ดั่งม่านหมอกกั้น ตอนที่3 ต่อ
สุวรรณโสภิต
หลังจากวันนั้นก็ไม่มีคำพูดอธิบายใดๆจากคุณวิศนุเลยทำให้กรรณติมาสเข้าใจพ่อผิดมากขึ้นจนหลังจากงานศพมารดาหล่อนก็ไม่เคยอยู่ติดบ้านถ้าอยู่ก็จะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากออกมาพบเจอใครเพราะในบ้านก็เหลือแต่หล่อนกับพ่อและคนใช้ในบ้านเท่านั้น หลังจากนายหญิงของบ้านจากไปบ้านหลังใหญ่ก็เหมือนจะขาดเสียงหัวเราะไปโดยสิ้นเชิง ภานุวัตรกลับไปประจำอยู่ที่ต่างจังหวัดแล้ววันนี้กรรณติมาสมีนัดคุยเรื่องงานกับรตีและวินวรรณหญิงสาวจึงออกจากบ้านแต่เช้าไม่ได้ทักทายบิดาซึ่งนั้งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง
ที่ร้านอาหาร รตีมาคอยอยู่แล้วหล่อนเริ่มเรื่องงานเลยหลังจากที่เพื่อนๆมากันพร้อมแล้ว งานที่รตีจะมาคุยกับเพื่อนก็คือการไปเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับเจ้านายที่ประเทศเขมรัฐที่เคยคุยกันไว้แล้ว แต่กรรณติมาสยังตัดสินใจไม่ได้เพราะห่วงมารดา
ตอนนี้ชีวิตเธอก็มีแต่เรื่องเศร้าๆ หน้าจะไปไหนให้มันสบายใจบ้าง ถ้าไม่ดีหรือยังไม่สบายใจก็กลับได้
วินวรรณออกคำแนะนำ ฉันไม่ได้ยุให้เธอกับคุณพ่อเข้าใจผิดกันนะเพียงแต่เวลาอาจจะทำให้เธอพ่อลูกเข้าใจกันได้มากขึ้นก็ได้
ฉันก็คิอย่างนั้น อีกอย่างงานนี้ก็เป็นงานที่มีคนอยากจะทำตั้งมากมายแต่เสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพรรอก็ทรงเลือกเธอ แสดงว่าท่านพระองค์เอ็นดูเธอตั้งแต่แรกเห็น นี้ยังทรงฝากท่านชายจักตราพงษ์มาว่าท่าธุรของเธอไม่นานมากพระองค์ก็จะรอ รตีออกความเห็นสมทบ
กรรณติมาสนั่งเงียบหล่อนใช้ความคิดสักครู่กอนบอกกับเพื่อนเสียงเนือยๆว่า เดี๋ยวฉันขอคิดดูอีกสักสองวันได้ไหมรตี
ได้ คิดเร็วๆหน่อยก็แล้วกันก่อนฉันกลับก็แล้วกันนะ
มาสเธอพูดกับคุณพ่อหรือยัง วินวรรณถามขึ้นเพื่อนสาวที่ถูกถามส่ายหน้า คุณพ่อท่านต้องมีเหตุผลของท่านและถ้าคุณแม่สามารถรับรู้ไดท่านคงจะเสียใจมาก
แต่คุณพ่อก็ไม่เคยอธิบายให้ฉันฟังเลยตั้งแต่วันนั้น แต่ถ้าฉันตัดสินใจไปเขมรัฐฉันจะบออกท่านตอนนี้ขอฉันทำใจให้ได้ก่อนตอนนี้พี่นุก็กลับไปกลมแล้ว ฉันอยู่บ้านคนเดียวก็คิดถึงคุณแม่ไม่มีใครเป็นที่ปรึกษาและเข้าใจฉันเท่ากับคุณแม่อีกแล้วท่านไม่หน้าทิ้งฉันไปเลย
กรรณติมาสพูดอย่างคนที่ปลงกับชีวิตวินวรรณเห็นหน้าเพื่อนเศร้าหมองก็เอื้อมไปบีบมือเพื่อนเบาๆเป็นการให้กำลังใจ การสนทนาทั้งหมดอยู่ในสายตาของท่านชายจักตราพงษ์ ที่นั้งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะถัดไปทำเป็นไม่สนใจแต่ชายหนุ่มก็ได้ยินทุกคำพูดของหญิงสาวทั้งสามคนตลอกการสนทนา และดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสนใจกันคนที่จะมาเป็นครูของน้องๆของเขามากถึงกับรีบไปเร้งรัดให้รตีพยายามหว่านล้อมให้เพื่อนของหล่อนตกลงให้ได้
กรรณติมาสกลับเข้าบ้านในตอนเย็น หล่อนเห็นถึงความเปลียนแปลงที่เกิดขึ้นคนใช้ในบ้านต่างโกลาหลช่วยกันขนกระเป๋าที่วางเรียงกันอยู่หน้าประตูเข้าบ้านหญิงสาวมองด้วยความแปลกใจแต่ก็เดินเลยเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ถามใคร ขึ้นไปบนห้องเห็นว่าห้องของมารดาเปิดอยู่สงสัยจึงรีบเดินเข้าไปดูพบว่าข้าวของเครื่องใช้ของแม่ถูกขนออกมาวางไว้ก็ตกใจ
นี้จะทำอะไรกันจะเอาของคุณแม่ฉันไปไหน หล่อนถามด้วยความฉุนเฉียว
ท่านนายพลจะให้ขนไปไว้ที่ห้องเล็กคะนกตอบน้ำตาครอสงสารนายที่ยืนอยู่และที่เสียไปไม่ทันข้ามเดือนสามีก็คิดจะยกห้องนอนที่เคยอยู่ให้กับภรรยาคนใหม่
ทำไม กรรณติมาสขึ้นเสียง
พ่อจะให้คุณจันจิรา เข้ามาอยู่ น้ำเสียงที่หนักแน้นและคำตอบของพ่อทำให้หญิงสาวน้ำตาไหลพราก
คุณพ่อไม่รักคุณแม่จริง ๆ ไม่รักแล้วก็ควรจะสงสารคุณแม่บ้างถ้าท่านรับรู้ท่านคงจะเสียใจมากที่คุณพ่อทำแบบนี้ กรรณติมาสพยายามกลั้นน้ำตา นี้ขนาดคุณแม่ยังตายไปไม่ถึงเดือนคุณพ่อยังกล้าทำอย่างนี้ต่อไปของที่เป็นของคุณแม่ทุกอย่างคุณพ่อก็คงจะยกไปประเคนให้เขาหมด
พ่อเห็นว่าห้องนี้ไม่มีใครอยู่ และพ่อก็ไม่อย่ากเห็นด้วยถ้ายังอยู่ก็ต้องคิดถึงแม่เขาอีก
แต่บ้านเราก็มีห้องมากมาย แล้วลูกก็ยังอยากให้เก็บห้องนี้ไว้จะได้เหมือนว่าคุณแม่ยังอยู่ กรรณติมาสเริ่มเสียงดัง นี้ถ้าตำแหน่งคุณหญิงยกให้กันได้คุณพ่อก็คงจะยกให้ผู้หญิงคนนั้นแล้ว วันนี้หนูเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นว่าทำไมคุณน้าถึงว่าคุณพ่อว่าเป็นคนทำให้คุณแม่ตายหนูเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าคุณพ่อไม่ได้รักคุณแม่เลยเอาแต่หลงผู้หญิงคนนั้นจนทำให้คุณแม่เสียใจจนตาย
กรรณติมาสพูดจบฝ่ามือของบิดาก็ฝาดเข้าที่หน้าของหล่อนเต็มแรงทุกคนในที่นั้นพากันตกใจรวมทั้งผู้เป็นพ่อด้วยที่เสียใจในการกระทำของตัวเองหญิงสาวจ้องหน้าพ่อด้วยสายตาผิดหวังและเสียใจที่สุด