การเดินทางอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มเพื่อน 5 คน ของเราได้เริ่มต้นขึ้นที่หมอชิต เวลาประมาณ 3 ทุม เราออกเดินทางด้วยใบหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความสนุก ที่ความฝันในสมัยเรียนว่าเราจะเป็นหนึ่งในผู้พิชิตภูกระดึงจะเป็นความจริงอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าระยะทางที่จะไปจะยากลำบากเพียงไหน เราก็จะไปให้ถึงให้ได้ 6 นาฬิกาของเช้าวันใหม่ เราได้เดินทางมาจนถึงผานกเค้าเพื่อที่จะต่อรถสองแถวไปยังเชิงเขา พวกเราต่างก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มรอคอยเวลาและทำกิจส่วนตัวเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ 10 นาฬิกาหลังจากที่เราได้ส่งของบางส่วนให้แก่ลูกหาบเพื่อแบกของบางส่วนของเราขึ้นไปบนภูแล้ว(เนื่องจากลูกหาบไม่พอเราจึงจำเป็นต้องแบกของบางส่วนที่จำเป็นของเราขึ้นไปกันเองด้วย)เราได้ออกเดินทางขึ้นภู ก้าวแรกที่เราก้าวขึ้นไปเต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น อยากค้นหา ว่าจะเป็นไปอย่างที่เค้าเล่าลือถึงความโหดของภูกระดึง เป็นจริงอย่างที่เค้าเล่าเพราะว่าตลอดเวลาที่เราได้เดินทางขึ้นไปบนภูกระดึง มีทั้งความเหนื่อยล้า หมดแรง บางครั้งถึงขนาดที่เราเกือบที่จะพลัดตกลงมาจากเขาก็มี ด้วยความที่ไม่มีความชำนาญในการเดินขึ้นเขา แต่ด้วยรอยยิ้มและแววตาบวกกับแรงกระตุ้นจากเพื่อน ๆ และความช่วยเหลือ ดูแลทำให้เราพอที่จะมีพลัง เดินต่อไปจนถึงจุดหมาย การขึ้นภูไปในครั้งนี้ ได้สร้างมิตร และเชื่อมความรัก ความผูกพันธ์ จากเพื่อนถึงเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ๆ จนเดี๋ยวนี้ เราได้รู้แล้วว่า คำว่าเพื่อนรัก และคำว่าเพื่อนไม่ทิ้งกันมันมีความหมายมากน้อยเพียงใด ความงดงามเพียงใดบนภูกระดึง ก็ไม่อาจสู้ความงามในใจของเพื่อนกลุ่มนี้ได้เลย รักเพื่อนนะ....เพื่อนรัก....
15 ธันวาคม 2549 23:17 น. - comment id 94104
ผมขึ้นไปแล้วบนภูกระดึง 3 ครั้งแล้วด้วย และจะไปอีก คืนนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน และ 2-300 คืนก่อน เราปิดฉากคืนนี้ด้วยโชคชะตาที่เหมือนกัน คือผ้าห่มเน่า๐และอากาศหนาว
15 ธันวาคม 2549 21:05 น. - comment id 94328
ดีใจด้วย ที่ขึ้นไปถึงข้างบน..
16 ธันวาคม 2549 12:10 น. - comment id 94338
เคยไปหนหนึ่งค่ะ รองเท้าพังไปหนึ่งคู่ ตอนนั้นเลิกงานสี่ทุ่มครึ่ง แล้วจึงเดินทางโดยรถตู้ .. พรรคพวกนับได้สิบหน่วย ถึงที่หมายก็เช้าตรู่ค่ะ อัลมิตราเดินขึ้นเป็นอันดับโหล่ และเดินลงเป็นอันดับโหล่ (เสมอต้น เสมอปลายดีเนอะ) ยังไม่ค่อยซาบซึ้งเท่าไหร่กับบรรยากาส เพราะเหนื่อยมาก เมื่อยสุด ๆ ตอนเช้า ต้องเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อีกมุมเขา (ทำไมต้องไปดูด้วยว๊า) ตอนเย็น ต้องไปอีกฟาก ดูพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูปกับต้นไม้ริมผา (ตามใบสั่ง) ตอนเดินกลับที่พัก สารพัดจะคิดแผน แกล้งเป็นลมดีมั๊ย ให้เพื่อนแบกกลับ ๕๕๕ พอได้ยินเสียงรถจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทำไงดี โบกดีมั๊ย หรือแกล้งบาดเจ็บ ในที่สุด ก็กัดฟันขี่หลังเพื่อนกลับ..ฮา เดินไม่ไหวแหล่วว ค่ำ ๆ นอนน้ำตาเล็ด เพราะปวดขา ปวดเข่า ผลัดกันนวดขากับเพื่อน หิวน้ำ ก็..เดินไปหาขวดน้ำไม่ไหว อยากให้ขวดน้ำลอยมาหาเอง หนาวนะ .. ยังคิดอยู่เลยว่า ทำไมต้องมานอนหนาวที่นี่นะ คิดถึงที่นอนอันอบอุ่นที่บ้าน และแล้ว ทุกอย่างก็ผ่านพ้นมาได้ ยังนึกขำตัวเองมาก ที่บ่นเสียมากมาย