เหยื่อ
POOLUM
เสียงเพลงที่ดังกระหึ้มปลุกความรู้สึกของเธอให้คึกคักขึ้นมาอีกหลายเท่าหลังจากที่ เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอร์ผ่านลงคอเธอไปแล้วหลายแก้ว สายตาที่หวานหยาดเยิ้ม ส่งสอดส่ายไปตามผู้คนที่แออัดยัดเยียดและมีอาการไม่ต่างไปจากเธอ ถึงแม้สภาพภายในห้องจะถูกออกแบบมาให้กว้างขวางโอ่โถง มีเพดานที่สูงเท่าตึก สองชั้น แต่ควันบุหรี่ที่หนาทึบก็ปกคลุม ไปทั่วบริเวณ บวกกับบรรยากาศที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟ กระพริบ อยู่ทั่วบริเวณ แต่เธอก็ยังพยามยาม เพ่งสายตามองลอดผู้คนที่อัดแน่นล้อมรอบบริเวณที่เธอนั่งอยู่ ออกไปตามจุดต่างๆ ภายในห้องนั้น บางครั้งเธอรู้สึกท้อใจไปกับความหนาแน่นของผู้คนที่แออัดกันแทบจะไม่มีที่ให้เธอได้เต้นไปตามจังหวะดนตรีที่เธอชอบ แต่อย่าว่าแต่ให้เธอได้เต้นเลย แค่ให้เธอเดินไปตามทางเพื่อจะไปห้องน้ำ เธอก็ยังไม่สามารถเดินไปได้เลย เพราะยิ่งเสียงเพลงดังขึ้นเท่าไหร่ผู้คนก็เหมือนกับจะพยายามเข้ามากัน จากห้องกว้างๆ ที่เธอเข้ามาในตอนหัวค่ำ ที่มีเพียงไม่กี่คน ตอนนี้อย่าว่าแต่โต๊ะที่จะนั่งเลย ที่ยื่นสำหรับบางคนก็ยังไม่มี ต้องสั่งเครื่องดื่มแล้วเกาะกันตามโต๊ะ หรือมุมเคาร์เตอร์ต่างๆ เพื่อวาง แก้วเหล้ากัน
เธอก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ จึงรู้ว่า เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ นี้เธอเข้ามาอยู่ในนี้ตั้งสามชั่วโมงแล้ว แต่มาคิดอีกทีก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเธอเองก็รู้สึกมึนๆ ขึ้นมาพอสมควร หลังจากที่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกผสมน้ำผลไม้เข้าไปหลายแก้วแล้ว
เธอไอออกมาเหมือนกับจะสำลักสองสามครั้ง เธอรู้ว่ารอบๆบริเวณที่เธอนั่งอยู่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ เธอมองดูก็เห็นว่าเกือบทุกๆคนจะคาบมวนบุหร่ีที่จุดไฟแดงวาบอยู่รอบตัวเธอ บางครั้งเธอยังรู้สึกดีในเรื่องที่เธอไม่สูบบุหรี่เข้าไปด้วย เธอเคยเห็นเพื่อนๆ เธอหลายคน เมื่อเวลาเข้ามาในสถานที่อย่างนี้ ดื่มเครื่องดื่มไปก็บุหรี่สูบไปด้วย เธอสังเกตุดูว่าพวกเพื่อนๆ เธอจะเมาและมึนมากว่าเธอเสียอีก และก็นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่เธอเองไม่ชอบที่จะสูบบุหรี่ไปด้วยเวลาที่มาสถานที่อย่างนี้ เพราะมันจะทำให้เธอมึนเหมือนคนอื่นๆ ที่มาเที่ยวกัน ซึ่งสำหรับเธอ เธอไม่ได้ต้องการสภาพจิตใจอย่างนั้น
สายตาของเธอยังคงมองไปรอบบริเวณ ถึงแม้บรรยากาศภายในจะดูมืดสลัว แต่ถ้าเธอบีบตาลงอีกนิดก็จะทำให้เธอ เห็นภาพที่ชัดขึ้น
หลังจากที่เธอพยายามมองหาอยู่นาน จนเธอเองเริ่มไม่แน่ใจว่า เขา คนนั้นจะมาจริงหรือเปล่า ความรู้สึกผิดหวังก็ก่อเกิดขึ้น เธอรู้สึกเหมือนกับมีก้อนอะไรบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ แต่ไม่หรอก เธอมั่นใจว่าเขาต้องมาตามสัญญาแน่นอน เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบกระดาษ แผ่นเล็กๆ แผ่นหนึ่งขึ้นมา กระดาษถูกพับ เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ เธอยังไม่เคยให้ใครได้เห็นหรือรับรู้เรื่องราวระหว่างเธอและเขาเลย มันผ่านมาได้ สองเดือนแล้วที่เธอกับเขา ได้รู้จักกัน และนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของเธอ กับความรู้สึกใหม่ๆที่เธอได้รับจากเขา เธอไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายมันว่าอย่างไร เขา คือคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ นับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน
เสียงเพลง เสียงหัวเราะ อย่างมีความสุขของผู้คนที่อยู่รายล้อมเธอ บางครั้งมันทำให้เธอ สนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ในบางครั้งมันก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวจับใจขึ้นมา เธอสังเกตุเห็นสายตาบางคู่ จ้องมองมาทางเธอ หลายครั้งที่มีคนเดินเข้ามายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่แล้วขออนุญาติเอาแก้วมาชนกับเธอ แล้วก็ขอนั่งอยู่ด้วย แต่เธอก็ต้องรีบปฏิเสธ อย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นว่าเธอมีคนอื่น นั่งอยู่ด้วย ในเวลาที่เขามา มันอาจจะทำให้เขาโกรธ และไม่ต้องการจะคุยกับเธออีกเลยก็ได้ แต่บางทีคืนนี้ถ้าเขาไม่มาหรือไม่เจอกับเธอ เธอยังคิดอยากจะหาใครสักคนที่มาอยู่กับเธอในเวลานี้ และอาจจะลงเอยกันแบบที่ เขาเลยเธอเคยผ่านมันมาแล้ว ในจุดเริ่มต้นจากสถานที่นี่ก็ได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เธอก็ ต้องหยุดคิด ไม่ เธอไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด เธอไม่ใช้คนประเภทนั้น มันแล้วรายเกินไป เธอไม่อยากให้เรื่องราว ทำนองอย่างว่า เกิดขึ้นกับเธออีก เมื่อคิดได้อย่างนี้เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาในหัวใจทันที
เธอก้มลงดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เวลาผ่านไป อีกครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังพอมีเวลา เพราะถ้าถามว่าเธอกับเขาเจอกันครั้งแรก เมื่อ สองเดือนก่อน ก็น่าจะเป็นเวลาที่ดึกกว่านี้อีกสักเล็กน้อย แต่นั้นแหละ เหตุผลที่เธอรีบมาตั้งแต่ หัวค่ำในวันนี้ เพราะ กลัวว่าจะไม่ได้นั่งในที่นั่งเดิม ที่เธอกับ เขาเคยนั่งอยู่ด้วยกัน และนั้น อาจทำให้ นัดคืนนี้ เขาหาเธอไม่เจอก็ได้ เธอยกแก้วเครื่องดื่มที่เหลือเกือบก้นแก้ว กระดกจนหมด แล้วหันไปเรียก เด็กเสริฟ มาสั่ง เพิ่มอีกหนึ่งแก้ว เธอนับดู ก็เห็นว่าตอนนี้เธอดื่มไป เกือบ สี่แก้วแล้ว และเธอก็เริ่มรู้สึกมึนขึ้นเรื่อยๆ เธอก้มลงมองดูที่กระดาษสี่เหลี่ยมที่พับไว้ ทันใดนั้นน้ำตาหยดเล็กๆ ก็ไหลลงมาบนกระดาษที่วางอยู่บนโต็ะ
แก้วที่ห้าสำหรับเธอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอไม่รู้ แต่เธอรู้สึกว่ามันก็ได้หมดไป อย่างรวดเร็ว กว่าแก้วที่ผ่านๆมา เธอเองก็รู้สึกว่ามึนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พอจะสังเกตุเห็นว่า มีสายตาของผู้ชายโต็ะตรงข้ามเธอประมาณสามสี่คน มองมาทางเธอบ่อยมากขึ้นอย่างไม่ยอมคลาดสายตา จากความรู้สึกกลัวที่มีในตอนแรก กลับกลายเป็นความรู้สึก เฉยๆ และบางครั้งก็รู้สึกสนุกกับเสียงดนตรี และโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรี กับ การเคลื่อนไหวพร้อมๆ กับคนที่อยู่ในสภาพเดียวกัน
ถึงเวลานี้เธอเลิกใส่ใจที่จะมองหาเขาแล้ว เธอเริ่มมั่นใจว่าเขาคงลืมที่จะมาตามที่นัดกันในจดหมายที่เขาเขียนให้เธอ ในวันแรกที่เจอกันแล้ว แต่ลึกๆ บางช่วงเวลาเธอเองก็รู้สึกอย่างเจอ และอยากคุยกับเขา หรือบางทีอาจจะมีอะไรๆ กันเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ระหว่างเธอกับเขา ในวันนั้น.อีกสักครั้งก็ได้
กลุ่มชายหนุ่มที่นั่งจ้องมองเธอโต๊ะตรงข้าม เดินเขามาหาเธอคนแรก เขาพูดบางอย่างที่เธอไม่ได้สนใจจะฟัง เพราะเธอเองก็รู้สึกมึนๆ แต่สักพัก พวกเขาทั้งสี่คนก็เดินมานั่งข้างๆ เธอ ทั้งหมดพร้อมกัน เสียงหัวเราะ เสียงแก้วที่ดังชนกัน เหมือนกับ ฉลองความสำเร็จ ดังผสมกับเสียงเพลงและกลิ่นควันบุหรี่ยังคงคละคลุ้ง ไปทั่วบริเวณ ที่เธอนั่งอยู่..
เธอไม่รู้ว่าเธอออกมาจากสถานที่นั้นได้อย่างไร แต่เธอจำได้ว่าเธอพูดประโยชน์เดียวหลายๆ ครั้งว่า เธอ กำลัง รอ เขา อยู่ เธอไม่รู้เหมือนกันว่า ชายสี่คนที่พาเธอออกมาจากร้านเหล้า จะพาเธอไปไหนต่อ แต่เวลานี้เธอไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกแล้ว เธอรู้อยู่อย่างเดียวว่า พรุ่งนี้ก็จะเช้า และเธอเองก็ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธออาจจะไปทำงานต่อหรือ อาจนอนอยู่ที่บ้านเพื่อพักผ่อนจากการดื่มมามากในคืนนี้ แต่เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็พบว่า เธอมาอยู่ในห้องๆ หนึ่งที่ เธอไม่คุ้นมาหลายเดือนแล้ว มีร่างของคนที่ทับบนร่างของเธออยู่ เธอแทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะบอกกับใครสักคนว่า อย่า และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอได้พูดไปหรือเปล่า ร่างของคนแล้วคนเล่าที่ทาบลงบนตัวของเธอ บางครั้งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด จนหายใจไม่ออก แต่บางครั้งเธอก็รู้สึกผ่อนคลายที่อีกคนผ่านไป แต่เมื่อมีคนใหม่เข้ามาอีก ความรู้สึกเดิมๆ ก็ กลับมาอีกครั้ง
เธอไม่รู้ว่าเธอผ่านเวลาที่อึดอัดนี้ไปนานเท่าไหร่แล้ว เธอได้ยินเสียงผู้ชายคุยกัน อยู่ที่ปลายเตียงที่เธอนอนอยู่ แล้วก็มีเสียงคนๆ หนึ่งเดินมาพูดข้างๆหูของเธอว่า พวกเราไปก่อนนะ เสียงหัวเราะในลำคอ ของผู้พูดและ จากปลายเตียงทำให้เธอพยายามที่จะยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดก็แปลบขึ้นมาแทนที่ รู้สึกระบมไปทั่วทั้งร่างกาย เธอพยายามจะตระโกนจนสุดเสียงแต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงที่เธอจะพูดออกมานั้นมันหายไปไหนหมด มันเหมือนจุกอยู่แค่ลำคอ แล้วเสียงประตูห้องก็ปิดเงียบ เธอพยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นอีกครั้งแต่มันดูเป็นเรื่องที่ยากเกินกำลังที่มีอยู่ เธอหันไปมองที่หัวเตียงเห็นกระเป๋าถือของเธอวางอยู่ เธอยังนึกขอบใจพวกนั้นที่ไม่เอากระเป๋าของเธอไปด้วย แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ถ้าพวกเขาเอากระเป๋าของเธอไป พวกเขาอาจจะนึกเสียใจกับการกระทำที่ทำกับเธอในวันนี้ก็ได้ เธอค่อยๆ เอื้อม ไปดึก หูกระเป๋าถือ ลากมาไว้ข้างๆ ตัว ล้วงลงไป หยิบ กระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมแผ่นเดิมที่ยังคงมีคราบน้ำตาที่แห้งของเธอให้เห็นอยู่ มันคือจดหมายของเขาที่ให้กับเธอในวันแรกที่เจอกัน เธอใส่ไว้ในกระเป๋าหลังจากที่ผู้ชายทั้งสี่คนเข้ามานั่งกับเธอ เธอคลี่ออกมาดูอีกครั้ง แล้วก็ถอนใจ เธอไม่น่าทำอย่างนี้เธอเมื่อคืนเธอไม่น่าดื่มมากจนขาดสติแบบนี้ เธอสัญญากับตัวเองว่า ต่อไป เธอจะไม่ดื่มจนเมาอย่างครั้งนี้อีก
เธออ่านจดหมายที่ เขา เขียนอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็เผลอหลับไปพร้อมกับจดหมาย ซึ่งมีใจความที่ เขาเขียนเป็นลายมือของเขาเองว่า
หลังจากที่คุณไปตรวจเลือดกับหมอที่โรงพยาบาลแล้ว อีกสองเดือนถ้าคุณต้องการผม ผมจะมาพบคุณอีก ที่ผับเดิม..โต๊ะที่เราเจอกัน