** ฟ้าเพียงดิน ** บทที่ ๑ “ พีระกานต์ อัศวราชิน “ หนุ่มลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจที่ประกอบการค้าทั้งในและนอกประเทศ เชื้อสาย จีนปนไทย กิจการครอบครัวร่ำรวยมหาศาลเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมวงการทั่วๆไป เขาจึงเป็นชายหนุ่มเนื้อหอมที่ได้รับการสนใจจากหญิงสาวในตระกูลคหบดีทั้งหลาย หมั้นหมายปอง ที่จะเข้ามาสู่ตระกูล “อัศวราชิน” ซึ่งพึ่งสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศระดับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์สูงสุด ด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศของสถาบันที่มีชื่อเสียงทำให้ครอบครัวอัศวราชิตได้รับการต้อนรับการไป มาหาสู่จากต่างตระกูลมากผิดปกติ ด้วยความเป็นหนุ่มโสดลูกชายคนเดียวที่จะครอบครองสมบัติมหาศาลต่อไป วันนี้เป็นวันอาทิตย์.............. เป็นวันที่เขาต้องเดินทางกลับเมืองไทยหลังสำเร็จการศึกษามาหมาดๆและท่องเที่ยวพักผ่อนมาพอประมาณ ที่ห้องต้อนรับภายในสนามบินซึ่งเนืองแน่นไปด้วยคนทั้งหลายที่มาต้อนรับผู้ที่จะเดินทางมาในเที่ยวบินนี้ เมื่อเสียงเครื่องบินครางกระหึ่มเข้าจอดยังรันเวย์ตรงตามวันเวลาดังกล่าวไม่ผิดพลาดเวลาของเที่ยวบินมาถึง ในห้องพักผู้รับโดยสารเจ้าหน้าที่สนามบินประกาศเที่ยวบินดังกล่าวมาถึงแล้ว ผู้โดยสารกำลังเช็คอินท์อยู่ ภายในห้องจึงเกิดเสียงดังจอแจเซ็งแซ่ ผู้โดยสารทั้งหมดต่างก็ทยอยออกมาจากประตูพร้อมลากขน สิ่งของสัมภาระผ่านไปคนแล้วคนเล่า บางกลุ่มก็แสดงความดีอกดีใจสวมกอดกันและกันบางคนก็หาได้มีคนมา ต้อนรับไม่ ทุกๆคนต่างกระวีกระวาดเดินผ่านกลุ่มของผู้ที่มาต้อนรับชายหนุ่มพีระกานต์ซึ่งยืนคอยเป็นกลุ่มใหญ่ มีทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างแต่งตัวประกวดโฉมกันในมือซึ่งมีพวงมาลัยประดับสวยงามถือไว้ จนกระทั่งห้องผู้รับผู้โดยสารเหลือเพียงแต่กลุ่มของคุณหญิงพิริยะวดีเท่านั้นที่ยังยืนรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปนานจนผิดสังเกตุ ก็มีคนในกลุ่มเดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อเช็คผู้โดยสารที่มากับเครื่องบิน เที่ยวนี้ว่ามีคนชื่อพีระกานต์เดินทางมากับเที่ยวบินนี้หรือไม่ เมื่อได้รับการตอบยืนยันก็เข้ามาแจ้งกับคุณหญิงทันที “ไม่ผิดพลาดหรอกค่ะ.. คุณอา” หญิงสาวแต่งกายฉูดฉาดทันสมัยกล่าวขึ้น “เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคุณพีระกานต์เดินทางมาในเที่ยวบินนี้แน่นอนค่ะ เจ้าหน้าที่เขายืนยันพร้อมให้ดูเอกสารด้วย” คุณหญิงพิริยะวดี หันมาส่งยิ้มให้แล้วกล่าวขอบใจหญิงสาวดังกล่าว “ขอบใจมากจ้า...แม่นุช เดี๋ยวคงจะออกมากระมังคงติดขัดข้องบางอย่างล่ะ” เวลาได้ผ่านไป คนกลุ่มดังกล่าวก็เกิดความกระวนกระวายขึ้นทันที เสียงคุยกันก็เริ่มจะเงียบเสียงไป ป่านนี้แล้วยังไม่ปรากฏเขาเดินออกมา จนเวลาล่วงผ่านไปคนบางคนก็ขอลากลับไปบ้าง และบ้างชวนคุณหญิงกลับ แต่ได้รับการยืนยันจากคุณหญิงว่าจะรอสักครู่ให้ผู้มีธุระกลับกันไปก่อน คงมีอะไรผิดพลาดจะขออยู่เพื่อสอบถาม ให้แน่ใจก่อน เวลาก็ผ่านลุล่วงไปอีกนานจนคนที่เหลือต่างก็มาลาคุณหญิงขอกลับก่อนจนหมด คุณหญิงก็ส่งยิ้ม พลางขอบใจผู้มารอรับ คงเหลือไว้เพียงคุณหญิงและเด็กสาวที่ช่วยถือของยืนอยู่ข้างๆคงมองจ้องไปที่ประตู ขาเข้าผู้โดยสาร เพื่อความแน่ใจคุณหญิงก็เดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่อีกเมื่อได้รับการยืนยันก็กลับมานั่งคอยอย่างสงบ สักครู่ใหญ่ต่อมา ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มรูปร่างขาวสูงไว้ผมยาวแต่ผมถูกขมวดไว้ด้านหลังมัดด้วยโบวสีแดง เดินคู่มากับชายหนุ่มอีกคนแต่งกายเป็นพนักงานในเครื่องบิน ต่างสนทนากันอย่างครื้นเครงแต่หาได้มีสิ่งสัมภาระใดๆ ไม่นอกจากกระเป๋าเดินทางสะพายพาดห้อยไว้บนไหล่เท่านั้น เมื่อเขาแลเห็นคุณหญิงก็หันไปกล่าวกับเพื่อนซึ่งเดินมา “เฮ้ยไอ้หนก!!!...แม่กูมาคอยรับโน่นขอตัวก่อนโว้ย” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับเพื่อน “ไอ้กานต์...แน่ะนำให้กูด้วย กูไม่ได้พบท่านมานานแล้วโว้ย” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวขึ้น “เออๆ งั้นมึงมากับกู ไปด้วยกันว่ะ” เขากล่าว พร้อมนำหน้าเพื่อนเดินไปจนถึงหน้าคุณหญิง “คุณแม่คอยผมนานไหมครับ ผมมัวแต่ไปคุยกับไอ้หนกมันอยู่บนเครื่อง ให้คนเขาผ่านไปก่อน ขี้เกียจเบียดคนครับ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมยกมือกราบบนทรวงอกคุณหญิงทันที พร้อมหันไปแนะนำเพื่อนให้คุณหญิงรู้จัก “สวัสดีครับ..คุณแม่” ชายหนุ่มรูปงามอีกคนยกมือไหว้ “สวัสดีจ้าพ่อหนุ่ม ทำงานบนเครื่องบินหรือ” คุณหญิงหันมายกมือไหว้ตอบพร้อมซักถาม “ครับ..คุณแม่ผมเป็นนักบินที่สองรองกัปตัน อ่านรายชื่อผู้โดยสารเห็นมีชื่อ ไอ้กานต์มันเดินทางกลับเมืองไทย จึงได้ชวนมันคุยด้วยครับจึงช้าไปหน่อยครับ” ชายหนุ่มน้อมกายตอบ “นั่นซิถึงได้คอยช้าจังเลย เป็นห่วงพ่อกานต์เขา เมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าเขามาเที่ยวบินนี้ คนมารับ อื่นๆก็ต่างพากันกลับไปหมดแล้วเหลือเพียงฉันและหนูอัญชลีนี้แหละจ๊ะ” หญิงสูงอายุตอบ “ผมบอกแม่แล้วไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมกลับเองได้ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วยครับแม่ก็รู้นิสัยผมดีผมไม่ชอบ พิธีเอิกเกริกอะไรๆทั้งสิ้นชอบอิสระทำตัวสบายๆสำคัญชอบไปคนเดียวเสมอๆแหละครับ” ชายหนุ่มผู้เป็นลูกกล่าวตอบ “นั่นซิพ่อกานต์ข้อนี้แม่รู้ดี แต่พวกสาวๆซิขยั้นคะยอว่าจะมาคอยต้อนรับแก แม่เองทนรบเร้าไม่ได้จึงได้มานี่แหละ” “ใครหรือครับพวกสาวๆนั้น” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าสงสัย “ก็ลูกสาวคุณอภิรักษ์ คนหนึ่งล่ะ ลูกสาวคุณหญิงผกามาศอีกคนแล้วก็ลูกสาวคุณฉวีวรรณ ซึ่งเคยเรียนมหาวิทยาลัย เดียวกับลูกๆจำมิได้หรือ” คุณหญิงหันไปตอบ “อ้อๆๆ...ยายหน้าไข่เจียว ยายหน้าเต้าหู้และยายหน้าขนมเค้กหรือครับแม่” เขากล่าวแล้วพลางหัวเราะลั่น “จำได้นะจำได้ครับ เป็นอย่างไรบ้างล่ะตอนนี้ ได้ข่าวว่าสังคมจัดไม่ใช่หรือครับ” “จะบ้าหรือตากานต์ดูซิ ไปว่าลูกสาวเขาหน้าอย่างโน้นอย่างนี้ เดี๋ยวเขาได้ยินเข้าจะว่าอย่างไรล่ะ” คุณหญิงอมยิ้ม “เชอะๆๆผมไม่สนหรอกครับคุณแม่ เมื่อก่อนนี้นะหยิ่งจะตายไปถือว่าพ่อแม่ร่ำรวย เมื่อก่อนผมไปมหา’ลัย เขานั่งรถเก๋งไปผมนั่งรถประจำทางไปถือตัวดีนัก “เรียกผมไอ้ตี๋หน้าจืด” ผมยังจำได้ครับ” เขาอมยิ้มรำลึกความหลัง “ช่างเถอะๆ...ไปกลับบ้านกันดีกว่า พ่อหนุ่มไปด้วยกันนะไปทานข้าวที่บ้านด้วยกัน” คุณหญิงหันมาทางเพื่อนลูกชาย “ไม่หรอกครับคุณแม่ ผมต้องไปรายงานผลการเดินทางก่อนครับ ไว้ว่างๆผมจะแวะไปกราบคุณแม่ครับ” ชายหนุ่มตอบ “เฮ้ยไอ้หนก มึงเสร็จงานแล้วเย็นนี้แวะไปบ้านกูด้วยนะโว้ย เรียกไอ้หยามไปด้วยบอกกูมาไปนั่งถองเหล้าสักหน่อย” “เออๆ...แล้วกูจะบอกให้ ไปก่อนนะโว้ยไอ้กานต์” ชายหนุ่มนักบินตอบ พร้อมหันไปยกมือไหว้คุณหญิงพร้อมเดินจากไป ระหว่างเดินทางกลับออกมาจากห้องพักผู้โดยสารภายนอกคุณหญิงหันไปถามลูกชาย “แม่จำไม่ได้เพื่อนลูกคนนี้คลับคล้ายคลับคลานะลูก” คุณหญิงเดินพลางถามพลาง “อ้อ!!! ไอ้หนก ก็คือ กนก ส่วนไอ้หยาม คือ สยาม เพื่อนลูกที่เรียนมหา’ลัยเคยไปมาหาสู่ที่บ้านเราเมื่อครั้งยังเรียน อยู่มีสามคนแม่จำไม่ได้หรือครับ “อ้อๆๆจำได้แล้วล่ะ ตอนนั้นไม่สูงใหญ่เหมือนอย่างนี้นี่นา” คุณหญิงรำพึง “ครับ หลังสำเร็จมันไปเรียนการบินต่อแล้วไปสมัครงานสายการบินทำงานเป็นนักบิน บินระหว่างกรุงเทพ-ยุโรปครับ” ชายหนุ่มกอดเอวแม่ขณะก้าวเดินตอบ “แล้วสยามล่ะลูกเป็นอย่างไรบ้าง” หญิงผู้เป็นแม่ถาม “ไอ้หยามมันจบมาก็ไปต่อที่อังกฤษได้ปริญญาโท แล้วมันก็กลับมาช่วยพ่อมันทำธุรกิจการค้าได้ข่าวว่ามันเปิดบริษัท ใหม่อยู่ครับ ส่วนผมก็งมงายเรียนจนจบนี่แหละยังไม่เป็นโล้เป็นพายสักที” ชายหนุ่มหัวร่อร่วนตอบมารดา ทั้งหมดเดินมาถึงที่จอดรถยนต์ ตาแจ้งรีบเข้ามายกมือไหว้ชายหนุ่ม พลางกล่าวว่า “สวัสดีครับคุณชาย โอ้โฮ???...หล่อจังครับสูงใหญ่เสียด้วย” “สวัสดีครับลุงแจ้ง...ยังหนุ่มเหมือนเดิมนะ ฮ่าๆๆๆ” ชายหนุ่มหัวร่อพลางเดินเข้าไปตบไหล่ชายชรา “ดีใจจังที่คุณชายกลับมา” ชายชราหัวร่อจนเหงือกบาน “ไปได้แล้วล่ะตาแจ้ง” คุณหญิงหันมากล่าวตัดบท ชายชรารีบเดินไปเปิดประตูหลังรถเก๋งคันงาม คุณหญิงจูงมือลูกชายหวังให้ไปนั่งด้วยกัน แต่ถูกดึงมือกลับพร้อม เขากล่าวขึ้นว่า “คุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ให้ผมไปทำธุระสักพักก่อนแล้วจะตามไปบ้านที่หลัง” ชายหนุ่มดันคุณหญิง ให้เข้าไปนั่งในรถทันทีพร้อมกับเด็กสาวที่ไม่เคยกล่าวอะไรเลยตามไปนั่งข้างหน้าข้างคนขับ “อ้าวไม่กลับพร้อมแม่หรือ? แล้วจะไปไหนอีกล่ะลูกพึ่งมาถึงนะ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนมิดีหรือ” “ผมต้องไปธุระสักพักก่อนนะครับ น่าๆๆๆแม่ผมไม่ให้แม่ต้องคอยนานหรอกครับ” เข้ากล่าวพร้อมก้มหน้าลง ไปหอมแก้มคุณหญิงเพื่อประจบ “เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย โถแม่อุตส่าห์มารับนึกว่าจะไปด้วยกัน” คุณหญิงหันมาค้อนลูกชาย แต่ก็ต้องปล่อยตามใจ เพราะตามใจมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่เคยขัดใจลูกคนนี้สักทีเพราะทนสายตาออดอ้อนเสียไม่ได้ “รีบไปรีบมานะแม่จะคอย พ่อเขาก็คอยรับอยู่ที่บ้านด้วยล่ะ” “ครับๆๆๆผมรีบไปรีบกลับครับไม่นานหรอก” ชายหนุ่มตอบ พร้อมโยนเป๋เดินทางใส่ไว้ข้างตัวมารดา พลางเดิน ไปที่รถแท็กซี่ของสนามบินแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง ซ้ำยังหันมาโบกมือไหวๆกับมารดา เมื่อรถทั้งคู่ขับออกมานอกสนามบิน พอถึงทางแยกต่างก็พากันไปคนละทางจนลับสายตาหายไป บ้านเรือนไม้สองชั้นปลูกอยู่ภายใต้ร่มมะม่วงในบริเวณเนื้อที่สวนที่แน่นขนัดไปด้วยไม้ผลดอกนานาพันธุ์ ทอดเป็นแนวยาวออกไปทางหลังบ้านภายในเนื้อที่ประมาณ 5ไร่กว่าๆ บริเวณหน้าบ้านเป็นลานกว้างมีรั้วไม้ขัดแตะ เตี้ยๆรอบๆรั้วจัดปลูกไว้ด้วยพืชไม้ดอก ข้างๆรั้วจัดเป็นซุ้มจัดตั้งไว้ด้วยเก้าอี้โยกได้บนซุ้มปลูกด้วยไม้ดอกการเวก ข้างๆมีกระถางใบใหญ่ใส่กุหลาบที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งวางไว้ทั้งสองข้างทางเดินเข้าสู่บ้านปลูกด้วยไม้ดอก เตี้ยๆส่งกลิ่นหอมโชย ร่างชายหนุ่มตัดผมรองทรงกำลังเดินผ่านประตูรั้วเตี้ยๆเข้ามา เสียงสุนัขเห่าเสียงขรมวิ่งเข้ามาประมาณ สองสามตัว ครั้นวิ่งมาถึงร่างชายหนุ่มพลันชะงักเข้าดมแล้วกระดิกหางเสมือนจะจำได้ บางตัวก็กระโดดโลดเต้น ไปมารอบๆร่างเขา หน้าประตูบ้านยืนไว้ด้วยหญิงชราค่อนข้างอ้วนท้วมกำลังส่งเสียงเรียกสุนัข แต่มันไม่ยอมกลับ กลับกระโดดไปๆมาๆ ขณะที่ชายหนุ่มสาวเท้าเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นหน้าเขาก็ยิ้มและรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับโอบ ร่างเขาทันที “สบายดีหรือแม่แย้ม ไม่ได้เจอกันเสียนาน หลายปีแล้วล่ะ” เสียงชายหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ค่ะ!! มาถึงเมื่อไหร่ล่ะคุณกานต์” หญิงชรากล่าวด้วยอาการดีใจพร้อมเขย่าตัวไปมา “เมื่อเช้านี้เองแหละจ๊ะ คิดถึงแม่แย้มจังเลยพอลงเครื่องก็รีบมานี่แหละ” ชายหนุ่มโอบกอดพร้อมยกตัวหญิงชรา ลอยขึ้น “อุ้ยๆ..ปากหวานจังคุณกานต์ ปล่อยๆเถอะแน่ะ หายใจไม่ออกแล้ว” หญิงชรากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชายหนุ่มวางร่างหญิงชราลงกับพื้นพร้อมประคองเดินเข้าไปในบ้าน แม่แย้มหรือนางแย้มอดีตเป็นแม่นมของ ชายหนุ่มซึ่งแกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังนอนเบาะ เป็นสาวแก่ไม่มีลูกมีผัวเมื่อชายหนุ่มโตเข้ามหา’ลัย แกก็ขอตัวลากลับบ้าน คุณหญิงพิริยะวดีกับคุณอัศวโรจน์พยายามอ้อนวอนขอให้อยู่ แกบอกว่าพ่อแก่มากแล้วต้องไปช่วยดูแลไม่มีใครดูแล สวนและใครปรนนิบัติจนกระทั่งพ่อเสียชีวิตมอบสวนให้แก คุณกานต์หรือพีระกานต์มักจะติดตามแกมาอยู่เสมอๆ เมื่อยามปิดภาคการเรียน ส่วนใหญ่มักจะดูหนังสือที่นี่เพราะเป็นสถานที่เงียบสงัดเหมาะแก่การทำวิทยานิพนธ์ดูตำรา ต่างๆ จนกระทั่งชายหนุ่มเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำปริญญาต่อจึงขาดหายไปหลายปี แต่ก็ได้รับจดหมายจากคุณกานต์ อยู่เสมอๆมิได้ขาด นิสัยคุณกานต์จึงมาทางแม่แย้มมากคือมีนิสัยสมถะชอบสันโดษไม่ฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานทั้งๆที่ฐานะ ทางบ้านก็ถือได้ว่าร่ำรวยมหาศาล แม้แต่ไปเรียนมหาวิทยาลัยทางบ้านจะซื้อรถยนต์ให้เขาไม่ยอมบอกว่า