ฉันนั่งจ่อมจมเงียบ ๆ ในห้องที่บ้านพัก นอกหน้าต่างลมพัดอื้ออึง ฝนจะตกแล้ว พี่อ้อยเก็บผ้ารึยัง เสียงน้องบ้านพักร้องบอก ฉันไม่ตอบคงนั่งเงียบ ๆ ปล่อยความคิดล่องลอยไปกับลมฝนข้างนอก แต่สักพักก็ลุก เดินไปที่หน้าต่าง แง้มมองผ้าที่ตากบนราว หลังบ้านพัก เห็นหลังน้องไวไว รวบเก็บผ้าทั้งของฉันและของตัวเอง ฉันเดินออกจากห้องตรงไป รวบเก็บผ้าที่เหลืออย่างลวก ๆ น้องมองฉันอย่างงง ๆ ส่งผ้าส่วนที่เป็นของฉันส่งให้ ขอบใจนะ แต้ม ฉันรับผ้าแล้วเดินดุ่ม ๆ กลับมาที่ห้องไม่ใส่ใจสายตาใคร่รู้ของน้อง ก๊อก ๆๆๆ พี่อ้อย ๆ เป็นอะไรรึเปล่าพี่ เสียงน้องเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ปวดหัวนิดหน่อยจ๊ะ ไม่เป็นไรมากหรอก พี่กินยาแล้ว ฉันตอบไปในครั้งเดียว โดยไม่รอคำถามอีก เพราะคร้านที่จะตอบคำถามเป็นห่วงนั้น ฉันโยนผ้าที่เก็บมาไว้บนเตียง และทรุดนั่งกับพื้นอยู่นาน แต่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว แต่รู้สึกได้ว่า ขาข้างซ้ายเป็นเหน็บ หัวใจเอ๋ย เคยบ้างไหม ที่จะไม่รัก ไม่ใส่ใจ กับคนที่ไม่มีหัวใจ เช่นใครบางคน เหมือนมีใครบ่นแว่ว ๆ ให้ได้ยิน ดวงตาของฉันร้อนผ่าว น้ำใส ๆ ไหลลงมาเงียบ ๆ ตัวฉันสั่นเทา หากแต่ไร้เสียงใด ๆ ลอดออกมา ร่างกายฉันหนาวเหน็บยิ่งขึ้น อาจจะเพราะลมฝน หรือเพราะร่างกาย หัวใจมันเจ็บไข้ แทบจะแยกไม่ได้ว่ามีสาเหตุจากสิ่งใด ข้างนอกหน้าต่าง ทั้งลมทั้งฝน เสียงต้นไม้ ครืดคราด เสียดสีหลังคา แต่เสียงนั้นมันแผ่วเบาเกินกว่าจะกลบเสียง ที่เรียกร้องในหัวใจ คุณคนดี ตอนนี้คุณอยู่ไหน อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร รู้บ้างไหมใครห่วงคุณ น้ำตาเจ้ากรรมช่างพร่างพรู น้ำตามาจากไหนหนอ ทำไมไม่เคยเหือดแห้ง ฉันคู้ตัวมากขึ้น หนาวเสียยิ่งกว่าหนาว ใจกระหวัดคิดถึงใครบางคน อ้อมกอดที่เคยปลอบขวัญ อบอุ่น แข็งแรง ตอนนี้คุณอยู่ไหน เอื้อมมือไขว่คว้า ได้เพียงความว่างเปล่า ดูเหมือนคุณอยู่ใกล้ แต่สัมผัสไม่ได้ด้วยใจ ภาพวันวานแจ่มชัดในความรู้สึก คืนฝนตกอย่างนี้ ใต้ชายคาเดียวกัน ใครคนหนึ่งเคาะประตูถามด้วยห่วงใย รักและห่วง เหมือนดังหนึ่งว่าจะไม่แปรเปลี่ยนไปได้ แต่ในสถานการณ์เดียวกันในวันนี้ ฉันอยู่เพียงลำพัง หัวใจเจ้าเอ๋ย เจ้าเคยบ้างไหม ที่จะลบ จะลืมไป แค่บางใครที่จากไปนาน ลมฝนลดความแรงลงแล้ว เสียงฝนยังปรอย เปาะแปะที่หน้าต่าง วูบลมเย็น ๆ พัดมาอีกครั้ง ฉันยังซุกตัวนิ่งเงียบ ปล่อยให้น้ำตามันล้างใจ นานนักแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ นานนักแล้วที่ต้องอดทน นานนักแล้วที่ชีวิตเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า และฉันก็ยังไม่รู้ จะนานอีกสักเท่าใดที่ฉัน ต้องเดียวดายอยู่เพียงลำพัง อีกนานเท่าใด หัวใจดวงร้าวจะประสาน ฉันได้แต่หวัง อีกไม่นานฉันจะผ่านความปวดร้าวไปได้ หัวใจเจ้าเอ๋ย เจ็บจนเคยแล้วใช่ไหม แล้วยังจะหวังอะไร กับคนไม่มีหัวใจให้เรา ฝนหยุดตกไปแล้ว เสียงน้ำบนใบไม้ยังหยดเปาะแปะ ขาอีกข้างเป็นเหน็บ ฉันพยายามเหยียดออกไปทั้งสองขา ปวดชาจนน้ำตาเล็ด สองมือของฉันทุบไล่จากต้นขา ยันปลายเท้า ไม่นานความเจ็บชา หายไป ฉันลุกขึ้นอีกครั้ง เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดออก ยิ้มให้กับตัวเอง สูดอากาศชื้น ๆ เข้าเต็มปอด แต้ม ๆ ฝนหยุดแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ หิวจัง
18 กรกฎาคม 2550 15:55 น. - comment id 96940
คนโบราณเค้าเข้าใจใช้คำจังเน๊อะ เห็นภาพชัดมากเลย เป็นห่วง .. บางทีความคิดถึงกับความเป็นห่วงมันต่างกันแค่เส้นยาแดง (ทำไมต้องเส้นยาแดง?) โหยหาอาลัยทำไมหนอ?
19 กรกฎาคม 2550 11:19 น. - comment id 96946
คนเราสามารถที่จะลุกขึ้นยืนได้ใหม่เสมอ อย่ายอมแพ้นะ
19 กรกฎาคม 2550 23:09 น. - comment id 96952
คืนฝนตก ต้องตามมาด้วยเสียงอึ่งร้องสิพี่อ้อย แหม กำลังซึ้งกัน มาจากไหนเนี่ย