ข่วงละอ่อน
ถนปายี
บ้านของบัวลาเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง บันไดบ้านเป็นไม้สักแผ่นใหญ่หนา แม่มักจะเอาผ้าขี้ริ้ว บิดหมาดๆ มาเช็ดทุกวันจนพื้น เป็นมันปลาบ ที่เชิงบันไดขึ้นบ้านจะบริเวณล้างเท้า พ่อโบกปูนทำเป็นลาน ซีเมนส์ไม่กว้างมากนัก แล้วเซาะร่องทำทางน้ำไหล ไว้ด้านหนึ่ง ข้างๆ ลานซีเมนส์มีตุ่มใบเล็กที่ใส่น้ำไว้เต็ม มีฝาไม้ปิด มีขันครอบไว้ข้างบน ใครไปใครมาก็จะถอดรองเท้าออก แล้วมา ล้างเท้าที่ลานนี้ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน
เดินขึ้นบนบ้านแล้วจะมี ฮ้านน้ำ เป็นซุ้มเล็กๆ มุงหลังคาดินขอ ใต้ซุ้มนั้นมีหม้อน้ำสองใบวางเคียงกัน หม้อน้ำสองใบนั้น เก่าแก่เกือบเท่าอายุบัวลาเห็นจะได้ ข้างๆ หม้อน้ำเขียวครึ้มไปด้วยตะไคร่น้ำที่เกาะเป็นแพ ตรงเสาสองต้นของฮ้านน้ำจะมีตะปูตอก ไว้แล้วเอา น้ำบวย หรือกระบวยตักน้ำทำจากกะลามะพร้าว มาแขวนไว้ รอรับแขกไปใครมาก็มาตักน้ำเย็นๆ ในหม้อน้ำกินชื่นใจ
กลางเรือนจะยกพื้นสูงขึ้นมาราวๆ ครึ่งศอกเรียกว่า เติ๋น เอาไว้เป็นที่นั่งเล่น นั่งกินข้าว นั่งคุยกัน สารพัดสารพันจะทำการ ทำงานก็มานั่งที่นี่ เวลาบ่ายแก่ๆ ของวันหยุดวันไหนที่เล่นกันจนหมดแรง บัวลา ก็ชอบลากหมอนมานอนที่เติ๋นให้ลมเย็นๆ ลอดผ่าน ฝาไหล หรือบานหน้าต่างแบบพื้นเมือง มาพัดให้บัวลาผล็อยหลับไป
บริเวณบ้านของบัวลามีลานกว้างหน้าบ้านเรียกว่าข่วง แม่จะปลูกพืชผักนานาชนิดไว้ริมรั้ว บางวันไม่ต้องออกไปตลาดเพราะ ผักที่ปลูกพร้อมใจกันแตกดอกออกใบสะพรั่ง แม่ก็จะไล่เด็ดมาทำอาหารกิน บางทีแม่แสงหล้าก็ให้แสงหล้ามาขอแบ่งต้นหอมผักชี ที่แม่ปลูกไว้ เหมือนกับที่แม่เคยให้บัวลาไปขอเด็ดชะอมที่หลังบ้านแสงหล้าเหมือนกัน
นอกจากสวนผักของแม่แล้ว กลางข่วงบ้านยังเป็นสนามเด็กเล่นสำหรับลูกๆ อีกด้วย บริเวณใด ที่เด็กๆ ชอบเล่นกัน ก็จะโล่ง เตียน เนื้อดินแน่นนุ่มเท้า แต่บางมุมก็เป็นหลุมเล็กๆ ตะปุ่มตะป่ำด้วยฝีมือแม่ค้าขายขนมครกอย่างแสงหล้า
ตรงลานดินโล่งนั้น บัวลากับแสงหล้าชอบเล่น ตาไม้ดีด กันที่สุด บางวันหากเพื่อนฝูงมาเที่ยวบ้านก็ต้องลงไปเล่นตาไม้ดีดกัน ทุกครั้งไป การเล่นตาไม้ดีดก็คล้ายๆ กับการเล่นตั้งเตของทางภาคกลาง เด็กๆ จะช่วยกันเอาไม้มาขีดเส้นตรงลานดิน ให้เป็นสี่เหลี่ยม ผืนผ้าใหญ่ๆ แล้วขีดเส้นแบ่งตามขวางอีก 5 เส้น จะได้ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กอยู่ภายในสี่เหลี่ยมใหญ่อยู่ 6 ช่อง แล้วก็จะขีดเส้นสั้นใน แนวตั้งเพื่อแบ่ง ช่องสี่เหลี่ยมเล็กช่องที่ 2 ช่องที่ 4 และช่องที่ 6 ก็จะได้ตารางสี่เหลี่ยมคี่และคู่เป็นแถบ จากนั้นจึงไปวาดรูปครึ่งวงกลม แปะอยู่บนสุด
แต่ละคนจะไปหาเศษกระเบื้องขนาดเล็กพอเหมาะเรียกว่า โต หรือเบี้ยของแต่ละคน เพื่อเอาไว้ทอยแล้วก็มาเล่นเกมส์ เพื่อหาคนเล่นก่อน ใครได้เล่นก่อนก็จะทอยโตของตนไปที่ช่องสี่เหลี่ยมช่องแรก แล้วกระโดดข้ามช่องที่โยนไว้ ถ้ากระโดดไปถึงช่อง ที่เป็นสี่เหลี่ยมคู่ ก็ให้เหยียบคร่อมทั้งสองเท้า แต่ถ้าไปถึงช่องที่เป็นสี่เหลี่ยมเดี่ยว ก็ให้เขย่งขาเดียว กระโดดไปจนถึงตาสุดท้าย รูปครึ่งวงกลม จึงจะอนุญาตให้วางเท้าได้สองข้างและหยุดพักที่ตานี้ได้สักครู่ จึงจะกระโดดกลับมาเก็บโตของตน
เมื่อเล่นผ่านตาแรกแล้ว คนเล่นคนนั้นต้องมายืนอยู่ที่เส้นเริ่ม แล้วโยนโตให้ลงยังช่องต่อไป ซึ่งจะเรียงลำดับจากสี่เหลี่ยม ด้านซ้าย แล้วจึงจะไปยังสี่เหลี่ยมด้านขวา เสร็จแล้วก็ต้องกระโดดโดยเว้นช่องที่มีโตของตนอยู่ เมื่อกระโดดกลับมาก่อนถึงช่อง ที่มีโตอยู่นั้น ก็ต้องก้มเก็บโตแล้วจึงจะกระโดดไปต่อ
ในการโยนโตลงช่องนั้น หากโยนแรงไป โตไม่ยอมตกลงในช่องนั้นๆ หรือว่าโตไถลไปทับเส้นใดเส้นหนึ่ง ก็ถือว่าตาย ต้องเปลี่ยนให้คนต่อไปเล่นแทน แต่ต้องทิ้งโตของตัวเองไว้ในช่องที่ตัวเองตาย เพื่อเป็นเครื่องหมายให้จำได้
หากใครเล่นเก่ง โยนไปจนถึงตาสุดท้ายคือช่องรูปครึ่งวงกลมนั้นแล้ว ก็ให้โยนโตไปให้ไกลกว่าช่องรูปครึ่งรูปวงกลม แล้วกระโดดไปเหมือนเดิม แต่พอถึงช่องสุดท้ายแล้วนั้นให้นั่งยองๆ หันหลังให้โตแล้วเอามือคลำหาโตของตนโดยไม่ให้ส่วนใด ส่วนหนึ่งของร่างกายแตะถูกเส้นที่ขีดไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะถือว่าตาย แต่ถ้าใครเอามือคลำหาจนเจอโตแล้วกระโดดกลับมาได้ ก็จะได้บ้านไปหนึ่งหลัง
วิธีครอบครองบ้านก็ง่ายแสนง่าย แค่ขีดกากบาทลงในช่องเท่านั้นเอง ใครได้บ้านก่อนก็จะเริ่มขีดในช่องแรก จากนั้นใครจะได้ บ้านหลังต่อไปก็จะขีดที่ 2 3 4 ต่อๆ ไปจนหมด
คนที่ได้ครอบครองบ้าน ก็จะได้สิทธิพิเศษคือสามารถเหยียบลง บนช่องที่เป็นบ้านของตัวเองได้ ทั้งสองเท้า แต่ใครที่ไม่ใช่ เจ้าของจะต้องกระโดดข้ามไปยังช่องต่อไป ดังนั้นคนที่เล่นเก่งๆ จะเล่นไม่ ค่อยพลาดและมักจะได้ บ้านไปหลายหลังก่อนเพื่อน และ ..อะแฮ่มไม่อยากจะอวดเลยว่าบัวลาก็เป็นหนึ่งใน คนเก่งเหล่านั้นด้วย แต่เพื่อนที่เหลือก็จะลำบากมากในการจะกระโดดข้ามหลายๆ ช่อง บางคนต้องตั้งท่าวิ่งมาตั้งหลายเมตรกว่าจะมีแรงส่งกระโดดไปถึงช่องที่ว่าง ดังนั้นจึงมีการ เช่าบ้าน โดยขีดเส้นเล็กๆ แบ่งพื้นที่ ในเขตบ้านของเพื่อนเพื่อให้ตัวเองสามารถเหยียบได้ และถ้าใครเหยียบพลาด เผลอไปเหยียบเส้น ที่ขอเช่านั้น ก็จะต้องตายเหมือน กัน
พอเล่นกันจนแต่ละช่องถูกครอบครองกันหมดแล้วก็จบเกมส์ ถ้าอยากเล่นต่อก็ลบกากบาทในบ้านออกให้หมด แล้วขีดเส้นหลัก ให้เห็นชัดๆ แล้วก็เริ่มเล่นอีกครั้ง แต่ด้วยความที่กว่าจะเล่นจบได้แต่ละเกมส์ต้องใช้เวลานานและแรงก็เริ่มหมด ดังนั้นจึงเล่นได้ ไม่เกินสองเกมส์ เด็กๆ แต่ละคนก็วิ่งหาน้ำกินแทบไม่ทันและการเล่นตาไม้ดีดก็ต้องเลิกไปโดยปริยาย ทิ้งให้บ้านหลายหลังที่ได้ครอบ ครองค่อยๆ เลือนหายไปกับดินกับทรายที่ข่วงละอ่อน
แม้ว่าบัวลาจะเล่นเก่งจนได้บ้านไม่รู้กี่หลังต่อกี่หลัง แต่บัวลาก็คิดว่าไม่มีบ้านหลังไหนที่บัวลา อยากอยู่เท่ากับบ้านที่มีทุกคน อยู่กันพร้อมหน้าอย่างบ้านของพ่อแม่ได้เลย