ดั่งม่านหมอกกั้น(เมื่อถึงเวลาที่ต้องสูญเสีย)เอาตอนท้ายมาลงให้อ่านนะติดต่อเรื่องเอาเอง
สุวรรณโสภิต
แสงแดดสีทองยามเย็นสาดแสงเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เป็นแสงลำไรดูหมอหม่น
หมื่อนกับความรู้สึกของผู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั้น
ท่านชายจักตราพงษ์ก้าวเข้ามายืนข้างเตียงคนเจ็บใบหน้าคมสันฉาบไปด้วยความทุกข์ เป็นครั้งแรกที่พบอาหลังจากหนีมาเมืองไทย
สายน้ำเกลือและเลือดที่ทิ่มบนพระหัตรของเสด็จอา มันเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจเขายิ่งนัก
พระพัตรที่เคยยิ้มแย้มทุกครั้งที่ได้พบกันมองดูแล้วชื่นใจบัดนี้กลีบซีดเซียวแทบจะเหมือนไม่มีเลือด เสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพทรงได้รับการผ่าตัดแล้วเมื่อคืนวาน
และเป็นเวลาหลายชั่งโมงแล้วที่ท่านยังไม่ทรงฟื้น เสียงเครื่องวัดการเต็นของหัวใจดังเป็นระยะมันทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เจ็บปวดยิ่งนัก เขาทิ้งตัวลงนั้งบนเก้าอี๋ข้างเตียง
มือก็กุมมืออาอันเป็นที่รักไว้แน้น
"ถ้าหม่อมฉันไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวทิ้งปัญหามากมายให้เสด็จอาต้องทรงแก้เสด็จอาก็ต้องทรงไม่เป็นแบบนี้ เพราะหลานคนเดียวที่เห็นแก่ตัว"
เขารำพึงเบาๆ แล้วซบหน้าลงพยายามกลันน้ำตาลูกผู้ชาย น้ำพระเนตรอุ่นๆไหลหยดอาบพระพักตร เหมือนว่าทั้งหมดที่หลานชายพูดผู้เป็นอาจะได้ยินทุกคำ
มือเรียวที่ถูกกุมไว้บีบเบาให้ผู้ที่กุมรับรู้ ท่านชายจักตราพงษ์เงยพระพัตรขึ้นมองอาพระเนตรที่ลืมขึ้นทำให้หลานชายดีใจเป็นที่สุด
"ท่านชายที่ใครๆต่างหมายจะได้เป็นคู่ กลับมานั้งร้องไห้คงหน้าอาย"
เสียงพูดเบาๆขาดเป็นระยะแต่ก็พอฟังรู้เรื่องทำให้หลานชายใจชื้นขึ้นมาได้
"เสด็จอา หลานขอโทษกระหม่อม" เขาพูดออกมาเสียงเครือ "ทรงเป็นอย่างไรบางกระหม่อมตามหมอไหม"
พูดจบก็ทำท่าจะลุกออกไปตามหมอแต่ผู้เป็นอาดึงมือไว้บอกหลานเบาๆว่า
"อาอยากคุยกับหลาน อายังไม่ตายตอนนี้แน่"
เสด็จพระองค์หญิงศรีรำไพ ทรงรวบรวมกำลังทีมีตรัสกับหลานชายเหมือนจะสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ว่า
" ทุกอย่างที่มันผ่านมาแล้วขอให้มันผ่านไป ไม่ว่าพรุ้งนี้จะมีอาอยู่หรือไม่ ขอให้หลานของอาจงตัดสินใจด้วยตนเอง อย่าทำเพื่อเห็นแก่ใครอาไม่ว่าอะไรที่หลานหนีมาอาคิดว่าหลานของอาเลือกคนไม่ผิด และจงอย่าทิ้งน้องพวกเขาไม่มีใครนอกจากหลาน "ผู้พูดแล้วหอบเป็นระยะแต่ก็ยังฝืนพูดต่อ"อาไม่อยากให้หลานเสียใจภายหลัง สิ่งที่อาทำทุกอย่างก็เพื่อหลาน หลานๆก็เหมือนกับลูกของอาลูกทุกข์แม่ก็ทุกข์และอาก็ไม่เคยโกรธหลานเลย"
เขากราบที่เท้าอาพร้อมกับคำขอโทษที่ออกมาแล้วโอบกอดอาซบหน้าอยู่บนอกอาเหมือนเป็นกอดสุดท้าย เสด็จพยายามเอื้อมพระหัตรลูบศรีษระหลานเบา
คำพูดที่มีแต่คำปลอบโยนและให้อภัยของอาทำให้ท่านชายยิ่งรู้สึกผิดไม่น้อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาไม่เคยกล่าวโทษหรือดุว่าเขาเลยทุกสิ่งจะมีแต่เหตุผลและ
ความเข้าใจเสมอ ต่อไปจะมีไมหนอน้ำเสียงที่นุ่มละมุนเวลาที่ฟังไม่ว่าจะยามทุกข์ก็ดูจะมีความสุขได้เสมอ และรอยยิ้มที่นุ่มนวลที่ดูแล้วชื่นใจถ้าต่อไปไม่มีแล้วเขาจะทำอย่างไร ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กเสมอในสายตาอา
"ถ้าวันหนึ่งที่หลานแต่งงานกับคนที่หลานรักวันนั้นอาจจะไม่มีอาที่คอยอวยพร แต่ให้ระรึกไว้เสมอว่าอารักและขอให้หลานมีความสุขในชีวิตคู่มากๆ ให้สมกับที่แลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต"