ท่านเคยพบเด็กมีอาการแบบนี้บ้างไหม 1 ปวดท้องมากเพราะกินน้ำอัดลมและขนมอบกรอบ 2 เบื่ออาหารทั่วไป แต่ชอบกินน้ำอัดลมและขนมอบกรอบ (บางคนผอมซีด พบภาวะทุโภชนาการ) 3 อ้วน(บางคนเป็นเบาหวานด้วย) และกินลูกกวาดลูกอม น้ำอัดลม และขนมอบกรอบเป็นประจำ 4 ฟันผุ เพราะชอบกินลูกกวาดลูกอม และน้ำอัดลม 5 อาการป่วยไข้ไม่สบายอื่น ๆ เพราะชอบกินขนมเจ้าปัญหาคือ ลูกกวาดลูกอม น้ำอัดลม และขนมอบกรอบเหล่านี้ ขนมขบเคี้ยวประเภทปังกรอบ(Snack), ลูกกวาดลูกอม (Candy) และน้ำอัดลม (Soft dring ) เป็นขนมยอดนิยม (90%)ของเด็กไทยปัจจุบัน เฉพาะขนมขบเคี้ยวอย่างเดียว มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท (พ.ศ. 2543 ) โดยมีเด็กและวัยรุ่นเป็นฐานใหญ่ของตลาด (70%) เมื่อผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นเด็กและวัยรุ่น การเปลี่ยนยี่ห้อสินค้าที่นิยมซื้อ จึงเกิดขึ้นได้ง่าย ผู้ผลิตจึงต้องโหมจัดกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการโฆษณา ที่หวังให้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เทคนิคการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเข้มข้นที่สินค้าเหล่านี้ใช้เป็นเครื่องมือ สำคัญในการขายสินค้าแก่เด็กและเยาชน จึงเพิ่มอัตราการเสี่ยง ภาวะทุโภชนาการ (Mainutrition) แก่เด็ก ปลูกฝัง ลีลาชีวิตที่เป็นภัยต่อสุขภาวะในระยะยาว และทำให้เด็กขาดโอกาศวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการพัฒณาเป็นผู้บริโภค ที่ชาญฉลาด(Wise consumer) ในอนาคต ขนมเจ้าปัญหาเหล่านี้องค์การอนามัยโลก(WHO)ยืนยันว่าเป็นอาหารทำลายสุขภาพ แม้จะไม่ใช่อาหารอันตรายกินแล้วตายทันที(ดังที่ อ้างกันว่า "ก็ผ่าน อย.แล้ว") แต่การบริโภคมากเกินไปจะทำลายสุขภาพหระชากรตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ และมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบ สุขภาวะของสังคมในระยะยาว เด็กและเยาชนเป็นตลาดใหญ่เป็นเป้าหมายสำคัญของอาหารทำลายสุขภาพเหล่านี้ การตลาดการโฆษณาที่ ขาดความรับผิดชอบ ขาดการควบคุมดูแล เป็นการเฉพาะ จะมุ่งสร้างอิทธิพลต่อพฤติการรมการซื้อบริโภคของเด็กและเยาชน ด้วยวิธีบ่อน ทำลายวิจารณญาณและขัดขวางการพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์การใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และการตัดสินใจซื้อจากคุณค่ามากกว่า ภาพลักษณ์ด้วยโฆษณาหลอกเด็กที่เกินกำลังการควบคุมของพ่อแม่และโรงเรียน ข้อเรียกร้อง 12 ประการ เด็กไทยรู้ทัน 1 มีวิธีจัดการกับขนมเจ้าปัญหา 2 สามารถวิเคราะห์วิจารณ์โฆษณา 3 รู้จัออมทรัพย์ช่วยบิดามารดาประหยัด พ่อแม่รู้ทัน 4 ปิดทีวีเช้าเสาร์อาทิตย์สร้างชีวิตใหม่ 5 สอนลูกให้รู้วิธีใช้จ่ายเงินอย่างมีประโยชน์ 6 สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังโฆษณาหลอกเด็ก โรงเรียนรู้ทัน 7 สร้างโรงเรียนปลอดขนมเจ้าปัญหา 8 ไม่ยอมให้โฆษณาบุกเข้าโรงเรียน 9 สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กด้วยสื่อการศึกษาในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รัฐบาลรู้ทัน 10 มีกฏหมายควบคุมโฆษณาสินค้าเด็กโดยเฉพาะ 11 ส่งเสริมรายการโทรทัศน์ดี ๆ สำหรับเด็กและครอบครัวที่ปลอดโฆษณา 12 สร้างกิจกรรมทางเลือกให้เด็กเรียนรู้ในช่วงเวลาเย็นและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เด็กไทยรู้ทันต่อต้านโฆษณาหลอกเด็ก
28 ธันวาคม 2549 11:26 น. - comment id 94510
ช่วงนี้สนใจเรื่องเด็กเป็นกรณีพิเศษนะคะ โฆษณาหลอกเด็ก แล้วอะไรหลอกผู้ใหญ่คะ สวัสดีปีใหม่นะคะ มีความสุขมากๆ ร่ำรวยเงินทองและอารมณ์ขันตลอดไปค่ะ
28 ธันวาคม 2549 11:38 น. - comment id 94511
ฮึๆๆๆคนกินไม่รู้รู้ทันยังกับคนรูปหล่อมิรู้ทันสาว เน๊อะ ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
28 ธันวาคม 2549 12:11 น. - comment id 94512
ขอบคุณค่ะคุณลุงฤกษ์
28 ธันวาคม 2549 13:05 น. - comment id 94513
ได้มีโอกาสไปสัมผัสชีวิตเด็ก ๆ ที่โรงเรียนเล็ก ๆ .. ในจังหวัดชัยภูมิ รถบัสเก่า ๆ พาเราร่วมยี่สิบชีวิตตะลุยฝุ่นหัวแดงเข้าไปในหุบเขา... ความรู้สึกก่อนที่จะเข้าไปกับวันที่เดินทางกลับ ต่างกันลิบลับ แม้ว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นจะมีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น.. แต่โดยส่วนตัวแล้ว.. ลึกลึก.. กลับรู้สึกว่า พวกเขา โ ช ค ดี .. ด้วยสภาพแวดล้อมที่มี ที่เป็น น่าจะทำให้พวกเขาปลอดภัย.. ปลอดภัยจากโลกภายนอกที่นับวันจะนึกถึงและห่วงใยพวกเขาเหล่านี้.. น้ อ ย ล ง ทุ ก ที... ก็ไม่มีอะไร.. แค่ข้อความฝากถึง.. สะดุดความรู้สึกน่ะ .. .. ".. Kind for Kid.. "
28 ธันวาคม 2549 19:13 น. - comment id 94515
ห้ามขโมยไม่ให้ขึ้นบ้าน ห้ามเอเย่นยาเสพติดไม่ให้ขาย ห้ามเยาวชนดูสื่อลามก ทั้งจากอินเตอร์เนท และวีซีดี แม้กระทั่งแสดงเองและบันทึกลงโทรศัพท์มือถือ ห้ามเปิดเวบไซด์ลามกอนาจาร ผู้ใหญ่ควรมีสามัญสำนึกในการกระทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน .. ห้าม .. ห้าม .. ห้าม .. หากแต่โลกหมุนไปเรื่อยๆ ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง วัตถุก้าวล้ำนำหน้าสามัญสำนึก การต่อสู้แข่งขันกันเพื่อความอยู่รอดมีหลากหลายวิธีมากขึ้น ระหว่างเด็กหน้าตาไร้เดียงสาที่ไม่รู้ว่าลูกเต้าเหล่าใคร กับเด็กตาดำๆ ที่หน้าตาคล้ายเรา .. เขานั่งรออยู่ที่บ้าน .. บางทีหากอยู่ในสถานการณ์สุดวิสัย .. เราจะเลือกทำเพื่อใครก่อน? .. การหวังพึ่งสามัญสำนึกของคนข้างบ้าน เป็นอันตรายและน่ากลัวยิ่งนัก เพราะบางครั้งเรายังไม่กล้าคาดหวังกับสามัญสำนึกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ .. หนัง ละคร โฆษณาบางชุดก็ต้องตักเตือนสามัญสำนึกของพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยการขึ้น ซับไตเติ้ลข้างใต้ภาพที่ปรากฎว่า .. "ผู้ปกครองควรพิจารณา .." จะมีสักกี่คนที่นั่งดูทีวีข้างๆ ลูกตลอดเวลา จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่นั่งข้างๆลูก เวลาลูกท่องเนท .. การคาดหวังกับสามัญสำนึกของเราในการปลูกฝังให้ลูกรู้เท่าทันและเข้าใจโลกที่หมุนไปน่าจะง่ายกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหันไปเสพย์สื่อที่เป็นอันตรายกับตัวเด็กเอง โดยสอนให้เขาเข้าใจว่าเพราะอะไร? จึงไม่ควร .. การหวังพึ่งสามัญสำนึกของเราเองคงจะง่ายกว่ากระมัง ..
28 ธันวาคม 2549 22:19 น. - comment id 94516
.พี่กีกี้น่ารักจัง.... แว้ปปป..
29 ธันวาคม 2549 09:59 น. - comment id 94518
คุณกี้เขียนได้ดีค่ะ ถ้าเช่นนั้น... ภาวนาค่ะว่า... ส่วนสำนึกเหล่านั้นจะมีพลังพอที่จะต่อสู้กับโลกแห่งความล้ำหน้า... ในปัจจุบัน.. .. ..
31 ธันวาคม 2549 13:30 น. - comment id 94535
...ผู้ปกครอง...ครอบครัว...ควรเป็นตัวอย่างที่ดี...สำหรับเด็ก... ..สิ่งแวดล้อม..มีส่วน..แต่ขึ้นอยู่ที่..ความเข้มแข็ง...ของใจเด็ก... ..ผู้ปกครอง..มีหน้าที่ชี้แจงความชัดเจน...ผลเสียและผลดี..ด้วยเหตุและผล...ให้เขาได้เข้าใจอย่างถ่องแท้...และอยู่เคียงข้าง...คอยดูแล...ประคับประคอง..แต่..การตัดสินใจ..เป็นเรื่องของเขา..ให้เขาได้ร่วมในการตัดสินใจ..ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง....เด็กจะได้คิดเอง...และฝึกให้เขาได้เรียนรู้...เมื่อโตขึ้น...เขาจะสามารถแยกได้ว่า..สิ่งไหนดี...สิ่งไหนไม่ดี...ด้วยตัวของเขาเอง....อันจะเป้นพื้นฐาน..ในการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป..ในอนาคต... ...สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ...
1 กุมภาพันธ์ 2550 20:21 น. - comment id 94862
อย่าว่าแต่กลับเด็กเลยพี่ คนโตโตอย่างเอมก็เคย เพราะว่าติดน้ำอัดลมมาก อันนี้ต้องโทษตัวเองเพราะว่ารู้โทษและพิษภัยมันดีแต่ก็ยังกิน มีอยู่ช่วงนึงที่เอมติดน้ำอัดลมเอมกินแทนน้ำเลยล่ะพี่ แต่ต้องหยุดกินเพราะว่านอกจากปวดท้องแล้วรู้สึกปวดหัวปวดตัวตามไปด้วย ส่วนเรื่องโฆษณา ... เอมคิดว่าส่วนใหญ่คิดถึงแต่ยอดขายนะพี่ จิตใต้สำนึกอาจจะมี แต่ว่า .... คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า ( หรือเปล่า ) ก็อย่างพี่กีกี้ว่า มันเป็นสนามการแข่งขัน .... คงยากพี่ ที่จะทำให้กลุ่มบางกลุ่มมีสามัญสำนึก