The Heaven Fantasy ตอน กำเนิดเทพบุตร #1

เจรนัย

บทที่ 1
                                        เสียงเรียกจากสายลม
	ณ ลานตั้งแคมป์ริมทะเลสาปไวส์กริม ครอบครัววิสสันกำลังสนุกอยู่กับการพักผ่อนสุปดาห์ ธรรมดาแล้วมันเป็นเวลาไม่บ่อยครั้งนักที่โจจะมีโอกาสได้พาภรรยาและลูกชายอันเป็นที่รักของเขาไปท่องเที่ยว ณ ที่ไหนสักแห่ง การที่เขาเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับบริษัทใหญ่อย่าง ทำให้เขามีงานล้นมือจนแทบจะไม่ได้กระดิกตัวไปไหน และนี้คงเป็นโอกาสเดียวในรอบปีที่เขาจะพอมอบให้กับครอบครัวของเขาได้ แต่กระนั้น ลินดาภรรยาของเขา กลับไม่เห็นด้วยกับการมาแคมป์ปิ้งครั้งนี้ เธออ้างถึงความฝันเมื่อคืนที่เธอฝันเห็นบุรุษแปลกหน้าที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาวสะอาดทั้งชุด กำลังจูงมือทิมโบนี่ ลูกชายวัยสิบเอ็ดขวบของเธอไป เธอเกรงว่ามันจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่ดูจะไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ
	เสียงของลินดาดูท่าจะไม่มีผลกับโจ เขายังคงยืนยันในการเดินทางไปในครั้งนี้ ซึ่งมันทำให้เธอดูไม่สบายใจเลย เธอภาวนาตลอดทางไม่ให้เกิดเหตุอันใดขึ้น พลางจ้องมองไปที่ทิมโบนี่ที่กำลังหลับสนิทอย่างอ่อนเพลียจากการนั่งรถเดินทางมากว่าหลายไมล์ พร้อมกับพึมพำว่า แม่รักลูกนะ...ทิมโบนี่ ปะหนึ่งเหมือนรู้ลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง...ลางสังหรณ์แห่งการพรัดพรากจากกันชั่วชีวิต
	วันนี้ช่างน่าสดใส บรรยากาศริมทะเลสาปท่ามกลางมวลหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ เสียงสายลมพัดผ่านทิวไม้ต้นต่างๆเคล้าคลอทำนองที่แตกต่างกันในแต่ละโน็ต เหล่านกและบรรดาสัตว์ป่ากู่ก้องร้องเพลงประชันกันทั่วทั้งป่า ป่าฝนในหุบเขาไวส์กริม ใครๆต่างก็เล่าลือถึงความงามของธรรมชาติที่นี่ ซึ่งแน่นอน...หนึ่งในนั้นก็คือ ครอบครัววิสสัน โจเริ่มต้นวันหยุดพักผ่อนของเขาด้วยการตกปลา ในขณะที่ลินดาง่วนอยู่กับการทำอาหารกลางวัน โจพร้อมด้วยลูกชายของเขาทิมโบนี่ เลือกมุมหนึ่งของทะเลสาปเพื่อใช้ในการหย่อนเบ็ด เขาบรรจงติดเบ็ดเข้ากับเหยื่ออย่างเรียบร้อย โดยมีทิมโบนี่ยืนมองอยู่ข้างๆ
	ถ้าเราโชคดี วันนี้เราคงได้กินปลาทะเลสาปตัวใหญ่ๆ
	ทิมโบนี่ได้แต่พยักหน้า แต่ดูเขาไม่ค่อยจะสนุกกับมันเท่าไหร่นัก เขาจ้องมองพ่อนั่งตกปลาอยู่พักนึง ก่อนที่จะลุกเดินเข้าไปในป่า
	นี่...ทิมโบนี่ อย่าไปไหนไกลนะลูก
	เสียงแม่ของเขาร้องเตือนไล่หลัง ทิมโบนี่หันไปรับคำ ก่อนที่จะออกเดินเข้าไปในป่า
	ครับแม่...เดี๋ยวมาครับ
----------------------------------------------
	 ทิมโบนี่...ทิมโบนี่...เวลาเจ้านั้นเหลือไม่มาก  ทิมโบนี่...ทิมโบนี่...เวลาเจ้านี้จะหยุดนิ่ง
	เสียงสตรีมีปีกสวมชุดขาว กล่าวคำนี้แก่เขา ในฝันคืนหนึ่งก่อนการมาแคมป์ปิ้ง มันแปลกมากที่เขาสามารถจดจำมันได้ทุกคำ แล้วยังจำได้ถึงเหตุการณ์ในฝันทั้งหมด...
	ในความมืด มีแสงสว่างลอยลงมาจากท้องฟ้า สิ่งนั้นลอยล่องลงมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ แล้วโดยรอบบริเวณนั้นก็สว่างเป็นสีนวลขึ้นมาถนัดตา แต่มันกลับว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งต่างๆสิ้น สิ่งนั้นเปร่งแสงเจิดจ้า ก่อนที่จะลดลงอย่างช้าๆ แล้วสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือ สตรีนางหนึ่งผู้ซึ่งมีผมยาวลากพื้น สวมมงกุฎที่ประดับด้วยเพชรมณีมากมาย มีปีกขาวดั่งปีกหงส์ ซึ่งคงจะเป็นหงส์ยักษ์เป็นแน่ ที่จะสามารถมีปีกได้สวยงามและกว้างยาวเท่าปีกของเธอ หล่อนสวมชุดขาวที่ท่าทางดูจะเป็นงานถักอย่างปราณีต และถือคฑาปีกนกสีทองอร่ามทั้งอัน และสิ่งที่ทำให้ทิมโบนี่คิดว่า เธอต้องเป็นนางฟ้า นั่นคือ เธอมีวงแหวนสีทองอยู่บนหัว แล้วสวมรองเท้าจงอยมีปีกที่มีสีทองเช่นกัน เธอมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มละไมอันแสนอบอุ่น ก่อนจะเอ่ยวาจาแก่เขา...
 ทิมโบนี่...ทิมโบนี่...เวลาเจ้านั้นเหลือไม่มา  ทิมโบนี่...ทิมโบนี่...เวลาเจ้านี้จะหยุดนิ่ง
	เมื่อกล่าวจบ เธอก็คุกเข่าตรงหน้า พลางเอื้อมมือลูบไล้บนใบหน้าของเขา แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงพร้อมกับการตื่นขึ้นในเช้าวันนั้นของเขาพอดี 
	เขายังคงไม่เข้าใจความหมายของมันนักแต่นึกถึงทีไร ก็พาให้เขารู้สึกเหมือนกับต้องเสียอะไรไปสักอย่าง 
..........................................................
	ช่วงหน้านี้ของทะเลสาปไวส์กริมค่อนข้างที่จะเงียบสงบไม่ครึกครื้นเหมือนช่วงหน้าร้อนที่เป็นฤดูท่องเที่ยว นอกจากครอบครัวของทิมโบนี่แล้ว ก็มีเพียง สองสามครอบครัวเท่านั้นที่มาพักผ่อนกัน เขาเดินบุกป่าเลาะเข้าไปตามแนวหุบเขาที่อยู่ใกล้ๆที่พัก ก่อนที่จะปีนป่ายขึ้นไปยืนบนเนินเขาเตี้ยๆ จ้องมองลงมาที่ทะเลสาป มันช่างดูสวยงามเหลือเกิน 
	สวยจัง ก่อนพระอาทิตย์ตกน่าจะถ่ายภาพเก็บไว้นะ
	เขาคิด ก่อนที่จะกระดจนกลับลงไปยังที่พัก คว้ากล้องถ่ายรูปที่คุณป้าแกรมม่าซื้อให้ตอนงานวันเกิดที่พึ่งผ่านไม่ถึงเดือน วิ่งตรงกับขึ้นไปยัง ณ จุดนั้น จนเกือบจะชนโจผู้เป็นพ่อที่ยังคงนั่งตกปลาอย่างไร้วี่แววที่ได้ซักตัว
	เอ้า...ระวังหน่อยสิ...ไอ้ลูกชาย
	ทิมโบนี่...ระวังตัวนะลูกรัก
	ครับ...แม่
	ทิมโบนี่รับคำ ก็ที่จะรีบวิ่งขึ้นเนินไป แต่ทำไมกันนะ หัวใจของลินดาเต้นถี่ เธอรู้สึกเหมือนกันว่า นี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอเขาทั้งยังมีชีวิต...
........................................................................