ไม่สมควรใช้เพราะยังเป็นนักศึกษาอยู่ ยังหาเงินหาทองไม่ได้ หากทำงานแล้วนั่นแหละจึงสมควร ควรจะทำตัวให้ลำบากไว้บ้างเพื่อเป็นการฝึกนิสัยตนเองด้วย คุณอัศวโรจน์จึงภูมิใจลูกชายคนนี้ยิ่งนัก เมื่อก่อน คุณอัศวโรจน์ก็มิได้มีฐานะมั่งคั่งเช่นปัจจุบันนี้ เพียงแต่เข้าช่องทางค้าขายถูกจึงทำให้กิจการรุ่งเรืองมาจนบัดนี้ เมื่อเห็น ลูกชายคนเดียวมีนิสัยมาทางแก ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อลูกชายคนนี้มากและมักจะให้โอกาสแสดงความคิดเป็นของ ตัวเองยิ่งได้แม่นมซึ่งเป็นญาติห่างๆมาช่วยเลี้ยงดูอบรมด้วยก็ยิ่งสบายใจ มุ่งมั่นในทางการทำมาหากินอย่างเดียว เมื่อทั้งสองเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มก็รีบดึงตัวแม่แย้มของแก ให้นั่งลงพร้อมกับนอนหนุนบนตักบอกว่า “แม่กานต์ขอนอนแบบนี้สักพักนะแม่ ไม่ได้นอนมานานแล้วตั้งใจว่ากลับมาเมื่อไร จะมานอนให้ได้อย่าขัดใจนะแม่” “เมื่อคืนทั้งคืนก็ไม่ได้ค่อยได้นอน มัวแต่คุยกับไอ้หนกมันบนเครื่องอยู่ แม่จำได้ไหมไอ้หนกก็คนรูปร่างค่อนข้างดำ ผมหยิกๆนั่นแหละ” ชายหนุ่มหลับตาพูด “อ้อๆ..เด็กซนคนนั้นหรือที่ชอบปีนต้นไม้ ...ใช่ไหมลูก” หญิงชราตอบ คงปล่อยให้เขานอนหนุนตัวมิได้ขัดขืนอย่างใด
21 ธันวาคม 2549 14:36 น. - comment id 94390
แหม แค่อารมณ์พาไปนี่ก็เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะคะ ตอนที่2ลงเมื่อไหร่ละคะนี่ จะรอนะคะ อืม..แต่ทำไมพระเอกนางเอกไทยต้องมีฝ่ายหนึ่งรวยล้นฟ้านะ ไม่เข้าใจ สงสัยคงเหมือนกับหนังจีนที่พระเอกนางเอกอยู่กันคนละพรรค ยิ่งชอบให้นางเอกเป็น ธิดาเทพ ฝ่ายมาร มั้ง หึหึหึ
21 ธันวาคม 2549 15:17 น. - comment id 94393
อ่านแล้วนึกถึงบอล อัศนัย เทียนทองค่ะเพราะเอง
21 ธันวาคม 2549 16:39 น. - comment id 94395
21 ธันวาคม 2549 17:35 น. - comment id 94397
21 ธันวาคม 2549 21:28 น. - comment id 94400
มาชมฟ้าเพียงดินค่ะ
21 ธันวาคม 2549 22:23 น. - comment id 94402
คุณ เปเป้ซัง ขอบคุณมากที่แวะมาทางนี้ ปกติผมจะเล่น ทางกลอนอย่างเดียวพึ่งจะมาทางนี้ไม่เท่าไหร่ครับ ก็สนุกดีเหมือนกันไปคนละรูปแบบ นี่ผมพึ่งเขียน ได้ตอนเดียวครับยังไม่ตั้งต้นเลยล่ะ คงอีกไม่นาน หรอกครับ ใช่แล้วอารมณ์มักจะพาไปเสมอๆอย่างที่ ผมแจ้งไว้ในกลอนตอบคุณนั่นแหละครับ ผมเอง เป็นคนไม่ค่อยชอบดูละครที่ดูส่วนมากจำเป็นเท่า นั้นเองแหละครับ ที่แต่งนั้นก็แบบที่ว่าแหละครับ นึกอะไรก็เขียนใส่ไปก็เท่านั้นเองครับ แก้วประเสริฐ.
21 ธันวาคม 2549 22:24 น. - comment id 94403
คุณ เพียงพลิ้ว เมื่อก่อนผมก็ชอบดูบอลมาระยะหลังไม่ได้ดู เลยไม่ทราบว่าใครเป็นใครกันบ้างครับ แก้วประเสริฐ.
21 ธันวาคม 2549 22:27 น. - comment id 94404
คุณ โคลอน ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมครับขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
21 ธันวาคม 2549 22:29 น. - comment id 94405
คุณ มะกรูด ขอบคุณจ้าที่แวะมาเยือนทางนี้นะจ๊ะ หนาวไหม หนอที่บ้านนะ ผมว่าคงหนาวกว่าทางนี้แน่นอนเน๊อะ แก้วประเสริฐ.
21 ธันวาคม 2549 22:31 น. - comment id 94406
คุณ แม่มดใจดี ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมทางนี้ ก็สนุกดี ไปอีกแบบหนึ่งครับระบายอารมณ์เราได้ดีเหมือน กันครับทดลองซิครับ แก้วประเสริฐ.
23 ธันวาคม 2549 03:15 น. - comment id 94413
คราวนี้ได้เข้ามาติดตามผลงานแล้วนะครับ แหมอ่านแล้วน่าทึ่งครับพี่ ได้อารมณ์ดีด้วย......
23 ธันวาคม 2549 08:52 น. - comment id 94414
คุณ เบรฟฮาร์ท คือว่าผมแต่งกลอนมาแยะพอประมาณชักๆ จะเบื่อๆแล้วครับเลยหันมาสร้างอารมณ์ทางนี้บ้าง แต่งไปแล้วไม่กี่เรื่องหรอกครับ หากสนใจลองเข้า ไปอ่านนะครับขอบคุณ แกวประเสริฐ.
23 ธันวาคม 2549 10:20 น. - comment id 94416
สวัสดีครับพี่แก้วประเสริฐ โดยปกติแล้ว ผมเป็นโรคขี้เกียจอ่านมากเลยนะครับ ชอบการฟังและการดูมากกว่าครับ นิสัยไม่ค่อยดีนะครับผมเนี่ย แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ก็ดีนะครับ ชวนให้ติดตามครับ ขอขอบคุณพี่มากนะครับ เผื่อมีเวลาและโอกาสจะลองเข้าไปอ่านครับ
23 ธันวาคม 2549 14:23 น. - comment id 94418
คุณ เบรฟฮาร์ท คุณเหมือนกับผมแหละครับสมัยวัยรุ่นนั้น ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก แต่มาบัดนี้ขี้เกียจ ไม่ได้จับหนังสืออ่านเลยเพราะขี้เกียจและเบื่อครับ ละครก็ไม่ชอบดู ที่เขียนหนังสือได้เพราะอาจจะเป็น ความหลังกระมังครับที่ฝังในส่วนลึกผมไว้ แต่ผม ชอบสร้างจินตนาการขึ้นเองครับ ลองเข้าไปอ่าน เทพนิยายเรื่องแรกผมซิครับเป็นจินตนาการของ ผมล้วนๆเลยครับ ตอนแรก เธออยู่ไหนและมา เป็น ทัศยุราชันย์ครับ หากว่างลองเข้าไปอ่านนะครับ เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกผมที่ผมภูมิใจครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
23 ธันวาคม 2549 14:59 น. - comment id 94420
ลุงแก้วสำนวนสูสีกับแต่งกลอนเลยนะคะ
23 ธันวาคม 2549 15:03 น. - comment id 94421
คุณ ดอกฝัน หรือครับผมเขียนมักไม่ค่อยจะรู้หรอกครับ ขอขอบคุณที่แจ้งให้ทราบนะครับ ที่จริงผมใช้ใจผม เป็นหลักสำคัญครับ เนื่องด้วยนิสัยผมชอบสนุกสนาน เฮฮาทะลึงตึงตังเล็กๆน้อยแล้วก็บ้าๆบอๆบวมๆบ๊องส์ อีกผสมผสานกันนี่แหละครับงานถึงได้เกิดขึ้นตาม จินตนาการของผมเองครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.