...เย็นย่ำสนธยาที่ฝนปรอย ...ข้าพเจ้าใช้เวลาส่วนหนึ่งระหว่างเดินกลับบ้าน ครุ่นคิดไปด้วย ...ข้าพเจ้าเคยมีเพื่อน ในขณะเดียวกันก็มีฝ่ายตรงข้ามกัน ...หรือที่ท่านเรียกกันสั้น ๆ ว่าศัตรู นั่นเอง ...เพราะเป็นเรื่องปกติ ในทุกสังคม ...ทางเศรษฐกิจย่อมมีการแข่งขันเพื่อชิงความได้เปรียบและเป็นต่อทางดุลการค้า ...ทางสังคม ย่อมมีการแข่งขันทั้งทางตรงทางอ้อม ...โดยที่สุด ไม่เขาก็เรา ...แม้แต่คนขับรถยังต้องชิงความได้เปรียบกัน ...หรือแม้แต่การปวดท้องเข้าห้องน้ำ ยังต้องแย่งกันเมื่อเวลาเร่งด่วนมาถึง ...ทางการเมือง ย่อมมีคู่แข่งทางการเมือง ...และเป็นเรื่องปกติมากหากจะมีคู่ปรับ เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ...ในชีวิตจริง...เรามักมีคู่แข่ง ในขณะเดียวกัน ...เราก็อาจมีเพื่อนและศัตรูในเวลาเดียวกัน ...ไม่มีใครอยากมีศัตรู ...ข้าพเจ้าก็เช่นกันกับคนอื่น ๆ อยากมีแค่เพื่อน ...นับตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในร่างกายคุณพ่อ ...ข้าพเจ้ายังต้องแข่งขันกับพี่และน้องของข้าพเจ้านับเป็นล้านๆ และหลายล้าน ...ทั้งนี้เพื่อชิงความได้เปรียบทางการกำเนิด ...หากข้าพเจ้าไม่เร่งและบุกและชิงความได้เปรียบ ข้าพเจ้าคงพ่ายแพ้ ...และไม่ได้เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอน ...แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มองว่า พี่น้องเหล่านั้น เป็นศัตรูเลย ...ทั้งที่มีการอยู่รอดเป็นเดิมพัน ...การรู้...ข้าพเจ้ารู้แจ้งว่าใครคือเพื่อนและศัตรู ...เป็นเรื่องที่ดีและมีผลต่อการดำเนินชีวิตและบทบาททางสังคมต่างๆ ได้ ...อย่างน้อยข้าพเจ้าก็รู้ว่าควรพูด,ทำ,คิด อะไร แบบไหน และเมื่อไหร่ ...กับเขาหรือใคร ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนและผู้ที่ชื่อว่าเป็นศัตรู ...แต่ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงไม่ดีนัก กับการย้ำที่ต้องย้ำกับตนเองเสมอว่า ...คนนั้นคนนี้คือเพื่อน ...ซึ่งคำพูดนี้ .. ถึงแม้ว่าจะเป็นคำพูดที่สบายหู คนฟังรู้สบายใจ ...ตรงข้ามกับคำว่าคนนั้นคนนี้คือศัตรู ...ซึ่งคนฟังมักไม่สบายหู คนรู้ตัวมักไม่สบายใจ ...ดังนั้น ข้าพเจ้าก็อดคิดไม่ได้ว่า ข้าพเจ้าควรลืมบางความรู้สึกบ้าง ...เสมือนว่ารอยสัก รอยสวย ๆ ก็มักอยากเก็บเอาไว้เป็นผลงานด้านศิลปะ ...และอยู่กับตนทุกเมื่อเชื่อวัน ตราบวันตาย ...หากว่ารอยสักที่ไร้คุณค่า ...และไม่มีความเลิศล้ำทางด้านจิตรกรรมศิลปกรรมแล้ว ...มันก็เปรียบเสมือนตราบาป เหมือนกัน ...นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากลบไปจากร่างกายและจิตใจ ...อันเสมือนกระจกส่องให้ข้าพเจ้ามองเห็นความตัดสินใจผิดพลาดในการสักนั้น ...ข้าพเจ้าเองอยากเห็นท่านทั้งหลายมีเพื่อนมาก ๆ และไม่อยากเห็นท่านมีศัตรู ...และหากมีเพื่อนมาก และมีศัตรูมากน้อยอย่างไร... ท่านเท่านั้นที่รู้ ...การที่ท่านรอดพ้นจากการทำร้าย ว่าร้าย คิดร้าย จากเขาแล้ว ...และท่านก็ให้อภัยเขาได้ นั่นเป็นเรื่องดีมาก ๆ เลย ...บางทีศัตรูอาจคือเพื่อนแท้ ก็ได้ ( แต่หายากจัง ) ...แต่เมื่อท่านรอดพ้นเภทภัยและการทำร้าย ว่าร้าย คิดร้าย แล้ว และยิ้มได้ ...ย่อมพิสูจน์ได้ว่า ท่านเยี่ยมมาก ...เพราะเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร พระท่านว่างั้น ...และท่านจะรู้ว่า ท่านมีสภาพจิตใจที่สูงขึ้นมากเลย เพราะท่านรู้การให้อภัย ...แต่เมื่อใด ท่านพบผู้ว่าร้าย คิดร้าย ทำร้ายท่าน ...และท่านรอดพ้นและชนะมาได้ ...แล้วบังเอิญท่านกล่าวท้าทายว่า ...แกจะทำอะไรยังไง ฉันยังอยู่ได้อย่างสบายใจจัง... ...แน่จริงหาวิธีมาทำกับท่านใหม่นะ...นี่คงไม่มีการสิ้นสุด ...กระมัง ...เพราะแทนที่ เวรจะระงับด้วยการไม่จองเวร ...กลับเป็นการกระตุ้นความแค้นกันมากขึ้น ...และจะเป็นการมุ่งร้ายทำร้าย คิดร้ายกันไม่รู้จับ...ไม่รู้สิ้น ...ยิ้มเสมอ คือสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกตนเองให้กระทำ ...ข้าพเจ้าปรารถนาดีเสมอ
18 ตุลาคม 2550 17:46 น. - comment id 97927
เพราะคำว่า อภัย ศัตรูจึงกลายเป็นมิตร บางทียังสนิทกว่าคนที่เคยเป็นมิตรเสียอีก
18 ตุลาคม 2550 19:27 น. - comment id 97929
คุณแม่มดใจร้าย ลองเปิด url นี่นะ http://www.youtube.com/watch?v=mT8jqRZHUW8 เป็นการแสดงคอนเสริท ของJosh Groban เพลงนี้มีความหมายดีมาก ๆ เลย ลองฟังสิ คุณฝากรักฟากฟ้า .. คำว่า อภัย และ อโหสิ คู่กันค่ะ .. ถ้าอีกฝ่ายขออโหสิ แต่อีกฝ่ายไม่ให้อภัย ก็คงเหมือนตัดกรรมไม่หมด
15 ตุลาคม 2550 20:55 น. - comment id 98020
ขอประเดิมหน่อยน่ะ เราอ่ะเจอบ่อยนะครั้งแรกคือศัตตรู แต่ต่อไปเรื่อยๆก็ศัตรู แต่ศัตรูหัวใจ แม๊...ประทับใจมาก ทั้งหญิงและชาย ศัตรู คือ เส้นขนานของมิตร แต่ถ้าเส้นขนานมาประชิตเมื่อไหร่ โดยที่ไม่รุงรังอาจจะรุงรังพันกันอิรุงตุงนัง ค่อยๆนั้งแก้ทีละเส้นทีละเส้นด้วยความเต็มใจ และปาหนีด (เหมือนตอนถักโคเช หรือครอสติ๊ส เส่นมันจะพันกันวุ่นและแล้วก็แก้มาถักทอได้ใหม่อย่างสวยงาม มันช่างน่าปลื้มใจ และอัศจรรย์อะรเช่นนี้ อะไรเช่น) เส้นขนานคู่นั้นเลยกลายเป็นรักที่บริสุทธิ์
15 ตุลาคม 2550 21:13 น. - comment id 98023
รู้นะว่าคิดอะไรอยู่.... ...อย่านอนดึกหละ...
16 ตุลาคม 2550 08:08 น. - comment id 98029
ปวดหัว... อย่าคิดเลย... "ข้าพเจ้ามีเพื่อนและศัตรู ในคนเดียวกันตลอดมา ทุกคนด้วย" เส้นทางชีวิตมันดำเนินไปอย่างไร ? ไม่รู้ แต่มีผู้คนมากมายผ่านมา แล้วผ่านไป เมื่อเขาไป ก็ให้มันไปพร้อม ๆ กับเขาเหล่านั้น... :)
16 ตุลาคม 2550 08:17 น. - comment id 98030
ข้าพเจ้าก็มีศัตรูอยู่หนึ่งคน... เป็นคนที่ข้าพเจ้านึกรักเป็นบางครั้ง นึกชังเป็นบางหน ข้าพเจ้าต้องทนอยู่กับอารมณ์อันปรวนแปรเดี๋ยวดี.. เดี๋ยวร้าย.. ตลอดเวลา ข้าพเจ้าถูกทำร้ายโดยคนคนนี้เสมอ ๆ คนที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องทุกข์ใจ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา.. แต่ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถแก้ไขประการใดได้... แหะ..แหะ.. ตัวข้าพเจ้าเองนี่แหละ จ่ะป่ะค่า... ป่วนไปงั้น... คนอื่นทำร้ายเรามากพอแล้ว.. อย่าทำร้ายตัวเองซ้ำก็พอ.. เนอะ
16 ตุลาคม 2550 09:16 น. - comment id 98034
เมื่อเพื่อนกลายเป็นคนรู้จัก....เจ็บปวดจัง..
16 ตุลาคม 2550 09:17 น. - comment id 98035
คนอื่นทำร้ายเรามากพอแล้ว.. อย่าทำร้ายตัวเองซ้ำก็พอ.. ชอบประโยคนี้จัง
16 ตุลาคม 2550 09:35 น. - comment id 98036
สำหรับข้าพเจ้า ผู้ที่คิดทำร้ายหมายชีวิต เราเท่านั้นที่จะคิดว่าเป็นศัตรู แต่สำหรับผู้ที่ เป็นเพียงผู้ไม่ชอบเราแล้วมีปฎิกริยาอื่นๆ ตามมา ข้าพเจ้าคิดว่าเขาเป็นเพื่อนผู้ให้ประสบการณ์ ในบางมุมแก่ข้าพเจ้า นี่คือความคิดของข้าพเจ้าคนเดียวนะค่ะ
16 ตุลาคม 2550 11:29 น. - comment id 98041
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรอ่ะค่ะ เฌอเคยเจอมิตรภาพก่อนแล้วมาเป็นเพื่อนสนิท นานไปกลายเป็นศัตรูกันตอนไหน(ตอนขัดใจ)ก้อไม่รู้สิคะ อิ อิ แต่ไม่เคยเจอศัตรูแล้วกลายมาเป็นมิตรนะคะ เพราะศัตรูไม่ค่อยมีค่ะ
16 ตุลาคม 2550 23:43 น. - comment id 98052
กำลังตั้งสมาธิ พิจารณาว่า อัลมิตราจะสื่ออะไรแน่ การเมือง ?น่าจะใช่เพราะตอนนี้กำลังฟัดกันนัวเนีย ก็อย่างที่น้องเฌอว่านั่นแหละ ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร เดี๋ยวก็กอดคอกันอีกทั้ง ๆที่จะฆ่ากันมาก่อน ป๋าเติ้ง ถูกบิบให้ลาออกจากนายก ตอนหลังก็ยังมาร่วมกันกับพวกที่บีบนั่นอีกจนได้ แต่ตอนนี้ก็กำลังนึกทุเรศ คำขวัญเรื่องประชาชน เมื่อเด็ก ๆ เคยอ่านสำนวนของใครก็ไม่รู้กล่าวถึงพวกที่อ้างประชาชนไว้เป็นคำกลอน จำได้นิดหน่อยว่า ประชาชนอยู่ที่ไหนใครรู้บ้าง มาเอ่ยอ้างประชาชนจนเห็นขำ คำพูดที่ง่ายไม่ต้องใช้ความคิดเลยก็คำว่า ประชาชน นี่แหละอิอิ
17 ตุลาคม 2550 12:37 น. - comment id 98063
เรื่องของความรู้สึก .. เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่า ยากนักในการอธิบาย บางความรู้สึกต้องเก็บไว้ บางความรู้สึกยังคงค้างคา บางความรู้สึกเป็นปริศนา แต่ถ้าความรู้สึกนั้น ถูกพิสูจน์ได้ว่า ตรงหรือไม่ตรง กับความรู้สึกที่รู้สึก ความรู้สึกนั้นก็จะถูกเปลี่ยนสถานะทันที กลายเป็น ข้อเท็จจริง ข้าพเจ้าเคยรู้สึก .. เคยลังเลในการที่จะวินิจฉัยความรู้สึกนั้นด้วยฐานข้อมูลที่สัมผัสได้ของตนเอง อาจไม่ยุติธรรมนัก หากข้าพเจ้าพิพากษาใด ๆ ไป โดยที่ข้าพเจ้าไม่กล้ายืนยันว่า ข้าพเจ้าเที่ยงธรรม ข้าพเจ้าผ่านพ้นความรู้สึกนั้น ด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏ สามารถรับรู้ และ แยกแยะ มากรอยแผลที่มีในหัวใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า นั่นคือ บทเรียน รอยแผลเหล่านั้น ไม่ได้ปรากฏเพื่อให้หัวใจของข้าพเจ้าเจ็บ ทว่า ให้เรียนรู้ต่างหาก อย่างน้อย ข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้ปฐมบทในตำราที่ไม่มีวันศึกษาได้อย่างจบสิ้น "ศาสตร์มนุษย์" ข้าพเจ้ายิ้มให้ ... เพื่อน/ศัตรู .. ที่รายล้อมรอบตัว ใครใคร่รับก็จงรับ ใครใคร่เฉยชาก็มิว่ากระไร ความสำเร็จเกิดจากการสะสมความล้มเหลวที่มากพอจนกระทั่งถึงจุดสำเร็จ ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนั้น :)
17 ตุลาคม 2550 12:50 น. - comment id 98065
คุณยอป่า .. :) ศัตรูหัวใจเป็นคำที่ฟังแล้วรื่นหูดีนะ เหมือนแฮปปี้เอนดิ้งประมาณนั้น อัลมิตราไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับศัตรูหัวใจ เส้นขนานที่อัลมิตราไม่อยากให้ประชิดเลย คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. อะไรล่ะ ที่คิดว่า คิด .. คุณแมงกุ๊ดจี่ .. ใช่แล้ว การเดินทางของเวลา การเดินทางของผู้คน ให้สลายไปพร้อม ๆ กัน คุณผู้หญิงช่างฝัน .. ความรู้สึกนี้อัลมิตราก็เป็นเหมือนกันนะ ในบางครั้งน่ะ แต่ก็ไม่บ่อย เพราะว่าบางทีลืมไปเหมือนกันว่า เรานี่เองเป็นตัวแปรของสมการ คุณกุ้งหนามแดง .. และแล้วคนรู้จัก ก็กลายเป็นคนเคยรู้จัก และก็ค่อย ๆ ลืมว่าเคยรู้จัก คุณคนช่างว่า .. ชอบประโยคนี้เหมือนกัน แต่อีกคำก็ชอบนะ "เพียงพลุ้ย" น่ะ คุณกชมนวรรณ .. ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว ล้วนแต่เป็นผู้ที่เปรียบได้ว่าเหมือนด่านทดสอบ การที่จะผ่านด่านได้หรือไม่ บางทีมันก็ไม่ใช่ว่า ด่านนั้นแข็งแกร่งเกิน ทว่าเราอ่อนแอเองต่างหาก ค่ะ คุณเฌอมาลย์ .. :) เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครต่อใคร เมื่อย้อนทบทวน ปรากฏว่า เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น คุณฤกษ์ .. ช่างไม่รู้ใจกันเลย ฮา .. ว่าจะเลื่อนอันดับให้สักหน่อย ต้องปรับให้อยู่ตำแหน่งท้ายตามเดิมซะแล้วกระมัง ฝนตกปรอย ๆ บรรยากาศครึ้มหม่น บางสถานการณ์ที่อึมครึม หลังฝนตกท้องฟ้าจะแจ่มใส อัลมิตราหวังเช่นนั้น
17 ตุลาคม 2550 12:50 น. - comment id 98066
ตั้งแต่จำความได้ มีแต่มิตรมากกว่าศัตรู ศัตรูคำนี้ฟังดูหนักไปนะคะ อาจจะมีเพียงคนไม่เข้าใจ เข้าใจผิด เลยไม่คิดเมตตาปรารถนาดีกับเรา แต่.. พร้อมอภัย กับไม่เคยใส่ใจมากมาย ปล่อยให้คนคิดร้าย มลายหายไปกับความ ปล่อยวางค่ะ จิตจริงๆชอบรำลึกนึกถึงแต่เรื่องสวยงาม ดีดี กับชอบเป็นผู้ให้ ชอบสร้างกุศลบุญ เพราะเห็นคนชิดใกล้พลัดพรากจากเจ็บ เลยคิดว่าเราทั้งหมดคือเพื่อนร่วมโลกย์ โศกสุข หนีทุกข์เกิดแก่เจ็บตายมิพ้น ไม่อยากเสียเวลาค่ะ กับสิ่งที่จะทำให้ไหม้หมองหม่นใจ เลยท่องแค่คำว่าอภัยเมตตา และ เพียรรักษาจิตให้ผ่องแผ้วประภัสสร เพราะไม่รู้ลมหายใจจะรอนมลายหายดับลับลาไปวันไหน คิดถึงคุณอิม มาก เพราะคุณพ่อป่วยหนักและทราบว่าคุณอิมรักคุณพ่อ ผูกพันมากหลือเกิน ทุกนาที จึ่งเพียรทำความดี พลีให้ผู้เป็นที่รักและหวังจักสรรสร้าง สิ่งดีงามคืนกลับเพื่อแสดงกตเวทตาต่อแผ่นดิน ที่ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องใดในหล้าโลกนี้ค่ะ ด้วยรักเสมอมา
17 ตุลาคม 2550 13:20 น. - comment id 98067
ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณพุดพัดชา .. มิตรหรือศัตรู เป็นคำเปรียบเทียบค่ะ กับความรู้สึกที่เราประเมินใครสักคน ถ้าประมาณกลาง ๆ หรือเป็นเพียงคนที่ไม่เข้าใจกัน ก็ยังจัดเข้าหมวดมิตร/ศัตรูไม่ได้ สำหรับมิตร .. ค่าของมิตร เกินประมาณและลึกซึ้งเกินกว่าคำใด ๆ จะบรรยาย สำหรับศัตรู .. แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย เปลืองเปล่าด้วยซ้ำไปหากไปข้องแวะเกี่ยวพัน สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ .. ก็ยังในสถานะที่เป็นแง่บวกอยู่ และพร้อมจะให้คำอธิบายเพื่อให้เข้าใจ สำหรับคนที่ไม่ยอมเข้าใจ .. ตรงนี้ สำคัญนัก เพราะ ความที่ไม่ยอมเข้าใจ อาจเกิดจากอคติ อัลมิตราอยากให้ทุกคนมองโลกอย่างสวยงาม เพื่อความเป็นอยู่ที่นำพาแต่ความสุขใจต่อตนเองและผู้คนรอบข้าง ที่จริงแล้ว ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของแต่ละคน ก็ถดถอยลงไปทุก ๆ วินาที ควรปลดสิ่งหม่นหมองออกจากหัวใจจะดีกว่า แบกไว้ ก็รังแต่ทุรนใจตัวเอง อัลมิตราจะเล่าให้ฟังนะคะ คุณพุดพัดชา .. ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าคุณพ่ออาริตาน่าจะประสบปัญหา เพราะมีผู้มุ่งร้ายสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเดือดร้อน ทำให้เกียรติยศเสื่อมเสีย แต่อัลมิตราคิดผิด.. เพราะคุณพ่ออาริตามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเลย ยังคงยิ้มแย้ม ยิ้มด้วยใจ จนอัลมิตราเองก็แปลกใจในกระบวนการจัดการของท่าน คุณพ่อบอกว่า "แค่วางเฉย" ฟังดูง่าย ๆ ชอบกล และแล้วอัลมิตราก็เห็นตัวอย่างจากการปฏิบัติตนของคุณพ่อ ทุกวันนี้ เมื่อคราวที่อัลมิตราประสบปัญหาบ้าง ก็มักจะหวนนึกถึงคำสอนในครั้งนั้น และก็ภาคภูมิใจอย่างเป็นที่สุดยิ่งกว่าทรัพย์ศฤงคารใด ๆ สิ่งที่คุณพ่อสั่งสมอบรม คือ "ธรรม" อัลมิตรายังคงคิดถึงคุณพ่อ ไม่เคยสักวันที่จะไม่คิดถึงท่าน และอัลมิตราก็ยังเทิดทูนเคารพอย่างที่สุดกับคุณพ่ออีกคน ที่กำลังป่วยอยู่ ในสิ่งที่พ่อสอน พ่อหวังให้เป็น อัลมิตราก็จะพยายามอย่างที่สุดที่จะเดินตามรอยของคุณพ่อ ค่ะ รักและปลื้มคุณพุดพัดชาเสมอมาค่ะ :)
17 ตุลาคม 2550 13:42 น. - comment id 98069
สวัสดีค่ะ คุณอิม อัลมิตรา สำหรับบัวแล้วศัตรูตัวร้ายของบัวคือใจของบัวเอง และเพื่อนที่ดี ก็ใจตัวเองอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นบัวไม่มีศัตรูอยู่รอบตัวเลยค่ะ เพราะบางสิ่งบางอย่างบัวจะปล่อยให้ผ่านไป ไม่ย้อนคืนหวนกลับให้ใจต้องจมปั้กลงไปอีก ให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจบลงด้วยดีให้ผ่านเลยไป ไม่คิดผูกติดในสิ่งนั้นอีก เราก็จะไม่มีศัตรูเกิดขึ้นในใจเรา เราจะมีแต่มิตรที่ดีเกื้อกูลซึ่งกันและกัน บัวฟังคำสอนจากปู่พุทธะ ท่านสอนว่าไม่ลื้อของเก่าไม่เพิ่มของใหม่ แล้วใจเราจะปล่อยวาง สังคมปัจจุบันมีแต่คิดเป็นศัตรูมากกว่าการเป็นเพื่อน บัวคิดว่ามีเพื่อนแท้แค่หนึ่งคนก็มากล้นเกินบรรยายแล้วค่ะ สำหรับบัว พยายามจะอภัยให้กับศัตรูเพื่อ ต่อไป รุ่นลูกหลานจะได้มีสิ่งที่ดีเป็นแบบอย่าง บัวขอให้คุณมีความสุขค่ะ
17 ตุลาคม 2550 15:35 น. - comment id 98071
คุณดอกบัว .. หลวงปู่กล่าวได้ถูกต้องได้ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ "ไม่รื้อของเก่า และ ไม่เพิ่มของใหม่" หัวใจของเราเองเป็นตัวที่กำหนดว่า เราจะสุขหรือทุกข์ค่ะ ขอให้คุณดอกบัวมีความสุขเช่นกันนะคะ :)
18 ตุลาคม 2550 09:37 น. - comment id 98078
ส่งรอยยิ้มมาอีกหนึ่ง สำหรับมิตร
28 มกราคม 2552 22:44 น. - comment id 103588
เขียนได้ดีมากเลยล่ะค่ะ อยากเขียนให้ได้แบบนี้บ้าง (ต้องฝึกสินะ) ข้าพเจ้าก็มีศัตรูที่สำคัญมากอยู่คนหนึ่ง และศัตรูคนนั้นก็เป็นเพื่อนของข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน ศัตรูคนนั้นคือใจของเราเอง แล้วก็ยังไม่รู้เลย ว่าจะต้องทำอย่างไร ศัตรูคนนั้นถึงจะกลายมาเป็นเพื่อนอย่างสมบูรณ์