เรื่องสั้นชุมชน รถสองแถว,โทรทัศน์และสร้อยทอง 1. พศ. ๒๕๑๘ ประสบพบเห็น บ่ายวันนั้นแดดแรงอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ลุงมั่น โชเฟอร์รถสองแถวประจำตลาดบ้านไร่หรี่ตามองดูผู้คนในตลาดสดอย่างเหนื่อยหน่าย หากความมั่นคงของคนเราขึ้นอยู่กับการเสาะหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แกคงสอบตกตั้งแต่ยกแรกของสังเวียนชีวิต ยิ่งตอนนี้ลูกสองคนของแกก็ช่างกินจุอย่างกับยัดหมอนอยู่ด้วย ซ้ำคู่ชีวิตก็ออกจะขี้โรค งานบ้านงานเรือนก็พอทำเนา จะให้ผัวหาบ เมียคอนเหมือนบ้านอื่นเขาคงยาก ลุงมั่นอัดบุหรี่ยาเส้นเข้าผ่อนคลายความเมื่อยล้าของเส้นเอ็น คนมันไปหลบอยู่ไหนกันหมด เงียบหยั่งกะป่าช้า.. ลุงจ๋า... เสียงหวานแว่วถึงความสวยของต้นตอน้ำคำนี้ลอยมากระทบโสตประสาท มีอะไรอีหนู..ว่ามา แกตะลึงในผิวผ่องและร่องอกเสื้อที่คว้านถึงทรวงในเนื้อนาง หนูจะไปบ้านพุบอนกับแฟน ลุงคิดเท่าไหร่ จะเหมา เย็นวันนั้นลุงมั่นผิวปากอิ่มใจขับรถสองแถวคู่ใจที่อิ่มน้ำมันแป้เหมือนกันผ่านถนนใจกลางตลาด พลันภาพที่เห็นนั้นมันช่างกระตุกหัวใจให้รู้ถึงความแตกต่างกันระหว่างเจ๊กขายของที่ได้แต่รวยเอาๆ กับแกเองที่หาเช้ากินค่ำเสี่ยงขับรถตะลอนฝ่าฝุ่นลูกรังเที่ยวเที่ยวเล่า หักไปหักมา ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าอะไหล่รถเก่าบุโรทั่งคันนี้แทบจะไม่เหลือพอยาไส้ ภาพบาดตาบาดใจของคนเป็นพ่อคนที่เห็นลูกชายทั้งสองวัยไล่เลี่ยกันเขย่งเกาะซี่ประตูเหล็กหน้าร้านโชว์ห่วยของเจ๊กเค็งนั้น ทำให้แกต้องทำอะไรสักอย่างให้ลูกได้สมใจอยาก โดยไม่ยอมให้ลูกเจ๊ก ลูกจีนต้องมาดูหมิ่นดูแคลนคนไทยแท้ๆอย่างแกและลูกๆเป็นอันขาด เมื่อถึงบ้านเรียบร้อย ใกล้ค่ำหลังจากเอนหลังครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ ลูกชายสองคนก็คุยกันโขมงโฉงเฉงมายังบ้านตัวเอง กูว่าไอ้มดแดงวีสามเก่งสู้วีเจ็ดไม่ได้ อ้าวก็วีเจ็ดมันเป็นมดแดงไฟฟ้านี่หว่า แต่ลูกไอ้เจ๊กเค็งมันมองพวกเราอย่างกะหมูกะหมา.. ทำไงได้ก็โทรทัศน์ของพวกมันนี่หว่า ดีกว่าไม่ได้ดู ถึงดูนอกบ้านไกลๆก็ยังดีที่ได้ดู กินข้าวเสร็จเดี๋ยวมาเล่นแปลงกายกันดีกว่า...นั่นพ่อนี่ เฮ้... เด็กชายทั้งสองโผเข้าหาพ่อผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสุขประสาเด็กน้อย ขณะนั้นในใจของลุงมั่นได้ให้สัญญาเงียบๆกับตัวเองถึงเรื่องคาใจ เมื่อนึกถึงภาพลูกชายสองคนเขย่งขอส่วนบุญดูโทรทัศน์หน้าบ้านเจ๊กเค็ง 2.สมรู้ร่วมคิด คืนนี้เจ๊กเค็งดูเหมือนจะยิ้มกริ่มเพราะว่ามวยตู้นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นพนันประจำตำบล เป้าหมายของแกคือการเก็บค่าต๋งจากบรรดาคอมวยในการเข้าชมโทรทัศน์เครื่องเดียวและเครื่องแรกของตลาดที่ไกลตัวจังหวัดขนาดนี้ อาหมวย อาตี๋วังนี้ลื้อไปบอกอีๆเซียนโมยว่ามีคู่เด็ด บอกให้ทั่วนา จะได้ค่าต๋งเยอะๆ อะไรที่เป็นเงินเป็นทองดูเหมือนว่าเจ๊กเค็งเอากับเขาหมดทุกทาง อย่างค่ำนี้รับรองเงินร้อยแดงๆต้องเข้าเก๊ะแกอย่างสบายๆไม่ต้องลงแรง ลงทุน ได้ดูมวยดีๆ แถมได้เงิน ด้วยเงินค่าต๋งที่ผ่านมาก็เกินราคาโทรทัศน์ไปแล้วน่าจะรวบรวมเอามาสมทบกับเงินค่าขายของซื้อตู้เย็นหลังใหญ่เอาไว้แช่เหล้าเบียร์เย็นเจี๊ยบขายเอาใจทั้งกรรมกรและข้าราชการทั้งหลายให้ไม่น้อยหน้าร้านโชว์ห่วยใหญ่ๆในตัวจังหวัด ไม่นานผู้คนก็มาส่งเสียงเชียร์กันเต็มร้าน คืนนี้เจ๊กเค็งดวงดีได้ทั้งค่าต๋งและเงินพนันที่แกแทงไว้ติดปลายนวมเล่นๆแต่มวยมันพลิก แกรับคนเดียวเนื้อๆเพราะไปรองเอาไว้ รุ่งเช้ามาถึง ประตูหน้าร้านเจ๊กเค็งเปิดออกบริการ มีลูกค้ามาแต่เช้า แกไม่คุ้นตา นั่งก่อง ๆ รับอะไรดีคัก... แกกุลีกุจอรับลูกค้ามาดผู้ดีที่มาคู่กันแต่งตัวโก้หร่าน เถ้าแก่ขอเบียร์ตราสิงห์สักขวดก่อน ฮ่อ...ล่ายๆ เย็นเจี๊ยบเลยเจ้านาย เวลาผ่านไปจนลูกค้าสร่างซา ลูกค้าคู่นี้ยังยิ้มหัวหยอกล้อกันไปมาหลังผ่านเบียร์ค่อนโหล สักพักฝ่ายหญิงทำสีหน้าถอดสีแล้วซบหน้าลงร้องไห้ ตายแล้วกระเป๋าตังค์ชั้นหาย ไอ๊หยา.... ในที่สุดค่าเบียร์วันนั้นก็กลายเป็นสร้อยคอทองคำพร้อมจี้เพชรราคาเกินพันอยู่ไม่น้อยเป็นมัดจำ ซึ่งเมื่อทั้งคู่กลับมาจ่ายเงินที่ค้างไว้ก็จะคืนให้ เย็นวันนั้นเจ๊กเค็งใจคอไม่ดี ยิ่งมีทองติดร้านไว้อย่างนี้ เห็นทีต้องระวังให้จงหนัก แกเลยตะเพิดไอ้เด็กมอมแมมสองคนไม่ให้มาเกาะประตูเหล็กดูโทรทัศน์เหมือนเคย แต่งเนื้อแต่งตัวดูไม่ได้...ไม่น่าไว้ใจ ไม่เหมือนคู่ผัวเมียเมื่อเช้าดูผู้ดีมีสกุล ไม่น่าถูกล้วงกระเป๋าเลย ในใจเจ๊กเค็งนึกคิด 3.อำลาไม่อาลัย สองคนผัวเมียยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ลุงมั่นก่อนโบกมืออำลาขึ้นรถบัสกลับกรุงเทพ หลังจากเหมารถสองแถวมาจากบ้านไร่โดยตรงในราคาพันเศษส่งถึงตัวจังหวัด ลุงมั่นบึ่งรถออกจากท่ารถในบขส.อุทัยธานีมาร้านขายโทรทัศน์ทันที แกเล็งไว้แล้วกับโทรทัศน์ขาวดำราคาต่ำสุด และบัดนี้กล่องโทรทัศน์เครื่องนั้นตั้งอยู่เบาะข้างคนขับอยู่อย่างสาสมใจตัวแก และรอยยิ้มจะระบายทั่วใบหน้าของลูกแกทั้งสองที่จะได้ดูไอ้มดแดง อุลตร้าแมนอย่างเต็มจอไม่ต้องขอใครดู ที่โรงพักภูธรตำบลบ้านไร่ เจ๊กเค็งหน้าซีด เมื่อรู้ว่าหลังจากสองผัวเมียมาดผู้ดีโก้หรูตัดสินใจขายสร้อยคอนั้นในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง โดยหักค่าเบียร์ที่ค้างไว้วันก่อน เพื่อจะเอาเป็นค่ารถ ค่าราเดินทางกลับกรุงเทพ ตกลงนี่เป็นทองเก๊ อาเฮียก็ถูกต้มเสียเปื่อย คราวหน้าก็ระวังแก๊งค์ต้มตุ๋นพวกนี้ไว้ แล้วก็อย่าไปเชื่อใจใครง่ายๆ ... สารวัตรรับเรื่องแจ้งความแล้วก็ให้คำแนะนำยาวเหยียดในขณะที่แก้วหูเจ๊กเค็งลั่นเปรี๊ยะปร๊ะที่เสียรู้และมองคนแต่เปลือกนอก ลุงมั่นเรียกลูกชายมาเปิดประตูรถ...เมื่อเห็นกล่องโทรทัศน์ เด็กทั้งสองร้องดีใจลั่นบ้าน ไฟแดงวาบๆตรงใต้ถุนเรือนลุงมั่นหอมอวลไอเป็นพิเศษ เสียงโทรทัศน์ดังลอดออกมาจากพื้นเรือน เรียกรอยยิ้มของแกให้ปรากฏ.
22 กุมภาพันธ์ 2550 08:14 น. - comment id 95053
เด็กที่ยืนเกาะประตูกรง ชะเง้อดูทีวี .. เคยเห็นนะ ภาพอย่างนั้น .. ตอนโน้น .. ทั้งซอยบ้านก็รู้สึกว่า จะมีเพียงบ้านหลังเดียวที่มีทีวี ใครต่อใครก็มารวมหัวชุมนุมกันในช่วงค่ำ จะซาอีกทีก็หลังสี่ทุ่มไปแล้ว ผู้ใหญ่ดูทีวี ต่างคนต่างพากย์แข่งกับทีวี ส่วนเด็ก ๆ ก็จับกลุ่มเล่น ตอนนั้น .. บ้านหลังนั้น บ้านที่มีทีวี..ถูกรื้อ ไม่มีทีวีอีกแล้ว บ้านอื่น ๆ ที่ก่อนหน้าไม่มีทีวี ก็เริ่มมีทีวี แถมเป็นทีวีสีซะด้วย ผลัดกัน .. ถึงแม้จะกระอักกระอ่วนอยู่สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ส่วนเด็ก ๆ ก็ย้ายมุมไปสุมหัวเล่นกัน ตามที่จะสะดวกกว่า ตอนนี้ .. มีทีวีเครื่องใหญ่ มีไว้ประดับบ้านไปงั้น ๆ ไม่ค่อยได้เปิดดูทีวีสักเท่าไหร่ ..