นิทานข้างห้อง...นอน (ตอน หนูเป็นสาวแล้วแต่เขายัง)
ชมพูภูคา J.
วันวัยเยาว์ของเราแล่นฉิวติดจรวด
หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป
เราผ่านหน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว มาด้วยกัน 3 รอบ
บางปีไม่มีหน้าหนาว แต่เราก็ถูกจับใส่เสื้อกันหนาวสีสวยด้วยกันทั้งคู่
(หมายถึงฉันกับโก้) จนแล้วจนรอดพ่อแม่ก็ยังไม่เข้าใจลูก ๆ
ของพวกเขาอยู่ดี และบางครั้งความหวังดีก็แฝงด้วยยาพิษ
จำได้ว่าพอพ้นสายตาของพวกท่าน ฉันก็แทบจะถอดเสื้อไหมพรม
ตัวนั้นทิ้ง ก่อนจะเก็บเอามาใส่อีกครั้งในตอนเย็นก่อนกลับบ้าน
แน่นอน ฉันกับเขาใจตรงกัน เราเกลียดเสื้อกันหนาวเข้าไส้
โดยเฉพาะสีสันลวดลายเดียวกันเป๊ะแบบนี้ ช่างโหดร้ายสิ้นดี
เราไม่ใช่ฝาแฝดที่พ่อแม่ต้องจับแต่งตัวให้เหมือนกัน
แล้วเราก็ตัวโตเกินไปที่ทำอะไรแล้วดูน่ารักไปทั้งหมด
ดังนั้น ยอมหนีโรงเรียนดีกว่าจะไปโรงเรียนด้วยความอัปยศเช่นนั้น
ปีสุดท้ายของชั้นมัธยมต้น ณ สถาบันแห่งท้องทุ่งนี้
ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเริ่มแสดงให้เห็น
ฉันดูอวบขึ้น ทั้งที่ปริมาณอาหารการกินเท่าเดิม
ขายาวขึ้น เริ่มมีสิวเม็ดเล็ก ๆ น่าเกลียดที่สองข้ามแก้ม
แม่บอกว่าฉันกำลังก้าวข้ามจากวัยเด็กมาสู่วัยวันอันสดใส
ปีนี้ความเปลี่ยนแปลงยังเกิดขึ้นกับฉันอย่างต่อเนื่องและเห็นได้ชัด
ในขณะที่โก้เหมือนเดิม เขาตัวเตี้ยกว่าฉันแล้วในปีนี้
เราสองคนดูเสมือนคู่มวยคนละรุ่น
โก้เริ่มพยายามแยกตัวห่างจากฉันเท่าที่เขาจะทำได้
ซึ่งก็เป็นการดีสำหรับฉันเช่นกัน เพราะทำแค่อยู่เฉยๆ เท่านั้น
โก้เริ่มเข้ากลุ่มเพื่อนกลุ่มใหม่ ต่างห้อง ต่างระดับชั้น
ทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาในสายตาของฉัน
ชอบทำตัวแปลกแยก ไม่คบเพื่อนห้องเดียวกัน มั่วสุมตามมุมตึก
ยึดห้องน้ำเป็นสมาคมส่วนตัว และ ฉันคิดว่าโก้เริ่มหัดสูบบุหรี่
ฉันไม่อยากสนใจเขาเท่าไร มีเรื่องแบบผู้หญิง ๆ น่าสนใจกว่าเยอะแยะ
โดยเฉพาะการรักษาหัวสิว ที่เริ่มบวมเป่งขึ้นทุกที
เดี๋ยวนี้พ่อแม่ไม่ค่อยตามรับตามส่งเราเหมือนเมื่อก่อน
ไม่รู้เพราะท่านมีงานยุ่ง หรืออาจเห็นว่าถึงเวลาควรปล่อยกบ
อย่างเราออกนอกกะลาเสียบ้าง
โก้ถือโอกาสเถลไถลออกนอกเส้นทางในบางวัน สำหรับฉันนาน ๆ ครั้ง
มีข่าวไม่ดีแว่วมาเข้าหูบ้างเกี่ยวกับโก้
ซิโก้แอบปิ๊งรุ่นพี่
ซิโก้นัดสาวไปดินเนอร์
ฉันไม่รู้ว่าโก้ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
แม้ว่าเราสองคนยังออกจากบ้านมาโรงเรียนพร้อมกัน อยู่ห้องเดียวกัน
นั่งโต๊ะติดกัน แต่ทำไมเหมือนอยู่ไกลกันคนละโลกก็ไม่รู้
ฉันคิดว่าเราสองคนแทบไม่มีกันและกันในสายตาด้วยซ้ำไป
วันหนึ่งก่อนปิดภาคเรียน โก้ลากฉันออกมาจากกลุ่มสาวๆ
รู้แล้วใช่ไหม เทอมหน้าเราสองคนต้องแยกชั้นเรียน
ฉันพยักหน้า
อือ
วันนี้รอด้วย กลับบ้านพร้อมกันนะ
โก้บอกแค่นั้น แล้วก็หายหัวไปไม่เข้าห้องเรียนอีกเลยจนกระทั่งเย็น
เราสองคนนั่งเคียงข้างกันอยู่ริมสระน้ำหน้าโรงเรียน
เด็กๆ หลายคนถูกเพื่อนจับโยนลงน้ำสนุกสนาน
บ้างก็แลกลายเซ็น คำร่ำลา ประทับบนเสื้อผ้า ผิวหนัง
เรื่อยไปตามแต่ความพิเรนของแต่ละคน
หลายคนจบการศึกษาและกำลังจะจากไป
แต่ฉันกับโก้ยังเลือกเรียนต่อที่นี่ในระดับชั้นมัธยมปลาย
ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องมานั่งทำซึ้งยังกับจะไม่ได้กลับมาอีก
มีอะไรหรือเปล่า ฉันถาม หลังจากเราสองคนนั่งมองทางโน้นทีทางนี้ทีอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง โดยไม่ได้มองหน้ากันเลย
เปล่าหรอก ฉันยังไม่กลับนะ เธอกลับก่อน บอกพ่อกับแม่ด้วย จะไปฉลองกับเพื่อน
กะยายนั่นน่ะเหรอ คำถามแรงแซงเร็วแบบไม่ต้องคิด
โก้พยักหน้า แล้วก็ลุกจากไปดื้อๆ ฉันมองเขางง ๆ
ไม่เข้าใจเด็กผู้ชายเลยจริงๆ
ยายนั่นคือเด็กผู้หญิงห้องอื่นที่มีข่าวคราวว่ากุ๊กกิ๊กกัน
หล่อนไม่ได้เรียนต่อที่นี่ และโก้คงเสียใจไม่น้อย
แย่จังที่ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้
ฉันไม่เห็นโก้ในอีกหลายวันถัดมา
พ่อแม่ของเขาบอกว่าโก้ขอไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่ต่างจังหวัด
และสงสัยว่าทำไมฉันถึงไม่ร้องขอไปด้วย ก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ
ฉันได้แต่บอกว่า มีแต่เพื่อนผู้ชายเท่านั้นที่ไป
ก่อนจะสบโอกาสปลีกตัวขึ้นห้องนอน ทั้งที่ตั้งใจจะนั่งกินขนมมากกว่า
ขอบตาผ่าวร้อน สัมผัสถึงอุ่นไอของน้ำตาที่เริ่มหลั่งรินช้าๆ
เสียงสะอื้นแผ่วเบา นานจนหลับไปในที่สุด
นาทีนั้นโลกของฉันกับโก้ก็ห่างกันไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว
แม้ว่าไม่ช้าไม่นานเราก็กลับมาเจอกันอีก (เพราะบ้านอยู่ติดกัน)
แต่เราสองคนก็รู้ว่า ...ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว...