ความอิจฉาริษยา ยังคงสงบนิ่งในก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคนพยายามปลุกมันขึ้นมาเพื่ออะไรฉันนั่งทบทวน หาเหตุผลซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าผู้ที่ปลุกความรู้สึกนั้น เขาต้องการอะไรกันแน่..... ผ่านเวลามาเนิ่นนาน ฉันพยายามวางบางสิ่งบางอย่าง ที่ทำให้จิตใจสับสนวุ่นวาย ฉันหาวิธีที่จะวางไว้ข้างหลัง ให้มันตายไปพร้อมกับแม่ ที่ตายจากฉันไปนานแล้ว ฉันเก็บฝังความรู้สึกทุกอย่างไว้ลึก ไม่อยากให้ใครค้นหา ว่าด้านมืดนั้น... ด้านมืดของความคิดของฉันเป็นอย่างไร ? ฉันเก็บความรู้สึกต่าง ๆ ไว้ให้ลึก จนยากใครจะปลุกมันขึ้นมาได้ ฉันคิดแบบนั้นเสมอมา แต่เปล่าเลย มันพร้อมจะตื่นขึ้นมาทุกเมื่อ.... ตั้งแต่เด็กจนโต... ฉันเป็นเด็กขี้อิจฉา อิจฉาคนโน้น คนนี้...อิจฉาเพราะความไม่มี ฉันกลายเป็นเด็กที่มีจิตใจหยาบคายมารยาทกระด้างกระเดื้อง ไม่อ่อนหวาน ไม่อ่อนโยน แข็งกระด้าง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง ฉันอยากเป็นคนอ่อนโยน อ่อนหวาน แต่ว่าชีวิตที่ฉันก้าวเดินมันบีบให้ฉันต้องเข้มแข็ง แข็งแรง ไม่อ่อนแอต่อสิ่งใด ฉันจึงกลายเป็นคนแข็งกระด้างภายนอก แต่ภายในอ่อนไหวมากเหลือเกินจนน่ากลัว... ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง... อายุเราเท่ากัน แต่โอกาสของเราไม่เท่ากัน เราอยู่ด้วยกันบนความแตกต่าง ฉันอิจฉาเขามาตลอดที่เขาได้เรียนหนังสือ เขาได้ทำกิจกรรมในโรงเรียนใคร ๆ ต่างชื่นชมเขา รวมทั้งฉันด้วย ที่ชื่นชมเขาเสมอ ฉันอิจฉาเขา ฉันยอมรับ... แต่ฉันไม่เคย ไม่อยากให้เขาได้ดีกว่าฉัน... ในเมื่อฉันเป็นไม่ได้ ทำไม่ได้ มีประโยชน์อะไร ที่จะไม่ชอบ เมื่อเขาได้ดีกว่า เราก้าวไม่เท่ากันมาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่มีวันก้าวทันเขาได้หรอก ไม่มีวันนั้นเลย ไม่มี... แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเลย... ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่คิด ไม่เคยคิดบ้างเหรอ? ว่าฉันจะรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงไหน? กับสิ่งที่เขาพยายามที่จะยัดเยียดให้ฉัน ฉันเหนื่อยและระอามากรู้ไหม? ทำไม? ต้องเอาเราไปเปรียบกันด้วยนะ ทำไม? ฉันเจ็บนะ เจ็บปวดมาก ฉันไม่มีทางตามลูกพี่ลูกน้องคนนี้ได้หรอก การที่เอาเขามาเปรียบกับฉันไม่สมควรเลยนะ เพราะเขาไปไกลกว่าฉันมาก ฉันยินดีที่เขาไปไกลกว่า แต่ฉันก็ไม่เคยเกลียดตัวเองที่มาได้แค่นี้ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย แต่ฉันเกลียด... เกลียดสิ่งที่ผู้ใหญ่กำลังเป็นตอนนี้ ทำไม? ฉันไม่เข้าใจ ใยจึงอยากปลุกสิ่งที่ฉันฝังมันไว้ขึ้นมา เพื่อให้ฉันเจ็บปวด เพื่อให้ฉันเกลียดเขา เพื่อให้ฉันเกลียดลูกพี่ลูกน้องคนนั้นเหรอ? หรือว่าเขาไม่ต้องการให้เราสองคน มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไม่อยากให้เรารักกันเหมือนเขางั้นเหรอ?
18 ธันวาคม 2549 18:20 น. - comment id 94360
ความอิจฉาริษยาเปรียบดังไฟกรดที่เผาไหม้จิตของผู้เป็นเจ้าของปล่อยวางเสียนะ"สาวภูไท"ยินดีเมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุขเรายิ่งจะมีความสุขกว่าเขาเป็นร้อยเท่า ...พอใจภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น...เราคือเรา..จิตย่อมเป็นสุข..อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ปลุกความรู้สึกนั้น...ทุกครั้งเมื่อทำบุญ.....สาธุ
19 ธันวาคม 2549 08:15 น. - comment id 94363
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขาบอกว่าไม่มีใครบนโลกนี้ที่ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นอย่าคิดมากนะคะ ทุกคนคงเป็นเช่นเรา เพียงแต่ว่าจะมากจะน้อย ควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมล่ะกันนะคะ สัก80-20 กำลังพอดี ไม่ทำร้ายใครทั้งตัวเองและตัวเอง
19 ธันวาคม 2549 18:33 น. - comment id 94369
ทุกอย่างอยู่ที่ใจเรากำหนดค่ะ อย่าไปโทษคนอื่นเลยว่าเขาปลุกความรู้สึกนั้นๆให้เรา ถ้าเขาปลุกให้เราไปทางไหน เราจำเป็นต้องไปทางนั้นเสมอไปด้วยหรือคะ เรามีสมอง มีสติ มีความรู้สึกรู้สา ย่อมมีอารมณ์ปรวนแปรไปตามสถานการณ์ อย่าโทษใคร ก่อนอื่นเราต้องดูที่ใจเราเองก่อนนะคะ เราหนักแน่นพอ ใครก็โน้มน้าวใจเราไม่ได้แน่นอนค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราค่ะ เข้มแข็งนะคะ ความดีจะชนะทุกอย่างแน่นอนค่ะ ไม่มีใครไม่เคยเปรียบเทียบ ไม่มีใครไม่เคยน้อยใจ ไม่มีใครไม่เคยอิจฉา มันย่อมมีสักแว่บนึงในตอนที่ใจเราตกต่ำค่ะ เฌอ ตอบมามากเชียว อย่าเกลียดเฌอก็แล้วกันนะคะ อากาศหนาวแล้วดูแลตัวเองนะคะ
20 ธันวาคม 2549 08:47 น. - comment id 94376
= =>ทิดสา ....ขอบคุณในถ้อยเรียงร้อยมา... ทำบุญทำให้จิตใจสดใส จึงทำเสมอมา... ขอบคุณ ทิดสานะคะ = =>เพียงพลิ้ว ....ยินดีกับเสมอ ปรารถนาดีกับเขาเสมอ เราสนิทกันมาก แต่ผู้ใหญ่สิ ชอบทำให้เรา เจ็บปวดเงียบในก้นบึ้งหัวใจ = =>เฌอมาลย์ .....ขอบคุณในถ้อย ปรารถนาดี ไม่อิจฉาหรอกค่ะ เราสองคนสนิทกันมาก ไม่เคยคิดอิจฉาเขาเลย กลับชื่นชมเขาต่างหาก ตอนนี้เขาเรียนจบ ป.โท แล้ว เราเคยคุยกันว่าอนาคตจะสร้างบ้างสาวโสด อยู่ตอนแก่ด้วยกัน... ....ไม่โกรธหรอกค่ะ ขอบคุณมากมายเลยล่ะ ไม่เกลียด แต่กลับรู้สึกรักมากกว่าเดิมอีก...