ไม่มี..วันนั้น..อีกแล้ว

หัตถา อินจัน

ฉันยังจำได้ ..เขาเคยเป็นทหารมาก่อน..และต่อมา..เขาก็ลาออกและมาเป็นช่างถ่ายภาพ..ฉันติดตามเขาไปทุกที่ ที่สามารถจะไปได้ ..เป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาเหนื่อยขนาดไหน..ต้องอดทนอดกลั้นมากมาย..เพื่อครอบครัว
     ไม่ว่าจะไปถ่ายภาพที่งานไหน..งานศพ..งานบวช..งานแต่งงาน..เขาจะมีถุงพลาสติกใสสำหรับใส่อาหารและหนังยางรัดของติดตัวไว้เสมอ..ฉันเคยถูกใช้ให้ไปตักอาหารตามงานเหล่านั้นเมื่อครั้งที่ได้ติดตามไปด้วย  ในความรู้สึกของฉันตอนนั้น  บอกได้คำเดียวว่าอายมาก  แต่ก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้  ในใจคิดแต่ว่าทำไมต้องมาตักอาหารเหล่านี้  ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าของงานเขาก็ยินดีให้  แต่บางคนก็มองเราด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มองเราดีเลย เมื่อกลับบ้าน อาหารเหล่านั้นก็กลายมาเป็นอาหารอีกมื้อหนึ่งของครอบครัวเรา  เป็นอย่างนี้มาทุกเมื่อเชื่อวัน
     เขาคนนั้น.....คือ....พ่อของฉันเอง  ด้วยความที่ฉันเป็นลูกคนโต  พ่อจึงสอนทุกอย่างที่พ่อรู้ให้ฉัน  ในสายตาของฉัน  พ่อเป็นคนที่เก่ง  มักจะมีเพื่อนบ้านมาขอความช่วยเหลือพ่อเสมอๆ  ซึ่งพ่อก็มักจะไม่เคยปฏิเสธผู้ที่มาขอความช่วยเหลือเหล่านั้น  ฉันเองก็ได้วิชาที่พ่อสั่งสอนมาไม่น้อยเช่นกัน  หลายครั้งที่ฉันได้ช่วยเหลือเพื่อนๆ และได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ว่าเก่งจังที่ทำได้ เก่งจังที่ทำเป็น คำพูดเหล่านั้นทำให้ฉันภาคภูมิเหลือเกิน  เพราะพ่อแท้ๆ ที่สอนให้ฉันทำเป็น ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการซ่อมไฟฟ้าภายในบ้าน  การซ่อมรถมอร์เตอร์ไซด์  และการดัดแปลงสิ่งที่ใช้ไม่ได้ให้กลับมาใช้ได้ดังเดิม  ยังมีอีกหลายอย่างที่พ่อสอน แต่ฉันไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้  แต่กลายเป็นว่าเรื่องง่ายๆ ที่ฉันเห็นพ่อทำอยู่บ่อยๆ นั้น มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย  ต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งกว่าจะทำได้ 
     จนกระทั่งเวลาผ่านไปพ่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ความกระฉับกระเฉงก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป  ส่วนตัวฉันและน้องๆ ก็ได้เติบโตกลายเป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มตัว  เมื่อฉันเรียนจบชั้น ปวส. แล้ว ได้งานทำไม่ไกลจากบ้าน พ่อจึงออกเงินซื้อรถมอเตอร์ไซด์คันแรกให้ฉัน  โดยที่ฉันผ่อนเองกับพ่อเดือนละ 2,000 บาท  ฉันในตอนนั้น พึ่งอายุ  20  และรู้สึกรำคาญพ่อมากที่คอยมาจ้ำจี้จ้ำไช  คอยเช็คว่าไปไหน  ทำอะไรอยู่  ทำไมกลับบ้านช้า  จะไปไหนมาไหนบ้าง พ่อก็จะคอยถามว่าไปทำไม  ไปกับใคร  ทำให้ฉันรู้สึกว่า  ฉันโตแล้วนะ  ทำงานแล้วนะ  ทั้งๆ ที่ตอนนั้นฉันก็ยังไม่รู้ประสีประสาอะไร  แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะอยู่บ้าน ฉันจึงโทรศัพท์หาแม่ซึ่งเลิกรากับพ่อไปตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ  และทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ฉันบอกแม่ว่าจะไปอยู่ด้วย  แต่พ่อไม่ยอมให้ฉันไป  ฉันโมโหพ่อมาก  พอดีช่วงนั้น ฉันเริ่มมีแฟน  และพ่อเองก็ไม่ค่อยชอบแฟนฉันนัก				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน