ช่วงเวลาชีวิต... เหมือนบางครั้งก็รู้สึกว่าช้า บางครั้งก็รู้สึกว่าเร็ว.... ปีนี้เหมือนเป็นปีที่ถูกบ่วงกรรมตามมาสนองหรือไรหนอ? ฉันเชื่อเรื่องกรรม และเชื่อเรื่องโชคชะตา ว่าคนทุกคนถูกกำหนดไว้แล้ว ปีพุทธศักราช 2550 ปีนี้ฉันพบเจอเรื่องราวเลวร้ายมากมาย แต่ก็ไม่เท่ากับ ปีพ.ศ.2546 เหมือนทุก ๆ วันของการดำเนินชีวิตก็เป็นไปก็คือความซ้ำซากจำเจ... แต่ผู้คนที่ผ่านเข้ามาให้รู้จัก ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ หลากหลายเรื่องราว มันปฏิเสธไม่ได้ที่จะบอกว่า "เปล่าเลยฉันไม่รู้สึกอะไรเลย " เพราะนั่นคือ "การโกหกตัวเอง และโกหกคนอื่นอยู่" แต่ก็ต้องโกหกเพื่อให้ลืมทุกอย่างไป... ศกนี้จวนจนจะสิ้นแล้ว.... ขอทุกอย่างโปรดผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อปลายปีพุทธศักราช 2548 ฉันกลับมาเป็นคนเดิมที่หัวใจว่างเปล่า แต่คงเหลือรอยความเจ็บปวดไว้... ระยะเวลาสองปี ที่เยี่ยวยารักษาหัวใจ เพื่อให้ชาชินกับความเหงาเดียวดายอย่างเคย... ที่จริงมันก็ไม่ยากนักหรอก เพราะฉันเป็นนักสู้มาตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว กะอิแค่ เรื่องแค่นี้ทำไม? ฉันจะทำไม่ได้ มันแน่อยู่แล้วฉันต้องทำได้ ฉันบอกตัวเองเสมอ... ศกนี้ดูเหมือนจะวุ่นวาย โชคชะตากำลังพยายามเล่นตลกอะไรกันหนอ? ฉันต้องชดใช้หรือไรกันนะ หากต้องชดใช้ก็คงต้องทำตามนั้น เพื่อให้หมดเวรซึ่งกันและกัน ภพชาติต่อไปก็อย่าเจอะเจอกันอีกเลย... หากจิตอธิษฐานแล้วเป็นจริงฉันจักอธิษฐาน ภพหน้าขอเกิดเป็นชายด้วยเถิด... ความวุ่นวายเกิดขึ้น...เมื่อฉันได้พบกับชายหนุ่มสองคน ที่ระยะห่างกันแค่ไม่กี่เดือน เหมือนเขาทั้งคู่มาสร้างความวุ่นวาย และทำให้ชีวิตระส่ำระสายจนอยากจะหนีไปให้ไกล ไกล จากเรื่องวุ่น ๆ ฉันเจอ "พี่กริช" ปลายเดือนมีนาคม เขาเป็นเพื่อนกับพี่ที่ทำงานอายุ 36 ปี มีกิจการส่วนตัว ร่วมหุ้นกันกับเพื่อน นี่คือสิ่งที่เขาบอกเล่า ฉันเองไม่เคยพิสูจน์ว่าจริงไม่จริง... เขาพยายามดูแลเอาใจใส่ ผู้หญิงที่เอาแต่ใจ รักความอิสระเสรีเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ยังไม่เคยชนะใจฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่คบหากับเขา... เพราะฉันคิดว่า...มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด คบกันเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นคนรู้จัก เผื่อมีอะไรก็ช่วยเหลือกันไป เมื่อเราลำบากหรือ เกิดอุบัติเหตุข้างทาง เขาอาจช่วยเราได้... ฉันคบเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ... แต่เมื่อเวลาผันผ่านไป ลายเริ่มออก คำพูดโกหกเริ่มมีมาให้ฟัง บ่อยขึ้น... อย่างสม่ำเสมอในระยะหลัง และบางสิ่งเริ่มจะไม่ถูกใจฉันนักแล้ว แต่ก็ไม่ได้โวยอะไร? เพราะคิดว่าสิทธิ์ของเขา ดูเหมือนว่าเขาสนุกกับการที่ได้โกหกฉันและภาคภูมิใจ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งโง่ได้ขนาดนี้ ฉันไม่ถือสาเพราะวันหนึ่ง เขาคงจะรู้ แต่กว่าจะรู้ก็ต่อเมื่อสัมพันธ์มันขาดสะบั้นนั้นเอง... ช่วงเวลาต่อมาไม่นาน ฉันได้พบ "พี่เอก" เขาเป็นผู้รับเหมา อายุ 37 ปีมีกิจการห้างหุ้นส่วนเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นพ่อ...อันนี้ฉันเห็นด้วยตาเพราะเราติดต่อกับเกี่ยวกับ ข้อมูลเกี่ยวกับกิจการของเขาอยู่แล้ว ซึ่งเราพบกันเพราะเรื่องงาน และมีนัดกินข้าวกัน เพราะเรื่องงานอยู่เสมอ ๆ จนรู้ภายหลังว่าเขาเอางานมาบังหน้าหาเรื่องนัดกินข้าว... ฉันก็เริ่มจะห่าง ๆ บ้างเพราะคิดว่าเขาคงใช้เป็นสะพานเพื่อผลประโยชน์ของเขาก็ได้... แต่เขาก็ยังคอยโทร.มา ซึ่งฉันรู้และเข้าใจ ว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์แบบไหน? เราเริ่มพบกันบ่อยขึ้น พี่เอกจะมารับหลังเลิกงาน... เราคุยกันรู้เรื่องดี เข้าใจได้ทันที และพี่เขาไม่โกหก ฉันชอบ... และอุ่นใจดีที่เขาคุยเป็นพี่ใหญ่ และให้คำปรึกษาได้... ฉันเอาแต่ใจแค่ไหน? พี่เอกก็ไม่เคยตำหนิเพราะรู้ว่าฉันรักอิสระ พี่เอกเข้าใจดี ว่าฉันชอบทำอะไรตามใจตัวเอง... แต่พี่เอกก็มีวิธีทำให้ฉันเชื่องได้ไม่ยาก เพราะความใจเย็น และใจดีของเขา... ทำให้ฉันยอมรับฟัง และใช้เหตุผลมาแย้งความคิดของฉันจนต้องยอมแพ้ไปเอง.... --------------------------------------------------------------------------------------------------- หากจะเปรียบกันแล้ว ฉันคงเหมาะสมกับพี่กริช มากกว่า พี่เอก... แต่หากจะรัก ฉันคิดว่าฉันควรจะรัก พี่เอก เพราะเขาไม่เคยโกหกฉันเลย ทุกอย่างคือเขาบริสุทธิ์ใจ แต่พี่เอก ดูเหมือนจะเกินเอื้อมสำหรับฉันเกินไป เพราะว่า...หมายถึงการยอมรับจากครอบครัวของเขาด้วย... ฉันไม่ต้องการเลือกใครสักคน... ไม่ใช่ว่าต้องการค้นหาใครอีกหลายคน แต่เหมือนคนหนึ่งขาด แต่อีกคนหนึ่งมีมากเกินไป จนต้องหันกลับมามองตัวเองว่าคู่ควรเขามั้ย? โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับฉันหน่ะ อีกคนหนึ่งขู่จะฆ่าฉัน แต่อีกคนกลับพร้อม จะดูแลให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ ความผิดตกอยู่ที่ฉัน เพราะฉันคบสองคนไปพร้อม ๆ กัน ผ่านพ้นศกนี้ไป... ฉันวาดหวังให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี อย่าได้มีใครเป็นอะไรเลย... เหมือนกับเวลาใกล้ความตายเข้ามาทุกที ฉันรู้สึกเคลียดเริ่มนอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่เคยเป็นสุขเลย... แต่ก็หาหนทางออกไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อย.... ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ตามที่โชคชะตาได้กำหนดขีดเส้นไว้ให้แล้ว... ฉันแค่....แค่อยากระบาย... ไม่ได้ต้องการโม้ โอ้อวดอะไร เพื่อให้ใครหยามเยียดหรอก... มันอัดอั้นกับเรื่องราวที่ดำเนินมา บางอารมณ์ฉันก็อดที่จะโยนความผิดให้กับโชคชะตา ที่ชักนำให้พบเรื่องราวต่างๆ ฉันอยากพบความพอดีของชีวิตเท่านั้นเองเพราะฉันเหนื่อย เหนื่อยกับชีวิตที่ต้องลิขิตให้เดินไปตามเส้นชะตาของตัวเองแล้ว... หมอดูเคยทักเรื่องนี้ แต่ฉันเองไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริง กรรมของฉันเขาบอกแบบนี้ มีวิธีแก้กรรมคือการบำเพ็ญกุศล รักษาศีลภาวนา ปฏิบัติธรรม และทำทาน ให้เป็นกิจวัตร.... *********************************************************************************** ขออภัย... ผู้ที่เขามาอ่าน บางทีคุณอาจไม่ชอบใจ... .
13 ตุลาคม 2550 13:36 น. - comment id 97952
สมมติชื่อพระเอกคนอื่นไม่ได้เหรอจ๊ะ ทำไมมีพี่เอกเหมือนคุณแพรเลย พี่เอกของคุณแพรนะจ๊ะ ปล่อยให้เป็นไป อย่าคิดมาก อันไหนเลือกได้ก็เลือก ว่าไหม
13 ตุลาคม 2550 13:38 น. - comment id 97953
เหมือนเลือกปลามาทำปลาร้า เหรอ? ต้องคัดเกรด A ใช่ป่าววววว ร่า คริ ๆ ปล่อยไป ให้ลงห้วยหนองติ...
13 ตุลาคม 2550 13:41 น. - comment id 97954
แต่พระเอกของคุณแพรแค่32เอง ไม่เป็นไรจ้า หล่อ สมาร์ท เท่าพระเอกของคุณแพรไหม
13 ตุลาคม 2550 13:44 น. - comment id 97955
หล่อค่ะ สมาร์ท แต่พีเขามีเชื่อเวียดนามนะ คริ ๆ ผิวขาว สูง 5 5 5 จัดว่าหล่อใช้ได้นะ แต่มีหงอกแล้วอ๊ะ คริ ๆ อยู่รอเราอ๊ะป่าวววว ไม่รู้ปานนี้ไม่แต่งงาน...
13 ตุลาคม 2550 13:52 น. - comment id 97956
^_^ ถ้ารอเราก็ดีสิ พอดีเลยเชียว
13 ตุลาคม 2550 14:19 น. - comment id 97957
เอากันเข้าไป... 5 5 5 เอ่อ คนเราก็เนาะ... ช่างมันเถอะ ทุกอย่างมีทางออกเนาะ...
13 ตุลาคม 2550 14:26 น. - comment id 97958
ใช่แล้ว อย่าคิดมาก แค่ขำๆ พี่เอกกระซิบบอก ^_^
13 ตุลาคม 2550 14:36 น. - comment id 97959
ชิล ชิล... 5 5 5 นกเจ่ากำลังบินมาคร่า....
13 ตุลาคม 2550 16:59 น. - comment id 97962
เฮ้อ....คนบนเกาะไม่หล่อเอาเสียเลย แต่ช่างเถอะเวลาปิดไฟใส่กลอนมันมองไม่เห็นความสวยความหล่อหรอก งือ...
13 ตุลาคม 2550 21:25 น. - comment id 97967
ขำพี่น้องเขาคุยกัน ปรึกษากัน ดั๊ง ดัง กรั่กๆๆๆ
14 ตุลาคม 2550 09:23 น. - comment id 97991
มันเป็นความพอดี ที่ไม่อาจเป็นไปได้เนาะ จะมีไหมที่คนๆ จะมีทุกอย่างโดยที่เราไม่ต้องไปหาจากอีกคน เพื่อให้มีความพอดี หรือว่า ความไม่พอดีมันอยู่ที่ตัวเรา หว่า คิดเล่นๆ นะค่ะ น้องกุ๊ดจี่ ไม่ว่ากันนะค่ะ เพราะอ่านเรื่องของน้อง บ่อยๆ ค่ะ
14 ตุลาคม 2550 18:23 น. - comment id 97995
อย่าไปเลือกทั้งสองคนน่ะดีแล้ว มาเลือกเราดีกว่า อิอิ (ไม่ได้เห็นแก่ตัวซักหน่อย)อิอิ มะกรูดลองคิดดู นาดำ กับนาหว่าน อย่างใดจะได้ผลผลิตมากกว่ากัน คำตอบ ก็คือนาดำ ข้าวกล้าเกิด เจริญเติบโตในที่เดิมย่อมไม่สมบูรณ์ตามธรรมชาติของข้าว แต่ถ้าถอนเป็นกล้าไปปลูกในสถานที่ใหม่ ดินที่เตรียมไว้ใหม่ใส่ปุ๋ยอย่างดี ก็เจริญงอกงามให้ผลผลิตดีเยี่ยม เฉกเช่นเธอจะมัวแกลนไม่งอกงามในที่เดิมอยู่ทำไม มุ่งไปข้างหน้าหาทำเลที่ดีเสียเถอะ ทิ้งบรรยากาศรอบตัวเก่า ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตมาเสียเถอะ อิอิ พี่กำลังเตรียมแปลงปลูกข้าวนาดำไว้แล้วอย่างดี อิอิ
15 ตุลาคม 2550 09:15 น. - comment id 98004
^ ^ ^ นาหำมีน้อยเหลือเพียงจ้อยร่อยข้อยทำมาหลายปี
15 ตุลาคม 2550 12:14 น. - comment id 98010
^ ^ ^ "นาหำมีน้อย" หรือว่า... "นาบักหำน้อย" 5 5 5 5 5 เป็นไปได้เน้อ...
6 พฤศจิกายน 2550 12:10 น. - comment id 98253
ไม่ยักมีเราเป็นตัวเลือกเลยนิ