บทที่ ๒๐ ก่อนคืนเพ็ญศิวะราตรี จะมีศึกกับทโมนไพรนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ พระเจ้าข้า” องค์ชายกราบทูล “ในข้อนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอก เราได้ส่งทหารไปช่วยเหลือท่านนั้นล้วน แล้วแต่ฝีมือกล้าแข็งยิ่งนัก อีกประการหนึ่งหากเราได้เคลื่อนทัพเมื่อใด ก็ไม่จำเป็นต้องพักพิงสถานที่เหล่านี้อีกต่อไปแล้ว กำหนดคงจะเป็นพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้แล้ว ตอนนี้เรามาร่วมปรึกษากันดีกว่า ว่าใครมีความคิดเห็น เป็นประการใด “ พระองค์ตรัสมิได้สงสัย พลางหันไปทางเหล่านครต่างๆ “แล้วทางท่านท้าว สุพพัตสุระและท่านท้าว วิหะคะยุราช พรองค์ มีความคิดเห็นเป็นประการใดล่ะ” ท้าวนิลกาฬทรงตรัสถาม “เราเห็นว่าเมื่อจันทร์เพ็ญดิถีมาถึงก็ควรจะเข้าตีพร้อมๆกัน ก็จะก่อเกิด ความสับสนกังวลแก่ทัศยุราช ยากแก่การระวังซึ่งมีทหารที่จะรักษาเมืองจำกัด มิได้มากมายดุจดังพวกเราที่ยกกำลังรี้พลมา” ท้าวสุพพัตสุระทรงกล่าว “เราก็มีความคิดเห็นดั่งท่านนะ แล้วท่านท้าววิหะคะยุราชล่ะเห็น เป็นประการใดรึ” ท้าวนิลกาฬหันไปทางท่านท้าวปักษินนคร “ส่วนเรามีความเห็นว่าทางยุพราชแห่งสิงหะนคร ไพร่พลทหาร ก็ล้วนบาดเจ็บมากมายเช่นนี้ ควรให้เหล่านครที่มาช่วยนั้นเข้าเสริมทหาร แก่นครท่านด้วยก็จะเป็นการดี และอีกอย่างหนึ่งไพร่พลทางทหาร ของเมืองทันทะกะนครก็มีไม่มากนัก ก็ควรให้นครเหล่านั้นเข้าช่วยเหลืออีก แรงหนึ่งนะ” ท่านท้าววิหะคะยุราชทรงกล่าวเสริม ซึ่งก็ตรงตามเจนารมย์ของท้าวนิลกาฬยิ่งนักถึงกับทรงพระสรวลลั่น “ในเมื่อการเข้าตีนครนาครินทนาคร กระหม่อมเห็นว่าควรที่จะให้นคร ของพระองค์เป็นทัพหน้าเข้าตีเมืองพร้อมๆกันมิดีกว่าหรือพระเจ้าข้า” เจ้าชายวานนรินทร์แห่งปักษินนครทรงให้ความเห็นในที่ประชุม “หากเป็นเช่นดังองค์ชายวานนรินทร์ทรงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็เห็นสมควรด้วยว่าควรให้ทางเมืองนครของนิลกาฬนคร เป็นผู้เข้าตีทางด้านกระหม่อมก่อนเนื่องจากรับฟังว่าเก่งกาจยิ่งนัก พระจ้าข้า” องค์ยุพราชแห่งสิงหะนครทรงกล่าวเสริม พลางหันมาส่งยิ้ม กับองค์ชายวานนรินทร์แห่งปักษินนคร ที่ทรงนั่งข้างพระบิดาพระองค์ ทำให้ยุพราชแห่งปักษินนครทรงยิ้มแย้มแจ่มใสทันที ที่มีรู้ร่วมรู้พระทัยพระองค์ เห็นด้วยกับข้อเสนอของพระองค์ที่ทรงพระดำรัสขึ้นเช่นนี้ ดังนั้นพระองค์ก็เกิด ความรู้สึกเป็นมิตรก็ขึ้นแก่เจ้าชายแห่งสิงหะนครทันที ทรงหันมายิ้มตอบ ทำให้เหล่านครภายใต้บารมีของท้าวนิลกาฬใบหน้าเบิกบานขึ้นทันที “ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยกับทางยุพราชสิงหะฤทธาและยุพราชวานนรินทร์ ด้วยพระเจ้าข้า ว่าในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วทางข้าพเจ้าก็ยินดีให้เหล่า ทหารนครต่างๆที่มาช่วยของพระองค์ดำเนินการได้ทางทิศที่กระหม่อม ด้วยพระเจ้าข้า” องค์ชายโกเมศกุมารก็ทรงกล่าวเช่นเดียวกัน “มิใช่เราจะระแวงต่อท่านทั้งหลายก็หาไม่ เราได้ใคร่ครวญแล้วเห็นว่า เคยปรารมภ์ไว้ก่อนแล้วและทางท่านก็ได้รับบาดเจ็บมาและอีกประการหนึ่ง มีไพรพลจำนวนน้อย อาจจะต้องการความช่วยเหลือบ้าง เราเองก็เห็นตาม ท่านอหิงสากะนครกับปักษินนครที่แสดงความคิดเห็นนี้ไม่ก่อนนะท่านยุพราช เพราะแต่ละเมืองนั้นเราหวังจะให้เหล่านครของเราเข้าร่วมศึกกันด้วยกันทุกเมือง ซึ่งก็จะเป็นการช่วยผ่อนแรงเหล่าทหารของท่านทั้งหลายได้อีกทางหนึ่ง” องค์ท้าวนิลกาฬทรงกล่าว แต่ในพระทัยเกิดความระแวะสงสัย ที่ยุพราชทั้งสาม ทูลเห็นพร้องต้องกัน ส่วนทางด้านสิงหะนครและทันทะกะนครทั้งสองนครนี้ ทรงสงสัยอยู่แล้วที่ไม่เห็นท่านท้าวเสด็จมาเอง อีกประการหนึ่งยังหนุ่มแน่น มิได้เชี่ยวชาญชำนาญศึกซ้ำยังมีรี้พลมาในการครั้งนี้น้อยผิดธรรมดาก็ทรงกังขา เพียงแต่พระองค์มิได้กล่าวสิ่งใดให้หนักไปกว่านี้ได้จะทำให้เสียแผนการไป “ถ้าเป็นพระประสงค์พระองค์ ก็แล้วแต่พระองค์ทรงคิดเถิด พระเจ้าข้า” องค์ยุพราชทั้งสามทูลถวาย องค์วานนรินทร์ทรงหันไปยิ้มกับพระราชบิดา ซึ่งหันมามองดูการกระทำของราชบุตรอยู่ แต่ก็มิได้กล่าวแต่ประการใด “แล้วทางท่านเจ้าเมืองต่างๆที่มาช่วยเรานั้นมีความคิดเห็นประการใดรึ” ท่านท้าวนิลกาฬ ซึ่งมีบริวารมาร่วมรบทั้งหมดหกนคร ทรงหันมาถาม เมืองทั้งหกนครอันได้แก่ ทุระคานคร ปัจฉิมนคร วิรุราคินนคร สินธุนคร ตันติยะนครและ คีตตะระนคร ซึ่งเป็นนครภายใต้การปกครอง ของท่านท้าวทั้งสิ้นก็ต่างพากันสนองรับองค์ท่านท้าวนิลกาฬ แล้วพากันกราบทูลโดยพร้อมเพรียงกัน “ทางกระหม่อมพร้อมที่จะทำตามพระองค์แล้ว พะย่ะค่ะ ” “หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นที่ตกลงกันนะ คือทางท่านเจ้าเมืองแห่ง ทุระคานครกับท่านเจ้าเมืองคีตตะระนคร ให้ไปช่วยทางด้าน ยุพราชสิงหะฤทธา ส่วนทางท่านเจ้าเมืองปัจฉิมนครและวิรุราคินนคร ให้ไปช่วยทางด้านยุพราชโกเมศกุมาร อีกนครคือสินธุนครให้ไป ช่วยทางท่านท้าวปักษินนคร ด้านตันติยะนครให้ไปช่วย ทางเมืองอหิงสากะนคร จ้าวนครทั้งหลายเห็นเป็นประการใดรึ” เหล่าเมืองต่างๆทั้งสี่เมือง อันได้แก่ ปักษินนคร อหิงสากะนคร ทันทะกะนครและสิงหะนคร ต่างมองพระพักตร์ซึ่งกันและกัน แต่ก็มิได้กล่าวขัดแย้งแต่ประการใดไม่ คงเพียงนิ่งและยินยอมรับ ในข้อเสนอแนะแต่ก็ให้รู้สึกสงสัยภายในใจเท่านั้น ด้วยทางเมือง ปักษินนครและอหิงสากะนครต่างก็นำไพร่พลมามากใยต้องให้ เมืองภายในอาณัติของท่านท้าวนิลกาฬมาช่วยอีกเล่า “หากแม้นทางท้าวเห็นชอบดั่งนี้ คิดว่าคงจะไม่เป็นปัญหาใดๆหรอก ท่าน” ทางฝ่ายปักษินนครกล่าวขึ้นแทนทุกๆพระองค์ “ถ้าเป็นดั่งนี้แล้ว พรุ่งนี้เพ็ญศิวะราตรีให้ทุกๆท่านเคลื่อนพลเข้าบุก กำแพงเมืองตามทิศต่างๆได้ หากผลประการใดขัดข้องอย่างไรหรือไม่ ค่อยๆมาปรึกษาหารือกันอีกที ” ท่านท้าวนิลกาฬสรุปผลทันที ทางจ้าวเมืองต่างๆรวมทั้งนครทั้งหลาย ก็พากันทูลลา ต่างคนต่างพากัน คิดสงสัยในการดำเนินการของท่านท้าวนิลกาฬยิ่งนัก ทางด้านองค์ยุพราชวานนรินทร์หลังจากเสด็จพ้นจากที่ประชุมก็ ทรงหันมาตรัสกับองค์ท่านท้าววิหะคะยุราชพระราชบิดาว่า “เสด็จพ่อลูกเองนี้ให้สงสัยเป็นยิ่งนัก ดูจากใบหน้าและการวางกำลังแล้ว ก็ยิ่งเกิดพิรุธขึ้นมา เห็นว่าการครั้งนี้คงจะเป็นเล่ห์เพทุบายของท่านท้าวนิลกาฬ เป็นแน่แท้ บางทีองค์ยุพราชทั้งสองของเมืองสิงหะนครและทันทะกะนคร อาจจะรู้ความก่อนเราเสียเป็นแม่นมั่น การทุ่มกำลังรี้พลของเราเห็นทีจะสูญเปล่า แน่พระเจ้าข้า” “นั่นซิพ่อเองก็ให้เกิดสงสัยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังขบคิดไม่ออก ยิ่งได้รับฟังจากลูกแล้วจึงได้กระจ่าง ดังนั้นการครั้งนี้เราควรจะหยั่งกำลัง ในการศึกครั้งนี้ก่อน หากเป็นประการใดเราจะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที” องค์ท้าววิหะคะยุราชทรงดำรัสขึ้น “หากเป็นได้ประการใด ลูกใคร่จะหยั่งเชิงกับทางยุพราชทั้งสองดูว่า ดีร้ายอย่างใด อีกประการหนึ่งสังเกตว่าทางยุพราชทั้งสองสนิทสนมยิ่งนัก ท่าทางไม่มีเล่ห์เหลี่ยมร้ายใด หากทางเราได้ไว้เป็นพวกก็ย่อมง่ายต่อการนี้ เสด็จพ่อเห็นเป็นประการใดพระเจ้าข้า” องค์ยุพราชวานนรินทร์ทรงตรัสถาม “อือๆ เห็นทีเป็นหน้าที่ของลูกก็แล้วกัน ที่พ่อเอาเจ้ามาครั้งนี้เพื่อที่จะให้ ทราบถึงประสบการณ์ต่างๆตลอดจนการแก้ไข เมื่อได้รับฟังข้อคิดเห็นแยกแยะ แล้วพ่อก็รู้สึกสบายใจ ตามใจลูกคิดเห็นอย่างไรก็ทำตามใจเถิดนะ พ่อเองก็จะ เป็นแค่เพียงสนับสนุนในความคิดของลูกเท่านั้น” องค์ท้าวปักษินนครทรงตรัส พระแย้มพระสรวลยกมือกุมพระอังสาพระโอรสด้วยความปลาบปลื้มยินดี “ถ้าอย่างนั้นการศึกครั้งนี้ลูกขออนุญาตเสด็จพ่อดำเนินการหากผิดพลาด เสด็จพ่อโปรดยกโทษให้ลูกด้วย” องค์ยุพราชทรงดำรัส “เอาเถอะๆ พ่อเองก็แก่แล้วที่มานี้เพียงมาให้กำลังใจแก่ลูกและอาศัย ประสบการณ์เข้าช่วยเหลือเท่านั้น พ่อเองตอนนี้ก็คิดจะวางมือเหมือนกันสิ่งใดๆ ที่ผ่านไปมาไตร่ตรองแล้วมันไม่ให้ผลดีเลย กลัวจะตกทอดถึงลูกจึงต้องคอย ตักเตือนหากเจ้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่านี้สักหน่อย พ่อเองก็จะวางมือมอบทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างแก่เจ้าดูแลปกครองปักษินนคร ยิ่งเห็นท่านท้าวนิลกาฬและท่านท้าว สุพพัตสุระแล้วก็บังเกิดความท้อแท้ยิ่งนักมิได้เกรงกลัวต่อสิ่งกระทำเลย หากได้มาซึ่งน้ำอมฤตแล้วก็จะยิ่งกำเริบสืบสานไปกว่านี้ แม้แต่นครของเรา ก็จะมิได้เห็นอยู่ในสายตารวมทั้งนครอื่นๆด้วย ทำให้พ่อรำลึกนึกถึงบรรพบุรุษ ที่เล่าถ่ายทอดมาถึงความผิดพลาด ก็ยิ่งทำให้อดสูใจยิ่งนัก เมื่อก่อนพ่อก็มี ความนึกคิดเห็นคล้อยตามไปด้วย เมื่อมาถึงครั้งนี้ตลอดระยะเวลาและมองเห็นลูก ก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดผิดแผกไป เหมือนสมัยพ่อยังหนุ่มๆไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่ ลูกพ่อมีความละเอียดรอบคอบเหมือนแม่กว่าพ่อเท่านั้นเอง” ท่านท้าวทรงรำพึง “ลูกจะไม่ทำให้พ่อและชาวปักษินนครเสียใจเพราะลูกเป็นอันขาดพระเจ้าข้า” องค์ยุพราชวานนรินทร์ทรงตรัสรับสั่ง องค์ท้าววิหะคะยุราชเมื่อได้รับฟังก็ทรงพระสรวลยิ่งขึ้นโอบพระอังสาแล้วพา กันเหาะไปยังยอดเขาที่ตั้งแห่งกองทัพทันที จะขอกล่าวทางด้านนาครินทนาคร ครั้นทราบข่าวการศึกครั้งนี้ที่มาประชิด ล้อมรอบพระนคร องค์ทัศยุราชันย์ก็ได้เรียกประชุมท่านพ่อปู่ราชครูและเหล่า มุขอำมาตย์ข้าราชบริพารทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนทันที เพื่อจัดวางกำลังพลในการ รับศึกทั้งสี่ทิศนั้นทันที ทรงตรัสแก่เหล่าทหารและพลเรือนภายในท้องพระโรง ถึงการปกป้องพระนครตลอดจนวางกำลังพลครั้งนี้ว่า “ ท่านแม่ทัพใหญ่ วิษณุเดชะ เล่ามีความเป็นประการใดหรือท่าน” “กราบทูลมหาราช การครั้งนี้เกล้ากระหม่อมทราบแล้วพระเจ้าข้า พร้อมทั้งได้จัดเตรียมทหารเข้ารักษาประตูเมืองทั้งสี่ด้านไว้พร้อมเพรียง พร้อมยุทโธปกรณ์ตลอดจนแผนการต่างๆ ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตร
ภาพประกอบของท่านหญิงเฌอมาลย์ขอรับผม....แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2549 17:09 น. - comment id 93889
อ่านเรื่องของคุณลุงแล้ว หลานมีแผนการเยอะแยะเลยค่ะ อิอิ
23 พฤศจิกายน 2549 18:13 น. - comment id 93893
รู้สึกอบอุ่น พ่อลูกปรึกษากัน.... ได้ข้อคิดดีค่ะ
24 พฤศจิกายน 2549 07:11 น. - comment id 93902
คุณ เพียงพลิ้ว หากเป็นดังที่ว่าก็แสดงความยินดีด้วยนะ ตอนนี้กำลังเร่งงานใกล้จะจบบริบูรณ์แล้วครับ คงจะได้พักผ่อนบ้างแล้วล่ะ ติดอยู่เพียงเล็กน้อย เท่านั้นเองขอบคุณนะเจ้าหญิง แก้วประเสริฐ.
24 พฤศจิกายน 2549 07:14 น. - comment id 93903
คุณ ยายแม่มด ขอบคุณครับใกล้จะถึงเจ้าหญิงทั้งสี่จะออกศึก กันแล้วล่ะ กำลังคิดว่าจะจบอย่างไรดีหนอแล้วคอย ติดตามนะครับ แก้วประเสริฐ.
24 พฤศจิกายน 2549 07:25 น. - comment id 93904
คุณ คุณ เฌอมาลย์ คนเรานะสวยแล้วย่อมมีแผนการนะซิจ๊ะ คุณกานต์นะเป็นคนสวยจริงๆนะผมเห็นมาแล้ว สนทนากันด้วยแล้วล่ะ อิอิ ถ้าไม่สวยผมจะไม่ให้ เป็นเจ้าหญิงในเทพนิยายเรื่องแรกในชีวิตหรอก ฮั่นแน่...สงสัยจะโดนค้อนแล้วตามด้วยขวานซะ แล้ว ไปหาอะไรทานก็นึกถึงผมเผื่อๆไว้ด้วยนะครับ แก้วประเสริฐ.