	ทิมโบนี่ถ่ายภาพไปกี่ภาพแล้วเรามิอาจรู้ได้ จนเวลาล่วงมาใกล้พลบค่ำ แสงอาทิตย์เริ่มถอแสงจากสีเหลืองอร่ามกลายมาเป็นสีแดงส้ม ดูทีท่าว่าเขาควรจะต้องกลับที่พักซักที เสียงเรียกของโจและลินดา พ่อและแม่ของเขาดังมาจากด้านล่างเป้นทำนองบอกให้เขารีบลงมายังที่พักได้แล้ว แต่ก่อนที่เขาจะลงไปนั้น...
	วิ้ว....ช่วยด้วย....วิ้ว....ช่วยด้วย
	มีสิ่งหนึ่งพยายามขอความช่วยเหลือจากเขาผ่านสายลมที่โหมพัดมาอย่างแรง มันมาจากอีกด้านหนึ่งของทะเลสาป ทิมโบนี่จำได้ว่าด้านนั้นเป็นเขตหวงห้ามที่ทางเจ้าหน้าที่บอก มันเป็นเขตที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด พืชพันธุ์ทั้งที่พบเห็นและไม่เคยพบเห็นอีกกว่าหลายร้อยพรรณ มีสิ่งมหัศจรรย์จากธรรมชาติมากมาย แต่มันจะเหมาะไปเที่ยวชมไหม ถ้ารู้ว่า นอกจากว่ามี 3 อย่างนี้แล้ว ก็มีความน่ากลัวที่หาค่าไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ นั่นคือ ความตาย ไม่ว่าจากสิ่งใด สัตว์ดุร้ายหรือพืชพรรณที่อันตราย เคยมีข่าวว่า นายพรานท้องถิ่นคนหนึ่ง แอบลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในเขตหวงห้ามนี้ ผลสรุปก็คือสภาพร่างอันยับเยินไปด้วยรอยกงเล็บตะปบของเขาที่พบบนต้นไม้ห่างออกไปสามไมล์ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่ว่า เด็กชายและเด็กหญิงเดินหลงเข้าไปในป่า เผอิญไปโดนหนามต้นไม้มีพิษเข้า จนสุดท้ายก็สิ้นชีวิตลงตรงหน้าป้ายบอกเขตหวงห้ามนั้นเอง ทิมโบนี่คิดถึงเรื่องพวกนี้จนตัวเองสร้างจินตนาการเป็นตุเป็นตะ โดยมีตัวเขาเองนี่ล่ะ ที่เป็นตัวเอก 
                             ปล.ข่าวพาดหัว(ในจินตนาการของทิมโบนี่)  
                            เด็กน้อยทิมโบนี่โดนเสือตะปบดับอนาถ  
    	       เด็กชายโชคร้ายโดนพิษตายทรมาน
   	       เด็กหลงทางหายสาบสูญ 
จากจินตนาการอันน่าหวาดหวั่น ความกลัวของทิมโบนี่พรั่งพรู เขารีบหันกลับไปทางทะเลสาบ และรีบวิ่งกลับไปยังที่พัก แต่ทว่า... แล้วเหตุการณ์อันแสนแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น...
 เขาวิ่งลงไปเร็วกว่าตอนแรกที่ขึ้นมาพอควร แต่ทำไมไม่รู้ ระยะเพียงไม่กี่อึดใจทำไมมันถึงไกลนัก ราวกับว่าเขากำลังวิ่งอยู่กับที่ ดูเหมือนว่าเวลาและสรรพสิ่งรอบตัวเขามันหยุดนิ่ง เขาสังเกตเห็นฝูงนกที่กำลังบินหยุดกลางอากาศ คันเบ็ดของพ่อที่กำลังขึงตึงเพราะปลาตัวใหญ่ ดูแข็งเป็นหินไม่ขยับเขยือนเลยแม้แต่น้อย และเขาก็เห็นแม่ ที่กำลังร้องเรียกเขายืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทิมโบนี่ที่ยังคงวิ่งอยู่เต็มไปด้วยความฉงนและงงงวยกับเหตุการณ์ประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา เขาวิ่ง วิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง แต่ก็ดูไม่มีทีท่าว่าระยะทางจะลดลงเลย เสียงขอความช่วยเหลือยังคงแว่วมาตามสายลมผ่านหูเขาอยู่ไม่ขาด นี่เขาเป็นอะไรไป มันเกิดอะไรขึ้น และก่อนที่เขาจะจมปักอยู่ในมนต์ตราแปลกประหลาดนั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดลงอีกครั้ง...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน