บทที่ ๒๑ ศึกอสูร เทพมนุษย์ ยุพราช ด้วยเถิดพระเจ้าข้า” วิษณุเดชะน้อมกายถวายหนังสือถึงแผนการต่างๆ ในการปกป้องพระนครแด่องค์ราชันย์ “ส่วนทางด้านพลเรือนนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้แจ้งไปยังหน่วยงาน รับผิดชอบแจ้งแก่ประชาราษฎร์ทั้งหลายมิให้ตื่นตระหนกตกใจซึ่งเหล่า ประชาราษฎร์ทั้งหลายมีขวัญกำลังดีมากพระเจ้าข้า” อัครเสนาบดีฝ่าย พลเรือนทูลถวายรายงาน องค์ทัศยุราชันย์รับรายงานมาทอดพระเนตรและรับฟังรายงานจาก ฝ่ายพลเรือน พลางหันมาทางพ่อปู่ราชครู ทรงเอ่ยตรัสถามว่า “แล้วพ่อท่านราชครูมีสิ่งใดจะแนะนำแก่ข้าพเจ้าบ้างไหมท่านพ่อปู่” ท่านพ่อปู่ราชครูหันมาทูลว่า “ขอเดชะ เนื่องด้วยเป็นวันเพ็ญศิวะราตรี ที่ทำให้กำลังเมืองของเรา อ่อนแอลงทำให้เมืองต่างๆที่หมายปองน้ำอมฤตต่างมิได้เกรงกลัวจึงได้ยก ทัพมาในครั้งนี้นั้น ได้ตรวจดวงชะตาเมืองแล้วเห็นว่ายังไม่เป็นที่น่าวิตก แต่ประการใดไม่ ตามลักษณะราศีของดวงดาวประจำเมืองนั้น บ่งบอกว่า ศึกครั้งนี้จะมีการแบ่งแย่งถือดีเด่นซึ่งกันและกัน มิอาจจะรวมตัวกันได้ดั่ง แต่แรก และจะมีคนมาช่วยเหลือทางเมืองเราด้วย พระเจ้าข้า” “แต่ว่าเราก็ไม่ควรจะประมาทนะท่านพ่อปู่” พระองค์ทรงตรัส “ ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กำลังส่วนใหญ่ให้เฝ้ารักษาพระนคร เอาไว้มิได้ประมาท โดยมอบหมายให้เหล่าทหารที่รักษากำแพงพระนคร แต่ละชั้นเฝ้าผลัดเปลี่ยนเสริมกำลังมิให้ขาด และจัดส่งทหารออกไปนอก กำแพงเมืองบ้างเพื่อทดสอบกำลังของฝ่ายตรงกันข้ามบ้าง เพื่อหยั่งเชิงใน การศึกครั้งนี้ เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ใช้ในการปกป้อง ศัตรูนั้นก็ยาก ยิ่งที่จะตีพระนครเราแตกได้ เพราะชัยภูมิที่จะเข้าตีพระนครนั้นสามารถ มองเห็นได้ทุกๆด้าน จะเข้ามาทางอากาศและใต้ดินมิได้พระเจ้าข้า” ท่านพ่อปู่ราชครูทูลถวาย “ดังนั้นเราขอมอบหมายให้ท่านวิษณุเดชะ เป็นแม่ทัพใหญ่มีอำนาจ ในการจัดกำลังพลเฝ้ารักษาพระนครไว้ และให้ท่าน วีระพิชัย เป็นผู้ช่วย อีกแรงหนึ่ง หากเห็นว่าควรที่จะจัดส่งทหารออกนอกกำแพงเมืองก็รีบ ให้รายงานแก่เราโดยด่วนด้วย อย่าลืมว่าศึกครั้งนี้ล้วนแล้วแต่หนักหนา ยิ่งนัก เพราะต้องประกอบด้วยเทพอาวุธทั้งหลาย ฤทธาของเหล่าปัจจามิตร มิใช่ศึกธรรมดาทั่วๆไป” พระองค์ทรงมอบหมายงาน แล้วพลางหันมาทางอัครบดีฝ่ายพลเรือน ทรงกล่าวว่า “ให้ท่านดูแลและสร้างขวัญกำลังใจแก่เหล่าอาณาประชาราษฎร์อย่าให้ได้ ตื่นตระหนกตกใจ ตลอดจนจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการรบทั้งหลายให้แก่ ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าได้ขาดตกบกพร่องแต่ประการใดนะท่าน” “ รับด้วยเกล้าพระเจ้าข้า “ อัครบดีฝ่ายพลเรือนทูลรับพระบัญชา “ท่านพ่อราชครู ศึกครั้งนี้เห็นทีจะให้ท่านช่วยเหลือในด้านวางแผนรบ แก่เหล่าขุนทหารทั้งหลายด้วยแล้วล่ะ ด้วยอาศัยประสบการณ์ของพ่อปู่ ที่ชำนาญยิ่งนักในตำราพิชัยสงครามมากกว่าผู้ใดทั้งสิ้น ตลอดจนข้าพเจ้า ก็วางใจแก่ท่านยิ่งนัก” พระองค์หันมาทางท่านพ่อปู่ราชครู “ขอพระองค์ทรงวางพระราชหฤทัยเถิด พระเจ้าข้า” ท่านมหาราชครู รับพระบัญชา “ข้าพเจ้าพอจะรับทราบมาว่า การศึกครั้งนี้เห็นทีจะต้องใช้ทหารหญิง เสียเป็นส่วนมาก หากวันใดได้ทำศึกกับท่านท้าวนิลกาฬเสียแล้ว ด้วยท่าน ท้าวเธอมิได้เกรงกลัวทหารฝ่ายชายแต่ประการใดแต่กลับเกรงกลัวเหล่า ทหารหญิงมาก ฉะนั้นขอน้องดาริกาช่วยเป็นธุระทางด้านนี้ จัดเตรียม รวบรวมทหารหญิงเข้าเป็นกองทัพรอไว้ เร่งฝึกปรือให้เชี่ยวชาญกว่าเก่า หากวันใดทำศึกกับท่านท้าวนิลกาฬเห็นทีจะต้องใช้เหล่าทหารหญิงทั้งหมด ส่วนศึกอื่นด้านทหารชายเราเองจะนำทัพออกต่อสู้ด้วยตนเอง เพื่อหาแนวทาง อื่นๆไว้ด้วย เพื่อประกอบแผนการที่ป้องกันไว้” พระองค์ทรงหันไปตรัส กับเจ้าหญิงดาริกาอัครมเหสีทันที “ขอรับใส่ไว้ด้วยเกล้า เพค่ะ” เจ้าหญิงดาริกาทรงน้อมพระวรกายรับ “ เราได้ข่าวมาว่าทางน้องหญิงมณีกานต์และน้องหญิงปทุมวดีนั้น ก็ทรงมีทหารหญิงที่เกรียงไกรไว้โดยเฉพาะด้วย อยากให้น้องเราช่วยแจ้ง ข่าวนี้ไปทางโน้นด้วยนะ” องค์ทัศยุราชันย์ทรงตรัสถึง พร้อมมองพระพักตร์ องค์หญิงเห็นปรากฏรอยยิ้ม ก็ทรงพึงพอพระราชหฤทัย “ด้วยอำนาจฌานวิเศษของน้องหญิงคงจะทราบแล้ว ป่านฉะนี้คงจะ ร้อนรนพระราชหฤทัยยิ่งนักที่การศึกครั้งนี้เกิดกับพระสวามีสุดที่รักเพค่ะ” องค์เจ้าหญิงดาริกาหันมายิ้มพลางค้อนพระพักตร์ด้วยท่าทางล้อเลียน “อย่างนั้นก็เถอะหากไม่แจ้งให้ทราบอาจจะนึกว่าเราลืมเขาเสียแล้ว นะน้องหญิง” พระองค์ทรงตรัสแล้วหันมาทางเหล่าขุนทหารทั้งหลาย “เห็นทีเราจะต้องออกศึกนี้ด้วยตนเองเสียแล้วล่ะ ขอท่านทั้งหลายจง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอย่าได้เกิดความประมาทเป็นอันขาดตามที่เรามอบหมาย ให้ท่านด้วย หากไม่มีข้อสงสัยแล้วเราขอเลิกประชุมเชิญท่านทั้งหลายเถิด” องค์ทัศยุราชันย์พลางกล่าวแก่เหล่ามุขอำมาตย์ทั้งหลายพร้อมเสด็จเข้า ตำหนักด้านใน เหล่าขุนทหารทั้งปวงก็รีบกลับไปจัดเตรียมกำลังพลเพื่อ ปกป้องนครตามพระราชดำรัสทันที ท่านมหาราชครูก็ตามเสด็จเข้าไปแล้วทรงปรึกษาให้ความแนะนำแก่ ทัศยุราชันย์ถึงแผนการต่างๆไว้ให้รับทราบ ถึงการแบ่งกำลังออกเป็นสี่ฝ่าย ตามความสามารถของเหล่าขุนทหารทั้งหลาย และแจ้งว่าได้รับหนังสือลับ จากทางนครปักษินนครและทันทะกะนครที่จะร่วมช่วยเหลือลับๆแก่ทางนี้ ครั้นแล้วท่านมหาราชครูก็เล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ได้รับจาก เจ้าหญิงเฌอมาลย์ถึงการเสด็จมาของยุพราชสิงหะฤทธาและเจ้าชาย โกเมศกุมารที่ทรงร่วมปรึกษาแล้วว่าจะช่วยเหลือในทางลับแก่นครนี้ ตลอดจนเหล่าเทพยาดาที่เฝ้ารักษานครนี้ทั้งหลายอีกด้วย องค์ท้าวทัศยุราชันย์ทรงรับฟังก็ให้แสนจะดีพระทัยยิ่งนัก ทรงตรัสว่า “หากแม้นเป็นดังพ่อท่านปู่กล่าวมานี้ เห็นทีว่าเราจะทำศึกกันเพียง สามนครใหญ่และกับเหล่านครต่างๆที่เป็นบริวารท่านท้าวนิลกาฬเท่านั้น และทั้งยังได้กำลังช่วยจากนครปักษินและทันทะกะทั้งนครของเจ้าหญิง เฌอมาลย์อีก เห็นทีว่าศึกครั้งนี้คงจะไม่ใหญ่หลวงนักนะท่านพ่อปู่” “แต่ก็อย่าพึ่งไว้วางใจมากนักเพราะท่านท้าวนิลกาฬกับท้าวอีกสองนคร นั้นต่างก็มีฤทธิ์เดชเดชาเกรียงไกรยิ่งนักเป็นที่ลือไปทั่วแคว้นต่างๆของ บริเวณเชิงเขาไกรลาสยิ่งนักนะมหาราช” พ่อปู่ราชครูกล่าวพลางรำพึง “ข้าพเจ้าก็คิดดั่งพ่อปู่เหมือนกัน เพราะว่าหากมาดแม้นมิดีจริงก็คงจะ ไม่กล้ามารุกรานทางเราหรอก แต่ทางเราก็หาได้อยู่ในความประมาท ฉะนั้นจึงต้องขอรบกวนท่านพ่อปู่จงช่วยวางแผนหาทางรับมือครั้งนี้ ด้วยเถิด ถึงแม้ว่ากำลังพลเราจะมีไม่มากนักแต่ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นความสามารถ ของพ่อปู่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครอง เพียงแต่ตามคำรำลือ ถึงมหาศาสตราอาวุธที่องค์เทพยาดาที่เฝ้ารักษาจะผ่อนคลายลง แต่ก็หาทำให้ฤทธานั้นถดถอยแต่ประการใดไม่” องค์ทัศยุราชันย์ทรงปรารมภ์ขึ้น “ทางเรานี้ได้รับการตอบรับจากเจ้าหญิงมณีกานต์และเจ้าหญิงปทุมวดี องค์พระชายาของพระองค์ เริ่มแรกทีเจ้าหญิงมณีกานต์จะมิทรงเสด็จมา แต่ไม่ทราบด้วยเหตุประการใด พระองค์ยืนยันมาแล้วว่าจะเสด็จมา ร่วมปกป้องพระนครนี้ด้วยทั้งสองพระองค์แล้ว แต่อาจจะล่าช้าสักหน่อย” ท่านมหาราชครูกล่าวรายงานให้องค์ทัศยุราชันย์ทราบคร่าวๆ ครั้นราตรีวันเพ็ญศิวะราตรีมาถึง ทางกองทัพทั้งสี่ทิศทาง ก็ต่างระดมกำลังเข้าโจมตีอาณาเขตนาครินทนาครทันที ทั้งทางบกและทางอากาศอย่างดุดันเว้นแต่ทางด้านทิศตะวันออก และทิศใต้เท่านั้นที่การปกป้องพระนครจะทุเลา เพียงมีแต่เมืองต่างๆ ภายในอาณัติของท่านท้าวอสูรเท่านั้นที่ทำการอย่างเหี้ยมหาญมิได้ เกรงกลัวต่ออำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระแสอ่อนลง ทุกทิศทางต่าง ผ่านพ้นอำนาจนั้นมาได้ จนถึงอาณาเขตประตูเมือง กระจายกำลังเข้าโอบล้อม ทั้งสี่ด้านทันที แต่หาได้ผ่านเข้ามาทางอากาศและทางใต้พื้นดินก็หาไม่ เพียงส่งกำลังรี้พลโจมตีทางบกเท่านั้น รัศมีควบคุมเมืองยังคงเปล่งประกาย เจิดจ้าเข้าบั่นทำลายผู้ที่จะผ่านเข้ามาไม่สามารถผ่านเข้ามาในกำแพงเมืองได้ คงเกิดการสู้รบกันภายในลานล้อมรอบกำแพงเมือง ชุนมูนวุ่นวายไปหมด ทางเมืองนาครินทนาครที่ได้จัดส่งทหารเข้าต่อสู้กับทางทัพอสูรต่างก็ เข้ารบมิได้เกรงกลัวแต่ประการใด อาวุธวิเศษทั้งหลายก็ถูกนำออกมาใช้ แผ่กระจายเต็มท้องฟ้าส่งแสงประกายวูบวาบคำรามหวั่นไหวไปทั่ว อาวุธวิเศษแต่ละฝ่ายได้เข้าต่อสู้หักล้างซึ่งกันและกัน ทหารที่หลบรอดได้ก็ ต่างหนีกันเป็นพัลวัน บางก็สิ้นชีวิตภายใต้รัศมีของอาวุธต่างๆเหล่านั้น จนกระทั่งอาวุธวิเศษเหล่านั้นต่างแตกหักทำลายไปทั้งสองฝ่ายตกลงมา บนท้องฟ้านั้นคำรามเต็มไปด้วยเสียงสนั่นปานสายฟ้าฟาด ที่ส่งเสียงคำรามประกายไฟวูบวาบเหมือนในยามฤดูฝนโปรยปรายสายฝน ก็มิปาน ประกายไฟของอาวุธวิเศษได้แผ่กระจายตกลงมาต้องเหล่าทหาร ทั้งสองฝ่าย เบื้องบนฟากฟ้าต่างก็เต็มไปด้วยอาวุธนานัปการที่เข้าห้ำหั่น ส่วนทางภาคพื้นดินเหล่าทหารก็พากันเข้าประชิดเข้าต่อสู้กันล้มตาย เป็นที่ชุลมุนอลหม่านไปทั่ว มีทั้งมนุษย์กึ่งเทพ อสูรยักษ์ เหล่าปักษาวายุ และสัตว์ทั้งหลายที่เจ้าครองนครทั้งหลายส่งเข้าสู้รบ รุกไล่ตะปบ กัดเหล่าทหารของนาครินทนาคร แต่มนุษย์กึ่งเทพก็หาได้เกิดความ หวาดกลัวแต่ประการใดไม่คงเข้าต่อสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อปกป้องนคร จนไม่สามารถผ่านเข้ามายังแนวกำแพงประตูเมืองจนได้เป็นที่ล้มตาย
ภาพประกอบเหล่านี้เป็นของ คุณเฌอมาลย์ ขอรับ...แก้วประเสริฐ.
24 พฤศจิกายน 2549 23:49 น. - comment id 93798
กองทัพท่านร่วมสมัยจังมีหน่วยงานด้วย คราวนี้เจ้าหญิงออกครบเลยนะคะ
24 พฤศจิกายน 2549 08:52 น. - comment id 93905
อ่านแล้ว เหมือนได้ดูละครตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ตอนเป็นเด็กเลยค่ะคุณลุง อาวุธลอยต่อสู้กันในอากาศ
24 พฤศจิกายน 2549 08:53 น. - comment id 93906
อ่านแล้ว เหมือนได้ดูละครตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ตอนเป็นเด็กเลยค่ะคุณลุง อาวุธลอยต่อสู้กันในอากาศ
25 พฤศจิกายน 2549 08:04 น. - comment id 93924
(นั่งจิบกาแฟอ่านไปด้วยเพลินดีโนะ)
25 พฤศจิกายน 2549 10:42 น. - comment id 93925
คุณ เพียงพลิ้ว หรือจ๊ะลุงแต่งแล้วมานั่งอ่านดูอดสงสัยตัวเองไม่ได้ เหมือนกันว่าหรือว่าจะเป็นจิตใต้สำนึกกระมังถึงได้ เขียนออกมาได้แบบนี้จ๊ะ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2549 10:45 น. - comment id 93926
คุณ เฌอมาลย์ คงจะเป็นแบบนั้นนะ เพราะว่าเรื่องจักรๆวงศ์ๆ ก็มักจะเป็นแนวแบบนี้แหละจ๊ะ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2549 10:47 น. - comment id 93927
คุณ ยายแม่มด อ้าวกองทัพก็ต้องมีการพัฒนาด้วยซิจ๊ะ อ่านไปออกรบกันทุกๆองค์แหละครับ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2549 10:51 น. - comment id 93928
คุณ โคลอน ก่อนอื่นขอขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ ผมนั้นอ่านงานอื่นๆเห็นว่าหาคนเขียนเรื่องแบบนี้ ไม่ค่อยจะมี ก็เลยนึกอยากจะเขียนขึ้นมาบ้างครับ นี่เป็นเรื่องแรกในชีวิตงานหัดเขียนผมนะครับ ผมเองรวบรัดมาก ตอนแรกคิดว่าจะให้ละเอียด แต่มานึกอีกทีว่าเป็นงานเรื่องสั้นครั้นจะยาวไป ก็เกรงใจ เลยรวบรัดครับขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2549 10:54 น. - comment id 93929
คุณ เพียงพลิ้ว มือเร็วไปหน่อยครับว่าจะแจ้งให้ทราบเลยต้อง มาแจ้งอีกทีนะ คือว่าลุงได้แต่งเรื่องทัศยุราชันย์ จบลงแล้วบริบูรณ์เมื่อวานนี้เองแหละ ทั้งหมดมี 32 บท รวมบทส่งท้ายอีก 1 บทแต่ก็รวมไว้ในบท ที่ 32 เลยจ๊ะ แก้วประเสริฐ.