เขียนเรื่องนี้มาก็นานมากแล้ว เขียนโดยไม่ต้องร่างก่อน เปิดเว็บบ้านกลอนได้ก็เขียนเลย วันนี้เกิดมีว่างงานมากขึ้นมา ลองเอาหัวข้อมาหาเล่น ๆ จ๊ะเอ๋แบบที่คนอื่นเคยเจอมา ขอบคุณนะคะสำหรับการนำผลงานไปเผยแพร่ ขอบคุณนะคะ หัวใจอ่อนล้าหรือกล้าแข็ง Posted : 13-08-2007 10:11:27 มนุษย์มักพกจิตใจที่อ่อนแออยู่เสมอ จะเห็นได้จากเวลาที่แต่ละคนมีเรื่องราวที่มากระทบจิตใจ เรามักจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาที่ไหลเปื้อนใบหน้า ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำตาไม่ได้ทำให้ความทุกข์ที่พบเจอนั้นลดน้อยลง และน้อยคนนักที่จะรู้จักคำว่า น้ำตาท่วมอก เราอาจจะเห็นเขายิ้มแย้ม แต่จะรู้ซึ้งถึงจิตใจหรือไม่ว่าเขามีความทุกข์เพียงใด ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ บางครั้งบางคราวที่มีเรื่องราวมากระทบจิตใจ ก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำตาเป็นเพื่อน จนมีความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เหมือนมิตรแท้ ที่ยั่งยืนและถาวร ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เขามักจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ แต่ในบางครั้งบางคราวเช่นกันที่เรากลับทอดทิ้งเขาอย่างไม่สนใจใยดี ตลอดเวลาที่ฉันมีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ และมีเพื่อนแท้ที่ชื่อว่า น้ำตา ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าหัวใจของฉัน ได้บ่มเพาะความกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนต้นกล้าที่กำลังเจริญงอกงามและเติบโตขึ้น เป็นความงอกงามของหัวใจที่เรียนรู้ที่จะรัก ให้ และรอ แต่จะมีคนสักกี่คนที่จะรู้จักบ่มเพาะหัวใจของตัวเองให้กล้าแข็ง ในความกล้าแข็งของหัวใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ฉันเห็นว่ามนุษย์ทั่วโลกนี้ต่างเกิดมาเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นไม่ว่าจะจากอดีต หรือปัจจุบัน และจะมีมนุษย์สักกี่คนที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ล้วนมีแต่การแข่งขัน เพื่อให้พบกับชีวิตที่สวยงามตามใจปรารถนา แต่ลืมมองกลับไปว่าในความสวยงามที่ต้องการนั้นมีสิ่งหนึ่งที่อ่อนล้าลงทุกวัน นั่นก็คือหัวใจของเรา จะมีคนสักกี่คนที่จะหยุดแล้วมองย้อนกลับไปดูแลหัวใจตัวเอง และไปบ่มเพาะหัวใจตัวเองที่อ่อนล้าลงทุกวัน ๆ เพื่อให้มีความกล้าแข็งขึ้น และพร้อมที่จะแบ่งปันความกล้าแข็งนั้นให้ผู้อื่นต่อไป ----------------------------- หัวใจอ่อนล้าหรือกล้าแข็ง มนุษย์มักพกจิตใจที่อ่อนแออยู่เสมอ จะเห็นได้จากเวลาที่แต่ละคนมีเรื่องราวที่มากระทบจิตใจ เรามักจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาที่ไหลเปื้อนใบหน้า ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำตาไม่ได้ทำให้ความทุกข์ที่พบเจอนั้นลดน้อยลง และน้อยคนนักที่จะรู้จักคำว่า น้ำตาท่วมอก เราอาจจะเห็นเขายิ้มแย้ม แต่จะรู้ซึ้งถึงจิตใจหรือไม่ว่าเขามีความทุกข์เพียงใด ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ บางครั้งบางคราวที่มีเรื่องราวมากระทบจิตใจ ก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำตาเป็นเพื่อน จนมีความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เหมือนมิตรแท้ ที่ยั่งยืนและถาวร ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เขามักจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ แต่ในบางครั้งบางคราวเช่นกันที่เรากลับทอดทิ้งเขาอย่างไม่สนใจใยดี ตลอดเวลาที่ฉันมีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ และมีเพื่อนแท้ที่ชื่อว่า น้ำตา ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าหัวใจของฉัน ได้บ่มเพาะความกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนต้นกล้าที่กำลังเจริญงอกงามและเติบโตขึ้น เป็นความงอกงามของหัวใจที่เรียนรู้ที่จะรัก ให้ และรอ แต่จะมีคนสักกี่คนที่จะรู้จักบ่มเพาะหัวใจของตัวเองให้กล้าแข็ง ในความกล้าแข็งของหัวใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ฉันเห็นว่ามนุษย์ทั่วโลกนี้ต่างเกิดมาเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นไม่ว่าจะจากอดีต หรือปัจจุบัน และจะมีมนุษย์สักกี่คนที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ล้วนมีแต่การแข่งขัน เพื่อให้พบกับชีวิตที่สวยงามตามใจปรารถนา แต่ลืมมองกลับไปว่าในความสวยงามที่ต้องการนั้นมีสิ่งหนึ่งที่อ่อนล้าลงทุกวัน นั่นก็คือหัวใจของเรา จะมีคนสักกี่คนที่จะหยุดแล้วมองย้อนกลับไปดูแลหัวใจตัวเอง และไปบ่มเพาะหัวใจตัวเองที่อ่อนล้าลงทุกวัน ๆ เพื่อให้มีความกล้าแข็งขึ้น และพร้อมที่จะแบ่งปันความกล้าแข็งนั้นให้ผู้อื่นต่อไป จากคุณ :
18 ตุลาคม 2550 10:42 น. - comment id 98079
หลายปีก่อน ตอนที่มาที่บ้านกลอนไทยใหม่ ๆ หมาด ๆ น้องใหม่เฟรชชี่ ว่าง่าย ๆ ก็เคยหยิบงานของอีกคนมาลงที่บ้านกลอนไทย เนื่องจากหูไม่ค่อยดี ตาก็ไม่ค่อยดี พอดีน้าชายถามว่า "หายไปไหน หมู่นี้ไม่ค่อยเจอ" ก็ตอบไปว่า "อยู่บ้านกลอน เอางานมาเก็บ" เรี่องเริ่มต้นจากประโยคเดียวแท้ ๆ ที่น้าชายบอกว่า "เออ ฝากเก็บด้วยนะ เพราะเวปนี้มันล่มบ่อย ๆ" คำว่าเวปนี้ คือเวปโน้น..ไม่ใช่เวปบ้านกลอน และแล้วความซวยก็มาเยือน ตรงที่ไปหยิบงานชิ้นหนึ่งที่คิดว่าเป็นของน้าชายมาเก็บ วิธีการเก็บก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แค่โพสท์ลงไปอย่างรีบ ๆ เพราะได้เวลาเดินทางกลับบ้าน แหล่งที่มาก็ไม่ได้ลงด้วยซ้ำไป ของน้า-ของหลาน ก็ไม่น่าจะก่อชนวนให้เกิดเรื่องวุ่น กลับบ้าน กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย อาบน้ำอาบท่า แล้วก็หลับฝันดี .. อั่นแน่ อยากรู้มั๊ย ว่าเกิดอะไรขึ้น .. มีคนเขียนด่าจั่วหัวไว้อย่างชัดเจน ก็เพราะกลอนที่โพสท์ลงไปนั้น ดันเป็นกลอนที่เมื่อสองสามวันก่อน สมาชิกที่นี่เพิ่งลงไปสด ๆ ร้อน ๆ "ขี้ขโมย" อัลมิตราได้สมญามาแบบงงงัน แต่ก็ยอมรับนะ และก็อธิบายถึงสาเหตุของการเก็บงานชิ้นนั้น แต่เมื่อดูวันและเวลาแล้ว ปรากฏว่าน้าชาย..ไปลอกของเขามา แล้วไง คนเอามาลงต้องรับผิดชอบไป ก็ยังดี ที่เจ้าของที่แท้จริงไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ยังคงมีมิตรไมตรีเหมือนเดิม เคลียร์กันรู้เรื่อง ว่างั้น.. แต่.. คนที่ไม่อยากให้เรื่องจบโดยดีก็มี .. ที่น่าเจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือ คนที่เขียนด่า หรือเรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่อยากให้เรื่องจบ ที่จริงเขาสามารถติดต่ออัลมิตราได้ทันทีเมื่อเห็นกลอนชุดนั้น ทว่า..