ดั่งฟ้ากำหนดให้เรารักกัน ตอนที่ 2

พ.ลิขิตภิรมย์

อาจารย์สายใจเดินมาหยุดที่กลางห้อง  
" เมื่อตะกี้  มีอะไรกันจ้ะเด็กๆ? " ไม่มีเสียงเด็กคนไหนกล้าตอบออกมา  อาจารย์จึงเดินต่อจนมาหยุดอยู่ที่หน้าผม
" เบิ้มเขาแกล้งเธอใช่มั๊ย? " ผมแปลกใจที่อาจารย์รู้ได้ยังไง  ทั้งที่ในห้องก็ไม่มีใครกล้าพูดอยู่แล้ว  เพราะถ้าพูดก็จะโดนเบิ้มรังแกเหมือนกับผมแน่นอน
" ใช่มั๊ย? " อาจารย์ถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักขึ้น
ผมหันหน้าไปดูเบิ้ม  เห็นได้ทันทีว่าเบิ้มหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มซะอีก  เพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้เองว่าเบิ้มก็กลัวเป็นเหมือนกับเด็กคนอื่นเหมือนกัน
" ป่าวครับครู  เบิ้มเขาแค่ยืมยางลบผมไปครับ " ผมพูดออกไป  แต่ดูจากแววตาของอาจารย์ดูเหมือนอาจารย์จะไม่ค่อยเชื่อผม  แล้วอาจารย์ก็หันไปหาเบิ้ม  เรียกให้เบิ้มลุกขึ้น  เบิ้มยืนขึ้นตัวแข็งทื่อ  
" มีอะไรเหรอครับครู? " เบิ้มถามอาจารย์กลับไปด้วยสีหน้ากังวล
" เธอยืมยางลบของเขาไปจริงเหรอ " เบิ้มได้แต่ยืนก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไร  เวลาผ่านไป  อาจารย์สายใจก็ยังถามเบิ้มซ้ำๆอยู่หลายรอบ  ถึงตอนนี้เบิ้มดูกังวล  หน้าซีดมากขึ้นกว่าเดิม  ซึ่งอาจเป็นเพราะตอนที่เรายังเป็นเด็ก  เด็กทุกคนต่างก็กลัวการถูกคุณครูทำโทษ  และเบิ้มอาจจะคิดอยู่ในใจว่าถ้าเขาบอกว่า ใช่  อาจจะทำให้เพื่อนๆในห้องว่าเขาได้ว่าเป็นเด็กขี้โกหก  แต่จะให้เบิ้มยอมรับได้ยังไง  เบิ้มก็กลัวถูกทำโทษเหมือนกันนี่นา  เบิ้มเริ่มมีเหงื่อไหลออกมามากกว่าเดิม
" ยืมเสร็จก็เอากลับมาดิ " ผมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบยางลบของเบิ้มมา  โดยที่อาจารย์จะได้คิดว่าเบิ้มยืมยางลบของผมไปจริงๆ  ครูสายใจไม่พูดอะไรต่อ  ยิ้มให้ผม  พร้อมกับบอกให้ผมรีบกลับไปนั่งที่  ผมเดินกลับมาพร้อมกับความโล่งอกที่เห็นเบิ้มไม่ต้องถูกลงโทษ  แต่เอ๊ะ!!! หางตาของผมเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงที่นั่งข้างผมคนนั้นแอยยิ้มให้ผม  
" เธอยิ้มให้เราเหรอ "  ผมถามเธอด้วยท่าทีสนใจอีกครั้ง  แต่เธอนั่งนิ่งไม่ยอมพูดอะไรกับผม  แต่ไม่เป็นไรหรอก  อย่างน้อยผมก็รู้ว่าสายตาของผมคงไม่โกหกตัวผมเอง  ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปเองน่ะ
ครูสายใจไม่ได้สอนอะไรมาก  แต่ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มที่คิดว่าเข้ากันได้ดีที่สุด  กลุ่มละสามคน  เพื่อนๆในห้องทุกคนมีกลุ่มกันหมดแล้ว  เพราะทุกคนต่างก็นั่งกับกลุ่มของตัวเอง  สายตาของผมเริ่มมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง  พร้อมๆกับคิดไปว่าจะมีใครรับเราเข้ากลุ่มมั๊ยเนี่ย  ไม่มีเสียงเรียกจากสวรรค์  แต่อาจารย์สายใจก็ชี้มาที่ผม
" เบิ้มไปนั่งกับน้ำฝนสิ  กลุ่มนั้นมีสองคนเอง " อะไรกัน  เมื่อกี้อาจารย์ชี้และพูดว่าอะไร  จะให้เบิ้มมานั่งกับผมเหรอ  ก็เมื่อกี้เพิ่งจะทะเลาะกัน  เบิ้มดูไม่ค่อยอยากจะมานั่งข้างๆผม  คงจะอายที่ผมช่วยเขาไว้เมื่อกี้  แต่อาจารย์ก็บอกให้เบิ้มมานั่งใกล้ๆกับผมอยู่ดี  เบิ้มกับผมเราจึงต้องฝืนใจตัวเองนั่งเรียนด้วยกัน  แต่ไม่เป็นไร  ผมคิดในใจ  มีเบิ้มอยู่กลุ่มผมซะอย่าง  ก็ไม่มีใครกล้ามารังแกผมอีก
แต่เอ๊ะ!!! ผมต้องสะดุดกับคำพูดของครูสายใจเมื่อครู่  เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าใครชื่อ น้ำฝน น่ะ  หรือว่าเด็กผู้หญิงคนที่นั่งใกล้ผมเธอชื่อว่าน้ำฝน  ผมคิดในใจช่างเป็นชื่อที่เพราะที่สุดเท่าที่ผมได้ยินมา  ผมนั่งเรียนไปทั้งวันโดยตั้งใจเรียน  อาจเป็นเพราะผมได้นั่งใกล้กับน้ำฝน  ผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกคนนี้ก็เป็นไปได้
อ๊อด!!! เสียงสัญญาณดังขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าเสียงนี้จะทำให้เด็กนักเรียนต่างมีความสุขกันทุกคน   เพราะนี่คือเสียงของการเลิกเรียนในวันแรก  ซึ่งดุจเปรียบดั่งเสียงสวรรค์ของเด็กๆทุกคน  ซึ่งต่างกับเสียงอ๊อดในตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง  ผมรีบเก็บกระเป๋าเพราะอีกเดี๋ยวพ่อก็คงจะมารับผม  แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นน้ำฝนกำลังหาอะไรอยู่
" หาอะไรอยู่เหรอฝน " ผมถามน้ำฝนออกไป  โดยที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังคำตอบจากปากของเธอ  แต่แล้วเธอก็หันหน้ามาหาผม  พร้อมกับน้ำเสียงที่วิตกกังวล
" ดินสอแท่งใหม่น่ะสิ  แม่ของเราเพิ่งซื้อให้เมื่อเช้า ถ้าฝนทำหายต้องโดนแม่ดุแน่ๆ " ผมกับน้ำฝนจึงช่วยกันหาดินสอกันทั่วห้อง  แต่ก็ไม่พบดินสอของน้ำฝน  ไม่เป็นไร  ผมนึกขึ้นมาได้ว่าดินสอของผมกับเธอก็เหมือนกันนี่  ผมเลยหยิบดินสอของผมออกมาจากกระเป๋า  พร้อมกับยื่นให้เธอ 
" เอาดินสอเราไปน่ะ " เธอยิ้มพลางตอบกลับมา
" ขอบคุณน่ะที่ให้ยืม " ผมส่ายหน้า  แล้วพูดว่า
" ไม่ได้ให้ยืมแต่ให้จริงๆ " ยิ่งทำให้เธองงเข้าไปใหญ่  เธอยืนงงอยู่พักใหญ่ก่อนหันกลับมา
" ขอบคุณน่ะ " เธอยิ้มให้ผม  แล้วเดินจากไป  ทิ้งให้ผมแอบเก็บเธอเอาไปฝันคนเดียว  เธอเดินออกจากห้องไปแล้ว  แล้วเราจะอยู่ทำไมล่ะคนเดียว  ไปดีกว่า  ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องตามฝนไปติดๆ  แต่แล้วผมก็ชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง  ผมล้มลงไปนอนกับพื้น  พลางเงยหน้าขึ้นมามอง  แล้วก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่  เด็กผู้ชายคนนั้นคือเบิ้มนั่นเอง  เบิ้มที่ตัวใหญ่ที่สุด  เบิ้มที่แข็งแรงที่สุด  และเบิ้มที่น่ากลัวสารพัด  ในใจผมตอนนี้คิดฟุ้งซ่านไปหมด  เลิกเรียนแล้วด้วย  คุณครูไม่อยู่แล้ว  ใครจะช่วยเราล่ะ ความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจของผม  เพราะถึงผมจะสู้ยังไงสุดท้ายผมก็แพ้อยู่ดี  แต่ด้วยความไม่อยากเสียหน้าเลยรีบลุกขึ้นยืน  แล้วพูดไปว่า
" อย่ามาขวางไม่อยากมีเรื่อง " เบิ้มไม่ยอมหลีกทางให้  พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังมาจากในลำคอว่า
" นายยังไปไหนไม่ได้ต้องฟังฉันพูดก่อน " ผมคิดในใจ  มันจะเอายังไงว่ะ  เป็นไงเป็นกัน  สู้ตายโว้ย!!! ผมหันไปมองหน้าเบิ้มอีกครั้งพร้อมทั้งกำหมัดขึ้นมา  
แต่เสียงของเบิ้มที่พูดออกมากลับทำให้ผมงงและอึ้งไป
-  โปรดติดตามตอนต่อไป / 3				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน