เมื่อวานนี้ ....จันทราคราบรรจบบนท้องฟ้า ดาราเร่มเปล่งรัศมี ท่ามกลางบ้านทรงไทย ณ สยามสมาคม ที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้อันร่มรื่น ผู้คนคราคร่ำมากมาย หลากไหลดั่งสายชล ผู้คนที่รวมกันมาจากทั่วกรุงเทพเมืองฟ้ากลางเวหนอันวิจิตร เพื่อมาชมการขับลำนำอันหวานซึ้งซาบซ่านสะท้านทรวง โอกาสครั้งนี้จะมีไปไม่ได้ หากขาดคนรู้ใจที่คบกันมานานปี เพื่อนที่เรียกได้ว่าสหายแท้ แม้อดีตเจ้าของหัวใจยังไม่เคยจะดูแลเอาใจใส่ทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อหาที่นั่งได้......เสียงเพลงก็เริ่มบรรเลงขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของดอกไม้เหล็กผู้เป็นดั่งนางสวรรค์แห่งการขับร้อง ดนตรีที่สอดประสาน.....ก้องกังวานทั่วบริเวณ บรรยากาศเริ่มอบอวนไปด้วยเสียงเพลงที่ขับกล่อม..อันเล่าเรื่องแห่งความรัก รักที่แสนเศร้า รักที่ร่วงโรย รักที่มิอาจสมหวังเป็นจริงได้ แม้นยากจะเอ่ยไปถ้อยคำ......แต่เธอคนนั้น.... ผู้เป็นดั่งดอกไม้เหล็กที่ผ่านความชอกช้ำหลากหลายหนแต่ทว่ายังเบ่งบาน... คอยขับกล่อมด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์..... แหบพร่าด้วยเจ็บช้ำ แต่นุ่มลึกไปด้วยความสุข อาจจะขัดแย้งในตัวตน.....แต่ทุกสิ่งคือความลงตัวของเธอผู้นี้ "แอม เสาวลักษณ์" หลากหลายลำนำที่ขับกล่อมล้วนกระตุ้น...... กระตุ้นจิตสำนึกของผู้ที่เดียวดาย โดดเดี่ยว และ... จิตวิญญาณของความรักที่ชอกช้ำมิอาจสมหวังดั่งลำนำที่บรรเลง เสียงเพลงหวานแว่นเข้าหู...แต่พรั่งพรูความรู้สึกจากดวงตา ไม่รู้เพราะอะไร......แต่ความรู้สึกที่มี ถูกเธอล้วงและบรรยายออกมาได้หมดจดและงดงามอย่างยากจะหาใครเปรียบ และถึงกระนั้น....เสียงนุ่มทุ้มกังวานของชายคนหนึ่งก็แว่วขึ้น พร้อมกับการปรากฏกาย ที่ไม่น่าจะมีใครนึกได้ว่าชายคนนี้..... ดั่งพ่อมดที่บรรเลงเสียงหวานนุ่มละมุนหู พร้อมกันนั้นก็บาดลึกลงไปกลางใจ "ป๊อป แคลรอลี่ บลา บลา" เขา....ผู้ทำให้ฉันยิ้มได้เสมอเมื่อฟังเพลงของเขา แต่วันนี้ได้เจอเสียงที่ขับกล่อม....ด้วยรู้สึกที่เหว่หว้ากลางใจนั้น สิ่งที่พรั่งพรูจากดวงตาเพราะเธอนั้น ยังยิ่งพรั่งพรูเพราะเขาอีก "จะมีใคร ใครรัก คนหน้าตาอย่างฉัน ที่มันธรรมดา ไม่เข้าตาเหมือนใครใคร จะมีใคร ใครไหม ที่จะมองแต่หัวใจ จะมีไหมใคร เข้าใจรักกัน" ใช่สินะ...การที่เจ้าของหัวใจฉันเขาทำแบบนี้กับฉัน เขาอาจจะไม่ภูมิใจ ไม่สุขใจเมื่ออยู่กับฉัน ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ และเธอคนนั้นที่ก้าวข้ามศีลธรรม....แต่แกล้งเสแสร้งว่าเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด จนฉันยอม...ยอมยกเจ้าหัวใจให้...แม้นจะรัก แต่นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือปล่อยเขาไปในหนทางที่เขออยากจะเป็น และฉันก็กลายเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง...ในขณะที่สองคนนั้นกำลังหัวเราะอย่างระริกระรื่น การกระทำทำให้ฉันหวลคิดถึงพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหยึ่งมีพ่อแม่เป็นครูบาอาจารย์ที่สรรค์สร้างปลุกปั้นเด็กให้เป็นคนดีของสังคม กลับไม่สามารถดูแล สั่งสอนบุตรหัวแก้วหัวแหวนให้ยึดมั่นในศีลธรรม และอีกคน....หากครอบครัวสอนสั่งเรื่องศีลธรรมคงจะคิดกลัว..และละอายในสิ่งที่กระทำ ถึงกระนั้นก็ไม่เลย..ทั้งสองคนย่ำยีหัวใจของฉันด้วยความสุข เสียงหัวเราะ ในขณะที่ฉันกำลังดิ่งลึก ดำลงไปใน...... ห้วงแห่งจิตอันโศกเศร้า ที่มีเพียงหยาดน้ำตา ความอาลัย และรักที่ปวดปร่าเป็นเพื่อน แต่ถึงกระนั้นความเศร้าโศกก็เริ่มมลายสิ้น....เมื่อเธอคนนั้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเพลง Break away แม้นจะเป็นเพลงของต่างชาติต่างภาษา แต่ภาษาหัวใจนั้น.....เป็นหนึ่งเดียวกัน...... ขณะนั้นฉันเริ่มเข้าใจอะไรได้มากมายจากลำนำบทนี้ ลำนำแห่งความหวังที่จะปลดปล่อยฉันสู่อิสระจากความหลังที่ซึมลึก จิตที่เคยโหยหาเขาคนนั้น ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจ ฉันก็เริ่มเข้าใจชีวิตอะไรได้มากขึ้น จิตใจที่เต็มไปด้วยรักอย่างงมงาย ซื่อสัตย์ ของฉันไม่ได้ทำให้ฉันเข้มแข็ง..... แต่กลับทำให้ฉันอ่อนแอลง..... ฉันที่เปรียบเสมือนนกที่โผบินโดยลำพัง เมื่อขณะที่พลาดพลั้งก็ได้เจอเขา เราได้โบยบินเยงคู่กัน....จนลืมอิสระ ลืมสิ่งที่ฉันเคยเป็น กว่าจะรู้ตัว...ฉันก็ตกลงไปในบ่วงแห่งความเศร้า กลางทะเลแห่งน้ำตา ลึกลงไป..... ดำดิ่งลึกลงไป.... จนหัวใจมันบอบช้ำ และร่างกายก็เกินจะรับสภาพไหว ฉัน....พยายามบิน....บิน.....บิน.....แต่ก็ไม่สามารถบินได้ บ่วงนั้นแม้นจะหลุดออก แต่ท่ามกลางทะเลแห่งน้ำตาอันเวิ้งว้าง มันมืดดำ และหนัก..........น้ำหนักของสายน้ำตามันหนักกินกว่าจะขยับปีกบิน แต่เมื่อวันนี้....ฉันก็เหมือนรู้สึกว่าลำนำที่เธอคนนั้นร้องออกมา... เอปรียบประดุจดั่งสายลมที่แข็งแกร่งแต่อ่อนโยน....... ฉุดนกที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย......ให้ฟื้นคืนมาพร้อมที่จะโบยบิน สายลมแห่งลำนำ....จะพยุงฉันไว้.....เพื่อสยายปีก...และโบยบินออกไป แม้นปีกที่เหยียดสยายของฉันอาจจะมีคราบของทะเลน้ำตาติดมาบ้าง แต่เมื่อฉันบินไปตามทางแห่งสายลมและดวงตะวัน..... สักวัน..คราบน้ำตาบนปีกฉันมันจะแห้งและหายไป "Breakaway" KELLY CLARKSON Grew up in a small town And when the rain would fall down I'd just stare out my window Dreaming of what could be And if I'd end up happy I would pray (I would pray) Trying hard to reach out But when I tried to speak out Felt like no one could hear me Wanted to belong here But something felt so wrong here So I prayed I could break away [Chorus:] I'll spread my wings and I'll learn how to fly I'll do what it takes til' I touch the sky And I'll make a wish Take a chance Make a change And breakaway Out of the darkness and into the sun But I won't forget all the ones that I love I'll take a risk Take a chance Make a change And breakaway Wanna feel the warm breeze Sleep under a palm tree Feel the rush of the ocean Get onboard a fast train Travel on a jet plane, far away (I will) And breakaway [Chorus] Buildings with a hundred floors Swinging around revolving doors Maybe I don't know where they'll take me but Gotta keep moving on, moving on Fly away, breakaway I'll spread my wings And I'll learn how to fly Though it's not easy to tell you goodbye I gotta take a risk Take a chance Make a change And breakaway Out of the darkness and into the sun But I won't forget the place I come from I gotta take a risk Take a chance Make a change And breakaway, breakaway, breakaway
3 เมษายน 2550 09:03 น. - comment id 95540
ใจดีนะคะน้องเปเป้
4 เมษายน 2550 17:40 น. - comment id 95552
แม่หญิงใจงามตามตัวค่า เหอเหอเหอ
4 เมษายน 2550 17:43 น. - comment id 95553
เรื่องน้ำเน่า ณ สวนหลังบ้าน อืม........แวะมาอ่นจ๊ะ ..
5 เมษายน 2550 02:35 น. - comment id 95558
อาคุณลุงนพ ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่าน ที่จริงลืมอธิบายว่า เรื่องน่ำเน่า คือ อัลบั้มใหม่ของพี่แอม สวนหลังบ้าน คือ สวนในสยามสมาคม ร่มรื่นจริงๆเลย
17 เมษายน 2550 17:41 น. - comment id 95697
นู๋เปเป้ ลืมอดีตค่ะ และหันมาดูแลตัวเอง ความสวยความงามมันอยู่ที่ใจ พวกผู้ชายตาบอดมันมองไม่เห็นหรอกค่ะ ที่จะเห็นได้คือผู้ชายสายตาดีๆ เชื่อพี่ค่ะ ยิ้มเพื่อสู้กับปัญหา เง้อ.....................เกี่ยวป่ะนี่