กลับไม่ประพฤติเยี่ยงเพื่อนที่ดี ที่ตักเตือนหรือบอกกล่าวกันไป ดันเขียนด่าประจานกลางเวปเสียนี่ อัลมิตราถามเขาสั้น ๆ ว่า .. "เมื่เห็น ทำไมไม่โทรบอก เพื่อจะได้แก้ไข หรือว่ารอสบโอกาสอยู่แล้ว".. ถามไปงั้น ๆ นะ เพราะอัลมิตราก็ไม่ได้หวังคำตอบอะไรสักเท่าไหร่ สถานการณ์พอจะประเมินได้ เอาล่ะ นอกเรื่องฟุ้งมาพอสมควร มาเข้าเรื่องดีกว่า ก่อนอื่นต้องถามคุณแม่มดใจร้ายว่า ซีเรียสไหม .. กับการที่มีคนชื่นชอบของคุณและเอาไปเผยแพร่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ให้เครดิตคุณแม่มด ตรงนี้ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ตามกฏหมายถึงว่าผิด ซึ่งก็แล้วแต่ว่า คุณแม่มดต้องการให้เรื่องสิ้นสุดลง ณ ตรงไหน สามารถเลือกได้นะ ในฐานะผู้เสียหาย และสำหรับอัลมิตราเอง ผลงานของอัลมิตราก็มีอยู่ตามเวปอื่นบ่อย ๆ ยกเว้นที่ลงชื่อว่า "จังงัง" เพราะนั่นคืออีกนามแฝงของอัลมิตรา ส่วนเวปอื่นโดยมากแล้วไม่ได้ไปเองหรอก บางทีนะ ขำก๊าก เพราะว่า ไปเจอภาพ ที่ทำให้ บางคนที่เอาผลงานของอัลมิตราไปลงก็ให้เครดิต บางคนก็ไม่ได้ให้ แต่ก็ไม่ว่ากระไร ถึงแม้ว่าเคยหงุดหงิด อัลมิตราไม่อยากดับฝันพวกเขาน่ะ แค่เขาอ่านที่อัลมิตราเขียน ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ที่ไม่ได้เขียนแล้วไม่มีคนอ่าน คิดซะงั้น ก็จะไม่รกสมอง แต่ความคิดของอัลมิตราอาจไม่ใช่ความคิดที่จัดได้ว่าเป็นมาตรฐาน เพราะบางคนไม่ใคร่ยินยอมที่จะให้ผู้อื่นฉกฉวยงานของตนไป เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีฟ้องร้องก็มีนะ เห็นอยู่บ่อย ๆ ที่พันทิปน่ะ .. อย่างกวีซีไรท์ปีนี้ เฮียหมี่ เมื่อหลายปีก่อนก็เจอคนขโมยงานไป ชื่อ "คนบริสุทธิ์" เอาไปตีพิมพ์ลงนิตยสารได้เงินเข้ากระเป๋าอีกต่างหาก .. จำได้ว่า เฮียหมี่ทรงพิโรธตามไล่ล่าจนถึงที่สุดเหมือนกัน แล้วอัลมิตรามาเล่าอะไรเนี่ย... แหะ แหะ .. จะแวะมาบอกว่า .. อีกเสาร์อย่าลืมมารับที่ป้ายรถเมล์หน้าโลตัสพระราม ๓ นะ ลงทุนถอยแอดด้ามาหนึ่งคู่แล้วด้วย และคุณสิรินขอนัดทานข้าวเช้า เจอกันที่หน้าโลตัสเมืองกาญจน์เก้าโมง ยิ้มหน่อยน่า ถ้าไม่ยิ้มเดี๋ยวไปจี๋เอว นะ
18 ตุลาคม 2550 11:05 น. - comment id 98081
ตอบคำถามคุณอัลมิตรา นับตั้งแต่เข้ามาที่บ้านแห่งนี้ รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการก๊อป ก็มากมาย เคยมีเพื่อนส่งเรื่องราวที่เกิดการต่อล้อต่อเถียงกันจากเรื่องนี้จนเป็นเรื่องใหญ่ก็เคย เคยบอกกับเพื่อนว่าเราเขียนแบบที่อยากเขียน ใครอยากได้ก็เอาไป ถามว่าซีเรียสสำหรับเรื่องนี้หรือไม่ อ่านแล้วก็ขำ แต่เป็นความขำที่แบบ เฮ้ย นี่เอ็งเล่นเอาลงไว้หลายที่ แบบเป็นของส่วนตัวเลยหรือ แล้วที่บอกว่าเป็นการประจานกลางเว็บ อืมก็คงจะจริงทำไมเราต้องประจานกลางเว็บ (ก็เลยแอบมาลบชื่อคนนำไปลงเรียบร้อยแล้ว) แต่คงไม่ทันแล้วสำหรับคนที่อ่านก่อนหน้านี้คงมีสักหกถึงเจ็ดคน บ๊ายบาย
24 ตุลาคม 2550 09:21 น. - comment id 98100
คุณแม่มดน่ารักนะครับ.. การใช้เวปสาธารณะคงหนีไม่พ้นการถูกคนสมองกลวง หน้าไม่อาย หรือสิ้นคิด ลอกเลียนไปหรอกครับ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ความจริงแล้วมันเป็นมารยาทและสมบัติของคนที่ได้รับการศึกษาอบรมมาเป็นอย่างดีที่ต้องขออนุญาตเจ้าของบทความหรือผลงานชิ้นนั้นๆเขาก่อน หรือไม่ก็กล่าวถึงที่มาของผลงานว่าเอามาจากไหน ไม่ใช่สวมรอยว่ามาจากภูมิปัญญาของตัวเอง อย่างหน้าไม่อาย.. แต่นั่นแหละครับ คนเราก็มีหลากหลาย ระดับความนึกคิดจิตสำนึกก็ต่างกัน..ถ้าไม่อยากเอาเรื่องเอาราวอะไรก็ถือเป็นวิทยาทานไปเถอะครับ..เขาคงไม่สามารถจะเขียนออกมาได้อย่างที่เราเขียน..แต่ประเด็นมันมีว่าจะทำอย่างไรให้คนจำพวกนี้มีจิตสำนึกที่ดีกว่านี้ครับ..อย่างน้อยก้มีมารยาทบ้างในการเอาผลงานคนอื่นมาใช้ในเวป..ไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม ผมอาจพูดแรงไปนิดแต่ผมพูดจริงครับ.. เพราะไม่สนับสนุนการแอบอ้างหรือลอกเลียนแบบ มันน่าภูมิใจเลยสักนิดนะครับ คิดเองทำเองดีกว่า..