อืม...เป็นหนังสือที่หน้าปกสีขาวสะอาดตา...หาเจอโดยบังเอิญจากร้านหนังสือ...เพราะตั้งใจจะหาซื้อหนังสือดีๆสักเล่มเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อน...ตอนแรกเห็นชื่อหนังสือก็ขำซะ...นึกในใจใครจะกล้าซื้อแล้วถือติดตัวไปไหนด้วยล่ะเนี่ย แต่พอได้เปิดอ่านแล้วก็เหมือนถูกตบหัวอย่างแรง มันเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกกระชากกลับอย่างเร็วน่ะ...บางเรื่องที่เราเคยคิดว่าสิ่งที่เราทำหรือคิดน่ะดีแล้วถูกแล้ว แต่พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้ อีโก้ในตัวคุณมันจะลดลงโดยไม่รู้ตัว...บางเรื่องที่เขียนไว้ในหนังสือก็ทำให้เรารู้ทันคนและรู้จักคนอื่นมากขึ้นและเรียนรู้เร็วขึ้นว่าเราควรจะทำตัวอย่างไรหรือตัดสินใจอย่างไรเวลาเจอเรื่องเดียวกัน หรือแม้กระทั่งเนื้อหาในหนังสือเหมือนกระจกสะท้อนตัวเราและ สะท้อนคนในสังคมที่เราพบเจอให้ใสกระจ่างขึ้นเหมือนเป็นคัมภีร์สอนตัวเราที่ไม่มีถ้อยคำอ่อนหวาน หรือ ให้กำลังใจ แต่เป็นการเตือนสติอย่างตรงไปตรงมา ไม่เสียเวลาอ้อมค้อม ซึ่งสังคมปัจจุบันหาคนที่จะพูดหรือเตือนอะไรกันตรงๆ หรือชี้จุดบกพร่องที่เราเป็น ได้น้อยมาก หรือถ้ามีก็คงจะมองหน้ากันไม่ติดเลยมั๊งแต่พออ่านหนังสือที่เขียนจากผู้รู้แจ้งแล้ว(เราขอยกให้ท่านเป็นผู้รู้แจ้งในการมองคนเลย ท่านชื่อ ไชย ณ พล)ทำให้เราต้องยอมรับโดยดุษฎีและเริ่มมองย้อนดูตัวเองว่าเราเป็น คนโง่ คนฉลาด หรือ คนเจ้าปัญญา จริงๆแล้วพออ่านจบคุณจะพบว่าคุณเป็นทั้ง คนโง่ คนฉลาด และ คนเจ้าปัญญา ในคนๆเดียวกัน แค่เพียงรู้เท่าทันตัวเองคุณก็จะรู้จักหยิบมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เราจะขอโพส บทความดีๆแบ่งปันให้เพื่อนๆนักอ่านที่สามารถเปิดใจกว้างและยอมรับตัวเองได้ อาจมีบางข้อที่ดูแรงไปแต่เชื่อแน่ว่ามันเป็นการเตือนสติเราได้เร็วกว่า คำพูดหวานๆแน่นอน... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยความคิด*** ...คนโง่... ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดเนืองๆ เปลืองเวลาและความรู้สึก และต้องตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด ...คนฉลาด...คิดมากก่อนแล้วถึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดมักปิดกั้นความหาญกล้า ...คนเจ้าปัญญา...คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความพลาดขื่นขม และประสบผลสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย ***THOUGHTS*** The foolish act and then think afterward,This leads to mistakes and endless trouble. The clever think first and act afterward,And often ride in a labyrinth of imagination.Many times their thoughts obstruct their own courage. The wise act out of thought and think as they act,Making activity practical and possible.They are safe from illusions,save energy and time,And travel the smooth path to success. แค่เรื่องความคิดก็เล่นเอาอ่วมแล้วนะ ตอนแรกทุกคนก็คงคิดว่าคิดก่อนทำย่อมดีแต่ความเป็นจริงแล้วมันใช้ได้แค่บางกรณีเท่านั้นแหละ บางกรณีเมื่อคิดแล้วก็ต้องลงมือทำไปด้วยถึงจะรู้จริง ตอนนี้เราซื้อหนังสือเล่มใหม่ให้เพื่อนไปแล้วล่ะ ส่วนเล่มนี้เราพกติดตัวไปตลอดเลยในกระเป๋า เผื่อเวลาหลงทางจะได้ไม่เสียเวลาไง...อิอิ(เข็มทิศชีวิต) ต่อไปเราขอนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ดีกว่า ถ้าใครที่กำลังท้อแท้อยู่เพราะคำคนล่ะก็อ่านบทนี้แล้วจะยิ้มออกเลยล่ะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยการวิพากย์วิจารณ์*** ...คนโง่...มัววิพากย์วิจารณ์นินทาคนอื่น คนอื่นจึงเจริญแต่ตนเสื่อม และเพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริงใจด้วย เขาคือมิตรเทียมและย่อมมีแต่มิตรเทียม ...คนฉลาด...มัววิพากย์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ตนต้องเป็นไป จึงไม่พอใจตัวเองจนต้องถล่มทลายตนเนืองๆ คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาและเคียงข้างเขาด้วยความกังขา ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมไม่วิพากย์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนย่อมเปลี่ยนไป เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมเป็นมิตรแห่งตน และมีมิตรแท้ที่มั่นคง ***CRITICISM*** The foolish enjoy criticizing others,And therefore lack sincere friends, The clever only criticize themselves,Others find them difficult to understand And leave them alone. The wise do not criticize anyone.They realize people are constantly changing And striving to be their best. They forego all criticism and gain true friends. วันนี้มีเวลาแค่นี้ไว้จะมาโพสเพิ่มนะหวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
30/01/07 ***ว่าด้วยกาลเวลาสัมพันธ์*** ...คนโง่...พร่ำเพ้ออยู่กับอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มักมีความคิดถอยหลังทั้งที่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า จึงขัดแย้งกับความเป็นจริงแห่งโลกเนืองๆ ...คนฉลาด...เพ้อเจ้ออยู่กับอนาคตที่ยังไม่จริง มักมีความวาดหวังอันยิ่งใหญ่แต่เป็นไปได้น้อย จึงรู้สึกไม่พึงพอใจกับโลกแห่งความจริงที่เป็นอยู่ตลอดเวลา ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมยืนอยู่บนปัจจุบันแล้ว ยืดอดีต ปัจจุบัน อนาคต ให้เป็นเส้นตรงเดียวกัน เอาพลังแห่งอดีตมาสร้างปัจจุบันให้สมบูรณ์เพื่อสานสร้างอนาคตที่งดงาม จึงดำรงอยู่อย่างมีความหมาย มีความหวัง และ มีโอกาสสำเร็จใหญ่ยิ่ง ***TIME*** The foolish call for the unchangeable past,While life walks toward the future.They simply lose their present and future. The clever dream of an unreal future,While life continues.They are usually dissatisfied with the present and lose it. The wise stand in the real present,And connect the past,present and future.Their lives are powerful and directed toward success. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยความเป็นไปได้*** ...คนโง่...ชอบคิดว่าทุกสิ่งที่หวังเป็นไปไม่ได้ จึงขังตนเองในความเกียจคร้าน ชีวิตตกต่ำ ...คนฉลาด...ชอบคิดว่าทุกสิ่งที่หวังเป็นไปได้ จึงทะยานไปในตัณหาไม่รู้จบ ชีวิตกระเจิดกระเจิง ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมเห็นว่าในบรรดาสิ่งที่หวัง บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ บางสิ่งเป็นไปได้ ในบรรดาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดนั้น บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ถาวร บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว และในบรรดาสิ่งที่เป็นไปได้นั้น บางสิ่งไม่มีประโยชน์ บางสิ่งมีประโยชน์ เขาจึงปรับความหวังให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ที่มีประโยชน์ และปรับสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราวให้เป็นไปได้มากขึ้น ชีวิตจึงอยู่กับความหวังและการพัฒนาโดยลำดับ ***POSSIBILITY*** The foolish think all of their wishes are impossible,Putting no effort into achieving anything,Letting their lives slide. The clever think that all of their wishes are possible.And fly after their infinite imaginations,Struggling too much with their lives. The wise realize that some of their wishes are pratical,while some are not. And some of the practical ones are valuable,while some are not.They focus their energies on the practical and the valuable,Achieving success in their lives. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
***ว่าด้วยผลมุ่งหวัง*** ...คนโง่...ทำอะไรก็อ้างความหวังดี แต่ด้วยความหวังดีที่ต่างมาตรฐานหรือต่างความเชื่อนั่นเอง ที่ทำให้โลกนี้วิบัติมาแล้วหลายต่อหลายยุค ...คนฉลาด...ทำอะไรก็อ้างความเจริญก้าวหน้า แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าที่ไม่สมดุลนั่นเอง ที่ทำให้โลกกำลังประสบปัญหาอยู่ในทุกวันนี้ ...คนเจ้าปัญญา...ทำอะไรก็คำนึงถึงความพอดี ทั้งโดยภาวะ ฐานะ ปัจจัย กลไกและเป้าหมาย จึงไม่สร้างปัญหาแต่พาสู่ความเจริญอันยั่งยืน ***INTENTIONS*** The foolish claim their actions are governed by good intentions,But their inappropriate good intentions Cause troubles in this world. The clever have the intention of modernization.But modern things sometimes cause trouble in this world. The wise try uplifting mankind's consciousness To bring sustainable peace into the world. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา*** ...คนโง่...พอพบปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์ตามมาอีกหลายชั้นจึงยิ่งเสียหาย ...คนฉลาด...พอพบปัญหาอะไรก็วิเคราะห์วิจัย เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหาในความคิด จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา ...คนเจ้าปัญญา...พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระและมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้วจึงจัดการกับปัญหาอย่างเหนือชั้น ***MANAGING PROBLEMS*** The foolish,when faced with problems,Tend to make a fuss And usually end up with new problems. The clever,when faced with problems,Tend to analyze the situation,But all they usually accomplish is a circle of problems. The wise,when faced with problems,Tend to step outside the situation.They can more easily solve the problems. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
15.00 น. อืม...ลองดูเรื่องแฟชั่นสมัยนิยมกันมั่ง มีใครอ่านไปแล้วลองประเมินตัวเองดูมั่งว่าเราเป็นแบบไหน เมื่อต้องเผชิญกับสถาณการณ์ที่แตกต่างกัน...ในแต่ละข้อ... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยความนิยม*** ...คนโง่...หลงสมัย พยายามไล่สมัยให้ทันด้วยการทำตัวให้ทันสมัยตามแฟชั่นต่างๆแต่ไล่เท่าไรก็ไม่เคยทันเพราะสมัยนิยมก็ไหลไปเรื่อยไม่หยุดนิ่ง ...คนฉลาด...หลงการสร้างสรรค์ พยายามนำสมัยไม่ให้ใครไล่ทันด้วยการคิดและทำสิ่งใหม่เสมอแต่หนีเท่าไรก็หนีไม่พ้น เพราะผู้คนล้วนกวดไล่ตามสิ่งแปลกใหม่แห่งยุคสมัย จึงต้องสรรสร้างหาสิ่งใหม่ๆหนีสมัยเรื่อยไปไม่สิ้นสุด ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมอกาลิโก เหนือกาลเวลา ไม่ตามสมัย ไม่หนีสมัย แต่ใช้ประโยชน์แห่งทุกสิ่งในทุกสมัย ในทุกระดับคุณค่าจนถึงภาวะสากล กลายเป็นผู้มีรสนิยมอมตะ ***FASHION AND STYLE*** The foolish try to keep up with the latest fashion.Because they always seek the new,They live frenzied lives. The clever desire creativity,Trying to remain one step ahead of everyone.They live insatiable creative lives. The wise live timelessly,Never changing from style to style.They always value what they have And possess the classic sense of life. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยคุณค่าแท้*** ...คนโง่...ยึดถือถ้อยคำ จึงได้แค่ความจำอันฉาบฉวย ...คนฉลาด...ดูดซับความหมาย จึงได้ความเข้าใจอันลึกซึ้ง ...คนเจ้าปัญญา...กลั่นคุณค่าแห่งความหมายเป็นคุณสมบัติแห่งตน จึงได้พัฒนาการอันยิ่งใหญ่ ***TRUE VALUE*** The foolish hang on to words,And live with beautiful memories. The clever absorb the meaning of words,And enjoy inquiry. the wise distill the value of words,And absorb their essence. ในหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาทั้งหมด 204 บทแน่ะ ...อืม...ไว้จะโพสให้อ่านกันนะ... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
31/01/07 ***ว่าด้วยการบริหารทรัพย์*** ...คนโง่...บริโภคความมีทรัพย์ นั่งนับอย่างเป็นสุขกับการได้มี พอตายกลายเป็นผีจึงต้องเป็นโสมเฝ้าทรัพย์ที่คนอื่นครองแทน ...คนฉลาด...บริโภคอำนาจของทรัพย์ เป็นสุขกับการได้จับจ่ายใช้สอย ทำทรัพย์ให้ร่อยหรอ แล้วหาใหม่เรื่อยไป ...คนเจ้าปัญญา...บริโภคคุณค่าแห่งทรัพย์ เป็นสุขกับการสร้าง รักษา สละ และพัฒนาค่าของทรัพย์เป็นคุณสมบัติอื่นที่ยิ่งกว่า ***PROPERTY*** The foolish covet their property And are happy possessing. The clever desire the power of their property And are happy in wielding its power. The wise seek the value of their property And are happy in increasing its value. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยค่าของคน*** ...คนโง่...ประเมินค่าของคนด้วยฐานะทางทรัพย์สิน จึงเห็นแต่เปลือกชีวิต ...คนฉลาด...ประเมินค่าของคนด้วยภาวะทางจิตใจ จึงเห็นน้ำเลี้ยงชีวิต ...คนเจ้าปัญญา...ประเมินค่าของคนด้วย อดีต ปัจจุบัน อนาคตตลอดนิรันดร์ จึงเห็นค่าของทุกคุณแห่งชีวิต ***JUDGING PEOPLE*** The foolish judge people by their wealth,They see only the outer part of life. The clever judge people by their thoughts,They see the sap of life. The wise judge people by their souls,They see the real value of life. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
1/02/07 ***ว่าด้วยแหล่งมิตรภาพ*** ...คนโง่...ชอบหาเพื่อนจากวงเหล้าหรือแหล่งอบายมุข จึงได้แต่มิตรเทียมที่นำภัยมาสู่ชีวิต ต้องแตกแยกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ...คนฉลาด...ชอบหาเพื่อนจากงาน จึงได้มิตรดีร่วมอุดมการ แต่เมื่องานหมดหรือล้มเหลว มิตรดีเหล่านั้นก็อันตรธานหายไป และบางคนก็ผันมาเป็นศัตรูหรือคู่แข่ง ...คนเจ้าปัญญา...ชอบหาเพื่อนจากธรรมสภาวะ จึงได้มิตรแท้ ที่มีรสนิยมเหนือเงื่อนไขทางโลก ความสัมพันธ์จึงสะอาดและมีแนวโน้มนิรันดร MAKING FRIENDS*** The foolish make friends at a party,Usually finding the insincere ones Who lead their lives to disaster. The clever make friends in the work place,Usually merging with beneficial partners Who help further their success.They are friends for as long as the partnership lasts.When business fails,so does their friendship. The wise make friends based on spiritual awareness,Usually finding gret and true friends.Their relationships grow beyond all worldly conditions. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์*** ...คนโง่...มัวมองแต่ความชั่วร้ายในคนอื่น จึงหยิบยื่นแต่โทษให้แก่กัน และได้รับความทุกข์ตรม ระทมใจเป็นของกำนัล ...คนฉลาด...มองแต่ความดีในคนอื่น จึงหยิบยื่นคุณค่าให้แก่กัน และได้รับความสุขระคนทุกข์จากความคาดหวังเป็นของกำนัล ...คนเจ้าปัญญา...มองทั้งความดีและความชั่วในตัวทุกคน พยายามควบคุมโทษแม้เล็กน้อยที่อาจเกิดระหว่างกัน แล้วหยิบยื่นคุณค่าให้เพื่อการพัฒนาร่วมกัน ปฏิสัมพันธ์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง จึงได้รับความเจริญและความอบอุ่นอันยั่งยืนเป็นของกำนัล ***OUTLOOKS ATTITUDES*** The foolish are pessimistic.They share their dark side with others,And are rewarded with grief and disater. The clever are optimistic.They share their bright side with others and are Rewarded with goodness but exhausted by pretense. The wise are realistic.They share the awareness of good and bad with others,And strengthen their lives as they grow. ขออภัยคนที่เย็นนี้มีนัดสังสรรกับเพื่อนว่าจะ ก่งก๊งกันด้วยนะ (^^)" หิวแล้วสิ ไปล่ะ...ไว้มาต่อพรุ่งนี้นะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
***ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม*** ...คนโง่...คิดแต่เรื่องส่วนตัว ทำอะไรก็เพื่อตัวเองแม้อาจทำให้คนอื่นเสียหาย จึงเป็นที่รังเกียจ สังคมไม่ต้องการ ...คนฉลาด...คิดแต่เรื่องส่วนรวม ทำอะไรก็เพื่อส่วนรวม แม้อาจทำให้ตนเสียหาย สังคมต่างต้องการแต่ตนไม่สามารถตั้งอยู่ได้ ...คนเจ้าปัญญา... คิดแต่เรื่องคุณธรรม ทำอะไรก็เพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายในทุกกาลเวลา จึงเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย ในขณะที่เขาอาจจะไม่ต้องการใครเลย ***SOCIAL CONCERNS*** The foolish are concerned only about themselves,Doing only what is beneficial for them.They usually are hated. The clever are concerned about the public,Forgetting they are one important unit of the public.They are always wanted but feel empty within. The wise are concerned about the ultimate good,Acting for the sake of all mankind.They are always needed even though they need no one. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยการบริหารอำนาจ*** ...คนโง่...เมื่อมีอำนาจมักใช้อำนาจโดยไม่เกรงใจผู้อื่น บ่มเพาะความไม่พอใจและสะสมศัตรูเรื่อยไป จึงถูดริดรอนอำนาจไปเรื่อย เมื่อหมดอำนาจแล้ว อาจถูกกระหน่ำอย่างไม่ยั้งมือ ...คนฉลาด...เมื่อได้รับมอบอำนาจก็มักสงวนอำนาจไว้ เพราะมัวเกรงใจผู้อื่น แม้จะถูกมองว่าดี แต่ก็ไม่อาจรักษาองค์กรหรือส่วนรวมได้ จึงมักถูกยึดอำนาจคืนและถูกสับเปลี่ยนเนืองๆ ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมบริหารอำนาจโดยสมดุล ใช้อำนาจทุกระดับตามระบบสัมพัทธ์เพื่อเป้าหมายสัมพันธ์ จึงมีอำนาจยั่งยืน ***POWER*** The foolish exploit power without consideration,Creating new enemies.Eventually,their power is destroyed. The clever exercise power with too much consideration,Often doing too little too late,and creating new problems.Eventually,their power is lost. The wise manage power from a balanced position,Thinking for the sake of all at all times.Eventually,their power is sustained. เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อนะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
2/02/07 15:12 น. ***ว่าด้วยพฤติกรรม*** ...คนโง่...ชอบเรียกร้อง เขาจึงเป็นที่น่าเบื่อหน่าย น่าสมเพชสำหรับคนทั้งหลาย ...คนฉลาด...ชอบต่อรอง เขาจึงเป็นที่ระแวง ระวังสำหรับคนทั้งหลาย ยอมรับได้ตราบที่ประโยชน์ลงกันและคบหากันอย่างไม่จริงใจ ...คนเจ้าปัญญา...อาสาสละ เขาจึงเอาชนะใจคนทั้งหลาย ได้รับความรักและความนับถือเป็นผลตอบแทน ***ACTION OF DEEDS*** The foolish demand their rights,Making themselves tiresome.Others step away from them. The clever like to negotiate,Making themselves suspect.Others insincerely touch them. The wise like to give And in return gain trust.Others are faithful to them. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยจรรยามารยาท*** ...คนโง่...แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ปฐพี ...คนฉลาด...ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปได้ในสถาณการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไปในผืนปฐพี ...คนเจ้าปัญญา...อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่พุ่งขึ้นสู่ที่สูง ***PERSONAL MANNER*** The foolish are brittle,They fall apart like bark. The clever are flexible,They branch out like roots. The wise are tender,They grow to the highest points like treetops. อืม...มีใครที่ดีใจพออ่านแล้วได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำเป็นการกระทำที่ฉลาดจนหัวใจพองโตแล้วกลับแฟ่บลงเมื่ออ่านวิธีคิดหรือทำของคนเจ้าปัญญามั่ง...นี่แหละน๊าที่เค้าว่ากันว่า***เหนือฟ้ายังมีฟ้า***เนอะ(๑*^_^*๑) @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
4/02/07 17.00 น. อืม...วันนี้หนึ่งทุ่มจะมีแข่งฟุตบอล ไทย-สิงค์โปร์ เลยขอหยิบยกเรื่อง ความรักชาติมาบ้างดีกว่า ***ว่าด้วยชาตินิยม*** ...คนโง่...ดูหมิ่นชนชาติของตนเอง แต่ชื่นชมในชนชาติอื่น จิตใจเขาจึงขมขื่น และดิ้นรนไปเป็นทาสชนชาติอื่น ...คนฉลาด...ชื่นชมชนชาติของตนเอง แต่ดูหมิ่นชนชาติอื่น จึงหลงตนเอง หลงชนชาติ คับแคบ และมักเบียดเบียนชาติอื่น แม้รุ่งเรืองก็มักมีศัตรูต่างพวกเสมอ ...คนเจ้าปัญญา...ชื่นชมส่วนดีในชนชาติของตนเอง ทั้งชื่นชมส่วนดีในชนชาติอื่น แล้วนำมาใช้ จิตใจเขาจึงเป็นสากล รุ่งเรืองในโลกกว้างอย่างไร้ศัตรู ***NATIONALISM*** The foolish have contempt for their own nation,and praise others,Not realizing that they are becoming the slaves of the others. The clever praise their own nation,and have contempt for others,Not realizing that they are making enemies that may be greater. The wise praise the good in all nations,All are seeking fulfillment of the good And not building aggression. เพราะงั้นมาเชียร์กีฬา อย่างคนที่มีน้ำใจนักกีฬากันเถอะ***คนไทยหัวใจช้าง*** @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยความสำเร็จ*** ...คนโง่...รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบสักครั้ง ...คนฉลาด...เดินไปหาความสำเร็จ จึงมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก ...คนเจ้าปัญญา...ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างเป็นย่อมสำเร็จแน่ และเหนื่อยน้อยกว่า ***SUCCESS*** The foolish wait for success;They may have to reincarnate to succeed. The clever search everywhere for success;They are exhausted before they succeed. The wise work constantly for success,With proper persistence,they always succeed. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
7/02/07 หายไปสองวัน กลับมาเขียนต่อ ไม่รู้ว่าจะเขียนได้อีกกี่บทนะ หวังว่าคงยังมีคนตามอ่านอยู่ ***ว่าด้วยความไม่ประมาท*** ...คนโง่...เพาะเลี้ยงความประมาทด้วยคิดว่า "ช่างมัน" จึงพลาดซ้ำซากอยู่เรื่อย ...คนฉลาด...บ่มเพาะความรอบคอบด้วยคติที่ว่า "คิดให้ดีก่อนทำ" จึงพลาดน้อยแต่ชักช้าอย่างยิ่ง และบ่อยครั้ง คิดมากจนไม่กล้าทำอะไรเลย ...คนเจ้าปัญญา...ปลูกฝังสติ "รู้ รู้ชัด" ในจิตสำนึก แล้วรู้ลึกความเหมาะสมกับแต่ละสถาณการณ์ จึงสำเร็จอย่างพอดีกับภาวะตามเวลาอันเหมาะสม ***CARE*** The foolish nourish carelessness with the thought:"It's okay," And repeatedly make mistakes. The clever nourish carefulness with the thought:"Think before doing." But their actions are often too late. The wise nourish care with the thought:"Realize precisely the right" The more clearly their senses perceive right,The more accurate and proper their action. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ***ว่าด้วยการอวดตน*** ...คนโง่...ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และความเจ็บปวดเป็นรางวัล ...คนฉลาด...ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และความช่วยเหลือเป็นรางวัล ...คนเจ้าปัญญา...ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตนและไม่ถ่อมตัวแต่บริหารสัมพันธภาพเพียงเพื่อผล วางตนและสำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพและความเชื่อถือเป็นรางวัล ***ARROGANCE*** Arrogant,the foolish are Rewarded with hate. Humble,the clever are Rewarded with sympathy and help. Neither arrogant nor humble,The wise are Rewarded with respect. @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
09/02/07 ***ว่าด้วยการบริหารศรัทธา*** ...คนโง่...รู้อะไรใหม่ ก็เชื่อไว้ก่อนว่าจริงหรือไม่จริง จึงงมงายอย่างยิ่ง ...คนฉลาด...รู้อะไรก็ไม่เชื่อไว้ก่อนว่าจริงหรือไม่จริง แต่เอามาทดลอง จนเห็นชัด จึงเชื่อ จึงมีเหตุผลอย่างยิ่ง ...คนเจ้าปัญญา*** รู้อะไร ก็ไม่สนว่าจริงหรือไม่จริง สนใจเพียงว่ามีประโยชน์หรือโทษเพียงใด แล้วสกัดโทษทิ้ง บริโภคเฉพาะประโยชน์ จึงได้คุณค่าแห่งการรู้ในทุกสิ่ง ***FAITH*** The foolish believe in their first perception,Leaving no space for another. The clever disbelive their first perception,Seeking more experience and tasting some truth. The wise disregard their first perceptions And seek the truth. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ***ว่าด้วยการสั่งสอน*** ...คนโง่...ชอบสอนความโง่ของคน ด้วยการก่นด่าส่วนที่โง่ของเขา ยิ่งสอนจึงยิ่งโง่ทั้งคนสอนและคนถูกสอน ...คนฉลาด...ชอบสอนความฉลาดของคน โดยการกระตุ้นให้คิด พูด ทำ อย่างชาญฉลาด จึงเกิดบรรยากาศสร้างสรรค์ ได้สิ่งใหม่ๆเสมอ ยิ่งสอนจึงยิ่งแตกฉานทั้งคนสอนและคนถูกสอน ...คนเจ้าปัญญา...