่มลงมือเด็ดข้าวโพดจากต้น จากนั้นก็ใช้มีดฟันต้นข้าวโพดให้ล้มลงราบเป็นหน้ากอง...จนกระทั่งหมด และลงมือรับประทานอาหารกลางวันที่เลยเวลาเป็นบ่ายคล้อยกันอย่างเอร็ด..อร่อย ทุกอย่างคงเจือจานไปด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพของการอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี.. งามเอย..ดอกน้ำใจ จะหาใด..เสมอเหมือน ตรึงตรา..ไม่ลบเลือน น้ำใจเพื่อน..บ่เคยเลือนลาง ************************************************************************************************************************************** กลุ่มที่ 3 ออกเดินไปอีกเส้นทางหนึ่ง.. กลุ่มนี้คือเก็บเดือน..เก็บดาวมาร้อยเป็นมาลัยแด่เธอ กลุ่มนี้จะได้ไปตัดไม้ไผ่สำหรับทำข้าวหลามมาไว้สำหรับการทำข้าวหลามเลี้ยงเพื่อน ๆ และชาวเขาในคืนนี้ เป็นการตอบแทน พี่โอมกอดคอเจ้าหนุ่มน้อยชาวอาข่าออกเดินนำ ให้เขาได้คุยฟุ้งเกี่ยวกับแดนดงป่า ที่เขาไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยนัก แต่ไม่ถึงกับไม่เคยเอาเสียเลย เพราะเขาเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวคนหนึ่ง สุดเหนือ สุดใต้ เขาไปได้เสมอเมื่อว่างเว้นจากการงาน เขาถือว่ามันเป็นการให้รางวัลชีวิตที่น่าประทับใจยิ่ง "ใครเล่นกีต้าร์เป็นมั่ง คืนนี้จะมีการแสดงพี่อยากให้กลุ่มเรามีส่วนร่วมด้วยนะ นอกจากการแสดงละครของกลุ่มสีน้ำฟ้าแล้วน่ะ" "เก่งเล่นได้ครับพี่" "ดินด้วยครับ.." "ดีล่ะ.. งั้นให้เก่งกับดินเล่นกีตาร์ แล้วสองสาวล่ะว่าไง" "พิมพ์ร้องเพลงไม่เป็นนะคะพี่โอม" เจ้าพิมพ์รีบออกตัว "ร้องทีไร เป็นได้ตกร่อง คร่อมคีย์ ทุกทีแหละ" โอมหันมาทางน้องนกอย่างมีความหวังเธอส่ายศรีษะ..ยิ้มแหย ๆ "แหม..พี่ไม่ได้ดุซักหน่อย น้องนกก็.. งั้นให้น้องนกกับพิมพ์เป็นแดนเซอร์.." ฮิ ๆๆๆๆ เสียงสองหนุ่มน้อยหัวเราะ.. เล่นเอาเจ้าพิมพ์ต่อว่างอน ๆ "แหม..เยาะเย้ยเชียวนะยะ..นายเก่ง" "โธ่..พี่พิมพ์ก็.. " เสียงนั้นหาได้สำนึกเหมือนน้ำคำไม่.. "พิมพ์ก็.. แดนเซอร์ ก็เซ่อเหอะ.. นกว่าคงสนุกดี..แล้วใครจะร้องเพลงล่ะคะพี่โอม" "เก่งกับดินเล่นกีตาร์ แล้วร้องด้วยดีไหม" "ม่ายอาว... ให้คุณผู้กำกับอย่างพี่โอมนั่นแหละ โชว์ลูกคอ..." "ไหล่นี้อย่าให้ใครมากอด...อ็อด ๆ ๆ ๆ... " ดินล้อเลียน "555555..." พี่ชายคนโตที่สุดในกลุ่ม หัวเราะร่อ.. อารมณ์ดี.. "แล้วจะร้องเพลงอะไรดี" "เดือนเพ็ญ..สวยเย็นเห็นอร่ามมมมม..." นกเสนอความคิดเห็นคนแรก "เพลงเหนือ ๆ หน่อยดิ.. ของจรัล มโนเพ็ชรก็ได้ จะได้เข้าบรรยากาศ" ดินแย้ง "เพลงฝรั่งสิ.. แล้วแปลให้น้อง ๆ ฟังด้วย เป็นการศึกษาภาษาอังกฤษในตัว.. เพลงคันทรี่เพราะ ๆ มีตั้งเยอะ... คันทรี่โร้ด...เทคมีโฮมมมม..." นายเก่งโพล่งมาหลังจากที่ฟังพี่ ๆ มานาน "พิมพ์ว่า.. เพลงง่าย ๆ ที่เราให้น้อง ๆ ช่วยแต่งขึ้นมาดีไหมพี่โอม.. อย่างเช่น ก.ไก่..ทำไมเกิดก่อน.. น.หนูขี้อ้อน..ใครสอนเธอกัน" ทุกคนหัวเราะกันครืน กับความช่างฝันของเจ้าพิมพ์ ลูกเป็ดที่แสนจะน่ารัก เพราะหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาวอมชมพูเหมือนลูกสาวที่มาจากครอบครัวคนจีนทั่วไป "ตกลง..พี่ก็อยากได้นะ.. เพลง ก.ไก่ของน้องพิมพ์เนี่ย.. ช่วยแต่งให้จบหน่อยดีไหม" "อื๋ออออ.. เอางั้นจริงอ่ะ พี่โอม" "อ้าว..ก็จริงน่ะสิ.. แล้วก็ตามด้วยเพลงฝรั่งของนายเก่ง เพลงเหนือ ๆ ของน้องนก และเพลงลูกทุ่งของนายดิน" "โอ้โฮ.... สุดยอด.. ซื้อ 1 แถม 3 แถม 4 เลยพี่โอมนี่" "เอ๋า.. ก็พี่คนใจดีนี่นา... หรืออาปอว่าไง" เขาถามเด็กน้อยข้างตัว... เขาได้แต่ยิ้ม..ตอบมา "งั้นมาช่วยกันแต่งเพลงดีกว่าค่ะ.. " เจ้าพิมพ์เริ่มเอาตัวรอด .. ไม่ยอมตกม้าตายคนเดียว "ก. ไก่ ทำไมเกิดก่อน ข.ไข่ก็ค้อน..ฉันเกิดก่อนนี่นา ฃ.ฃวด เป็นกรรมการดีกว่า ๆ ค.ควายน้อยวาสนาขอเป็นกองเชียร์ เอ้า..ฮุยเลฮุย ๆ ๆ เอ้าใครต่อ ๆ " "555555... เข้าท่า ๆ เจ๋งไปเลย ไหนต่อดิ๊ ๆ" นายเก่งเชียร์เหยง ๆ "มันน่าจะมีท่อนสร้อยด้วยนะ.. จะได้เอาไว้คั่นท่อนพวกนี้ เหมือนเพลงลามะลิลาอะไรทำนองนั้นอ่ะ" "อืมม..ค่ะ..ยังไงดีล่ะ..เอาอะไรมาเป็นสร้อยดีน๊าาา" "เราคนไทย..เกิดมาก็เป็นคนไทย.. รักษ์ภาษาไทย ..ร่วมใจกันพัฒนา" นายดินเสริมให้ "ไหน ๆ เอาใหม่ซิ นายดิน" "เราคนไทย เกิดมาก็เป็นคนไทย รักภาษาไทย ร่วมใจกันพัฒนา" "เอ๊อ..ใช้ได้ ๆ .. ตานี้เอาใหม่ ๆ " 10 ชีวิต.. ร่วมกันร้องเพลงที่พึ่งแต่งกันขึ้นมาสด ๆ ก้องป่า เป็นการซ้อมไปในตัว.. เรียกว่ากลุ่มนี้เดินไปไหน.. นก หนู วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ... คนไทยบุกจ้า.... งานนี้ เราคนไทย..เกิดมาก็เป็นคนไทย.. รักษ์ภาษาไทย ..ร่วมใจกันพัฒนา ก. ไก่ ทำไมเกิดก่อน ข.ไข่ก็ค้อน..ฉันเกิดก่อนนี่นา ฃ.ฃวด เป็นกรรมการดีกว่า ๆ ค.ควายน้อยวาสนาขอเป็นกองเชียร์ เอ้า..ฮุยเลฮุย ๆ ๆ เราคนไทย..เกิดมาก็เป็นคนไทย.. รักษ์ภาษาไทย ..ร่วมใจกันพัฒนา ฅ. ฅน นั้นใจวกวน.. เกิดเป็นคนใยต้องหมองหม่น หมองมัว ฆ. ระฆังบอกไม่ได้หรอกว่าใครดี ใครชั่ว ๆ ง. งูไม่กลัว.. จ.จานลายงาม.. เอ้า ฮุยเลฮุย ๆ ๆ .....
งามเอย..ดอกน้ำใจ จะหาใด..เสมอเหมือน ตรึงตรา..ไม่ลบเลือน น้ำใจเพื่อน..บ่เคยเลือนลาง
24 เมษายน 2546 14:01 น. - comment id 68471
มาถึงตอนนี้คงต้องบอกว่า น้ำตาเอ่อ ฉากภาพฝัน วันระวีปรากฎงดงามใน ในทุกเส้นทาง... รู้สึกถึงมิตรภาพ แม้จะเป็น ในท้องเรื่องเอง แต่เหตุใดผมจึงรุ้สึกว่า มันเป็นเรื่องจริงในโลกอินเตอร์เน็ตนี้ แต่ก็ไหวหวาน สำหรับผู้ชายหัวใจอ่อนไหว น้ำตาพานจะเอ่อเสียให้ได้.....ซึ้งครับ จะติดตามต่อไปครับ...ให้กำลังใจนะครับ เขียนได้ดีขึ้นครับ...
24 เมษายน 2546 14:31 น. - comment id 68472
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะนิว.. ดีใจนะ รู้สึกดีเพราะหวังลึก ๆ คนที่มาอ่านและโพสให้คนแรกจะเป็นนิว..เพราะเจ้าเรนจังคงไปทำงาน.. เป็นเรื่องแต่งจินตนาการผสมความเป็นจริงนิดหน่อย.. อือ..นิว..แต่งเพลง ก.ไก่ ต่อทีดิ.. แจมล่ะตันแล้วนิ
24 เมษายน 2546 17:56 น. - comment id 68473
พี่แจม อ้อมอยากให้กำลังใจพี่ จังแต่ไม่รู้จะเอาอะไรให้ อยากตะโกน ดังๆๆว่า พี่น่ารักมากๆๆค่ะ
24 เมษายน 2546 19:50 น. - comment id 68475
พี่แจมค่ะ.. ภาพที่เรนฝัน.. จินตนาการ.. ที่อยากได้.. ทุกอย่าง.. พี่แจม..ทำให้. ..ดอกไม้.. สีแดง.. ในวัน..ที่ต้องการ.. สร้างพลัง.. ให้อย่างประหลาด.. . เรน..อยากบอกว่า.. พี่แจม..ของเรนเก่ง. ที่สุด..ในโลกเล้ยย.. มิตรภาพ..ที่เรนต้องการ.. ...รักจัง.. ............
24 เมษายน 2546 21:42 น. - comment id 68476
** เรนจัง.. ได้แต่กุหลาบนะ.. เพราะความชอบส่วนตัว อิ ๆๆๆๆ คือกุหลาบเป็นราชินีดอกไม้ ทั้งสวย ทั้งแกร่ง อยากให้เรนจังเหมือนดอกไม้ชนิดนั้นนะ ** ไม่อยากได้อะไรจากอ้อม นอกจากกำลังใจเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอค่ะ.. โทษที..นะ.. ร้ายเล็ก ๆ แบบนี้แล้วเดี๋ยวจะให้เป็นคนดีตอนจบ..ก็แล้วกัน..
24 เมษายน 2546 23:05 น. - comment id 68477
กลาย เป็นศิลปินได้ไง เรา เหอๆ อ้อน ผู้ หญิงใจจิตนาการ ของผมจะได้ ฟังไหม ตอนผม เล่นดนตรี ^_____^
25 เมษายน 2546 00:04 น. - comment id 68479
เอิ๊กโรคซ่า ของโผม อิอิ ว่าแต่ เพิ่งจะรู้ ยัยลูกเป็ด ขาวเรอะ อิอิ เรื่องนี้สนุกจางเลยพี่แจม อิอิ
25 เมษายน 2546 00:18 น. - comment id 68480
เอาน่า..ดิน.. ลม เล่นไปเหอะ .. หนุก ๆ อยู่เป็นเพื่อนกันหลาย ๆ คนหน่อยจะได้อุ่นใจ
25 เมษายน 2546 01:17 น. - comment id 68485
เพลง ก.ไก่ต้องใช้เวลา จะแต่งฉาบฉวยไม่ได้นะครับ เอาเป็นว่าค่อยแต่งๆ ไป มาตอนนี้เป็นฉากที่คุยกันซะส่วนใหญ่ เรียบเรียงเรื่องได้ดีนะครับ ไม่ทราบว่าตั้งใจจะให้คุยกันมากกว่าหรือเปล่าครับ แต่ในความคิดผม ถ้าเป็นตอนเดินทางนี้ น่าจะคุยกันแบบนี้หล่ะครับ น่ารักดี ผมไม่ถนัดเลยเรื่องคุยแบบนี้บรรยายเสียมากกว่า แต่จะพยายามมาแสดงให้เร็วๆ นี้ อรุณรุ่งที่เชียงราย เรื่องราวประสบการณ์เดียวกัน แต่คนละแนว ของผมจะออกแนวอุดมการณ์นิดหน่อย ไม่น่ารักและมิตรภาพงดงามแบบนี้ เป็นกำลังใจเช่นเคยครับ
25 เมษายน 2546 01:33 น. - comment id 68486
ตั้งใจค่ะ.. เพราะว่า..การเดินทางในป่าดงดอย ถ้าไม่คุยกันบ้าง กลัวจะเหงาน่ะ.. แล้วจะรออ่านของนิว เพราะว่าเขียนแบบนิวไม่เป็นน่ะค่ะ..
25 เมษายน 2546 05:59 น. - comment id 68488
..เรน...อรุณสวัสดิ์ค่ะ..พี่แจม... ...ตื่นเช้า.. มาปลุก..พี่ๆ... ..คงหลับ.. ยังไม่ตื่น...ก้อลุยป่า..ทั้งวัน..อิอิอิ... ..อยากมา.. นั่งฟัง..เพลงของดิน... ..เพลง..ของมิตรภาพ... เอ้าา..ฮุยเลฮุยย... ..วันนี้..เราลุย..ตุ๊ดตุ๊ยย.. รอก่อนน... โห้ยย.!!.. มัยง้านนร่าา.. อิอิอิ.. .......
25 เมษายน 2546 15:08 น. - comment id 68505
กี่โมงแล้วอะ เรน ดิน ยัง นั่ง รอ อ้อนอยู่ อะ ^^
25 เมษายน 2546 18:16 น. - comment id 68511
น้องแจม...พี่ตุ้มมาชื่นชมในความสามารถจ๊ะ...มีพัฒนาการที่เร็วมาก....ใกล้เคียงมืออาชีพแล้ว...พี่ตุ้มก็เขียนเรื่องสั้นเหมือนกัน....พออ่านที่แจมเขียน..จึงเข้าใจทุกอย่าง...พี่มาให้กำลังใจนะจ๊ะ
25 เมษายน 2546 19:38 น. - comment id 68514
พี่ตุ้ม.. เป็นพระคุณมากเลยค่ะ.. ที่ให้กำลังใจ เรน ดิน.. แหะ ๆ เกิดอาการเขียนไม่ออกกระทันหัน.. ท่าจะรอนานนะ..หนนี้ น่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้..จบแน่นอนจ้ะ.. เจอกันใหม่นะ
25 เมษายน 2546 20:30 น. - comment id 68515
(^__^)// miss my siste
25 เมษายน 2546 20:32 น. - comment id 68516
มาสวัสดีพี่แจม ยามตะวันตกดินค่ะพี่แจม
26 เมษายน 2546 05:28 น. - comment id 68518
พี่แจม. . . จริงๆ แล้วเนี่ย เสียงนกใส๊ ใส นะค่ะ อิอิ ถ้าน้องๆ ๆ ได้ฟัง คงมะต้องกินข้าวหลามแน่ อิอิ มะรู้ว่าเค้าอิ่มใจจนพาอิ่มท้อง หรือว่า กินไม่ลงนะเนี่ย หุหุ คงไม่ต้องปรับปรุงการเขียนนะค่ะ เพราะพี่ตั้งใจและเต็มใจ แถมยังใส่ความจริงใจเขียนอีก แบบนี้ใครได้อ่านก็ทำให้ยิ้มได้จนแก้มปริเลยค่ะ. .. เชื่อนกซิ ฝันดีนะคะพี่แจม. . . =^_______^=
26 เมษายน 2546 19:09 น. - comment id 68529
อิ อิ ชอบ ชอบ
26 เมษายน 2546 22:23 น. - comment id 68530
พี่ลม ตะหงิดๆๆๆนะ
27 เมษายน 2546 00:35 น. - comment id 68538
อิ อิ เพลงฝรั่งเก่า ๆ อย่าง more than words ก็เล่นได้น้าพี่แจม อิ อิ ชอบชอบ จารออ่านต่อครับ
27 เมษายน 2546 00:48 น. - comment id 68539
โห. . .น้องเก่ง คือๆ พี่อยากจะบอกว่า เพลงนี้น่ะ เพลงโปรดพี่เลยนะ. . . ว่างๆ เก่งถือกีตาร์ พี่ถือไมค์ หุหุ คงจาไพเราะหู อิอิ Saying I love you It not the words I want to hear from you Its not that I want you Not to say but if you only knew How easy It would be to show me how you feel More than words. . . . .. . . อิอิ. . .พี่แจมยืมห้องหน่อย อิอิ อย่าเพิ่งหนีกันหมดนะมาฟังกานก่อง 5555 =^______^=
27 เมษายน 2546 00:48 น. - comment id 68540
** ง้าน..คุณได้สิทธิ์ตามคำขอนะคะ น้องเก่ง.. ** พี่ลม..เค้าก็กวนรมย์ประมาณน้านแหละน้องพิมพ์ ยกให้เค้าคนหนึ่งเถอะ ** ขนาดน๊านนน..เชียวน้องนก.. ** คิดถึงเช่นกันค่ะ น้องอ้อม น้องฟาง ** ดิน.. อ้อนของนายน่ะ.. รอก่อนนะ..ปั่นแล้ว..ปั่นเป็นเครื่องซักผ้าแล้ว.. (หัวพี่อ่ะจิ..) ขอบคุณที่เป็นกำลังใจเสมอค่ะ ทุก ๆ คน.. ตอนจบ..อยากเขียนให้ดี..ทั้งบทบรรยายและบทพูด ขอเขียนแล้วแก้ไขตรวจทานก่อนนะจ้ะ
27 เมษายน 2546 08:37 น. - comment id 68541
หัวใจครูสีน้ำฟ้าเอยน้ำมาเรียนรู้ พี่อ่านไม่เก่งแต่รู้ว่ามีใจครู คนเขาก็ไม่ชอบให้ไปว่าเค้า คนเราไม่ชอบให้ใครมาดูถูก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แม้ไม่ไปทับถมคนอื่น ก็อย่าไปยกยอเขาเกินจริง เพราะมันจะก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ถ้าบางคนมีวิจารณญานดี เข้าใจว่าเขายกยอปอปั้นก็แล้วไป แต่ถ้าคนไหนที่คิดไม่ถึงและหลงตัวเองอยู่แล้วก็ทำให้เขาเหลิงง่าย ๆ บาปรู้มั้ย..ถ้าทำให้คนอื่นเชื่อแบบผิด ๆ\"