บทที่ ๒๘ สันติคืนสู่นาครินทนาคร ที่เรากล่าวมานี้หวังว่าท่านทั้งสองคงจะเข้าใจนะ” องค์ท้าวทัศยุราชันย์ทรงตรัสด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม มิได้มีพระอาการแสดงเสแสร้งแต่ประการใด ครั้นพระยุพราชนิละกาสูรย์กับพระยุพราชอหิงสากุมาร ทรงได้รับคำพระราชดำรัสเช่นนี้ ก็ทรงเห็นความผิดชอบชั่วดีที่เกิดขึ้น ทราบดีถึงความเป็นไปในศึกครั้งนี้ ด้วยพระองค์ทั้งสองตลอดจนพระมารดาก็เคยทรงห้ามปรามท่านท้าวเธอไว้แล้วแต่ก็ทรงไม่สามารถทำได้ แต่ด้วยความทะนงถือดีทิฐิของพระองค์ท้าวเธออันแรงกล้าด้วยโทสะจึงต้องถึงกลับกาลพินาศสิ้นไป เสียหมดสิ้น อีกทั้ง ตลอดจนเห็นพระอากัปกิริยาขององค์ท้าวเธอทรงอ่อนน้อมถ่อมตัวมิได้ถือดีใน พระราชอำนาจว่าเป็นผู้ที่ชนะศึกในครั้งนี้ ตลอดจนก็มิเห็นพระองค์เป็นเยี่ยงนักโทษดั่งเมืองอื่นๆกระทำกัน ก็ทรงเป็นที่พึงพอพระราชหฤทัยยิ่งนัก จึงน้อมพระวรกายถวายบังคมทูลแด่องค์ท้าวเธอว่า “ขอเดชะอันที่จริงแล้วข้าพระพุทธเจ้าก็ทรงมิเห็นด้วยกับพระราชบิดานัก ได้เคยทูลคัดค้านแล้วจนพระองค์ไม่พึงพอพระราชหฤทัยยังคงกระทำการเช่นนี้ ตัวข้าพเจ้าถึงได้ บ่ายเบี่ยงไปในการศึกครั้งนี้แต่แรก ได้หนีออกจากเมืองไปเมื่อเห็นว่าพระราชบิดาเสด็จไปแล้วก็ทรงเป็นห่วง ครั้นพระองค์ทรงทราบว่าเรากลับมาแล้วก็ให้เรายกทัพมาช่วย แต่นี่จนด้วยเกล้ามิอาจจะหลีกเลี่ยงไปได้ จึงต้องจำนำทัพมาช่วยพระเจ้าข้า หากเป็นได้ประการใด ข้าพระพุทธเจ้าจะขอนำพระศพพระราชบิดาคืน กับไปยังเมืองกาฬคีรีนครถวายพระเพลิงตามราชประเพณีด้วยพระเจ้าข้า” องค์พระยุพราชนิละกาสูรย์กล่าวถวายรายงาน เพราะรู้สึกชอบในพระอัชฌาสัยในองค์ทัศยุราชันย์ยิ่งนัก องค์ทัศยุราชันย์ก็ทรงพระราชดำรัสแก่องค์ยุพราชนิละกาสูรย์ว่า “อันการข้อนี้ไม่เป็นปัญหาใดๆหรอกท่านองค์พระยุพราช พระศพของท่านท้าวนิลกาฬที่เราทราบมานั้น ได้ถูกจัดไว้ในที่อันสมควรแก่ฐานะกษัตริย์ไว้เรียบร้อยแล้ว หากพระองค์จะกลับคืนไปยังกาฬคีรีนครเราก็ จะช่วยน้อมอัญเชิญพระศพจัดอย่างทำเนียมราชประเพณีส่งมอบให้แก่ท่านไม่ต้องกังวงเรื่องนี้หรอกเพียง ขอให้ท่านเข้าใจเราและชาวนาครินทนาครเท่านั้นเราก็เป็นที่ปรารถนาพึงพอใจแล้วล่ะ และขอเชิญท่าน เข้าพักผ่อนตามพระราชอัชฌาสัยเสียก่อนนะ” “ขอบพระทัยพระเจ้าข้า” องค์ยุพราชกาละนาสูรย์ทรงน้อมพระเศียรถวายบังคมทันที