"เฮ๊ย!! อีแว่น แกรู้จักพี่คนนั้นปะ?" "คนไหนยะ" "ก็นั่นไงคนที่ยืนอยู่หน้าสหกรณ์น่ะ " ฉันถามเพื่อนสาวคนสนิททันทีที่เจอรุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันคลั่งไคล้มาตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนที่นี่วันแรก ซึ่งจริงๆ แล้วถึงตอนนี้ที่ฉันเจอเขาอีกครั้งก็เพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเอง ใช่สิสามวันแรกในโรงเรียนมัธยมชายประจำจังหวัด เมื่อก่อนฉันยังสับสนว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ตอนเรียนประถมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีแฟนเป็นหญิงอยู่ดีๆ จนมาเจอรุ่นพี่รูปหล่อคนนี้ถึงได้รู้ว่า อ้อ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้นี่เอง คิดไปคิดมาก็พิลึกดีนะชีวิต ......... "หิ้วโว๊ย!!!" ฉันหิวจนไส้แทบขาด และต้องรีบกินข้าวให้เสร็จก่อนที่นักเรียนห้องและชั้นอื่นๆ จะลงมาซะก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนกำลังสร้างอาคารใหม่เต็มรูปแบบด้วยสน ามกิฬาและห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ชั้นสอง โรงอาหารหรูหราไฮโซที่อยู่ชั้นล่าง แต่นั่นคงไกลเกินฝันของฉัน หรืออย่างน้อยคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีกว่าจะได้ใช้มัน เพราะวันนี้ฉันเพิ่งจะเป็นเขาลงเสาเข็มต้นแรกเท่านั้นเอง นั่นละเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงต้องมากินข้าวอยู่ที่หอประชุมเล็กอันเกรอะกรังและร้อนอบอ้าวจนสุดจะทน แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าควรจะนั่งตรงไหนและหันหน้าไปทางใด "เจ้แหวว ผัดวุ้นเส้นกับต้มข่าไก่ค่ะ" ฉันสั่งอาหารจานโปรดร้านประจำที่มักจะโดดเรียนช่วงก่อนบ่ายลงมานั่งเมาท์กับเจ้แกอยู่เสมอๆ "ได้แล้วจ้า" "ขอบคุณค่ะ" ฉันละเมืยดกินอย่างช้า ๆ แลดูมีจริตอยู่ไม่น้อย นั่นไม่ใช่เพราะฉันกลัวว่าข้าวจะติดคอ หรือใครมองมาจะเห็นกิริยาอันตะกระตะกรามของฉันหรอกนะ แต่ที่ฉันต้องกินช้าๆ เพราะว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก นั่นไง ยังไม่ทันสิ้นความคิดสิ่งที่ฉันรอก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า มันเป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ไม่มีผิด โต๊ะไม้ยาวสภาพไม่ค่อยดีนัก แต่มันก็น่ามองเมื่อมีคนที่ฉันคลั่งไคล้นั่งอยู่ตรงข้ามห่างกันเพียงไม่ถึงสองเมตร ภาพนั้นฉันจำติดตาไม่เคยลืมกระทั่งทุกวันนี้ รุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันคลั่งไคล้ถึอจานข้าวพลาสติกสีชมพู ดูอย่างไม่ถนัดนักฉันว่าเขาต้องกินแกงเขียวหวานไก่ กับผัดคะน้า ตายล่ะเค้าเดืนมาหยุดตรงโต๊ะเบื้องหน้าของฉัน มือขวาที่ถือจานข้าว วางมันลงบนโต๊ะอาหาร ซ่อมที่วางอยู่อย่างไม่มั่นคงนักหล่นลงกระทบพื้นเบื้องล่าง เขาหันหลังกลับไป ก้มลงเก็บ โอ!!! ดูเอาเถอะกางเกงนักเรียนสีกากีขาสั้นรัดติ้ว เขาก้มลงเก็บซ่อมคันนั้นหันบั้นท้ายที่แน่นปั๊กมาทางฉัน โอย ฉันแทบบ้าถึงแม้มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ตอนนั้นในสมองฉันบอกมาว่า นั่นมันช็อตเด็ดในภาพกีฬามัน มันส์ทางช่องเจ็ดไม่ผิดเพี้ยน เอาล่ะสิเขาคงได้เวลาที่จะนั่งกินข้าวให้สบายใจ ช็อตเด็ดเมื่อครู่ไม่สะใจเท่ากับช็อตนี้แน่ เก้าอี้ม้ายาวสำหรับนั่งทานข้าวขนาดความสูงสักเลยเข่าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสูงพอดูในตอนนั้น ฉันกำลังนับถอยหลัง ให้เขาก้าวขาข้ามมันมาสักที เอาล่ะสิเขาเริ่มแล้ว ขาซ้ายยกขึ้นสูงพอที่จะทำให้ฉันสามารถมองเห็นต้นขาที่ขาวและเต็มไปด้วยขนหยิกหยอยสีดำที่ไล่มาตั้งแต่หน้าแข้งและหายวั๊บเข้าไปในกางเกงสีกากีตัวนั้น ยังเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น ขาขวาก้าวข้ามตามเข้ามาทันควันเสียดายที่ตอนก้าวขาขวาฉันเผลอสายตาแบ่งปันไปให้ใบหน้าอันขาวใสและคมเข้มของรุ่นพี่สุดหล่อแต่ยังดีที่ฉันตั้งสติได้ทันทำให้ไม่พลาดช็อตเด็ดที่รอคอย เขายืนตรง สายตามองไปรอบๆ มือสองข้างจับที่ขากางเกงบริเวณใกล้กับสิ่งสงวนนั้น ใช่ เขาดึงมันขึ้น และนั่งลงอย่างช้า ๆ นั่นอาจเพื่อช่วยให้การนั่งสบายขึ้น แต่พระเจ้า ตอนนี้ล่ะที่ฉันได้ทักทายกับน้องชายของรุ่นพี่ ไม่รู้นะว่าอะไรคือความรู้สึกตอนนั้น แต่เท่าที่รู้มันช่างน่า.......ซะจริงๆ เขานั่งลงและเริ่มตักอาหารเข้าปากอย่างสบายใจ ส่วนฉันก็กินข้าวพร้อมกับลอบมองหน้าเขาไปเรื่อยๆ แต่ก็มีนะที่บางครั้งเขาเงยหน้าขึ้นและสบตากับฉันพอดี แปลกที่ฉันเกิดความอายอย่างประหลาดและไม่กล้าที่จะสบตาเขาเลยแม้สักครั้ง...... to be continue
11 มกราคม 2550 14:52 น. - comment id 94638
ยังไม่เห็นจุดสำคัญของเรื่องเลย ตอนแรกที่อ่าน น่าสนใจ อยากจะรู้ตอนจบเร็วๆ พอมาถึงตอนจบ จบแล้วรึเนี่ย แต่ขึ้นต้นก็ OK นะ ขอโทษนะคะที่ comme
11 มกราคม 2550 17:31 น. - comment id 94646
ขอบคุณครับ คุณ bee bee แนะนำว่าอ่านตอนต่อไปนะครับ เพราะนี่เป็นแค่ตอนแรกเท่านั้น อีกอย่างไม่ได้คิดอะไรแค่ผมเกิดรู้สึกถึงวันนั้นขึ้นมาคิดไรได้ก็เขียนไปเรื่อย ครับ ไว้ถ้าอยากรู้ต่อก็จะโพสไว้ให้อ่านจนจบครับ ขอเวลาเคลียงานสักครู่นะ ขอบคุณอีกครั้งอย่างจริงใจครับ