เจ้าหญิงของดอกไม้ กับ เจ้าชายรองเท้าแตะ
สายน้ำแห่งรัก
ภาพของเธอ...ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งในครั้งแรกที่เราได้พบกันยังคงอยู่ในความทรงจำของผมอย่างชัดเจน เธอ.. คนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้ผมในช่วงเวลาที่ผมดูเหมือนจะไม่เหลืออะไรสักอย่างในชีวิตแม้กระทั่ง...ความรัก
ผมและเธอรู้จักกันครั้งแรกในโลกเสมือนจริงที่พูดได้ว่าเธอคงเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆล้านคนที่ออนไลน์มาพบกัน ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นจากการเป็นแค่คนรู้จักในห้องแชตห้องหนึ่ง ทักทายกันตามประสาคนในโลกออนไลน์รวมไปถึงตามมารยาทสังคมด้วยก็คงไม่ผิด
สวัสดีค่ะพี่เวย์
สวัสดีครับไอ
เพียงแค่นั้นจริงๆสำหรับการทักทาย หรืออาจจะมีการแซวกันบ้างสนุกๆบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลายเดือนผ่านไปเธอก็ยังคงเป็นเพียงคนรู้จักคนหนึ่ง จนกระทั่ง...เรามีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น จากคุยกันหน้าจอพัฒนาไปสู่การโทรศัพท์คุยกัน ส่งข้อความหากัน บอกเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตตัวเองให้กันฟัง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของคนรัก ใช่ครับ เราต่างมีคนของเราอยู่ด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็กำลังมีปัญหาด้วยกันทั้งคู่เช่นกัน ...เคยสัญญากันนะครับว่าเราสองคนจะเป็นเพียงแค่พี่กับน้องที่มอบความรู้สึกดีๆให้กันเท่านั้น จะไม่รักกันแบบคู่รักเด็ดขาด (ใครรักก่อนแพ้ด้วยนะ)เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีความรักเราต่างรู้ว่าความทุกข์ใจมักจะเดินมาพร้อมกันเสมอ....
เรื่องราวระหว่างเราดำเนินไปเรื่อยๆ อาจจะเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆที่โคจรมาพบกันในโลกไซเบอร์ ใช่ครับ...ในที่สุดเราก็รักกัน เราต่างผิดคำสัญญาที่เคยมอบไว้ให้กันคงต้องบอกว่าเป็นการสมยอม...ไม่ใช่สิ ยินยอมมากกว่า (เหมือนกันมั๊ยเนี่ย) ถูกต้องครับคุณคิดถูกในที่สุดเราสองคนก็แต่งงานกัน...เอ้ย นัดเจอกัน แล้วเรื่องราวในโลกแห่งความป็นจริงของเราสองคนก็เริ่มต้นขึ้น ในวันที่อากาศเป็นใจ ... และต่อไปนี้คือเรื่องราวของ เจ้าชายรองเท้าแตะ ที่ปั่นจักรยานมาพบกับ เจ้าหญิงของดอกไม้
ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้เหรอครับก็แหม เวลาอ่านหนังสือนิทานเห็นมีแต่เรื่องเจ้าชายนั่นเจ้าหญิงนี่ ก็อยากเป็นเจ้าชายกะเค้ามั่งแต่คงเป็นได้แค่นี้ล่ะเจ้าชายรองเท้าแตะ เหมือนเพลงที่เคยได้ยินที่ร้องว่า...เธอเป็นเจ้าหญิงที่สวมมาลัยดอกไม้ ฉันเป็นเจ้าชายที่ใส่รองแตะ...ว่าไปนั่น กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ..ถึงไหนแล้วนะ อ่อ...ถึงตอนครั้งแรกที่ผมและเธอจะได้มีโอกาสพบกันซะทีหลังจากที่คุยกันมาหลายเดือน เคยอ่านเรื่องรักออนไลน์เค้าเขียนว่าถึงแม้คุณจะคุยกับคู่แชตของคุณนานเพียงใด หรือใช้ถ้อยคำสวยหรูอย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะกระจ่างชัดก็เมื่อคุณและเขา(หรือเธอ)ได้พบเจอกันจริงๆเท่านั้น แค่เพียงเสี้ยววินาทีคุณก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่คุณออนไลน์คุยด้วยมานานแสนนานใช่คนนั้นที่เป็นหนึ่งในล้านของคุณหรือไม่...เหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้นกับผม นั่นแน่ตื่นเต้นแทนผมใช่มั๊ยครับ
"ตัวเองจ๋าตอนนี้เค้าใกล้จะถึงสถานีขนส่งแล้วนะ"
คำแทนตัวว่า ตัวเองกับ เค้า คือสรรพนามที่เราใช้แทนตัวเองเวลาคุยกัน กว่าจะได้สองคำนี้มาก็ยากเย็นล่ะครับแต่ตอนนี้เราบอกตัวเองว่า.. เรารักกันแล้ว รักโดยไม่เคยพบตัวจริงกันสักครั้ง
"อะไรนะไหนตัวเองว่าจะมาถึงตอนทุ่มหนึ่งไง"
เอาล่ะสินัดทุ่มหนึ่งมาถึงห้าโมงเย็นแบบนี้จะเตรียมตัวทันไหมเนี่ย แต่ยังไงก็ต้องทันครับ
"งั้นเดี๋ยวเค้าออกไปรับนะถ้ามาถึงก่อนก็รอแป็บนึงนะครับ"
ผมรีบกระวีกระวาดปั่นจักรยานคู่กายไปยังที่นัดหมายครั้งแรกของเราที่ช่างแสนจะโรแมนติก...สถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือ บ.ข.ส.นั่นเอง แปลกใจตัวเองเหมือนกัน จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนัดผู้หญิงในสถานที่แบบนี้เลย แต่คราวนี้ทำไมถึงไม่รักษาภาพพจน์เอาซะเลย แถมปั่นจักรยานมารับเธอซะนี่ ...ผมบอกกับตัวเองว่าด้วยอายุตัวเองขนาดนี้คงไม่มีเวลามาจีบผู้หญิงเล่นๆแก้เซ็งอีกแล้ว ถ้าเธอจะรับไม่ได้ที่ผมปั่นจักรยานมารับเธอผมก็คงต้องยอมรับ เพราะตัวเราเองก็คงเป็นได้แค่เพียงเจ้าชายรองเท้าแตะ...
"ตัวเองจ๋าเค้ารออยู่ที่ บ.ข.ส.แล้วนะจ๊ะ"
เสียงหวานๆที่คุ้นเคยดังผ่านมือถือเช่นเดิม แต่คราวนี้หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ ก็มันเป็นครั้งแรกที่เราจะได้พบกันนี่นา...
ภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าผมขณะนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกนึกคิดที่เคยวาดไว้ ท่าทางทางที่ทะมัดทะแมงบอกให้รู้ถึงนิสัยส่วนตัวที่เป็นขาลุย ไปไหนไปกัน ดีล่ะจะพาผจญภัยให้ลืมโลกไปเลย....แล้วคำแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในโลกแห่งความเป็นจริงก็เริ่มขึ้น
สวัสดีครับเวย์ครับ
สวัสดีค่ะไอค่ะ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของสองหัวใจที่กำลังจะเต้นเป็นจังหวะเดียวกันไปตลอดชีวิตสองหัวใจที่สัญญากันว่าไม่ว่าระยะทางจะไกลแสนไกลแค่ไหน.. ไม่ว่าช่วงเวลาที่ต้องรอคอยกันและกันจะนานแสนนานเพียงไหน และไม่ว่าชีวิตข้างหน้าจะต้องเผชิญกับอะไร สองหัวใจนี้จะหัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน อยู่เคียงข้างกัน ไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะพรากเราสองคนจากกัน
เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ถูกเขียนขึ้นจากไดอารี่ของคนสองคน ...ที่อยากให้ความรักครั้งนี้มีตัวตนอยู่ในโลกของตัวอักษร และอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ใน โลกที่น่าอยู่ใบนี้...เริ่มกันเลยนะครับ
ตอน ...ความฝันอันแสนสุข...
เช้าวันนี้ตื่นเช้ามาพร้อมความชื่นใจ ใจจริงก็ไม่อยากตื่นจากห้วงเวลาของความฝันเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าโลกแห่งความเป็นจริงก็ปลุกให้เราตื่นขึ้นมาเพื่อสู้ชีวิตต่อไป... ความฝันของเมื่อคืนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วอดยิ้มและคิดถึงมันไม่ได้ มันน่าจะเป็นความฝันที่ทุกๆคนก็ต้องการจะมี แต่มันยากนักที่จะทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ มันเป็นความฝันที่เป็นสุขจริงๆนะ ลองอ่านดูแล้วคิดภาพตามแล้วจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ได้รับซึ่งอยากจะแบ่งปันให้ทุกคน เป็นความฝันของการมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบอย่าบอกใครเลยล่ะ ครอบครัวที่อบอุ่นประกอบด้วยสามหัวใจที่ร้อยเรียงไว้ด้วยกัน คือ พ่อ แม่พร้อมกับ ยายหนู นางฟ้าตัวน้อยๆ (ที่น่ารัก ยิ้มเก่ง เรื่องคุยยกให้เป็นที่หนึ่ง คิ้วเข้ม จมูกโด่งเหมือนแม่ น่ารักเหมือนพ่อ) ยายหนูตัวน้อยจะตื่นแต่เช้ามาปลุกพ่อกับแม่ด้วยรอยจูบที่แก้ม
: พ่อจ๋า...ตื่นไปทำงานได้แล้วค่ะหนูจะไปโรงเรียน
: แม่จ๋า...ตื่นทำกับข้าวเร็วค่ะเดี๋ยวพ่อกับหนูสายนะ
ในความฝัน...เป็นคำพูดของยายหนูตัวน้อยที่ปลุกพ่อกับแม่ให้ตื่นจากความหลับใหล ช่างเป็นคำพูดที่ฟังแล้วมีความสุขอย่าบอกใครเลยล่ะ นางฟ้าตัวน้อยก่อนจะไปโรงเรียนก็ชอบให้พ่อถักเปียและผูกโบว์ สวยๆให้ ทั้งสามคนออกจากบ้านไปพร้อมกันนั่งรถคันเดียวกัน... ส่งยายหนูตัวน้อยไปโรงเรียน จูงมือกันข้ามถนน หอมแก้มพ่อกับแม่ก่อนที่จะเดินเข้าไปโรงเรียน หลังจากเลิกงานก็ไปรับกลับบ้านพร้อมๆกัน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับยายหนูตัวน้อย....พอมาถึงบ้านยายหนูตัวน้อยก็มีเรื่องที่โรงเรียน มาเล่าให้พ่อเธอฟังทุกวัน ไม่รู้เรื่องไรต่อเรื่องไร แล้วทั้งสามก็ทำการบ้านด้วยกัน หยอกล้อกันเล่นตามประสาพ่อแม่ลูก มันช่างเป็นความฝันที่มีความสุขจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ขึ้นมาจริงๆก็คงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย แต่แล้ว.....พอลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เห็นก็คือความว่างเปล่า หันไปรอบตัวก็ไม่มีใครมีแต่เพียงตัวของตัวเองที่อยู่ในกระจกเงา เพียงลำพัง
ปล. แต่ตอนนี้ก็มีใครคนหนึ่งที่ได้รับรู้ความฝันแล้วให้คำมั่นว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง...อย่าลืมนะจ๊ะ
...ข้อความดังกล่าวถูกส่งมายัง E mail ของผมๆอ่านมันด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก จริงอย่างที่คนเขียนไดอารี่นี้พูด หากเลือกได้ทุกคนคงต้องการมีโลกแห่งความเป็นจริงที่เพียบพร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ ...ผมอ่านซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า อยากจะซึมซับทุกๆความรู้สึกของทุกๆตัวอักษร ยิ่งอ่านหัวใจก็ยิ่งพองโต บอกกับตัวเองว่านี่ล่ะคือครอบครัวในฝันของตัวเอง ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ และยายหนูหรือตาหนูตัวน้อย ครอบครัวที่ทุกหัวใจประสานเป็นหนึ่งเดียว ....ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงตรงที่หญิงสาวตื่นขึ้นมาจากความฝันพร้อมกับความว่างเปล่า และเงาของตัวเองในกระจกเท่านั้น แต่อยากจะบอกเธอว่าสักวันหนึ่งนะเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า...เธอจะพบว่าภาพของความฝันในวันนี้มันได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว...
ป.ล. ถึงตาหนู หรือ ยายหนู หากวันหนึ่งลูกบังเอิญได้มาอ่านไดอารี่หน้านี้อยากให้รู้ว่ามันถูกเขียนขึ้นด้วยความรักโดย พ่อ และ แม่ ของหนูเอง
ตอน...ลิ้นชักแห่งความทรงจำ....
ตัวเองจ๋าเค้ารักตัวเองนะ...ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นมาขอให้ตัวเองได้รู้ไว้นะว่าเค้าดีใจที่ได้รักตัวเอง ได้รู้จักตัวเอง และขอบคุณนะที่คอยอยู่เคียงข้างเค้าในยามที่เค้าไม่มีใครประโยคนี้ หากว่าใครได้ยินก็คงจะมีความสุขมิใช่น้อยแต่เมื่อคืนนี้ คำพูดประโยคนี้ได้ทำให้น้ำตาของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่คิดว่า...ถ้าหากว่าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆแล้วความฝันและอนาคตที่เคยวาดไว้.ยายหนูกับตาหนูตัวน้อยก็คงจะไม่มีแล้วสินะเพียงแค่คิดเท่านั้น น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอย่างกับฟ้ารั่วจนทำให้อยากที่จะวางสายทิ้งจากคนๆนั้นที่พูดคำๆนี้ขึ้นมาเพียงแค่ไม่อยากให้เค้าได้ยินเสียงของเราร้องไห้....แต่แล้วเค้าคนนั้นก็ได้ห้ามเอาไว้... ไม่ต้องวางสายนะคนดีอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะนะ เค้าจะอยู่เป็นเพื่อนตัวเองในยามที่ตัวเองร้องไห้ แทนที่เจ้าน้ำตาจะหยุดไหล น้ำตาเจ้ากรรมก็ยิ่งไหลลงมาโดยที่ห้ามตัวเองก็ไม่ได้....เค้าคนนั้นก็เลยต้องทนฟังเสียงร้องไห้........ของผู้หญิงคนนี้ตั้งนาน....หยุดร้องไห้ได้แล้วนะคนดี...เค้าไม่ไปไหนหรอกเค้าจะอยู่กับตัวเองนะ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็พยายามที่จะยับยั้งน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล...กว่าจะห้ามได้ก็เอาซะเหนื่อยอยู่เหมือนกันเค้าคนนั้นร้องเพลงให้ฟังก็หลายเพลงอยู่เหมือนกันนะ กว่าจะกลับมาเป็นคนๆเดิม และแล้วน้ำตาก็หยุดไหลจนได้...(ดีใจจัง..ที่ห้ามน้ำตาได้แล้ว) จากนั้นเราสองคนก็คุยกันอยู่นาน ร้องเพลงที่เป็นเพลงของเรา ( Because YoU LovE Me ) จนถึงเวลาที่ต้องเอ๋ยคำ Goodnight และจบท้ายด้วยคำว่า รักนะคับ แค่นี้ก็ทำให้หลับอย่างเป็นสุขแล้ว
ปล. ฝากไปถึงเค้าคนนั้นนะค่ะ ขอบคุณนะที่อยู่เป็นเพื่อนไม่ทิ้งกันเวลาที่ เค้าเสียน้ำตา
อีกครั้งที่ผมมีโอกาสได้อ่านไดอารี่ของเธอคนนั้นไม่ใช่สิต้องใช้คำพูดว่าคนนี้ถึงจะถูก เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเธอคือคนที่ใกล้ชิดกับเราเหลือเกิน ถึงแม้ตัวเธอจะอยู่ไกลแสนไกล แต่กลับรู้สึกว่าสองหัวใจอยู่ใกล้ชิดกันจนได้ยินเสียงของลมหายใจ จริงสินะ...บางครั้งคำพูดเพียงเล็กน้อยของใครสักคนช่างมีบทบาทกับความรู้สึกของเราซะเหลือเกิน หากผมเป็นคนๆนั้นที่เธอหมายถึงผมอยากจะบอกเธอนะว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแสนนานเพียงใด ทุกคำพูด ทุกถ้อยคำ ทุกๆความรู้สึกดีดีที่มอบให้แก่กันจะยังคงอยู่ตลอดไป ภาพของตาหนูและยายหนูที่เธอเคยวาดไว้จะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอนหากไม่เกิดเหตุการณ์ดังเช่นบรรทัดแรกของไดอารี่ขึ้นมาซะก่อน ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้นผมคงรู้สึกดีไม่น้อยกับความรักที่มอบให้ด้วยหัวใจบริสุทธ์ของผู้หญิงคนนี้ และถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้น ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมรักเธอมากแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะร้องไห้สักกี่ครั้ง เธอจะมีผมคอยอยู่เคียงข้างเสมอ คอยซับน้ำตาให้กับผู้หญิงแสนดีคนนี้ คอยร้องเพลงที่เธอบอกว่าเป็นเพลงของเราให้เธอฟัง ทุกวัน...ทุกวัน จนกว่าลมหายใจสุดท้ายของเราจำต้องพรากจากกัน ถ้าผมเป็นผู้ชายคนนั้นผมจะรักเธอให้มากๆจนคนทั้งโลกต้องอิจฉา เจ้าหญิงของดอกไม้ คนนี้ของผม ....ใช่ครับ คุณคิดถูกแล้วเพราะผมคือ ผู้ชายคนนั้น เจ้าชายรองเท้าแตะของเธอ
ป.ล.ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะครับเพราะสิ่งที่ผมมอบให้นั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ได้รับมาจากหัวใจที่งดงามของเธอ
วันที่เรื่องราวในไดอารี่นี้ถูกตีพิมพ์ความสัมพันธ์ระหว่าง เจ้าหญิงของดอกไม้ กับ เจ้าชายรองเท้าแตะ คงดำเนินไปถึงจุดใดจุดหนึ่งบนเส้นทางสู่ความฝันของเราทั้งสองคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามช่วงเวลาที่เราเดินทางร่วมกันคือเวลาที่มีค่าที่สุดแล้วสำหรับเส้นทางที่เราเลือก...แล้วคุณล่ะครับ...ไม่อยากเก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ในกล่องความทรงจำของตัวเองบ้างหรือ....
เพลงทั้งหมดใจhttp://www.yimsiam.com/club/board/topicRead.asp?wbID=musicbox&id=000265