ทางด้านพระยุพราชอหิงสากุมารก็ทรงทูลขึ้นว่า “ที่จริงข้าพเจ้ามิได้คิดจะเข้ามาในการครั้งนี้เพียงแต่จะเข้ามานำพระศพพระราชบิดา และนำทหารของข้าพระองค์ กลับคืนสู่นครซ้ำยังพระราชมารดากำชับหนาว่าเมื่อมาแล้วให้รีบกลับโดยเร็วอย่ายุ่งเกี่ยวทางนี้ แต่ด้วยเกรงใจองค์พระยุพราชนิละกาสูรย์พระสหายและท่านท้าวนิลกาฬจึงจำต้องนำทัพเข้าร่วมการศึก ครั้งนี้พระเจ้าข้า” แล้วพระยุพราชทั้งสองพระองค์ต่างหันมามองพระพักตร์กันแล้วต่างก็พากันถวายทูลโดยพร้อมเพรียงกัน “กระหม่อมทั้งสองจะขอให้สัจจะปฏิภาณว่าหากได้กลับไปถึงยังพระนครหม่อมฉันแล้วก็จะทูลแจ้ง เหตุผลต่างๆของทางนครนาครินทนาครถวายแก่พระราชมารดาเพื่อให้ทรงทราบทุกประการทั้งยังจะเกลี้ย กล่อมพระมารดาให้ทราบถึงเหตุผลต่างๆนี้เกี่ยวกับทางเมืองนาครินทนาครให้ทราบมิให้ขุ่นข้องหมองใจ หากแม้นได้ขึ้นครองราชย์สมบัติวันใดก็จะขอเข้าร่วมเป็นพระราชไมตรีที่ดีต่อกันจวบจนสิ้นอายุขัย ของเหล่าข้าพเจ้า พระเจ้าข้า” องค์ท้าวเธอก็ทรงหันมาตรัสด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานพระหฤทัยยิ่งนักทรงตรัสว่า “เราและชาวนครนาครินทนาครนี้ขอขอบใจท่านทั้งสองล่วงหน้าและก็ให้สัจจะไว้เช่นเดียวกัน ว่าจะรักษาสัมพันธไมตรีนี้ตลอดไป ขอท่านทั้งสองจงสบายพระทัย และทรงเข้าพักผ่อน ตามพระอัชฌาสัยให้เป็นที่ทรงพระเกษมสำราญก่อนเถิดนะที่จะส่งเสด็จกลับ” พลางหันไปทางเหล่าสมกำนัลให้นำทั้งสองพระองค์ไปพักยังตำหนักรับรองต่อไป พอนางสนมกำนัลนำองค์พระยุพราชทั้งสองออกไปพ้นแล้ว ก็ทรงหันมายิ้มแย้มกับองค์พระยุพราชสิงหะฤทธาและพระยุพราชโกเมศกุมารทรงขอบพระทัย เป็นอย่างยิ่งที่ทรงช่วยในการศึกครั้งนี้และพระองค์ทรงกล่าวกับเจ้าหญิงทั้งหลาย ขอขอบพระทัยเป็นยิ่งนักที่ช่วยเหลือจนได้รับความสันติสุขกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วพระองค์ทรงตรัสว่า “นี่ดีนะที่พระยุพราชวานนรินทร์และองค์ท่านท้าวเธอวิหะคะยุราชที่ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก ทรงเข้าพระทัยถึงเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี มิฉะนั้นยังไม่ทราบเลยว่าจะเกิดความเสียหายขึ้นอีกมากน้อย เพราะพระวิหะคะยุราชและพระยุพราชนั้นทรงหลักแหลมยิ่งนัก” พระองค์ทรงเปรยเบาๆให้ฟังและ ทรงตรัสขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเราทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นพระสหายกันทั้งสิ้นข้าพเจ้าและเจ้าหญิง จะขอแสดงน้ำพระทัยต้อนรับเป็นพิเศษสักคราหนึ่ง หวังว่าท่านทั้งหลายคงไม่ปฏิเสธด้วยนะ อีกประการหนึ่งใคร่จะกราบทูลเชิญพระบิดาของสหายเราให้มาร่วมในพระนครนี้lสักครั้ง เพื่อจะได้เป็นเกียรติแก่ชาวนครนาครินทนาคร ท่านทั้งหลายเห็นเป็นประการใด” “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วพระเจ้าข้า เพค่ะ” เจ้าชายและเจ้าหญิงทูลรับสนอง “อ้อๆๆท่านพ่อปู่ลำบากมากแล้วในการครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอฝากให้ท่านพ่อปู่จงช่วยแจ้งให้แก่ท่านวิษณุเดชะและท่านวีระพิชัย ตลอดอัครเสนาบดีฝ่ายพลเรือนจงช่วยเบิกจ่ายปูนบำเหน็จแก่เหล่าทหารหาญ ทั้งหญิงและชายในการนี้ทุกๆคนด้วยนะท่านพ่อปู่” “รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า” ท่านพ่อปู่ราชครูน้อมรับพระบัญชา แล้วเลี่ยงลุกถวายบังคมลาถดถอยออกไป เมื่อท่านมหาราชครูกลับไปแล้ว องค์พระยุพราชทั้งสองก็กราบทูลลาองค์ท้าวเธอ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วเห็นทีกระหม่อมขอทูลลากลับด้วย พระเจ้าข้า องค์ชายทัศยุราชันย์และองค์ชายโกเมศกุมารทูลเพื่อกลับไปยังที่ประทับเพื่อ จัดแจงดูแลเหล่าทหารหาญทั้งหลายที่บาดเจ็บในการศึกครั้งนี้ ครั้นองค์หญิงเฌอมาลย์ทรงทอดพระเนตรเห็น ดังนั้นจึงขอทูลลาขึ้นบ้าง “หม่อมฉันก็เห็นจะทูลลากลับเช่นเดียวกัน เพค่ะ” องค์หญิงเฌอมาลย์ทูลขึ้นบ้าง “อย่าพึ่งซิ น้องหญิงช่วยดูและเสด็จพี่ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนนะ” องค์หญิงดาริกาทรงขัดขึ้นทันที “ก็มีเสด็จพี่ทั้งสามอยู่ดูแลปรนนิบัติอยู่แล้วนี่นา” องค์หญิงเฌอมาลย์ทรงตรัส “มิได้นะ ก็น้องพี่ทรงเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรยายิ่งนัก ยิ่งกว่าหมอ หลวงในพระราชวังนี้เสียอีก” องค์หญิงดาริกาทรงตรัสทัดทาน “หม่อมฉันเพียงรู้แค่นิดๆหน่อยๆเพค่ะ” เจ้าหญิงทรงตรัส “นั่นซิพี่เองก็ได้ยินเรื่องราวแบบนี้เหมือนกันนะน้องหญิง” เจ้าหญิงมณีกานต์ทรงตรัสเสริมบ้าง “หรือว่าน้องหญิงจะคิดถึงองค์ชายสิงหะฤทธากระมังหนอ” องค์หญิงปทุมวดีทรงเย้า พร้อมหันมาหลิ่วพระเนตรกับองค์หญิงเฌอมาลย์ ทำให้พระพักตร์องค์หญิงเฌอมาลย์แดงขึ้นทันที “หามิได้เพค่ะ เสด็จพี่น้องต้องการไปดูและทหารของน้องว่าบาดเจ็บ มากน้อยเพียงใดเพค่ะ” องค์หญิงเฌอมาลย์ทรงแก้เขินพระองค์ “เรื่องทหารคงไม่เท่าไหร่หรอก ส่วนที่สำคัญคงจะเป็นองค์ชายมากกว่า” แล้วองค์หญิงปทุมวดีก็ทรงพระสรวลดังลั่น “เอาล่ะๆ พี่เองก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากนักคงจะหายดีแล้ว ยิ่งด้วยได้สาวๆ สวยๆเช่นนี้มาช่วยดูแลด้วยแล้ว อาการก็หายเร็วผิดปกตินะ” องค์ทัศยุราชันย์ ทรงพระดำรัสด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มเบิกบานทรงกระเซ้าขึ้นบ้าง “อุ้ยทรงหวานจริงๆนะเพค่ะ อย่างนี้เสด็จพี่ดาริกาถึงได้ทรงพระโกรธายิ่งนัก ยามที่ทรงเห็นพระองค์ถูกฟาดด้วยกระบองกระเด็นสิ้นสติไป ถึงกลับเต้นเร่าๆกลางสนามรบทันที อุ้ยๆๆเจ็บเพค่ะ” เจ้าหญิงมณีกานต์ทรงหันมากระเซ้าต้องสะดุ้งทันทีที่โดนเจ้าหญิงดาริกาทรงแอบเหน็บ แหนบเนื้อหน้าพระเพลาเอา “หรือไม่จริงเพค่ะเสด็จพี่” พลางหันมาพยักพระพักตร์หลิ่วพระเนตรยั่วเย้ามองยัง เจ้าหญิงดาริกาแล้วทรงหันไปยิ้มกับเจ้าหญิงปทุมวดี “จริงหรือน้องหญิง” องค์ทัศยุราชันย์ตรงตรัสขึ้นบ้าง “ไม่รู้ล่ะเสด็จพี่ น้องก็ทรงเห็นหน้าพระพักตร์ยังกับยักษ์โขมดไม่ผิดเลยเพค่ะ” เจ้าหญิงปทุมวดีพระองค์ทรงเสริมขึ้นทันที “ยายนี่อีกคนทำสงครามแบบไหนนะ กำลังรบกันแต่ไม่หันไป มองข้าศึก ดันหันไปดูบนฟากฟ้าดีนะไม่ถูกข้าศึกฟันตายก็ดีถมไปแล้ว มิฉะนั้น ฮึๆๆๆ” องค์หญิงดาริกาหันมาแซ่วพระองค์หญิงปทุมวดีบ้าง เอาล่ะๆๆเป็นอันว่าอยู่กันทั้งสี่คนก็แล้วกันนะแล้วเสวยพระกระยาหารร่วมด้วยกัน นี่ก็เกือบเย็นแล้วพระองค์ท้าวทัศยุราชันย์ทรงตัดบท “เดี๋ยวพี่จะไปสรงสักหน่อยเหนียวตัวแย่อยู่แล้ว น้องหญิงทั้งหมดอยู่ ก่อนนะเดี๋ยวจะออกมาสนทนาด้วย” แล้วพระองค์ก็เสด็จไปข้างในทันที เจ้าหญิงทั้งสี่พระองค์ก็ทรงเย้าแหย่หยอกล้อกันด้วยความสนุกสนานรื่นเริง ลืมถึงเรื่องการศึกสงครามเสียสิ้น พระองค์ทรงเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆของ พระองค์แลกเปลี่ยนกันฟัง จวบจนองค์ทัศยุราชันย์เสด็จเข้ามาร่วมสนทนาด้วย เมื่อทรงประทับเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ทรงหันมาเอ่ยกลับเจ้าหญิงมณีกานต์ทันที “น้องหญิงมณีกานต์และน้องหญิงปทุมวดี เมื่อเจ้ามาแล้วพี่ก็จะมิให้น้อง ทั้งสองกลับยังพระนครรัตนาขอให้อยู่กับพี่ที่นี่อย่าได้ไปไหน ส่วนทางเมือง รัตนานครนั้นพี่เองทรงใคร่ครวญดีแล้ว ควรที่จะมอบหมายให้พระอนุชาของ เสด็จพ่อของน้องหญิงทั้งสองทรงขึ้นปกครองอาณาประชาราษฎร์ต่อไป ส่วนทหารหญิงชายที่ติดตามมานี้ พี่อยากจะใคร่ขอไว้รับใช้ทางนี้กับน้องหญิง เสียที่นี้เลย หวังว่าน้องหญิงทั้งสองคงจะเห็นดีกับพี่ด้วยนะน้อง” องค์ทัศยุราชันย์ทรงตรัสด้วยพระพักตร์เศร้าสร้อยมาทางองค์หญิงทั้งสอง “พี่เองก็เห็นด้วยกับเสด็จพี่ด้วยล่ะน้องหญิงจงตัดสินพระทัยเถิดนะ” องค์หญิงดาริกาก็ทรงเอ่ยตรัสขึ้นบ้าง “หากน้องหญิงยังคิดถึงเมือง พี่และน้องหญิงดาริกาก็จะร่วมเดินทางไป เยี่ยมเยียนด้วยกันทั้งสี่นี่แหละ” ท่านท้าวทัศยุราชันย์พระองค์ทรงตรัสเสริม ทางด้านเจ้าหญิงมณีกานต์ทรงหันพระพักตร์มาทางเจ้าหญิงปทุมวดีเพื่อ จะทรงขอความเห็นชอบด้วย ครั้นเห็นองค์เจ้าหญิงปทุมวดีทรงพยักพระพักตร์ แสดงถึงการเห็นคล้อยตามกับพระราชสวามีก็ทรงพระทัยอ่อนตามใจองค์ ทัศยุราชันย์พลางเอ่ยพระโอษฐ์ขึ้นว่า “หากแม้นวันใดพระองค์ทรงรังเกียจหม่อมฉันเมื่อใด ก็จะขอทูลลากลับ เมืองของหม่อมฉันพร้อมกับน้องโดยมิบอกกล่าวด้วยนะ เพค่ะ”
ภาพประกอบเป็นของคุณ เฌอมาลย์ขอรับ....แก้วประเสริฐ.
7 ธันวาคม 2549 22:26 น. - comment id 94164
เจ้าชายช่างเจรจา...รวบสาวๆไว้หมดเลย.. ยังไงเฌอมาลย์ก้อต้องไปออกรบที่ภาคใต้....กับปทุทวดี..ม่ายต้องอ้อน คุณชายชราเลย....
8 ธันวาคม 2549 07:23 น. - comment id 94166
ใต้ถุนบ้าน ...งั้นแอบบดูเจ้าชายดีกว่าเฌอมาลย์....สู้สู้..
8 ธันวาคม 2549 10:06 น. - comment id 94168
คุณ เฌอมาลย์ โอ้ๆช่างหาภาพประกอบได้ยอดเยี่ยมครับ ผมเองก็หาเหมือนกันอิอิ ไปดูเอาเองนะครับ แก้วประเสริฐ.
8 ธันวาคม 2549 10:07 น. - comment id 94169
คุณ ยายแม่มดน้อย โอ้โห...แอบดูที่ใต้ถุนหรือครับ เห็นอะไรบอก ด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
8 ธันวาคม 2549 10:08 น. - comment id 94170
คุณ เฌอมาลย์ ระวังนะครับยายแม่มดน้อยกำลังแอบดูคุณอยู่ นะครับ อิอิ ผมเองก็ชอบเหมือนกันเน้อ แก้วประเสริฐ.