ขณะที่ นิภา นั่งก้มหน้าทำงาน เพลินๆ อยู่นั่นเอง รู้สึกเหมือนมีใครเปิดประตูห้องทำงาน แคบๆ เข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นมองแต่ต้องตกใจ อย่างสุดขีด สิ่งที่นิภาเห็น คือ เด็กผู้หญิง หน้าตา ดูน่ากลัว ป้ำๆ เป๋อๆ ในความคิดของนิภา ด้วยความตกใจ เธอตะโกนว่า ใครให้คนบ้าเข้ามานะ แต่พอพิจารณาอีกทีเด็กผู้หญิงที่เกือบจะสาวเต็มตัวแล้ว แต่งตัว เรียบร้อย ถักเปียสองข้าง หากเป็นเด็กธรรมดาคงจะน่ารัก มากกว่านี้ เท่าที่นิภาสังเกต บ่ง บอกว่าได้ว่าไม่ใช่เด็กจรจัดอย่างแน่นอนเธอ ส่งยิ้มให้นิภา อย่างเต็มอกเต็มใจ พร้อมเข้าประชิดตัว เอื้อมมือมาจะจับมือนิภา แต่ด้วยความกลัวนิภารีบหดมือหนี เด็กผู้หญิงคนนั้นทำหน้างง คล้ายตั้งคำถาม ว่า ฉันผิดอะไรหรอ พร้อมทำท่าขัดใจ จะดึงมือนิภาให้ได้ นิภายอมรับกับตัวเอง ว่าเธอกลัวเด็กสาวคนนี้ มาจากไหนไม่รู้ แล้ว ทำมือ แบะ แบะ พยามดึงมือนิภา ไปจับให้ได้ ทำให้นิภารู้ว่าเด็กพูดไม่ได้ มีความเอาแต่ใจตัวเองสูง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่นิภามองเห็นจากเด็กสาวคนนี้คือ เด็กต้องการเป็นเพื่อนกับเธอ มีความเป็นมิตรสูง เพียงแต่เธอสื่อออกมา ในแบบที่เด็กเป็นเท่านั้นเอง และมันเป็นการเจอกันครั้งแรกนิภาจึงยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้ ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะแสดงว่าเธอเป็นมิตรแค่ไหนก็ตาม ในตอนนั้นสิ่งที่อยู่ในหัวนิภามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ จะทำอย่างไร ให้เด็กคนนี้ออกไปจากห้อง ทำงานเธอ เพื่อที่เธอจะได้ ล๊อค ห้องแล้วไม่ให้เด็กคนนี้เข้ามาอีก ขณะที่นิภากำลังจะออกปากไล่ นั้นหูเธอพลันได้ยินเสียงเรียก น้องเบน ๆๆๆๆ อยู่หน้าห้องแถวที่เป็นตั้งสำนักงานของนิภา เด็กผู้หญิง คนนั้นหัน ตามเสียงเรียก พร้อมหันมาพูดด้วย เสียง อ้อ แอ้ และ มือเป็นระวิง แต่ที่ไม่จางหายไปเลยคือ รอยยิ้ม จากเด็กหญิงคนนั้น พร้อมกันนั้นยังพยายามเอื้อมมือมาเพื่อจะจับมือ เธอ ลากออกไปนอกห้อง แต่นิภารีบหดมือหนี และรีบเดินออกไปจากห้องทำงาน เธอคิดว่าหญิงกลางคนที่ส่งเสียงเรียกอยู่นั้น น่าจะมาหา เด็กสาวคนนี้แน่นอน สิ่งหนึ่งซึ่งวิภามั่นใจแน่นอนว่าไม่เคยเห็นทั้งสองคน นี้มาก่อน พอวิภาเปิดประตู ออกมาเด็กสาว ก็รีบเดินตามออกมา พอเห็นหญิงวัยกลางคน เด็กหญิงเดินแกมวิ่งไปเกาะแขน พร้อม ชี้บอกให้ เดินมาหานิภา หญิงวัยกลางคนเดินมาหานิภา พร้อมพูดว่า น้องเบน มากวนคุณ หรือ เปล่าค่ะ นิภาคิดในใจอยากจะบอกว่า กวน ซิค่ะ แล้วฉันก็กลัว เด็กนั่นด้วย แต่ปากบอกไปว่า แค่ตกใจ นะค่ะ จู่ๆ แกก็โผล่ เข้ามา เออ น้องอายุเท่าไหร่ แล้วค่ะ 14 ค่ะ พอดีฉันเผลอ ทำกับข้าวอยู่ในครัวนะค่ะ น้องเบน เดินออกมาเมื่อไหร่ ไม่รู้ ต้องขอโทษ จริงๆ นะค่ะ เธอทำให้คุณ กลัวหรือเปล่าค่ะ แกเป็น ดาวน์ซินโดมค่ะ พูดไม่ค่อยออกเป็นคำพูด หรอกค่ะ ถ้าไม่สนิท กันจะไม่รู้เรื่อง ก็พอสื่อกันได้ จะเข้าใจค่ะ เธอไม่เคยทำร้ายใครนะค่ะ แต่ คนมักตกใจ เมื่อเห็นท่าทางแกนะค่ะ ฉันส่งให้แกเรียนโรงเรียน เฉพาะ เด็กพวกนี้นะค่ะตอนนี้ปิดเทอมค่ะ อ้อ เราเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ค่ะ ร้านขายอะไหล่ รถยนต์ นะค่ะ เหมือนเธอจะนึกรู้ว่านิภากำลังสงสัยเรื่องอะไรอยู่ อ๋อ ค่ะ ยินดีที่รู้จักนะค่ะ นิภา ค่ะ ทำบัญชีอยู่บริษัท นี้นะค่ะ มิน่าว่าไม่เคย เห็นหน้ากัน พร้อมหันไปมองเด็กสาวอีกครั้งแต่ครั้งนี้นิภา มองด้วยความสงสาร เห็นเด็กหญิงทำท่าทางบอกผู้เป็นแม่บางอย่าง เธอ ให้ฉันบอกว่า อยากจะเล่นกับคุณ คุณ สวย ค่ะ เธอชอบคุณ ค่ะอยากมาหาคุณอีก ตอนแรกนิภายังลังเลแต่พอเห็นรอยยิ้มของเบนใจของนิภาอ่อนลงมานิดหนึ่ง พร้อมตอบไปว่า ได้ ค่ะ แต่ภา ขอเป็นตอนเที่ยงนะค่ะ เพราะว่า ภาก็เป็นลูกจ้างเค้า คงไม่มีเวลาเล่นกับน้องเค้านานหรอกค่ะ คนเป็นแม่ยิ้ม ด้วยความยินดี ในตอนนั้นนิภา ไม่เข้าใจว่าทำไม แม่น้องเบนถึงได้ยิ้มอย่างยินดีมากขนาดนั้น แค่เธอ ยอมให้น้องเบน มาเล่นกับเธอ บางวันในตอนเที่ยง และเห็นผู้เป็นแม่ทำมือ ทำไม้และบางครั้งก็พูด บอกลูกสาว เห็นน้องเบนยิ้ม อย่างสดชื่น พร้อม เดินมาจับมือ เธอ มากุมพร้อม โยก ไป มา จนแม่ต้องมาดึงตัวน้องเบนออกมา และ ทำท่าทางเหมือนบอกอะไร กับน้องเบน นิภาเห็น น้องเบน พยักหน้า ตอบ ต้องขอตัว กลับก่อนนะค่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ ที่น้องเบนทำให้คุณตกใจ ไม่เป็นไร ค่ะ พี่ นิภา ตอบผู้เป็นแม่ไป และ ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว และไม่ได้ใส่ใจ ในเรื่องนี้อีก จนมาวันหนึ่งนิภาต้องตกใจ อีกครั้ง ที่น้องเบนโผล่หน้า เข้ามาทักทายเธออีกครั้ง พร้อมท่าเหมือนเดิม คือ พยายามจับมือนิภาไปกุมไว้ เพื่อโยกไป โยกมา แต่ครั้งนี้ นิภา ยอมให้น้องเบนจับมือ น้องเบนพยายาม ที่จะพูด กับนิภา นิภาพอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ที่นิภาเริ่มรำคาญ คือ น้องเบน จะพยายามรื้อ งานบนโต๊ะ ของเธอ หยิบปากกา มาขีดๆ เขียน ต้องคอยห้ามปรามกันตลอด แต่ไม่ว่าจะห้ามอย่างไร พอน้องเบนวางปากกา เธอก็คว้า ที่ปั๊มงาน ต่อ แล้วทำท่าถามเธอว่าใช้ทำอะไร นิภา ไม่ตอบแต่ขอคืน และเก็บเข้าลิ้นชัก ทุกอย่าง พร้อมบอกน้องเบน ว่า พี่ภา จะไปทานข้าวแล้วค่ะ น้องเบนกลับบ้านนะค่ะ คุณ แม่ ทราบยังว่าน้องมาที่นี่ค่ะ น้องเบนพยักหน้า และ ทำท่าเตรียมออกไปพร้อมกับนิภา โดยกุมมือนิภาไว้ แล้วจูงออกมาจากห้องเอง นิภา ล๊อกห้องทำงาน เดินออกมาพร้อมน้องเบนพร้อมคิดว่า จะพาน้องเบนเดินไปส่งบ้าน แล้วหาอะไรทานแถวนั้น ไม่ต้องไปไกล แต่พอถึงหน้าบ้านน้องเบน น้องเบนกลับลากนิภาเข้าไปในบ้าน เมือเข้าบ้านเจอกับแม่น้องเบนร้องทักว่า มากันแล้วหรอค่ะ แม้ น้องเบนไปเอาตัวน้อง มาทานข้าวเที่ยงกับเราจนได้นะค่ะ นิภางง คือ แกขอให้ฉันทำกับข้าว ไว้บอกจะไปชวนคุณมาทานกับเราด้วยนะค่ะ คะ นิภาอุทานซะมากกว่า จะหมายความว่าตกลง แต่สุดท้ายนิภา ต้องร่วมทานอาหารร่วมกับครอบครัวน้องเบนเพราะด้วยอาการดื้อ และ ตื้อ ของน้องเบน แต่ทำให้นิภา ได้รู้จักกับครอบครัวน้องเบนมากขึ้น พ่อน้องเบนที่แม่น้องเบนเรียก เฮีย เป็นชายมีอายุมากแล้ว น่าจะ สัก เกือบ 60 แล้วแต่ท่าทางเป็นคนใจดี น้องเบนมีพี่ชายอีกคน ชื่อ พี่โต อายุมากกว่าน้องเบนสองปี ตอนนี้ อายุ 16 กำลังเรียน อยู่ ม.6 เตรียมสอบเอ็นทราน แล้วพี่โตจะคอยตักอาหารให้น้องเบน และไม่มีอาการว่ารำคาญน้องเบน เลย ทั้งๆ ที่เด็กผู้ชายวัยนี้น่าจะ อายที่มีน้องสาว เป็นดาวน์ซินโดม หรือพูด ง่าย ๆ แต่ฟังแล้วมันเจ็บปวดสำหรับคนในครอบครัว คือ เด็กเอ๋อ นั่นเอง แม่น้องเบนเล่าว่าเธอมีน้องโต และ น้องเบน ตอนที่อายุมากแล้ว แต่น้องโตปกติ ดี ส่วนน้องเบนก็เป็นอย่างที่เห็นแต่ในครอบครัวสามารถยอมรับน้องเบนได้ เลยไม่มีปัญหาทุกคน จะรักและสงสารน้องเบนมาก พี่โตของน้องเบนจะคอยช่วยเหลือ น้องสาวทุกอย่าง หากพากันไปเที่ยวข้างนอกบ้าน พี่โตจะเป็นคนเดินจูงน้องเบน เพราะ หากไปไม่จูง น้องเบนก็จะเดินเรื่อยเปื่อย ไปเรื่อยๆ หากที่นั่นเป็นที่ที่น้องเบนไม่เคยชิน มากนักก็จะพลัดหลงต้องตามตัวกันให้ทั่ว ด้วยใจที่หวั่นกลัวไปหมด ว่าน้องจะเดินข้ามถนน หรือ มีใครมาจูงไปทางไหนเพราะสมัยนี้ไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้เลย และน้องเบนยังเป็นเด็กสาว ถึงแม้ว่าจะ เป็นเด็กดาวน์ แต่พวกทรชนมันกลับคิดว่าดีเสียอีกหากจะทำอะไร เด็กไม่สามารถ ที่จะชี้ตัวได้ ข้อนี้ครอบครัวน้องเบนกลัวกันเป็นที่สุด ซึ่งนิภาก็เห็นด้วยในข้อนี้ สังคมในปัจจุบัน มันสามารถที่จะเกิดได้ทุกขณะ หลังจากวันนั้น นิภาและน้องเบน สนิทกันมากยิ่งขึ้นเข้าใจกันมากยิ่งขี้นและสื่อสาร กันได้มากยิ่งขึ้น น้องเบนสามารถเรียก พ่อได้ ว่า ป๊ะ เรียกแม่ได้ว่า ม๊ะ เรียกพี่ชายว่า พี้ มาถึงตอนนี้นิภา คิดว่า ความรังเกียจ ความหวาดกลัวที่เธอมีต่อน้องเบน หายไปหมดแล้วเหลือไว้แต่เพียง ความสงสาร เห็นใจ ในโชคชะตา ของเด็กสาว แต่น้องเบนก็ไม่ได้มากวนนิภาบ่อยๆ นักและช่วงหลัง นิภาจะเตรียม ของที่ตัวเองไม่ใช้แล้วไว้บนโต๊ะ และเก็บงานที่สำคัญ ไว้ในลิ้นชัก เมื่อน้องเบนมาหาเธอ เธอจะจับให้น้องเบน นั่งตรงข้าม หากระดาษ เอ 4 พร้อมปากกามาให้ น้องเบนขีดเล่นแล้วเธอนั่งมอง เรื่องทำงานต่ออย่าหวังหากน้องเบน มา เพราะเธอจะ พยายามรื้อ นั่นนี่ คอยถามนั่น นี่นิภาตลอด เข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่งได้แต่บอกว่า นั่งลงๆ แล้วยัดปากกาใส่มือ แต่ขีดได้แป๊บเดียว คุณเธอก็จะ หาเรื่องถามนั่นนี่ แบ๊ะ แบะ ทำไม้ทำมืออีก จนแม่น้องเบนมาตามตัวกลับ นั่นแหละนิภาถึงได้ทำงานต่อ แต่ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมงแม่น้องเบนจะมาตามกลับแล้วเพราะรู้ว่านิภาต้องทำงาน ในขณะเดียวกันก็อยากปล่อยลูกสาวออกมาหาประสบการณ์ที่เธอเชื่อว่ามันปลอดภัยกับลูกสาว ของเธอ และวันหนึ่ง นิภายิ้มกับน้องเบนเมื่อ น้องเบนเรียกนิภา ว่า พิภะ คำๆ นี้ มันทำให้นิภา รู้สึกเอ็นดูน้องเบนมากยิ่งขี้น เพราะนอกจากคนในครอบครัวแล้วน้องเบนจะไม่เรียกใครอีกเลย แสดงว่าเพราะน้องเบนรักเธอ นั่นเองจึงพยายามเรียกชื่อของเธอ ตอนนี้น้องเบนมาเล่นซนนิภาเริ่มทำใจได้มากยิ่งขึ้นแล้ว เป็นอย่างนี้จน พี่โตของน้องเบน เอ็นทรานติดต้องไปอยู่หอ ขาดคนคอยดูแล ไปหนึ่งคนและมันเป็นงานที่หนักมากสำหรับคนวัยพ่อ แม่ น้องเบนที่ต้องดูแลลูกสาวที่เป็นดาวน์ และไหนต้องทำงานหน้าร้านอีก ทั้งส่งของ ขายของ สองคนผัวเมียอีกอย่างน้องเบนเป็นสาวเพิ่มขึ้นอีก เริ่มมีประจำเดือน จึงตัดสินใจ ที่จะพาน้องเบน เข้าโรงพยาบาล เพื่อ ทำหมัน ด้วยความกลัว ว่าหากเกิดอะไรขึ้น น้องเบนจะปลอดภัย ในชั้นหนึ่งนั่นคือ จะไม่ท้องขึ้นมาเพื่อเป็นภาระของครอบครัวและสังคม ส่วนนิภา ช่วงนั้นก็ยุ่ง ๆ อยู่กับการเตรียมตัวแต่งงาน กับคนรักที่ดูใจกันมานานแล้ว จนวันหนึ่งโตเดินหน้าเศร้า มาบอกกับนิภา ว่า น้องเบนเสียชีวิตแล้ว นิภาตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นนี้มาก เย็นวันนั้นนิภากับคนรักได้ไปร่วมงานศพน้องเบน นิภามองรูปถ่ายน้องเบน น้ำตาไหลอาบแก้ม ภาพที่น้องเบนยิ้ม สู้กล้อง ด้วยท่าที่น้องเบนคิดว่า เธอจะสวยที่สุด ในวันนั้น ชุดสีฟ้า สดใส ที่น้องเบน สวมในรูปถ่าย ช่วยเน้นความสดใส ของน้องเบนมากยิ่งขึ้น แม้หน้าตาน้องเบนจะ บ่งบอกว่า เป็นดาวซินโดม ก็ตาม แม่น้องเบนเล่าว่า น้องเบนหลังจากทำหมัน แล้วจะเจ็บออด ๆ แอดๆ เป็นประจำ จากที่เคยเข้าโรงพยาบาลเป็นปกติ ของเด็กดาว แล้ว ทีนี่เกือบจะต้อง ย้ายครอบครัวไปอยู่โรงพยาบาลกันหมดเพราะน้องเบนเกิดติดเชื้อ ในกระแสเลือด ขึ้นมา หลังจากทำหมัน สักเดือน ภูมิต้านทานที่ต่ำอยู่แล้ว ทำให้น้องเบนไม่สามารถที่จะทนต่อ สภาพความเจ็บปวด ได้อีก เธอจึงเลือกที่จะ ไม่หายใจ นิภาคิดอย่างนั้น หลังจากนั้นอีก เดือน นิภาแต่งงานกับดนัย คนรัก เธออยากมีลูกทันทีจึงปล่อยให้ท้อง และสมใจเธอหลังจากแต่งงานได้ห้าเดือนนิภา ก็ท้อง เธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ จนทำให้ลืมไปฝากครรภ์ จนเวลาล่วง มา 4 เดือน ท้องนิภาเริ่มโตขึ้น เธอจึงไปฝากครรภ์กับคุณหมอที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งคุณหมอ เจาะเลือด สืบประวัติ พันธุกรรม ทั้งทางสามี และ เธออย่างละเอียด สุดท้ายคุณหมอบอกว่า เราจะเจาะ เลือดคุณ เพื่อ หาความเสี่ยงนะครับ หาเชื้อ เอดส์ กรุ๊ปเลือด และเพื่อดูโซโมโซม ว่าเด็กปกติหรือเปล่า ซึ่งความผิดปกตินี้ มีอยู่สองคือ ธาธัสซีเมีย และ ดาวน์ซินโดม ดาวน์ซินโดม มันกระตุกใจนิภา ให้คิดถึงน้องเบนขึ้นมาทันทีทันใด คุณหมอ บอกให้มาฟังผลเลือดอีกหนึ่งอาทิตย์ถัด มา และท้วงว่า ทำไมคุณถึง ไม่มาฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มรู้ว่าท้องครับ พอดี ช่วงนั้นงานมันยุ่งนะค่ะ นิภาอ้างเหตุผลกับหมอ เมื่อถึงวันหมอนัด นิภาและสามี ไปฟังผลเลือด พร้อมกันคุณหมอเรียกทั้งสองคนเข้าไปคุยในห้อง พร้อมคำถาม คุณรู้จัก คำว่า ดาวน์ซินโดม มากแค่ไหนครับ นิภาตะลึงในคำถามหมอ ตอบไปเหมือนคนเพ้อ ว่า ค่ะ พอรู้จัก ขณะทีสามีมีสีหน้า งงๆ นิภาได้ยินเสียงคุณหมออธิบายอย่างชัดเจนว่า ผลการตรวจ เลือดคุณนิภา ออกมาว่าเด็กในท้องคุณ เป็นดาวน์ซินโดมครับ พร้อมบอกต่อว่า หากคุณมาฝาก ครรภ์เมื่ออายุครรภ์ยังน้อย หาเราตรวจพบ คุณสามารถที่จะเลือกทำแท้งได้ โดยที่คุณจะไม่เสี่ยงเท่าอายุครรภ์ ขนาด 5 เดือนแล้วนะครับ และคำพูดอีกมากมายของหมอที่นิภา ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ในตอนนั้นมันมีแต่เสียงก้องในใจ ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ น้องเบน เธอเล่นตลกอะไรกับฉัน ฉันไปทำอะไรให้เธอ เธอถึงทำกับฉันอย่างนี้ นิภาโยนเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของ น้องเบนไปเสียหมด โดยไม่สามารถหาเหตุผลใดมาบอกได้ว่าเพราะอะไรเธอจึงได้คิดอย่างนั้น ตอนนั้น เธอ โกธรน้องเบน เกลียดน้องเบน ข้อกล่าวหาที่เธอตั้งขึ้นมีน้องเบนเป็นผู้ต้องหาทั้งหมดในใจเธอ หนึ่งสัปดาห์ที่ นิภา ให้เวลาตัวเอง ตัดสินใจ ว่าจะทำอย่างไรกับเด็กในท้อง สามียกให้เป็นหน้าที่ที่เธอต้องตัดสินใจเอง เพราะเธอเป็นคนอุ้มท้อง ในที่สุด นิภาตัดสินใจ ที่จะเอาเด็กไว้ โดยคิดยอมรับสภาพทั้งหมด ณ วันนี้ นิภายืนมองน้องก้อง ด.ช.เกริกก้อง วัย 6 ขวบ พยายามที่จะลุกเดินเป๋ไปเป๋มาในสนามหน้าบ้าน พร้อมหันมายิ้มกับแม่ ด้วยรอยยิ้มของน้องเบน ที่นิภาเคยเห็นมาแล้ว และในตอนนี้นิภารู้แล้วว่าน้องเบนไม่ได้เป็นศัตรูกับเธอแต่ฟ้าได้ส่งน้องเบน มาเพื่อให้รู้จักกับเธอ เพื่อให้เธอเตรียมพร้อมที่จะเป็นแม่ของ น้องก้องนั่นเอง วันนี้เธอขอบคุณน้องเบน ในใจ และยิ้มตอบลูกชาย ที่พยายามลุกยืน เพื่อเดินมาหามือของแม่มาจับกุมยึดเหนี่ยวไว้เหมือนที่ครั้งแรกน้องเบนได้พยายามทำกับกับเธอ เมื่อเจอกันในวันแรก....... กลุ่มอาการดาวน์ (Down's syndrome) มีสาเหตุจากการที่โครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 โครโมโซม ทำให้มีสภาพของนิวเคลียสหรือคารีโอไทป์ (karyotype) เป็นแบ บ 47, XX สำหรับเพศหญิง หรือ 47 , XY สำหรับเพศชาย ซึ่งสังเกตได้จากการนำภาพถ่ายของโครโมโซมมาจัดเรียงเป็นกลุ่มตามลำดับความยาวและตำแหน่งของเซนโทรเมียร์ (Centromere) ดังภาพ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ มี I.Q. ประมาณ 20-50 นอกจากมีภาวะปัญญาอ่อนแล้วผู้ป่วยยังมีลักษณะลำตัวนิ่ม มีหน้าตาแปลกจากลูกคนอื่นๆ กล่าวคือ มีศีรษะเล็กกลม ท้ายทอยแบน ลิ้นใหญ่จุกปาก ริมฝีปากบนโค้งขึ้น ใบหูต่ำกว่าปกติ หางตาชี้ขึ้น เป็นเด็กที่นอนหลับเก่ง ไม่ค่อยร้องกวน เจริญเติบโตช้า เช่น ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งคว่ำได้เมื่ออายุ 8 เดือน คลานได้เมื่ออายุ 11 เดือน เดินได้เมื่ออายุ 23 เดือน พูดได้คำแรกได้เมื่ออายุ 27 เดือน มีประจำเดือนเมื่ออายุ 16 ปี ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bangkokhealth.com/consult_htdoc/Question.asp?GID=8820
11 พฤศจิกายน 2550 13:22 น. - comment id 98286
หากเรายอมรับความทุกข์สุดท้ายความทุกข์จะเป็นเพื่อนแท้ที่สอนให้เราเข้มแข็งค่ะ
11 พฤศจิกายน 2550 22:38 น. - comment id 98290
เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันนะคะ สาวบัญชีคนสวยอิอิอิ
11 พฤศจิกายน 2550 23:22 น. - comment id 98293
สวัสดีค่ะโคลอน รู้สึกจะชอบอ่านเรื่องสั้นด้วยนะค่ะ อิอิ ใช่ค่ะทุกสิ่งอย่างแค่ยอมรับมันให้ได้แค่นั้นเอง
11 พฤศจิกายน 2550 23:25 น. - comment id 98294
สวัสดีค่ะ ครูพิมคนงาม(เฮ้อ ยอกันไปกันมา ใครไม่รู้นึกว่าสวยงามกันจริงๆ พอเห็นตัวหลอบเอ็มกันเป็นแนว อิอิ) วันนี้แวะมาเยี่ยมบ้านเล็กได้เนาะ อิอิ เรียนรู้และเตรียมรับแค่นั้นก็พอค่ะ
13 พฤศจิกายน 2550 10:20 น. - comment id 98304
น่ากลัวจัง ต่อไปมีลูกไม่ให้ชื่อดาวแล้ว กลัวแต่งงานกับคนที่สามีนามสกุล "ซินโดม" หุหุ
13 พฤศจิกายน 2550 18:37 น. - comment id 98307
ตอนนี้หายห่วงแล้วจิ พี่หลวง อิอิ ส่งให้คนอื่นเลี้ยงไปแล้วนี่ อิอิ
13 พฤศจิกายน 2550 23:34 น. - comment id 98310
ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็คงตัดสินใจไม่ถูก เหมือนกานค่ะ ถึงแม้ จะรู้แต่เนิ่นก็ตาม คงทำใจลำบากแน่ๆ... เพราะยังไงก็เลือดเนื้อเรา คงทำได้อย่างเดียว....ทำใจค่ะ...
14 พฤศจิกายน 2550 11:59 น. - comment id 98311
สวัสดีค่ะน้องยาแก้ปวด ทำใจเป็นสิ่งที่รักษาได้ทุกเรื่องค่ะ จริงๆนะค่ะ รักค่ะ
20 พฤศจิกายน 2550 14:06 น. - comment id 98330
ฉันก็มีน้องสาวที่เป็นดาว์นซินโดรม ตอนนี้อายุ 23 ปีแล้ว สุขภาพก็ไม่ได้แย่มาก ดูแลต้วเองได้ดีเหมือนคนปกติทั่วไป ทั้งเรื่องความสะอาด ซักผ้า ช่วยงานบ้านได้มากพอสมควรแต่จะสื่อกันไม่ค่อยรู้เรื่องถ้าไม่สนิท ทุกคนที่บ้านก็รักเขา รวมทั้งคนในสังคมก้ไม่ได้รังเกียจเขา ถือว่าดชคดีและเป็นพระคุณของพระเจ้า
30 พฤศจิกายน 2550 19:29 น. - comment id 98480
สวัสดีค่ะ คุณฝิ่น โชคดีมากนะค่ะที่เธอเกิดมาในครอบครัวที่มีพี่สาวที่น่ารัก และคุณฝิ่นก็มีน้องสาวที่น่ารัก เหมือนกันค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