ภายในตำหนักใหญ่ในวังดวงดาราของเสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพร พระองค์หญิงองค์หนึ่งของประเทศเขมรัฐประเทศที่อยู่ระหว่างไทยและกัมพูชา เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินย่ำลงบนพื้นไม่ขัดมันวาวดังกึกกัก อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่ขุ่นมัวทำให้ลงน้ำหนักเท้าแรงไปเขาเดินตามทางที่ลาดตรงไป กันกลางระหว่างห้องต่างๆ ที่เรียงหันหน้าชนกัน แล้วมาหยุดหน้าประตูบานใหญ่ แล้วเคราะเบ่าเพื่อเป็นการขออนุญาตคนข้างใน ก่อนพลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่รอเสียงตอบรับจากข้างใน ห้องกว่างใหญ่เต็มไปด้วยตู้หนังสือที่มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษปนกัน บนตู้ที่สูงเลยศรีษะไม่มากนัก เขาสาวเท้าเข้าไปยืนตรงหน้าผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือไม้สักทองตัวใหญ่บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารต่าง ๆ มากมาย หญิงวัยกลางคนผิวเหลืองนวลใบหน้าได้รูปงาม ไม่ได้แก่ชราไปตามอายุเท่าไรนักใส่เสื่อผ้าไหมสีน้ำเงินกับซิ่นสีเดียวกันขับผิวให้ผ่องยิ่งขึ้น หล่อนไม่ได้สนใจผู้ที่เข้ามาเท่าไรนัก คงจะเป็นเพราะรู้แล้วว่าใครเข้ามา จึงยังก้มหน้าทำงานต่อไป ร่างสูงโปร่งโค้งคำนับก่อนหย่อนตังลงนั้งตรงหน้าเจ้าของห้อง พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนว่า "เย็นมากแล้วกระหม่อมทรงพักบ้างเถอะเด็จอา" ใบหน้าคมคายไม่ปรากฏรอยยิ้มเหมื่อนน้ำเสียงที่เปล่งออกมา "มีอะไรก็พูดมาท่านชายใครทำอะไรให้โมโหอีกเล่า" เสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพรตรัจอย่ารู้ใจหลานชายคนโตเป็นอย่างมาก รอยยิ้มบางๆระบายเต็มพระพักตรที่เงยขึ้นมองท่านชายจักตราพงษ์ ท่านชายหนุ่มหรือหม่อมเจ้าจักตราพงษ์แห่งเขมรัฐหลบสายตาอาที่จ้องมองมา ตอบออมแอ่มว่า "ไม่มีอะไรกระหม่อม" "เดียวนี้หลานอาดูจะหงุดหงิดง่ายจริงเป็นอะไรหรือ" "เปล่า กระหม่อม " เ ขาตอบปัดออกไปเพราะไม่อยากจะอธิบายเหตุผลที่มันไม่มีเหตุผลเลยแค่โมโหที่คนขับรถขับรถช้าไม่ได้ดังใจเท่านั้นทั้งที่ตนก็ไม่ได้รีบไปไหนเลย "เสด็จอาทรงพักผ่อนบ่างดีกว่ากระหม่อม หม่อมละออบอกว่าเสด็จอาทรงงานตั้งแต่เช้าแล้ว " "ห่วงอาด้วยหรือ ท่านชายรู้ไหมว่าที่อาทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อหลานๆ อารู้ว่าตัวเองทำได้แค่ไหนควรทำอะไรบ้าง อาดีใจที่หลานเป็นห่วง แล้วสักวันหลานจะรู้ว่าที่อาทำอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร" เสด็จทรงทำงานที่อยู่ตรงหน้าต่อพร้อมตรัสเนิบ ๆ ว่า" หลานกลับมาไวก็ดีไปอาบน้ำแล้วพาน้องไปรออาที่โต๊ะอาหารวันนี้เราจะได้ทานข้าวพร้อมกันบ้างแล้วมีอะไรค่อยคุยกันประเดี๋ยว อาเสร็จหน้านี้แล้วอาจะออกไป" ท่านชายยิ้มน้อยๆแล้วรับคำอาค่อยๆลุกออกไปเงียบๆ ท่านชายจักตราพงษ์เป็นบุตรชายของพี่ชายของเสด็จพระองค์หญิงศิริรำไพร ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุท่างรถยนต์ระหว่างเดินท่างกลับจากประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน ท่านหญิงดุสิตตาแม่ของท่านชายทราบข่าวก็หัวใจวายกระทันหัน ทำให้ทั้งสามคนพี่น้องขาดทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันท่านหญิงน้องสาวคนกลางเสียใจจนไม่ย่อมพูดกับใครเป็นเวลานานจนไม่สามารถพูดได้ รักษาหมอที่ไหนก็จนใจเพราะเป็นที่จิตรใต้สำนึก ของคนไข้เอง ทั้งสามคนพี่น้องจึงอยู่ในความดูแลของผู้เป็นอาที่ต้องคอยปกป้องหลานด้วยสายเลือดสวนหนึ่งทางมารดาเป็นคนไทย จึงเป็นที่จับตาของพวกพระญาติต่างๆ ทั้งสามคนพผูกพันธ์กับอามากโดยเฉพราะท่านหญิงสุวรรณโสภิต และสิริโสภาคที่แทบจะไม่เคยห่างอาเลย บนโต๊ะเสวยบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นที่มีทุกคนมานั้งพร้อมหน้าอาหลานก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ที่แห้งนี้จะมีเพียงหม่อมเจ้าหญิงน้อยๆสององค์เท่านั้น ที่นั้งอยู่เป็นประจำทุกวันส่วนอาก็ทรงงานเลิกไม่เป็นเวลาพี่ชายใหญ่ของพวกหล่อนก็ไปสำรวจงานที่ต่างประเทศ ท่านชายนั้นทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตรและการบูรณะของเก่าทางประวัติศาสตร์เละทางโบราณคดีไม่คอยอยู่ติดที่เท่าไรนักท่านหญิงกลางตักอาหารตรงหน้าให้อาแล้วแสดงภาษามือ ว่าให้อาทานมากๆ จะได้มีแรงทรงงาน เส็ดจพระองค์หญิงศิริรำไพรยิ้มบางๆอย่างเอ็นดูตรัสว่า ขอบใจมาก ที่เป็นห่วงอาหลานก็ต้องทานมากๆเช่นกัน แล้วหันไปทางท่านชายใหญ่ มีอะไรจะบอกอาก็รีบพูดมาท่านชายแล้วนี้จะออกเที่ยวอีกเมื่อไรละ วันมรืนกระหม่อม หลานจะไปประเทศไทย คงอยู่เป็นอาทิตย์ เสด็จอามีอะไรจะฝากไหมกระหม่อม ไม่มี ก่อนไปท่านชายชวยไปติดตามรื่องครูที่จะมาสอนภาษาให้น้องด้วย ว่าคุณรตีเขาว่าอย่างไรหาได้ไหม เสด็จทรงเสวยเสร็จก็ลุกนำหลานๆออกมานั้งในห้องนั้งเล่นท่านหญิงทั้งสองนั้งขนาบข้างอาไม่ยอมห่างคนน้องสุดท้องกอดเอวประจบว่า อยากเห็นหน้าคุณครูเร็ว ๆจังจะสวยไหม เรายังไม่รู้เลยว่าเขาจะตลงมาหรือเปล่า แต่ถ้าเขาตกลงมา อาก็จะดีใจมากเพราะว่าอาคิดว่าอาเลือกคนไม่ผิด ถ้าท่านชายมีโอกาศได้พบเขาก็บอกเขาด้วยว่าถ้าธุรของเขาไม่นานนักเราก็จะรอ ท่านชายโค้งตัวรับคำ แล้วหันไปทางน้องสาวทั้งสองคน มีอะไรจะฝากไปเมืองไทยบางหรือเปล่าเราสองคน ท่านหญิงองค์เล็กลุกออกจากอาไปนั้งบนตักพี่ชายตรัสว่า ฝากความคิดถึงถึงพี่หมอด้วยค่ะว่าน้องคิดถึง เสียงใสๆทำให้ท่านชายจักตราพงษ์ยิ้มออกมาได้มากกับความน่ารักของน้องสาว แล้วหญิงภิตเล่าจะฝากอะไรบ้าง เสด็จทรงก้มลงถามหลานคนกลางที่นั้งอยู่ข้างๆน้ำเสียงนุ่มนวน ท่านหญิงสุวรรณโสภิตส่ายหน้าแล้วโอบเอวอา พี่หญิงท่านไม่เคยต้องการอะไรหลอกมังคะ เธอต้องการแต่เด็จอาองค์เดียว น้องคนเล็กแทรกขึ้น เสด็จทรงลูบศีษะหลานตัวน้อยที่อยู่ข้างๆด้วยความเอ็นดูร้อยยิ้มแห่งความกังวลปรากฎบนใบหน้าที่มีแต่ท่านชายที่สังเกตได้ ต่อไปไม่มีอาเจ้าจะอยู่อย่าไรสุวรรณโสภิต
28 พฤษภาคม 2550 13:59 น. - comment id 96350
ช่วยติชมด้วยนะคะอาจมีเขียนผิดบ้างเพราะเป็นคนที่มีปมด้อยตรงที่ชอบเขียนหนังสือผิดอะคะแต่ก็ยังอยากเขีย ยังไงก็ให้อภัยด้วยแล้วกัน ขอบคุณคะ
30 พฤษภาคม 2550 03:35 น. - comment id 96381
เขียนได้ดีครับ การดำเนินเรื่องก็ใช้ได้ ผมก็เพิ่งหัดเขียน ยังไงช่วยเข้าไปติชมเรื่องที่ผมเขียนด้วยน่ะครับ จะเป็นกำลังใจให้ ... ขอบคุณครับ