เทนนิสหรือเม็ดทราย
ใบคา
เอ้า! เชิญๆ นั่งเลยๆ เสียงผู้หญิงวัยกลางคนเชื้อเชิญพร้อมผายมือไปทางโซฟาสีขุ่นเบื้องหน้า
ไม่ทันที่ก้นของเขาได้สัมผัสความนุ่มของโซฟาตัวนั้นคำถามจากปากหญิงวัยกลางคนก็แล่นเข้ามาทักทายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เป็นไงบ้างช่วงนี้ เขายิ้มไม่ตอบแต่อย่างใด เบื่องานเหรอ เธอยิงคำถามมาอีก
ก็นิดหน่อยครับ
อืม! เธอทำหน้าครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า คุณสังเกตุเห็นน้องฝึกงานคนนั้นไหม คนที่เข้ามาใหม่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วนี่น่ะ คุณว่ามันเหมือนใคร
เขาไม่ตอบได้แต่ยิ้มฝืนๆ โดยไม่สบตาเจ้าของคำถาม เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่า บก. เรียกเข้ามาตั้งแต่เช้า เพื่อจะคุยเรื่องอะไร ตั้งแต่ต้นเดือนนี้คุณภาพของงานเขาลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งที่เข้ามาใหม่ๆ พูดคุยน้อยลง ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนร่วมงาน และที่เขาสงสัยว่าเป็นสาเหตุหลักการเรียกมาคุยของวันนี้คือสีหน้าบ่งบอกถึงความเบื่อหน่าย ไร้ชีวิตชีวาที่เขาแสดงออกมานั่นเอง
คุณไม่สังเกตุเลยเหรอว่าแววตามันเหมือนใคร บก.กระตุ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเขายิ้มแล้วนิ่งไป
เขามองหน้า บก. แล้วยิ้มและส่ายหน้า
ไม่ใช่เขาไม่รู้แต่ไม่อยากตอบ ว่า บก.หมายถึงใคร ทำไมแววตาของเด็กฝึกงานคนนั้นจะไม่เหมือนเขา ความกระตือรือร้นที่จะทำงาน และรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้รับมอบหมายงาน เพราะช่วงแรกๆ น้องคนนั้นเข้ามาคุยกับเขาเองว่าไม่ค่อยมีอะไรทำวันทั้งวันได้แต่นั่งหารูปภาพจากอินเตอร์เน็ตเพื่อใช้ประกอบนิตยสาร เขาถามไปว่าแล้วอยากจะทำอะไร เมื่อเขารู้ว่าเด็กฝึกงานต้องการจะแสดงฝีมือในทางการเขียน เขาจึงยกตัวอย่างตัวเขาเองว่า เขาเคยฝึกงานที่นี่มาก่อน เข้ามาแรกๆ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันคือไม่ค่อยมีงานให้แสดงฝีมือเนื่องจากพวกพี่ๆ ไม่ไว้วางใจเพราะเห็นเป็นนักศึกษา แต่เมื่อเขาเข้าไปอ้อนวอนของานจาก บก. เริ่มพิสูจน์ตัวเองจากงานเล็กๆ และทุกครั้งที่งานของเขาเสร็จ เขาจะรีบเข้าไปรายงาน บก.ด้วยสีหน้าและแววตามีความสุข เพราะงานเขียนเป็นสิ่งที่รักของเขา เมื่อได้งานชิ้นใหม่มาเขาก็ทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่
เหมือนคุณไง บก.ของเขาตอบพร้อมยิ้มให้
เขาหัวเราะแหะๆ มือทั้งสองประสานกันรวบเข่าทั้งสองข้างยึดเข้าหาตัว จนเท้าลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยแล้วจึงปล่อย แต่ยังคงยิ้มให้ บก. อยู่
พี่เข้าใจดีว่างานจัด Art จัดหน้านิตยสารที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่งานที่คุณรัก แต่คุณก็ยังได้เขียน พี่ให้โอกาสคุณทุกครั้ง เหมือนที่คุณมาขอพี่ว่าอยากจะเขียน Scoop สักชิ้น พี่ก็ให้เพราะเห็นว่าคุณชอบในทางนี้ แต่คุณเห็นไหมว่างานเขียนแต่ละชิ้นที่คุณส่งมา มันห่วย พี่ไม่ได้ด่านะ พี่บอกให้ฟัง พี่ก็เป็นคนพูดตรงๆ อย่างนี้แหละ คุณเล่นเผางานมาให้ แล้วจะให้พี่ทำยังไง บก.หยุดพูด
เหมือนเว้นวรรคให้เขาตอบ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาได้แต่หัวเราะแหะๆ
ตอนฝึกงานเขาแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษามาทั้งในและนอกตำราออกมาพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ต้องตาของ บก. และได้เข้าร่วมงานในทีม ไม่ว่าจะเขียน Scoop จัดหน้านิตยสาร หรือ Update Website และถ่ายภาพ เขาทำได้หมดและใส่ใจทุกงาน แต่ช่วงนั้นฝ่ายศิลปะขาดคนพอดี เขาจึงได้เข้ามาประจำในตำแหน่งจัดหน้าพร้อมด้วยความหวังจาก บก.ที่ให้ไว้ว่าจะมอบหมายงานเขียนให้ด้วย
จริงอย่าง บก.ว่างานที่เขาส่งให้หลังๆ นี้มันห่วย และส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ผ่านเปลวไฟมาสดๆ เพราะเขาไม่มีเวลา ไม่มีเวลาที่จะสร้างสรรค์งาน เพราะงานจัดหน้าเข้ามาจนตั้งตัวไม่ทัน ลำพังงานหลักคือรับผิดชอบรูปเล่มนิตยสารที่ทางบริษัททำอยู่ก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่จะไหนงานนอก และงานรับแต่งรูปภาพต่างๆ นาๆ ที่บริษัทรับเข้ามา เนื่องจากนอกจากตำแหน่ง บก.แล้วเธอยังเป็นเจ้าของบริษัทอีกด้วย ล้วนเป็นงานด่วนทั้งสิ้น แต่เวลาย่อมเป็นเวลา กำหนดต้องเสร็จ แม้จะเหลือน้อยก็ต้องส่งทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่ได้คุณภาพก็ตาม ด้วยเหตุนี้งานเขียนของเขาจึงถูกลดทอนลงเรื่อยๆ พาลให้ไม่มีความสุขกับงานจนเป็นเหตุให้ต้องมานั่งคุยกับ บก.ในวันนี้
นอกจากนั้นเขายังถูกตักเตือนเรื่องเวลาการเข้าทำงานอยู่เสมอ เริ่มจากการเข้างานสายข้อนี้เขารับไม่ได้เพราะว่าแม้จะเข้างานสายงานที่ได้รับมอบหมายก็เสร็จทุกครั้ง และที่สำคัญเขายังชดเชยให้ด้วยการเลิกงานช้าเช่นกัน แต่ทางฝ่ายบุคคลรวมทั้ง บก.เองไม่เห็นอย่างเขา ฝ่ายโน้นต้องการเห็นเวลาเข้างานของเขาเป็น เข้า 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น เขาจึงสนองนโยบายโดยการเข้าและออกตรงตามเวลา แต่งานไม่เสร็จเพราะเขาไม่ทำ อีกอย่างคืองานที่เขามักถูกโยนมาจากเพื่อนรุ่นพี่ที่เข้ามาทำงานก่อนหน้าเขา เพราะเขาเคยบอกว่าอยากออกไปสัมภาษณ์บ้าง ด้วยความใจดีของรุ่นพี่เขาจึงได้รับงานที่ต้องออกไปสัมภาษณ์บุคคลโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องการสัมภาษณ์ เขารีบปฎิเสธไปทันทีโดยการอ้างเหตุผลว่าไม่รู้เรื่อง และไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้ หากเขารู้สักนิดว่าเขาต้องทำงานชิ้นนี้เขาจะยินดีทำอย่างเต็มใจ แต่นี่จู่ๆ ก็โยนมาเพราะไม่อยากทำ ด้วยเหตุนี้การพูดคุยระหว่างเขาและเพื่อนร่วมงานจึงน้อยลงไป
คุณรู้ไหมว่าพี่มีเรื่องไม่สบายใจแค่ไหน
ไม่ทราบครับ
ไหนจะเรื่องเจ้าหนี้ตามเก็บเงิน ไหนจะเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ โอ้ย! อีกมากมาย คุณไม่มีทางรู้หรอก แต่พี่ก็ยังยิ้ม คุณเคยเห็นพี่แสดงความทุกข์ออกมาบ้างไหม คุณสังเกตุดูวันไหนที่พี่ร่าเริงมากๆ วันนั้นแหล่ะคือวันที่พี่กลุ้มใจที่สุด เธอเงียบมองหน้าเขาสักครู่ อ่ะ เข้ามาเรื่องคุณต่อ ไหนคุณบอกพี่สิว่าทำไมคุณถึงไม่มีความสุขกับการทำงาน
ผมเบื่องานครับ เขาตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่อยากสาธยายเหตุผลที่ค้างอยู่ในใจอีกมากมาย เพราะรู้ตัวดีว่ามันไม่ช่วยทำให้ดีขึ้น ยังไงๆ เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่ ผมอยากทำงานเขียน ผมชอบงานอิสระที่ไม่ยึดติดกับเวลาเพราะผมไม่ชอบการเข้างาน 8 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น สำหรับผมตลอด 24 ชั่วโมงเป็นงานและการพักผ่อนในเวลาเดียวกัน เขาหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ เพราะหากได้ทำงานที่รักและมีความสุขก็เท่ากับการได้พักผ่อนดีๆ นี่เอง
คุณมีพรสวรรค์นะ คุณมีแววเลยทีเดียว แต่คุณต้องศึกษาให้มากๆ คุณรักการเขียนคุณก็ต้องอ่านให้มากขึ้น มากกว่าการเขียนด้วยยิ่งดี เมื่อคุณอยากเขียนคุณก็ลองหาเรื่องมาสิว่าจะทำอะไร ที่นี่เรามีคอลัมน์ท่องเที่ยว, Scoop ชีวิต คุณสามารถทำได้นี่ ถ้าคุณรู้จักแบ่งเวลา เช่น จัดหน้า พี่ให้หนึ่งสัปดาห์เอ้า ที่เหลือคุณก็สามารถสร้างสรรค์การเขียนได้ ถ้าคุณรู้จักจัดสรรค์เวลา เธอพยายามโน้มน้าวเขาแต่ลืมไปว่างานเขาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น
ที่นี่พี่ไม่ได้ใช้ระบบแพ้คัดออกเหมือนที่อื่น อย่างที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้ที่อื่นอาจให้ออกไปแล้ว แต่พี่รักคุณไม่อยากให้คุณเป็นอย่างนี้ มีอะไรก็มาคุยกันต้องการเห็นคุณมีความสุขกับงาน เธอโน้มน้าว คุณต้องรู้จักการจัดการเวลา อย่างเช่นคุณมีแก้วน้ำใหญ่ๆ ขนาดใส่ลูกเทนนิสได้ 1 ใบ คุณใส่ลูกเทนนิสไป 1 ลูก คุณคิดว่าไงมันเต็มไหม ถ้าเราเห็นอย่งนั้นมันก็เต็ม แต่ทีนี้พี่เอาก้อนกรวดเทลงไปอีก ก้อนกรวดก็ลงไปได้ระหว่างช่องเล็กๆ นั้น พี่เทลงไปจนเต็ม คุณว่าเต็มหรือยัง... ทีนี้พี่เอาทรายมาเทลงไปอีก ทรายมันก็สามารถลงไปได้เช่นกัน คุณว่าเต็มหรือยัง... เอาล่ะ คราวนี้พี่หยิบแก้วน้ำมาเทลงไปน้ำก็ไหลลงไปได้อีกเช่นกัน คุณต้องคิดสิว่าจะทำอะไรก่อน ถ้าคุณเล่นเอาทรายเทลงไปก่อนลูกเทนนิสก็ไม่มีทางใส่ลงไปได้
ครับ เขารับคำ แววตานั้นเริ่มส่อประกายความหวัง ส่วนแววตาของ บก.เริ่มยิ้มเหมือนผู้มีชัย
ตอนนี้ผมก็หมั่นอ่านหนังสืออยู่ประจำครับ เพื่อจะพัฒนาตนเอง
คุณอ่านเรื่องอะไรบ้าง เธอถามด้วยความแปลกใจ เพราะไม่เคยคิดว่าเขาจะอ่านหนังสือ เธอมักว่าเขาเป็นประจำว่าเขาไม่อ่านหนังสือ เพียงเพราะว่าเขาไม่รู้จักหนังสือที่เธออ่าน
ก็อ่านของ รงค์ วงษ์วรรค์, คึกฤทธิ์ ปราโมช, อาจินต์ ปัญจพรรค์
โอ้ย! ของพวกนี้เขาอ่านกันตั้งแต่เด็กๆ คุณเพิ่งมาอ่านตอนนี้จะไปตามโลกทันได้อย่างไร ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะ ถ้าคุณศึกษาเรื่องแนวทางการเขียนน่ะได้ แต่เรื่องทันสมัยคุณไม่มีทางตามโลกทันได้แน่ แล้วคุณเคยอ่านหนังสือทันสมัยบ้งไหม แล้วเธอก็อ้างชื่อนักเขียนต่างชาติอีกมากมาย ที่เขาไม่รู้จัก ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียนที่เก่งคุณต้องก้าวล้ำกว่าโลก เพราะฉะนั้นคุณต้องอ่านอะไรที่มันทันสมัยให้เยอะๆ เธอย้ำเรื่องความล้าหลังของเขา
ผมเพิ่งมาค้นพบว่าอยากเป็นนักเขียนเมื่อเริ่มเรียนปี 1 ครับ หลังจากนั้นก็หาหนังสืออ่านมาเรื่อยๆเพราะก่อนหน้านี้ผมเรียนอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากอยากประดิษฐ์สิ่งของ เขาอ้างเหตุผลให้เธอฟัง
เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความล้าสมัยของวรรณกรรมมันอยู่ที่ตรงไหน เพราะวรรณกรรมของเมื่อ 20 30 ปีที่แล้ว เรื่องความอดอยากของผู้คน ปัญหาน้ำมันแพง ข้าวของขึ้นราคา การเอารัดเอาเปรียบของคนรวย ทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นในชีวิตจริง ส่วนงานเขียนที่ทันสมัยหรือล้ำหน้าอย่างที่ บก.อ้างมา เช่นเทรนท์เสื้อผ้าของโลกอนาคต หรือความน่าจะเป็นของวันข้างหน้า เมื่อถึงวันที่ทำนายไว้แล้วมันก็หยุดลงตรงนั้น
แล้วคุณคิดว่าคุณจะทำอะไรในวันข้งหน้า ถ้าไม่อยู่ที่นี่
ผมกะว่าจะพยายามเขียนงานให้พอเป็นที่รู้จัก แล้วกลับไปอยู่ชนบทครับ คอยส่งงานเข้าสำนักพิมพ์เรื่อยๆ หรือไม่ก็ไปสมัครเป็นนักข่าว
เธอยิ้ม แต่คุณไม่มีผลงาน แล้วใครจะรับคุณ งานเขียนคุณมีเล็กน้อย หนังสือพิมพ์เขาไม่รับหรอกนะ เธอพยายามจูงใจไม่ให้เขาคิดไปที่อื่น
เออ! แล้วตอนนี้หนังสือของเราคุณจัดหน้าไปถึงไหนแล้ว วันนี้วันอะไรแล้วนะ อ้อ! วันพฤหัส วันจันทร์เสร็จไหม
น่าจะเสร็จครับ เขาตอบทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่มีทางเสร็จแน่ เพราะวันเสาร์ - อาทิตย์เป็นวันหยุด และถึงจะขอร้องให้เขามาช่วยทำ เขาก็จะหาข้ออ้างเพื่อที่จะไม่มาอย่างแน่ และอีกอย่างงานหลายชิ้นที่จะต้องจัดหน้า บก.ยังไม่ส่งมาให้เขา ทั้งๆ ที่เขาทวงหลายครั้งแล้ว
ดีแล้วๆ ช่วยๆ หน่อยนะ เพราะเล่มนี้มันเลทมามากแล้ว เธอพูดด้วยแววตาของคนมีชัย
เอาล่ะ พี่ก็เรียกมาคุยเท่านี้แหล่ะ เพราะเห็นคุณไม่ค่อยสบายใจ ลองไปคิดเรื่องการจัดระเบียบเวลาดูนะ พี่ก็อยากสนับสนุนให้คุณได้ทำงานที่คุณรัก แต่คุณก็ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ฝ่ายจัดหน้าเรามีคุณเพียงคนเดียว กลับไปทำงานต่อเถอะ เขาลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป เออ!เดี๋ยวนที ช่วยพี่หน่อยนะ ช่วยจัดหน้างานของหนังสือที่พี่รับมาให้หน่อยนะ เอาวันพรุ่งนี้นะ ก็จัดอย่างที่คุณเคยจัดครั้งที่แล้วนั่นแหล่ะ พี่ทำไปบ้างแล้วล่ะก็เหลือประมาณ 40 หน้าได้มั้ง
เขารับคำโดยการพยักหน้า แล้วเดินออกไป เขารู้แล้วว่าเขาควรจะจัดการเวลาอย่างไรดี ควรใส่ลูกเทนนิสก่อน หรือทรายก่อนดี
******************