พ่อ

ใบคา

บนชั้นสองนั่งพัดลมของรถไฟสายใต้เสียงร้องดัง ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง มุ่งหน้าสู่จังหวัดนราธิวาส เด็กชายตัวน้อยตื่นเต้นกับทิวทัศน์ภายนอกที่คนผันแปรแผ่นดินให้กลายเป็นเงินหาเลี้ยงชีพ ทุ่งนาสีเขียวขจี บางช่วงก็เป็นไร่สวนผลไม้ต่างๆ ทุกครั้งที่เห็นวัว ควาย ยืนเคี้ยวเอื้องเด็กชายจะหันมาถามด้วยความสงสัยว่า พ่อๆ นั่นตัวอะไร
	หนูน้อยวัย ๕ ขวบที่เติบโตในเมืองหลวงไม่แปลกที่จะไม่รู้จักสัตว์พวกนี้ ดูเหมือนเขาจะมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะเราออกห่างจากกรุงเทพฯ ได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เขาจึงยังมีเรี่ยวแรงที่จะถามโน่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา บางครั้งถ้าแม่ไม่จับตัวเอาไว้เด็กน้อยก็จะวิ่งร่าทั่วโบกี้รถไฟ แต่ผมก็รู้ดีว่าอีกไม่นานความอ่อนล้าก็จะมาคลอบคลุมเขา จึงปล่อยให้สนุกได้เต็มที่ เพียงแค่ระวังไม่ให้ออกไปบริเวณข้อต่อเท่านั้น 
	เป็นจริงดังคาดยังไม่ทันค่ำดีเขาก็เปลี้ยหลับไปบนตักแม่ ก่อนหลับยังบ่นพึมพำว่า ยังไม่ถึงอีกเหรอ ทำไมไกลจังเลย ผมไม่คิดตำหนิแกหรอก ขนาดตัวเองยังไม่อยากเดินทางด้วยวิธีนี้เท่าไหร่นัก แต่มันติดตรงที่ประหยัดดี เพราะระยะทางกว่า ๑,๖๐๐ กิโลเมตร และเวลา ๒๐ ชั่วโมง (ไม่นับช่วงที่ต้องเสียไปกับการเสียเวลาของรถไฟ) มันกัดกร่อนความสดชื่นของคนไปมากทีเดียว
	ครั้งแรกๆ ของการโดยสารรถไฟต้นสายยันปลายสายจากสถานีสุไหงโก-ลก กรุงเทพฯ ผมก็มีพ่อเป็นเพื่อนเดินทางจะต่างกันก็ตรงที่ผมแก่กว่าลูกถึง ๑๐ ปี ยังจำได้ดีทุกความเบื่อ เมื่อย ล้า ทุกอย่างของความไม่สบายถาโถมกันเข้ามาคงเป็นเพราะที่นั่งมุมฉากของชั้น ๓ ด้วยกระมัง หลังจากนั้นผมก็ต้องใช้บริการ รฟท. เป็นประจำอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้งช่วงปิดภาคเรียน จนกระทั่งจบปริญญาตรีและได้ทำงาน จนมีลูกน้อย การกลับบ้านของผมก็ห่างหายไปถ้าพ่อไม่เสียผมก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดอีกครั้ง
	หลังจบการศึกษาและทำงานไม่ถึงปีผมก็มีคู่ครองและพยานรักในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ความคิดที่จะส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ก็ต้องหยุดฉะงักลง เพราะผมต้องเลี้ยงชีวิตน้อยๆ ชีวิตใหม่นี้ อีกทั้งปากท้องตัวเองด้วย จนอดคิดถึงคำกล่าวที่ว่า พ่อแม่เลี้ยงลูกสิบคนได้ แต่ลูกสิบคนไม่สามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้ ผมคงไม่กล้าไปดูถูกลูกสิบคนนั้นหรอกเพราะขนาดผมตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตอบแทนท่านได้เต็มที่นอกจากคำทักทายเล็กๆ น้อยๆ ทางโทรศัพท์ บางครั้งลูกสิบคนนั้นอาจจะมีลูกอีกคนละสิบคนก็เป็นได้ ที่สำคัญที่บ้านผมน้ำท่าอุดมสมบูณณ์เพียงเข้าป่าหลังบ้านก๊อกๆ แก๊กๆ ก็มีกินได้หลายมื้อ เงินทองแต่ละวันแทบจะไม่ต้องจ่าย เช้าๆ แม่ออกไปกรีดยางพารา ปล่อยให้น้ำยางไหลลงกะลาที่รองเอาไว้ ซึ่งท่านได้หยดน้ำส้มกัดยางฯ เอาไว้ก่อนหน้า แล้วกลับมาพักผ่อนที่บ้าน ปล่อยให้น้ำยางมันแห้งไปเอง ไม่ต้องคอยเก็บน้ำยางฯ มาทำแผ่นเหมือนชาวบ้านหนุ่มสาวเขาก็ได้ วันรุ่งขึ้นก่อนที่จะกรีดก็ลงมือแงะยางฯ ที่แข็งเป็นก้อนในกะลาออกวางไว้โคนต้น ตกเย็นก็กลับมาเก็บใส่กระสอบลากไปวางไว้หน้าสวนคอยคนรับซื้อขับรถผ่านมาอีกที อีกทั้งสวนผลไม้ที่ให้ผลทุกปี ทุกครั้งที่โทรฯ ถามถึงความเป็นอยู่แม่ก็จะบอกว่าสบายดี เป็นห่วงแต่เอ็งเถอะอยู่ในเมืองต้องใช้จ่ายทุกอย่าง แล้วตอนนี้มีเงินพอใช้ไหม ถ้าไม่มีแม่จะส่งไปให้ เป็นงั้นไป 
จะว่าไปแล้วแม่ผมก็มีเงินเก็บเหลือมากกว่าผมเสียอีก จนคิดที่จะหวนคืนบ้านใช้ชีวิตอย่างชาวสวนแต่ก็ติดปัญหาหลายอย่าง
	ดูเหมือนลูกชายวัยเยาว์ของผมจะติดแม่มากกว่า คงเป็นเพราะการเคี่ยวเข็นเขาแต่ตัวน้อยนั่นเอง ที่ทำให้ลูกไม่อยากเข้าใกล้ผมเท่าไหร่ ผมหวังพึ่งเขาเป็นตัวทดแทนในสิ่งที่ผมขาดหาย หรือไม่สามารถเป็นได้ นั่นคือนักเขียน ผมพยายามเท่าไหร่ก็เป็นไปตามฝันไม่ได้เสียที คงเป็นเพราะผมเริ่มต้นช้าเกินไปจึงสู้นักเขียนคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่ลูกของผมต้องเป็นได้ ผมจึงบังคับให้แกนั่งฟังผมอ่านหนังสือก่อนนอนเสมอแม้จะอายุเพียง ๕ ขวบก็ตาม ความเป็นจริงแล้วผมอ่านให้แกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำไป บางครั้งสังเกตเห็นแกไม่ค่อยชอบนัก แต่ผมเข้าข้างตัวเองไปว่าอีกหน่อยก็ชอบเอง 
	ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเมื่อโตขึ้น กระทั่งรู้ความในสายตาเขามองพ่อเป็นอย่างไร แต่สำหรับผม พ่อคือ พระเจ้า พ่อสร้างความกลัว สร้างความนับถือ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับผม ท่านเป็นคนดุสำหรับลูกๆ คนหนึ่ง แต่ผมก็ติดพ่อมากกว่าแม่ คงเป็นเพราะตัวอย่างของพ่อที่ผมได้ฟังมาจากย่า และจากปากของท่านเอง ท่านต้องรับผิดชอบเลี้ยงน้องๆ อีก ๔ คน เพราะปู่เป็นคนไม่เอาไหน วันๆ เอาแต่เมาเหล้า จึงขาดโอกาสเรียนหนังสือแม้จะต้องการ และเรียนดีเพียงใดก็ตาม งานรับจ้างทุกอย่างพ่อผ่านมาหมด เป็นทั้งเด็กอู่ เด็กรถ จนกระทั่งมายึดชีพขับรถบรรทุกสิบล้อในที่สุด สิ่งที่ผมนับถือคือพ่อบอกว่า ท่านเริ่มดื่มเหล้าก็ต่อเมื่อผ่านการบวชเรียน และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ ได้แล้วเท่านั้น ส่วนบุหรี่ไม่แตะเลย ในความรู้สึกตอนนั้นมันเท่ห์มากๆ จนผมมุ่งมั่นเอาไว้ว่าจะทำอย่างพ่อให้ได้ แต่ผมเมาแอ๋ตั้งแต่ออกจากบ้านไปเรียนหนังสือเมื่ออายุ ๑๕
	พ่อผมพูดน้อย ผมก็พูดน้อยไม่ใช่เพราะเลียนแบบ หรือได้พ่อ เป็นเพราะตอนเด็กๆ ผมเป็นคนพูดมาก พูดทุกเรื่องที่มีโอกาสสอด ที่สำคัญชอบขัดคอผู้ใหญ่ในวงเหล้าหลายคนไม่ถือสา หนำซ้ำยังหัวเราะชอบใจต่างชมว่าฉลาด ยิ่งทำให้ผมได้ใจ ขัดไม่เลือกหน้า พ่อคงทนไม่ได้เรียกมาเตือนเครียดในวันถัดไป ผมจึงกลายเป็นคนเงียบ ณ บัดนั้นเป็นต้นมา ถ้าไม่มีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นผมคงไม่เงียบลงได้แค่การสอนแบบเครียด แต่ผมเคยโดนพ่อตบล้มคว่ำด้วยอายุเพียง ๕ ขวบ เพียงเพราะรบเร้าขอหุ่นยนตร์ของเล่นเท่านั้นเอง อันนี้ก็เป็นส่วนทำให้ผมกลายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเซ้าซี้ ได้ก็ได้ไม่ได้ก็แล้วไป 
	ในสายตาผมท่านจึงเปรียบดั่งพระเจ้า
	นิสัยอีกอย่างในตัวผมคือแพ้น้ำหอม กลิ่นหอมจากสารเคมีผมเป็นสู้ไม่ไหว ผลพวงมาจากท่านไม่ชอบของพวกนี้ พ่อจะตะคอกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อเห็นผมนั่งหน้าตู้กระจก ทาแป้งนานๆ กระทั่งผมเลิกใช้ด้วยความน้อยใจ จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพ้เครื่องสำอางถึงเพียงนี้ แม้จะเคยลองดูยี่ห้ออื่นๆ ที่ยังไม่เคยใช้ ผลปรากฏว่าแพ้เหมือนกัน
	ฟ้าข้างหน้าต่างมืดลงแล้ว ภายในโบกี้สว่างขึ้น ลูกน้อยยังคงหลับไม่รู้สาบนตักแม่ เธอคงเหนื่อย เพราะเห็นขยับตัวไปมา ผมอาสาเอาเด็กชายมาหนุนตักแทน แต่กลับได้รับคำปฏิเสธ กลัวแกตื่นค่ะ
	พ่อมาเสียชีวิตลง ผมไม่เสียใจเลยสักนิด ท่านน่าจะเสียเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว จะได้ไม่ทนทุกข์ทรมารด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ท่านผอมแห้งเห็นกระดูก ไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นนั่ง แม้จะเอ่ยปากพูดก็ยากเต็มที ครั้งล่าสุดที่ผมกลับไปเยี่ยมอาการของท่านเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ พักหลังๆ แม่มักจะโทรฯ มาร้องไห้ ให้ผมฟังเสมอ
	พ่อบอกในวันรับปริญญาของผมว่า กูส่งมึงจบแล้ว หมดหน้าที่ของกูแล้ว ต่อไปนี้กูจะทำเพื่อตนเองบ้าง แล้วแล้วแกก็ตกเป็นทาสของสุรา พระเจ้าของผมก็จบฉากลง				
comments powered by Disqus
  • ก้าวที่...กล้า

    25 พฤษภาคม 2550 15:50 น. - comment id 96311

    เสียใจด้วยค่ะ  
    คุณเขียนดีจัง สามารถอ่านได้โดยไม่สะดุดเลย  อินไปด้วยแล้ว   1.gif36.gif36.gif36.gif
  • ใบคา

    25 พฤษภาคม 2550 16:13 น. - comment id 96314

    1.gif แฮ่ๆ พ่อผมยังอยู่ดีครับ ผมเอาหลายๆ คน หลายบรรยากาศ หลายๆ นิสัย ที่เจอ มารวมกันครับ ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านผลงานของผมตลอด ถ้าไม่มีคุณก้าวที่...กล้า คอยให้กำลังใจ ผมเลิกไปแล้วนะเนี่ย 15.gif
    
    ล้อเล่น ตราบใดที่ยังมีคนอ่านผมก็ยังเขียนต่อไปครับ
  • เพียงพลิ้ว

    25 พฤษภาคม 2550 17:00 น. - comment id 96315

    อิจฉาก้าวที่..กล้านะเนี่ย อิอิ
    
    แวะมาลงชื่อให้กำลังใจค่ะ
    
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน