"เออ ฉันดูละครเรื่องที่แกบอกแล้วนะ .." เพื่อนซี้ของฉันบอกขึ้นมาระหว่างคุยโทรศัพท์ เรามักอัพเดตข้อมูลของกันและกันให้ฟังเสมอๆ อย่างน้อยสองวันครั้ง .. "เรื่องรัย? .." ฉันนึกไม่ออก "ก็ละครช่องสามไง ที่แกดูน่ะ ฉันไม่เคยเห็นแกดูละครซักที เมื่อคืนเลยลองดู นึกว่าสนุก เป็นครั้งแรกที่ฉันเปิดดู และฉันจะไม่ดูมันอีกแล้ว" มันว่ามาเป็นชุด "ฉันรู้แล้วว่าทำไมสังคมไทยถึงเสื่อมทรามลงทุกวัน ก็เพราะมันทำสื่อแบบนี้ออกมาเผยแพร่นี่เอง .." แล้วมันก็ใส่อารมณ์มากจนฉันชักไม่แน่ใจว่ามันกำลังพูดถึงละครหรือป่าว "นางเอกเคยเป็นเมียน้อยของพ่อพระเอกมาก่อน แล้วก็มามีอะไรกับคนที่มีลูกมีเมียแล้ว แล้วเมื่อคืนแกดูหรือป่าว?" ระหว่างมันพูดๆๆๆ มันก็ย้อนถามเสียจนฉันแทบตั้งตัวไม่ติด .. "ป่าว เมื่อคืนกลับบ้านดึก .." ฉันตอบ "เออ เมื่อคืนนางเอกก็ยังไปมีอะไรกับพระเอกอีก .. รับไม่ได้ว่ะ .. ฉันไม่ดูแล้ว .." มันบ่น แล้วก็เล่าต่อถึงละครตอนเมื่อคืน ว่านางเอกทำมารยาสาไถยังไงบ้าง ฉันถอนหายใจเบาๆ .. นี่ถ้ามันรู้ว่า นางเอกมีลูกอายุราวสิบสามสิบสี่กับผู้ชายอีกคน มันจะช็อคมั๊ยนะ "๕๕๕๕ แล้วแกคิดบ้างหรือป่าวว่าบางทีมันอาจไม่ใช่แค่ละคร มันอาจมีอะไรที่ยิ่งกว่าที่แกรับไม่ได้ซุกอยู่ในซอกหลืบของสังคมมนุษย์ใกล้ๆ ตัวแกนี่ก็ได้นะ" ฉันพูดกลั้วหัวเราะ .. เรามันวัยเกินกว่าจะใช้คำว่า .. อ่อนต่อโลก .. แม้จะไม่ล่วงเลยจนสามารถใช้คำว่า .. แก่โลก หรือ กร้านโลก ก็เถอะ หากแต่ควรต้องรับความโหดร้ายหรือความไม่โสภาใดๆ ในชีวิตให้ได้ .. ได้แล้ว เพราะชีวิตไม่ได้มีสิ่งสวยงามตลอดเวลา .. "ก็รู้ว่ามีนะ แต่ถ้าเป็นฉันๆ จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด .." เสียงของมันที่ดังมาตามสายทำให้ฉันพอนึกสีหน้าสีตามันออก "แล้วแกเคยดูตอนก่อนหน้านี้หรือป่าว?" ฉันถาม "ไม่เคย .." มันตอบ "ตอนก่อนหน้านี้มันมีที่มาที่ไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันอาจบอกแกถึงเหตุผลความจำเป็นที่ทำให้เขาต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ.." ฉันบอกไป "มันผิด ถึงเขาจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำมันผิด ฉันไม่นึกอยากรู้ที่มาที่ไป .." ฉันนึกในใจ .. หากฉันที่เป็นเพื่อนกับมันมานานกว่ายี่สิบปีทำสิ่งใดที่สังคมตัดสินว่าผิด .. มันจะรับฟังเหตุผลมั๊ยนะว่าเพราะอะไร? หรือถึงแม้ถ้ามันรับฟัง .. และรับรู้แล้ว แล้วมันจะรับได้มั๊ยนะในความผิดนั้น .. แล้วฉันก็ต้องถอนหายใจพร้อมปลอบใจตัวเองว่า .. หากมันรับไม่ได้ .. ฉันก็ต้องยอมรับ เพราะมันคือความเป็นจริงในชีวิต แม้ฉันจะคาดหวังให้ใครเข้าใจในทุกสิ่งที่ฉันทำได้ .. หากแต่ฉันจะสมหวังหรือผิดหวังนั่นเป็นสิ่งที่ใคร .. หรือแม้แต่ตัวฉันก็ควบคุมมันไม่ได้ .. ในเมื่อฉันคาดหวัง .. มันก็มีสองทาง .. สมหวัง .. หรือผิดหวัง .. ก็เท่านั้น .. ง่ายจะตายไป "ฉันไม่นึกว่าคนอย่างแกจะดูละครแม่ผัวตบลูกสะใภ้ ละครน้ำเน่าแบบนี้ .." มันบอก ฉันอาจมองว่าละครน้ำเน่าเป็นเรื่องไร้สาระ หากแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดรอบตัว .. รัก โลภ โกรธ หลง .. ความจริงฉันก็อยากอธิบายให้มันฟังว่า ฉันไม่ได้ดูความเน่าของละคร และไม่ได้ดมกลิ่นเหม็นของมัน หากฉันดูอย่างอื่น .. อย่างน้อยนาทีที่ฉันได้คุยกับมันเรื่องนี้ ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า .. มีคนส่วนหนึ่งตัดสินคนจากการกระทำปัจจุบันว่า "ผิด" โดยไม่สนใจถึงเหตุผลแห่งการกระทำนั้น ถ้าเราเหลียวมองย้อนกลับไปดู อาจทำให้เข้าใจก็ได้ว่าทำไม เขาถึงเป็นอย่างนั้น สิ่งหนึ่งที่ฉันนึกอยู่ในใจเสมอ .. คือไม่มีใครอยากทำผิด หรือทำสิ่งที่สังคมตัดสินว่าผิด .. แต่ชีวิตมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ .. และส่วนที่ยากยิ่งอย่างสำคัญต่อการควบคุมคือ .. อารมณ์ของตัวเอง .. ยามตัวเราเองทำผิด .. เรามักมีเหตุผลอธิบายต่อตัวเองและคนอื่นเสมอ .. "ฉันกลับไปดูหนังเกาหลีของฉันต่อดีกว่า .. สนุกกว่าเยอะ .." มันบอก "แกรู้หรือป่าวว่าทำไมเกาหลีถึงทำหนังรักสไตล์นั้นจนคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง" ฉันถาม "ก็คนชอบดูไง .. ดูแล้วสบายใจ อมยิ้มตลอดเรื่อง รักหวานซึ้งขนาดนั้น .." มันทำเสียงเคลิบเคลิ้ม .. "เกาหลีน่ะ อัตราการเกิดน้อย คนเกาหลีทั้งหญิงทั้งชายตั้งหน้าตั้งตาทำงานเลี้ยงตัวเอง จนไม่คิดแต่งงาน มันเป็นนโยบายของผู้ปกครองประเทศที่จะส่งเสริมให้คนเกาหลีหันมาแต่งงานสร้างครอบครัว เพื่อเพิ่มจำนวนประชากร เขาเลยทำหนังรักหวานออกมาซะส่วนใหญ่ เพื่อให้คนอยากแต่งงาน" ฉันอธิบายคร่อก เพราะเคยฟังข่าวมา "จะยังไงก็ช่างเหอะ ดูแล้วสบายใจกว่านี่" ฉันยุติการสนทนาเรื่องละครเพียงแค่นั้น เพราะความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน มันคงเป็นการดีกว่าที่จะเปิดโสตรับแต่สิ่งที่สร้างความสบายใจ สบายตา หากแต่เราจะหลีกเลี่ยงความไม่โสภาได้ตลอดเวลาหรือเล่า? หลายต่อหลายครั้งยามขับรถบนท้องถนน .. ฉันเป็นคนแรกที่ขับรถไปถึงจุดเกิดอุบัติเหตุและได้เห็นสภาพคนเจ็บ หรือบางครั้งก็เป็นสภาพศพ ทั้งที่ตัวเองกลัวผีอย่างหนัก และกลัวเลือด หากถ้าฉันรู้ล่วงหน้าว่าต้องพบ ฉันคงไม่ขับรถไปทางนั้น หลายต่อหลายครั้งที่ฉันเปลี่ยนช่องทีวีหนีรายการวงจรชีวิต ที่สะท้อนภาพรันทดของบางชีวิตในซอกหลืบของสังคมไทย .. หากแต่ก็ต้องไปพบรายการประเภทเดียวกันของช่องอื่นๆ ถ้าฉันรู้ว่าช่องนั้นกำลังฉายรายการเหมือนๆ กันฉันคงไม่เปลี่ยนช่องไปหรอก ฉันคงทำได้เพียงเปิดใจให้กว้าง .. รับรู้เรื่องดี เรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นจริง .. เลือกเสพย์สิ่งโสภา สบายตา สบายใจ หากแต่ก็ไม่เลี่ยงหากจะต้องพบเจอกับความไม่สวยงาม แยกแยะให้ออกว่า สิ่งใดเก็บ สิ่งใดทิ้ง .. ที่สำคัญ .. ฉันคงไม่เลิศเลอพอจะตัดสินความเป็นตัวตนของใคร หากแม้นฉันจะได้รับรู้ที่มาที่ไป .. และเข้าใจถึงพฤติกรรมอันนั้น แต่ฉันก็ระลึกอยู่เสมอว่า .. ชีวิตใคร .. ใครก็มีสิทธิในชีวิตของเขาอย่างสมบูรณ์ ที่จะเลือกมีเลือกเป็นในสิ่งที่เขาเลือก .. หรือเขาอาจต้องมีต้องเป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เลือก .. ฉันก็คงต้องยอมรับว่า .. นี่แหละคือ .. ชีวิต .. ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ .. เพื่อจะบอกว่า .. ไปดูหนังสมเด็จพระนเรศวรกันเถอะ .. อิอิ ..
27 มกราคม 2550 13:31 น. - comment id 94815
อ้าว ไง๊เงี๊ยอ่ะเจ้ .. โห๊ ..... เลี้ยงเลยน๊าเลี้ยงเลยหนังรอบหน้าอ่ะ ... จะไปดูพระนเรศวรภาคสองด้วย ... เรารักประเทศไทย เรารักแผ่นดินไทย และห่วงใยพี่กีกี้ด้วย ......
27 มกราคม 2550 16:03 น. - comment id 94817
เอาค่าโฆษณามาแบ่งกันเลยพี่
28 มกราคม 2550 18:41 น. - comment id 94826
ยุงเยอะก็ต้องตบกันไป..แต่ถ้าไม่มียุง มันก็เสียระบบนิเวศน์น่ะ อิอิ ละครเรื่องนี้ดูเหมือนจะมองข้ามศีลธรรมอันดีไปนิดนึง แต่ยังไงก็ขอให้ดูตอนจบก่อน เผื่อเขามีข้อสรุปดีๆ ก็ได้น่ะจ๊ะ.. :)
29 มกราคม 2550 18:05 น. - comment id 94844
"เพราะมุมมองของเธอ มิได้ครอบคลุมทั้งบริบท ทั้งชีวิตฉัน" เราจึงยังเห็นโลก ที่ต่างกัน เสมอๆ