โลกกลมๆ ของฉัน
ใบคา
ตอน...เปิดเทอม
และแล้วฉันก็พบกับคำว่าสมหวังกับเขาสักทีหนึ่ง เพราะว่าฉันได้ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยอย่างสมใจนึกแล้ว ทั้งๆ ที่ฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวย ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้ฉันพบกับความผิดหวังเสมอมา
ความผิดหวัง
เป็นคำที่ฉันคุ้นมากกว่าคำว่ารัก ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่ฉันมีความรักไม่ว่ากับใคร คนนั้นมักจะทำให้ฉันเสียใจเสมอ และเรื่องที่น่าเศร้าคือเขาคนนั้นมักจะเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ชาติที่แล้วฉันคงทำบุญมาน้อย จึงต้องเป็นแบบนี้
ฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะที่ค่อนข้างจน แต่ฉันก็ไม่เคยท้อแท้กับมันแม้แต่ครั้งเดียว แต่ความจำเป็น ฉันต้องทำงานหนักเพื่อจุนเจือครอบครัว ทั้งๆ ที่เพื่อนบางคนได้เรียนหนังสืออย่างสบาย มีเวลาทำการบ้านอ่านหนังสือมากกว่าฉัน บางครั้งฉันก็นึกอิจฉาที่พวกเขาเกิดมามีฐานะดี ได้อยู่อย่างสบาย และมีครอบครัวที่อบอุ่น มันช่างแตกต่างอะไรกันเช่นนี้ทั้งๆ ที่อยู่บ้านใกล้กันแท้ๆ ยิ่งพี่สาวตัวดีของฉัน ถึงแม้ว่าจะแต่งงานมีลูกมีผัวไปแล้ว แต่ก็ยังทำตัวเป็นปลิงคอยดูดเลือดฉันอีก ไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ ของคนในบ้านแล้วฉันจะต้องมารับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายของครอบครัวพี่สาวตัวแสบ ฉันนี่ซวยจริงๆ ทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ ฉันไม่เคยคิดว่าจบแล้วจะได้เรียนต่อ เพราะฉันต้องรับผิดชอบค่าใช่จ่ายในการเรียนระดับปริญญาตรีทั้งหมด เนื่องจากพ่อกับแม่ส่งเสียได้แค่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น แต่โชคยังเข้าข้างฉันอยู่บ้าง คงเป็นเพราะความดีจากความเพียรของฉันมั้ง ทำให้ได้รับทุนจนสามารถเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ ฉันดีใจมาก และที่ดีใจมากกว่านั้นฉันจะได้อยู่กับเพื่อนรักต่อไป ไม่กี่วันชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจะเข้ามาถึงแล้ว ฉันตื่นเต้นมาก เพราะจะได้ใส่ชุดนักศึกษาและใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เสียที
************
ณ กรุงเทพมหานคร
ฉันเช่าห้องอยู่กับ ปอฟาง เพื่อนรักคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งกัน ปอฟางเป็นคนที่เรียบร้อย จนบางครั้งออกจะซื่อบื้อด้วยซ้ำไป ขนาดฉันว่าฉันเป็นคนซื่อบื้อแล้วนะเนี่ย พอมาเจอ ยัยฟาง เข้า ฉันจึงรู้สึกว่าฉันฉลาดขึ้นเยอะเลย ฟางจัดว่าหน้าตาน่ารักทีเดียว แต่ยัยนี่ชอบทำตัวลึกลับไม่ค่อยคุยกับใครนอกจากฉัน จึงมักได้ยินเธอบ่นนี่บ่นโน้นให้ฟังอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ทำให้รำคาญไม่น้อย แต่กับคนอื่นเธอกลับเงียบ หนักไปทางขรึม จนทำให้คนอื่นเข้าถึงเธอไม่ได้ ถ้าเธอเปิดใจช่างคุยกว่านี้ ฉันรับรองได้เลยว่าเธอต้องป๊อบปูล่ามากๆ แต่ช่างมันเถอะเพราะยังไงฉันก็คิดว่าฉันหน้าตาดีกว่ายัยฟางตั้งเยอะ เพียงแต่อาจจะไม่ใช่อย่างคนอื่นเขาคิดกัน เลยไม่มีใครใคร่จีบฉัน
อืม...ฉันมั่นใจจริงๆ นะ
ฉันตื่นนอนแต่เช้ามืด ใช้เวลาหมกมุ่นอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนานทีเดียว ก็กลัวนี่ว่าจะดูไม่ดี ขณะที่กำลังแต่งสวยอยู่เพลินๆ นี่เอง เสียงยัยฟางร้องลั่นว่า ตายแล้ว ดังลั่นทั่วห้อง ทำเอาสะดุ้งตกใจไม่ใช่เล่น
ฉันตกในถึงขนาดทิ้งเครื่องสำอางทั้งหมด แล้วรีบไปหา ยัยฟาง นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ร้องซะดังลั่นเชียว ฉันถามอย่างตระหนก แล้วสำรวจรอบๆ เตียงนอน ก็ไม่เห็นมีอะไร อาการตกใจก็เปลี่ยนเป็นโมโหทันที นี่ยัยฟางเธอเป็นอะไรของเธอย่ะ ร้องซะดังเชียว เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังแต่งหน้าอยู่ตกใจแทบแย่ เกิดฉันไม่สวยขึ้นมาจะว่าไงหา!
เออคือว่า... ยัยฟางอ้ำอึ้ง
อะไรของเธอย่ะ นี่หรือว่าเธอละเมอใช่ไหม...หรือว่าฉี่รดที่นอนฮ่ะ บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าเป็นอะไร
ปอฟางหน้าซีด พูดตะกุกตะกักว่า คือ...ฉัน...ฉันละเมอน่ะ...โทษทีนะ
ฮึ! เธอเนี่ยนะเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ฉันต้องใช้สมาธิมากแค่ไหนในการแต่งหน้าเนี่ย รู้ไหม
ปอฟางลุกขึ้นนั่งกุมมือฉันแน่นแล้วทำหน้าซึ้งๆ เสียงอ้อนๆ ว่า ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...นะนะ
เจอลูกนี้เล่นเอาโกรธไม่ลงเหมือนกัน แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม ฉันจึงทำแค่พยักหน้าให้เท่านั้น
แต่ว่านี่มันเพิ่งจะตี 5 เองนะ เมย์! เธอจะรีบแต่งหน้าแต่งตัวไปไหนของเธอเนี่ย บ้าหรือเปล่า
ฉันตื่นเต้นกับการเปิดเทอมมากไปหน่อยวันนี้ฉันเลยตื่นตั้งแต่ตี 4 อาจจะดูเว่อร์ๆ ไป แต่ฉันก็ตื่นเต้นจริงๆ นี่ ทำไงได้ล่ะ ฉันยิ้มแหยๆ ตอบกลับไปว่า ก็วันนี้มันเปิดเทอมไง เธอจำไม่ได้หรือไง ฉันก็ต้องตื่นแต่เช้าสิ เธอนั่นแหล่ะนอนขึ้นอืดอยู่ได้ ฉันตื่นตั้งตี 4 นะรู้ไหม
เธอจะบ้าเหรอ ตื่นตั้งแต่ตี 4 นี่นะ วันนี้มีเรียน 9 โมงนะ ตื่น 8 โมงก็ยังไปทันเลย มหาวิทยาลัยก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง
เธอนั่นแหล่ะบ้า! ไปเรียนวันแรกก็ต้องไปก่อนเวลาสัก ชั่วโมง 2 ชั่วโมงสิ เพื่อได้รู้จัก ทักทายเพื่อนใหม่ๆ นี่เธอไม่คิดจะรู้จักกับใครเลยหรือไง เธอนี่มนุษย์สัมพันธ์แย่จัง ฉันแกล้งว่าไปงั้นแหล่ะ เพราะฉันก็ตื่นเช้าเกินไปจริงๆ ก็ถ้าไม่พูดอย่างนั้นยัยนี่ก็ต้องหาว่าฉันบ้าน่ะสิ เอ! หรือฉันบ้าจริงๆ นี่ เริ่มสับสนแล้วซี แต่คำพูดของฉันก็ทำให้ยัยฟางคิดขึ้นมานิดหนึ่ง ฮึ! ยังไงฉันก็เป็นต่อเธอวันยังค่ำแหล่ะ ยัยฟาง
แต่ฉันว่าไม่เห็นจะต้องตื่นตี 4 เลยนี่นา...เฮ้อ! งั้นก็ช่างเธอแล้วกัน ฉันง่วงนอน เชิญเธอแต่งตัวของเธอตามสบาย ปอฟางหาวฟอดใหญ่ แล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม
ยัยบ้านี่ แล้วฉันก็กลับไปแต่งหน้าต่อ
************
เมย์! ไฟไหม้ ตื่นเร็ว...ไฟไหม้แล้ว
ฉันสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงยัยฟางตะโกนข้างหู
โอ้ย! ยัยบ้า จะมาตะโกนเสียงดังข้างๆ หูฉันทำไมเนี่ย จะบ้าเหรอ
อ้าว! เธอไม่ตกใจเหรอ ไฟไหม้นะ ไฟไหม้
ฉันเอามือปิดหูขณะมองยัยฟางพูดและทำหน้าทะเล้นใส่ ทำไมต้องทำหน้าตาน่ารักใส่ฉันด้วย ฉันกำลังโมโหเธอนะ เกิดฉันหูแตกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
นี่ 8 โมงครึ่งแล้วนะ ไหนบอกว่าจะไปรู้จักเพื่อนใหม่ก่อนเวลาเรียนไง อิๆ ฉันตื่นมาก็เห็นเธอนอนหลับอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จนฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็ยังไม่ตื่น ฉันเดินมาเรียกเธอก็ไม่ตื่น จึงต้องตัดสินใจตะโกนใส่เธอ มาโทษฉันได้ไง ฉันอุตส่าห์ปลุกเธอนะ ยัยฟางพูดงอนๆ
เรียกดีๆ ก็ได้นี่นา ฉันคิดว่าจะหลับนิดเดียวเอง อุ๊ย! ตายแล้ว รีบไปกันเลยดีกว่า พูดจบฉันก็กระชากมือยัยฟางออกมา วิ่งแจ้นไปที่มหาวิทยาลัยทันที
***************
นี่ๆ ยัยบ้า! เมื่อกี้เกือบโดนรถชนเลยนะ เธอจะรีบไปไหน เดินมาดีๆ ก็ทัน เธอนี่ท่าจะบ้า ยัยฟางบ่นตลอดทาง
เถอะน่า ฉันตัดความรำคาญ
พอถึงหน้ามหาวิทยาลัย ฉันเดินนำปอฟางไปที่ห้องเรียนอย่างรวดเร็วโดยไม่รอเธออย่างมั่นใจ ส่วนปอฟางนั้นเดินตามฉันมาอย่างเซ็งๆ ระหว่างทางขึ้นไปที่ห้องเรียน มีนักศึกษาหลายคนเดินสวนทางมา คนเหล่านั้นมองฉันอย่างตะลึง ก็แหม! จะไม่ให้ตะลึงได้ไงล่ะ เล่นตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตี 4 ถ้าไม่สวยก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะ แถมยังมียัยหน้าจืดเดินตามฉันมาอีก ยิ่งทำให้ฉันดูโดดเด่น เหมือนเจ้าหญิงกับนางสนมยังไงยังงั้น ฉันยิ้มแต่พองามให้กับคนเหล่านั้น ดั่งกับเจ้าหญิงโปรยยิ้มให้กับข้าทาสบริวาร ช่างมีเสน่ห์อะไรอย่างนี้ ไม่นานเราก็มาถึงหน้าห้องเรียน ทันทีที่ฉันก้าวพ้นธรณีประตู เสียงจอแจในห้องก็หายไปทันที คงเหลือไว้แต่ความเงียบ และอาการตกตะลึง สักครู่เสียงก็กลับมาดังอีกครั้ง แต่หนนี้รู้สึกเหมือนว่าจะดังกว่าเก่า ฉันสังเกตุเห็นกลุ่มผู้ชายมองมาที่ฉัน แล้วก็หันไปซุบซิบพร้อมกับหันมาที่ฉันแล้วยิ้ม ทันทีที่เห็นรอยยิ้มจากหนุ่มๆ เหล่านั้น จิตใจฉันพองโตเหมือนกับมันจะล้นออกมานอกอกจนแทบเก็บอาการไว้ไม่ไหว ก็แหม! มีแต่คนหล่อๆ ทั้งนั้นเลยนี่ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากอย่างบอกไม่ถูก ถึงขนาดไม่กล้าเดินเข้าห้องไปคนเดียว ฉันหันไปหาเพื่อนรักก็ไม่ยักจะเจอยัยฟาง เอาล่ะสิหายไปไหนเนี่ย ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก อาการใจสั่นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ทำยังไงดี ทำยังไงดีล่ะเรา
กว่าจะมาได้นะแม่เต่าน้อย ฉันประชดทันทีที่เห็นยัยฟางเข้ามาใกล้
โอ้ย! เหนื่อยนะ...ลิฟท์มีทำไมไม่ขึ้นฮ่ะ เธอบ่นพร้อมแลบลิ้นออกมา เหมือนหมาเหนื่อย
พูดมากน่า เร็วๆ เข้าเถอะ
ฉันเหนื่อยมากเลยนะ
ฉันรู้...แต่ถึงเวลาเรียนแล้วนะ
ปอฟางจ้องหน้าฉัน เงียบ...แล้วก็หัวเราะอย่างน่าเกลียด ดีนะที่เบา ไม่งั้นมาดสาวขรึมคงแตกกระจาย
ขำอะไรของเธอ ฉันดุ
ฉันว่า เราไปห้องน้ำกันก่อนดีกว่า แล้วเธอก็ลากมือฉันเข้าห้องน้ำทันที
ว้าย! ฉันร้องเสียงหลงเมื่อเห็นตัวเองในบานกระจก หน้าตาฉัน ก็หน้าตาฉันน่ะสิ มาสคาร่าไหลเยิ้มลงมาที่ขอบตา ดำยิ่งกว่าผีดิบเสียอีก ส่วนแป้งรองพื้นก็ลบเป็นจุดๆ ดูตลกอย่างน่าเกลียด ที่ปากก็เป็นคราบน้ำลายผสมกับลิปสติกดูน่าเกลียดจัง สงสัยเป็นตอนที่ฉันหลับไปแน่เลย ตายแล้วทำไงนี่ ฉันลนไปหมดแล้ว ทำอะไรไม่ถูกเลย แป้งพับก็ไม่ได้ติดตัวมาด้วยสิ ทำไงดีๆ ทุกคนก็เห็นฉันในสภาพนี้หมดแล้ว ทีนี้ฉันจะทำไงล่ะนี่
ไม่รู้จะทำยังไงฉันหาที่ระบายทันที ยัยปอ! เพราะยัยนี่คนเดียวทำให้ฉันต้องซวยอย่างนี้ ทำไมฉันต้องมาเจอแต่เรื่องแย่ๆ แบบนี้ด้วย นี่ยัยเพื่อนตัวแสบ ทำไมเธอไม่บอกฉันฮ่ะ ว่าหน้าตาฉันเป็นแบบนี้ ปอฟางหัวเราะอย่างบ้าครั่ง หัวเราะฉันแน่ๆ เลย เพื่อนกันทำกันได้ลงคอ ฮึ! คอยดูนะถึงคราวเธอฉันจะไม่เตือนบ้างคอยดู
ฉันทำหน้าเศร้าได้ผล ยัยปอ เงียบทำตาสำนึกทันที ฉันกำลังจะบอกเธอแล้วนะ โอ๋ๆ แต่เธอก็ฉุดฉันวิ่งมาเอง จนฉันไม่มีโอกาสได้เตือน ข้ามถนนก็เกือบจะโดนรถชนด้วยซ้ำ พอมาถึงเธอก็เดินลิ่วๆ ไป ฉันตามก็ไม่ทัน ไม่รู้จะรีบไปไหน ขึ้นมาก็เหนื่อยแทบแย่ นี่ก็รีบบอกแล้วนะ ฮึ! ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ
ขอบใจจ้า ฉันประชด โอ้ย! ฉันอุตส่าห์วาดภาพไว้ซะสวยหรู ว่าวันนี้ฉันจะต้องโดดเด่นกว่าใครๆ แต่ดูสิ ฮือๆ
โอ๋ๆ วันนี้เธอก็ดูโดดเด่นแล้วไง ใครว่าเธอไม่เด่น พูดจบปอฟางก็หัวเราะขึ้นมาอีก
นี่เธอหัวเราะอะไรนักหนา ปอฟางหยุดหัวเราะแล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้ฉันเช็ดหน้าตาอันทุเรศของฉัน ฉันรีบล้างหน้า และเช็ดคราบต่างๆ ออกจนหมดสิ้น
ปอฟางยืนดูแล้วยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยชม เธอนี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็น่ารักดีออก จะตื่นมาแต่งหน้าทำไมก็ไม่รู้ตั้งเช้ามืด เชื่อเขาเลย ประโยคสุดท้ายเธอกล่าวอย่างเอือมระอา
เชอะ! เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ฉันมันสวยแต่กำเนิดย่ะ ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ แทนที่จะเตือนกันบ้างไม่มีเลยนะ ฉันยังงอนอยู่
เถอะน่า รีบไปเรียนกันเถอะนะ เดี๋ยวเกิดอาจารย์เข้าล่ะก็คราวนี้เธอเด่นอีกครั้งแน่ๆ ยัยฟางตัดบท แล้วเดินนำหน้าฉันไปห้องเรียน
พอถึงหน้าห้องฉันก็พยายามก้มหน้า เผื่อว่าคนอื่นจะจำฉันไม่ได้ ก็ตอนแต่งหน้ากับไม่แต่ง หน้ามันต่างกันจะตายไป พวกนั้นเห็นฉันแป๊บเดียวคงจำไม่ได้หรอกหน่า ฉันกับปอฟางเลือกที่นั่งโต๊ะแถวท้ายๆ พอนั่งปุ๊บเพื่อนโต๊ะข้างๆ ก็เข้ามาทักฉันทันที ถ้าไม่เกิดเรื่องเมื่อกี้ขึ้นฉันคงรู้สึกดีกว่านี้แหล่ะนะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าไม่อยากคุยกับใครเลยจริงๆ ให้ตายสิ ทักทำไมเนี่ย
สวัสดีจ๊ะ เธอชื่ออะไรเหรอ ฉันชื่อแป้งนะสาวคนผมหยิกทักฉัน
สวัสดี ฉันเมย์แล้วนี่เพื่อนฉันปอฟางจ๊ะ
ยินดีที่ได้รู้จักเธอทั้ง 2 คนนะ นี่เพื่อนฉัน จุ๋ม นัด แอน เธอพูดพร้อมกับหันไปแนะนำเพื่อนในกลุ่ม
ฉันรู้สึกหมั่นไส้ยัยนี่จัง ทำไมต้องทำเสียงดัดจริตอย่างนั้นด้วย แล้วดูแต่งตัวสิ รัดติ้วซะขนาดนั้น ดูกระกระโปรงสิสั้นจุ๋ดจู๋ เอ! ไม่ใช่สิ ต้องสั้นจุ๋ดจิ๋มถึงจะถูกก็หล่อนเป็นผู้หญิงนี่ ยังไงก็ช่างเถอะเป็นอันว่าสั้นขนาดฉันเองก็ตกใจก็แล้วกัน หน้าก็จัด คิดว่าสวยตายล่ะ ยัยลิงทั้ง 4 เอ๋ย ถ้าพวกหล่อนไม่แต่งหน้า หน้าตาจะเป็นไงน้า
ขณะที่ฉันนินทาและคิดอะไรเรื่อยๆ อยู่นั้น แป้งก็พูดขึ้นมาอีกว่า เธอไปลบหน้าแล้วเหรอ เมื่อกี้พวกเราตกใจหมดเลย แหม! เธอนี่ตลกดีนะ กล้าแต่งแบบนั้นมาด้วย โดดเด่นไปเลย พูดจบพวกเธอก็หัวเราะขึ้นมาอีก
เธอพูดถึงอะไรเหรอ ฉันงงไปหมดแล้ว เมื่อกี้นี้พูดถึงฉันหรือเปล่า แผนของฉันได้ผล พวกนั้นหยุดหัวเราะทันที พร้อมกับทำหน้างงๆ
ทันใดนั้นแอนก็พูดขึ้นว่า ก็เมื่อกี้คนที่แต่งหน้าจัดๆ มาสคาร่าเยิ้มๆ ไม่ใช่เธอเหรอ ฉันจำได้นะเธอนี่แหล่ะ
ฉันทำหน้างง ทำแบบว่าไม่รู้เรื่องที่พวกนี้พูดกัน อะไรของเธอเหรอ ฉันเพิ่งเข้ามาเมื่อกี้เองนะ เธอพูดถึงเรื่องอะไรกันเหรอฉันงงเหมือนกันนะเนี่ย ฉันดัดเสียงเลียนแบบแป้ง
ก็มีคนหน้าตาเหมือนเธอมากๆ เลย แต่แต่งหน้าตลกๆ เดินมาก่อนเธอสัก 10 นาทีได้มั้ง ไม่ใช่เธอเหรอ งั้นฉันก็ขอโทษด้วยจริงๆ นะ แป้งพูดพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่แววตากำลังซอกซอนเข้ามาในสายตาฉันเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง
ฉันทำหน้าใสซื่อพร้อมกับพูดว่า ไม่เป็นไรจ๊ะ ทันใดนั้นเสียงเพื่อนๆ ก็เงียบลง และพวกเราก็เงียบทันทีที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้อง