ชอบสอนโดยไม่สอน ด้วยการนำผู้ถูกสอนไปสู่แหล่งกำเนิดปัญญาแท้ๆ เพื่อให้รู้เอง จนรู้จริงและรู้ยิ่งๆขึ้นไปถึงที่สุด ยิ่งสอนจึงยิ่งล้ำค่า และร่าเริงในสัจจะอันยิ่ง และได้มหาปราชญ์เป็นเพื่อนร่วมทางอีกมากมาย ***TEACHING*** The foolish teach to the ignorance of others.The more they teach,the more ignorant the teachers and students. The clever teach to the clecerness of others By stimulating them to think sharply.The more they teach,The smarter the teachers and students. The wise teach without teaching,Guiding students to a state of being wise,That way wisdom will recognize truth.The more they teach,the closer to genius the teachers and students. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
29 มกราคม 2550 20:54 น. - comment id 94847
เคยเป็นทุกคนเลยค่ะ ทั้งสามอย่างค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนโง่ค่ะ
30 มกราคม 2550 15:23 น. - comment id 94849
เราอ่านแล้วลองประเมินตัวเองไปด้วยในแต่ละเรื่องเพิ่งรู้ตัวว่า...ทำเรื่องโง่ๆเยอะเหมือนกัน...เหอๆ อ่านไปก็ทำให้เรารู้จักยับยั้งชั่งใจ ควบคุมอารมณ์ได้นะเหมือนตัวหนังสือลอยมาเคาะขมองเราตรงหน้าเลยอ่ะ ในบางครั้งที่ฟิวส์จะขาด ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ นิล นวล
31 มกราคม 2550 04:36 น. - comment id 94856
แมวน่ารักจัง
31 มกราคม 2550 12:44 น. - comment id 94857
เห็นด้วย...แมวเป็นสัตว์โลกที่น่ารักจริงๆ
8 กุมภาพันธ์ 2550 22:23 น. - comment id 94927
อืม...อ่านง่าย แต่ทำตามยากจังครับ ผมยังก้ำกึ่งอยู่ระหว่างการเป็นคนโง่กับเป็นคนโง่มาก ไหนๆ ก็แนะนำหนังสือกันแล้ว ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่าเยี่ยมมากๆ ครับ ชื่อ ART OF HAPPINESS ว่าด้วยเรื่องแนวคิดและคำสอนขององค์ทาไล ลามะ เขียนโดยหมอชาวฝรั่ง(ถ้าจำไม่ผิดนะ) อ่านแล้ว โอ้โห.....ดีจังเลย เข้าทำนองอ่านง่าย แต่ทำตามยากนั่นแหละ เพราะผู้อ่าน(หมายถึงตัวเอง) ยังเป็นมนุษย์กิเลสหนา อาศัยความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง ความจริงผมอยากคิดและทำได้ตามที่ท่านสอน แต่...มันยากจังแฮะ คงแนะนำแค่นี้ก่อนฮะ ผมมีเวลาอ่านหนังสือน้อยเหลือเกิน เวลาเขียนยิ่งน้อยยยยยย...เข้าไปใหญ่ (ยาวไปแล้ว) ...ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องสั้นของผมด้วยนะครับ ...ด้วยมิตร (ยื้มคำคนอื่นมาอีกที)
9 กุมภาพันธ์ 2550 11:31 น. - comment id 94934
ตอนแรกคิดว่าใครหนอ พอบอกว่าขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องส้น อ๋อ...ถึงบางอ้อ...คุณ พีรเดช นวลสาย นิเอง ไม่เห็นเรื่องสั้นนานแล้ว เนาะ...ยังไงก็จะรออ่านนะ ยังเป็นกำลังใจให้แบบเหนียวแน่นหนึบเหมือนเดิม เวลาที่เราได้เจอหนังสือดีๆสักเล่ม มันทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองนะ เพราะเราเลือกมาเองกับมือ ใช้เวลาในการเลือก เพราะ โคลอนจะเป็นคนซื้อทีละเล่ม อ่านจนจบแล้วถึงจะซื้อเล่มใหม่(แถวบ้านเรียก...งก...อิอิ) ไว้จะไปหาหนังสือที่คุณ พีรเดช แนะนำมานะ...อ้อ...เห็นด้วยนะที่บอกว่า อ่านง่ายแต่ทำตามยากอ่ะ บางข้อเราก็ยังแก้ไม่หายซะที......ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าเราจะเอาชนะใจตัวเองไดเหรือเปล่า เพราะที่สุดในชีวิตของคนก็คือ การเอาชนะและควบคุมจิตใจตัวเองได้ นี่แหละ จุดหมายที่เรากำลังจะเดินไป ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่เข้ามาอ่านและแนะนำหนังสือดีๆด้วย