คุณจะรู้สึกอย่างไร..เมื่อได้กลับมาเจอคนรักเก่าที่พรากจากกันถึง 13 ปี ตอน แรกเริ่มร้าง
เสราดารัล
ไม่มีสัญญาณใดๆบ่งบอกเลยว่า ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ จะเปลี่ยนแปลงไป เขายังปฏิบัติตัวต่อฉันอย่างสม่ำเสมอ....จนกระทั่ง
เทอมสุดท้ายที่เขาใกล้จบการศึกษา เสียงของเขาที่ผ่านมาตามสายโทรศัพท์ทุกวันๆ เริ่มหายไป การมาหาฉันที่หอพักในมหาวิทยาลัยทุกสุดสัปดาห์ก็หายไปเช่นกัน คราวนี้ เป็นฝ่ายฉัน ที่ต้องคอยโทรหาเขา...ฉันถามเขาถึงเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เขาบอกสั้นๆ เพียงว่า เขาต้องเรียนจบภายในปีนี้ และกำลังยุ่งๆกับเรื่องขอจบการศึกษา ขอให้ฉันเข้าใจเขา...
ฉันเชื่อในคำพูดของเขา ตั้งแต่คบกันมา เขาไม่เคยโกหกฉัน คำพูดของเขาจึงเชื่อถือได้เสมอ...แม้จะทำใจเชื่อถือเหตุผลความจำเป็นของเขาอย่างไร ฉันก็อดน้อยใจไม่ได้ทุกที ฉันไม่เคยชินกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ตั้งแต่ที่เริ่มคบหากัน ฉันมีเขาเคียงข้างเสมอมา..วันนี้ เมื่อเขาเปลี่ยนไป หัวใจของฉันจึงรู้สึกอ้างว้าง หวั่นไหวเสียเหลือเกิน
หลังจากที่เขาจบการศึกษา เขาก็ไม่ติดต่อฉันมาอีกเลย เขาหายไปโดยไม่ได้บอกลาฉันเสียด้วยซ้ำ ช่วงปิดเทอม ฉันกลับไปบ้าน แม่ฉันบอกว่า เขาเรียนจบแล้ว และตอนนี้เข้าทำงานเป็นพนักงานธนาคารในสาขาจังหวัดบ้านเกิดของเรานี่เอง....ก็เพียงเท่านี้กับข่าวคราวของเขาที่ฉันได้รับรู้ (คุณคงเข้าใจ ในสังคมต่างจังหวัด ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร เป็นเรื่องที่คนในชุมชนรับรู้กันได้ทั้งนั้น)
เมื่อไม่มีเขา การเรียนตามลำพังที่นี่จึงไม่มีประโยชน์กับฉันอีก กอรปกับฉันต้องการเรียนในคณะที่ฉันต้องการจริงๆที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฉันจึงเอนทรานซ์อีกครั้ง ฉันยังโชคดีอีกเหมือนเคยที่เอนทรานซ์ติดในคณะที่ต้องการ ฉันยอมเสียเวลาเรียนไป 1 ปี เพื่อได้เรียนคณะนี้ และหลีกหนีความทรงจำเก่าๆที่คอยทำร้ายฉันเสมอมา การกลับมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ ฉันกลับมาในสภาพนกปีกหัก ต้องกลับมาตายรังที่ตัวเองมั่นใจว่าเป็นเกราะป้องกันภัยแก่ฉันได้ ความรักความอบอุ่นของเพื่อนๆ ทำให้ฉันคลายโศกเศร้าไปได้พอสมควร
ฉันตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง เพื่อชดเชยกับเวลาที่เสียไป 1 ปี ที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ ฉันสามารถเรียนจบภายในเวลา 3 ปีครึ่ง
ฉํนยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ ฉันเขียนจดหมายบอกเล่าเรื่องราวคราวเคลื่อไหวของฉัน ให้เขาทราบอยู่เนื่องๆๆ....ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเขา ไม่มีจดหมายตอบจากลายมือที่คุ้นตาของเขา ไม่มี แม้แต่เสียงของเขาที่คุ้นใจผ่านมาสายโทรศัพท์....เขาเงียบหายไป ราวกับไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้
ฉันอยุ่อย่างเดียวดาย ไร้ความหวัง แต่เหมือนว่าเบื้องบนจะเห็นใจในความรักของฉัน เพราะขณะที่ฉันเรียน ปี2 ฉันได้รับโทรเลขจากเขา บอกมาว่า เขาจะมาหาฉันที่เชียงใหม่....ไม่ต้องบอกคุณๆคงรู้ว่าฉันจะรู้สึกตื่นเต้น ดีใจแค่ไหน ฉันเพียรอ่านข้อความเพียงไม่กี่คำบนโทรเลขฉบับนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่า นี่คือ ความจริง ฉันไม่ได้ฝันไป มือที่สั่นเทาของฉันยึดจับโทรเลขฉบับนั้นเสียแน่นหนาราวกับกลัวว่ามันจะหายวับไปกับตาอย่างนั้น
เขาจะรู้ไหมว่า แค่ข้อความไม่กี่คำของเขานั้น มันสามารถชุบซากต้นไม้ที่แห้งตายแล้วอย่างฉันให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ช่วงเวลาของการรอคอย ที่ใครหลายคนเบื่อหน่าย หากแต่ฉันกลับรู้สึกมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ...ใครบางคนบอกว่า ความหวัง คือ กำลังใจ ฉันเพิ่งเข้าใจความหมายของมันตอนนี้นี่เอง
แล้วเราก็ได้เจอกัน...เขาดูเปลี่ยนไปจากเดิม ภาพหนุ่มน้อยหน้าใส ผมยาวสลวยปรกคอ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกนยีนส์เก่าๆ และรองเท้าผ้าใบเท่ห์ๆหายไป ภาพที่ปรากฎตรงหน้าฉันตอนนี้ คือผู้ชายใส่เสื้อยืดโปโลสีสดใส กางเกงสแลค และรองเท้าคัตชู...ท่วงท่ายังสง่างามเหมือนเดิม..สิ่งที่ฉันพบ นอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว...เขาเงียบขรึมมากยิ่งขึ้น ความ
ขี้เล่นน้อยลง คงเพราะชีวิตเขาเปลี่ยนไป จากวัยเรียน เป็นวัยทำงาน ในขณะที่เขาบอกว่า ฉันยังคงความร่าเริง ช่างพูดเหมือนเคย ฉันเริ่มรู้สึกถึงความต่าง และความห่างของเรา..แต่ช่างเถอะ...อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ฉันไม่สนหรอก เพราะขณะนี้ เขาอยู่กับฉันแล้ว
เขาบอกว่า เขาจะบวชเดือนหน้า เลยขอมาเที่ยวพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน เขาลางานมา 1 อาทิตย์เต็มๆ ฉันพาเขาไปเที่ยวหลายที่ หลายจังหวัดในภาคเหนือ ดูเขามีความสุข ร่าเริงมากกว่าวันแรกๆที่ฉันพบเขา ความเป็นตัวของตัวเองของเขากลับมาอีกครั้ง เขายังเป็นพี่ชายคนดีที่ฉันรู้จัก ความอาทร อ่อนโยนที่เขามีต่อฉันไม่ได้จางหายไปเลย..ฉันหลีกเลี่ยงที่จะไม่ถามเขาถึงสาเหตุที่เขาหายไป ฉันอยากให้เขาสบายใจที่สุด และมีความสุขมากที่สุดตลอดเวลาที่อยู่กับฉัน ส่วนฉัน ก็ขอเก็บเกี่ยวภาพความสุข ความทรงจำที่มีร่วมกับเขาให้มากที่สุดเช่นกัน
เวลาแห่งความสุขของฉัน ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ในที่สุด ก็ครบกำหนดที่เขาต้องเดินทางกลับ...ไม่มีคำสัญญา ไม่มีคำปลอบใจใดๆจากเขา ในวันที่ฉันอาลัยอาวรณ์กับการจากไปของเขา...ฉันเองก็ไม่คาดคั้นให้เขาสัญญาใดๆทั้งสิ้น...ฉันรู้ว่า ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น
แล้วก็จริงอย่างที่ฉันคิด ตั้งแต่ลาจากกัน เขาก็หายไปเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งฉันจบการศึกษา ฉันมาได้งานทำที่กรุงเทพ เป็นพนักงานฝ่ายโฆษณา ในหนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่งของเมืองไทย
ฉันยังคงเขียนจดหมายถึงเขา...เช่นเดียวกับที่เขา ก็ไม่เคยติดต่อฉันมาเช่นเคย คุณคงแปลกใจ ทำไมฉันจึงไม่ลืมเขา ทำไมฉันยังเพียรทำอย่างสม่ำเสมอทั้งที่ไม่ได้รับการตอบรับ...ถ้าคุณรักใครซักคนอย่างจริงจัง...คุณจะรู้คำตอบค่ะ ว่า เพราะอะไร....