สมบัติของสมบัติ

พีรเดช นวลสาย

เมื่อม่านสีดำโรยตัวเข้ามาแทนที่แสงสุดท้ายบนโค้งขอบฟ้า ดวงดาวใหญ่น้อยทะยอยออกมากระพริบแสงประปราย คือสัญญาณเริ่มต้นการทำงานประจำวันของเขา
     สมบัติ บุญรักษา  ชายหนุ่มวัยต้นสามสิบที่ครั้งหนึ่งตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟชำรุดจากดินแดนที่ราบสูงอันแร้นแค้นมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เมืองที่คนการศึกษาน้อยอย่างเขาปักใจเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของความเจริญ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการอัดแน่นอยู่ในมหานครที่ไม่เคยหลับไหลแห่งนี้  ด้วยความหวังเปี่ยมล้นว่าจะสามารถแบ่งปันส่วนเสี้ยวศิวิไลซ์เล็กๆ น้อยๆ มาปรนเปรอแก่ตัวเองได้บ้าง
      แต่ความรู้แค่ ป. 6 ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก สมบัติเริ่มต้นชีวิตในกรุงด้วยการเป็นลูกจ้างรายวันในแค้มป์รับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง รายได้สุทธิวันละร้อยยี่สิบบาท ไม่มากไม่น้อยสำหรับคนปากเดียวท้องเดียวอย่างเขา ตกเย็นก็รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ คนงานด้วยกันนั่งก๊งเหล้าขาวแก้ปวดแก้เมื่อย ตอนนั้นยังหนุ่มแน่นความคึกคะนองมันมากโขอยู่ พอกรึ่มได้ที่ก็ส่งเสียงดังเอะอะจนไปเตะหูเตะตาจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นเข้า กูก็เจ๋งมึงก็แจ๋วตกลงกันไม่ได้ก็ต้องใช้มือ-ตีนเป็นเครื่องตัดสิน สมบัติไม่ใช่คนใจเล็กเหมือนตัว  เขาคนเดียวอัดพวกนั้นหมอบไปสาม โดยที่เพื่อนได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน โตมาเดินได้ก็ช่วยพ่อแม่แบกมัดกล้า แบกคราดแบกไถ ทำนากลางแดดร้อนเปรี้ยง ครั้นเข้ากรุงก็ไม่พ้นแบกปูนแบกทรายจนร่างกายกำยำอย่างกับนักมวยอาชีพ  แต่บทสรุปไม่ค่อยสวยหรูนักสมบัติถูกจับเข้าห้องขังฐานทะเลาะวิวาทนอนตบยุงเล่นอยู่ถึง 2 คืนเต็มๆ
      พอออกมาโฟร์แมนเขาก็บอกไม่ต้องมาทำงานอีกแล้ว เขาไม่ชอบเลี้ยงนักเลง ชอบชกต่อยก็ต้องไปอยู่ที่อื่น สมบัติไม่ปริปากเถียงแม้แต่คำเดียว ผิดก็คือผิดแก้ตัวไปก็เท่านั้น  ความจริงเขาไม่ใช่คนช่างพูด ที่มีเรื่องกันวันนั้นก็เกิดจากเพื่อนร่วมวงเหล้าที่ปากไม่อยู่สุข ไปเที่ยวแซวเมียชาวบ้านจนเกิดเรื่องขึ้น สมบัติเป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูงมีหรือที่เกิดเรื่องแล้วเขาจะไม่ช่วยเพื่อน แต่การณ์กลับเป็นว่าเขาเป็นคนก่อเรื่องซะเอง
      ไม่ทำงานก่อสร้างแล้วจะไปทำอะไรกิน เขาไปสมัครแค้มป์อื่นซึ่งอยู่กันคนละฟากมุมเมือง ทุกอย่างทำท่าจะไปได้สวยแต่แล้วก็ไม่วายเกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้
แต่คราวนี้เรื่องไม่ได้เกิดที่ตัวเขาเองหรอก มันเกิดกับเถ้าแก่ผู้รับเหมา อยู่ๆ เขาก็หยุดการก่อสร้างไปเฉยๆ ปลดลูกจ้างทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโฟร์แมน ช่าง แม่บ้าน รวมทั้งคนงานอย่างพวกเขา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเหลือเกิน กระทันหันจนเขาไม่ทันได้รับเงินค่าแรงงวดสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ เกิดจากอะไร เขาได้ยินมาคร่าวๆ แค่ว่าเพราะ ฟองสบู่แตก
เอ?...ว่าแต่ไอ้ฟองสบู่แตกเนี่ย มันมาเกี่ยวกับค่าแรงวันละร้อยยี่สิบบาทของเขาได้ยังไง?
     สมบัติไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดอะไรมากมาย เขาต้องหางานใหม่ให้ได้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นมีหวังอดตายแน่ๆ ครั้นจะบ่ายหน้ากลับบ้านนอกก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี ไร่นาที่เคยมีก็ถูกนายทุนยึดเอาไปครอบครองหมดแล้ว นับแต่พ่อเอาฉโนดไปจำนองเอาเงินออกมาเพื่อเดินเรื่องวิ่งเต้นส่งเขาไปขายแรงเมืองนอก เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันที่ไปก่อนหน้าแค่ปีเดียวมันก็ใช้หนี้คืนเขาหมด แถมยังมีเงินสร้างบ้านใหม่หลังใหญ่กว่าเก่าเป็นกอง บางคนถอยรถกระบะใหม่เอี่ยมมาขับ มีตู้เย็น มีเครื่องเสียงสเตอริโอเปิดเพลง   หมอลำงัน(ฉลอง)กันเสียงดังจนน่าอิจฉา
พ่อไม่ได้เห่อของพวกนั้นอย่างชาวบ้านคนอื่นหรอก เหตุผลของแกออกจะเข้าท่าด้วยซ้ำ แกบอกอยากวางอนาคตให้ลูกชาย แต่เพราะไม่มีทรัพย์สมบัติที่ไหนจะให้มัน หนังสือหนังหาก็คงส่งเสียให้เรียนไม่ได้มากไปกว่านี้  และมันก็โตขึ้นทุกวันเกิดวันหนึ่งไปรักไปชอบผู้หญิงอยากมีเมียขึ้นมาจะเอาเงินที่ไหนไปตบแต่งเขา ถ้าได้ไปนอกมันยังจะพอมีทุนสักก้อน เหลือค่าสินสอดก็เก็บไว้ใช้เป็นทุนเป็นรอนกันได้
     แต่ตั้งตารอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะได้ขึ้นเครื่องบินไปขายแรงยังต่างแดนอย่างที่หวัง เงินรึก็วางไปหมดแล้ว สรุปง่ายๆ ว่าถูกหลอก เงินตั้งหลายหมื่นจะเอาที่ไหนไปใช้ พ่อนอนเอามือก่ายหน้าผากทุกวัน นี่ถ้าแม่ยังอยู่คงไม่วายกินไม่ได้นอนไม่หลับไปด้วยกันอีกคนแน่ๆ
ที่นา ที่บ้านโดนยึดได้แค่ปีกว่าๆ พ่อก็ล้มเจ็บและสิ้นใจในกระท่อมเล็กๆ ที่ไปขออาศัยปลูกบนที่ดินของญาติ เสร็จงานศพที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย สมบัติตั้งใจแน่วแน่ที่จะทิ้งอดีตอันขมขื่นไว้เบื้องหลัง เขาจะเข้ากรุงมาหางานทำและจะไม่หันหลังกลับเด็ดขาดหากยังไม่สามารถเก็บเงินได้มากพอที่จะไปขอซื้อที่ดินที่เคยเป็นของพ่อคืนมาจากเงื้อมมือนายทุน มันจะแพงกว่าเดิมสิบเท่าร้อยเท่าก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น  ญาติๆ พากันทัดทานและชักชวนให้อยู่ทำนาด้วยกัน ยังพอมีข้าวให้กินมีบ้านให้อยู่หลบแดดหลบฝน แต่สมบัติตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
     เร่ทำงานก่อสร้างทั่วกรุงอยู่พักใหญ่ สมบัติก็คิดว่าถึงเวลาต้องหางานอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งทำได้แล้ว ถึงเวลานี้เขาไม่ใช่คนปากเดียวท้องเดียวอีกต่อไป เขามีอีกหนึ่งปากที่ต้องดูแล เธอชื่อ ฝาง เป็นเด็กสาวตาคมจากภาคเหนือ เจอกันในแค้มป์ก่อสร้างแทบทุกวัน  แจกขนมจีบอยู่พักใหญ่จนความรักสุกงอมได้ที่ทั้งคู่ก็หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กินด้วยกัน  เงินเก็บเล็กน้อยติดตัวเพียงพอให้หาห้องเช่าเล็กๆ ถูกๆ อยู่ไปก่อนได้ จากนั้นจะขยับขยายยังไงก็ค่อยว่ากันทีหลัง
งานใหม่ของเขาใช้แรงน้อยลง แต่ต้องอาศัยความอดทนมากขึ้น เพราะต้องถ่างตาตื่นเวลาที่คนอื่นเขานอนหลับพักผ่อนกัน ไม่ผิดหรอกเขาเป็น ยาม หรือจะกระแดะเรียกให้รื่นรูหูว่า รปภ. ก็ได้ความหมายไม่ต่างกัน บริษัทที่รับเขาเข้าทำงานเป็นบริษัทขนาดกลาง ทำอะไรก็ไม่รู้มีคนเข้าออกทั้งวันตกกลางคืนก็เห็นอยู่กันจนดึกดื่น แต่อะไรก็ไม่สำคัญหรอกขอให้จ่ายเงินเดือน 4,500 บาทของเขาให้ตรงเวลาทุกๆ เดือนก็พอแล้ว เพราะมันคือรายได้ทางเดียวที่ต้องเอาไปจัดสรรปันส่วนจับจ่ายให้ใครต่อใครอีกหลายคน ไหนจะเจ้าของห้องเช่าที่จะเจอหน้ากันแค่เดือนละครั้ง ไหนจะเถ้าแก่ร้านของชำใจดีที่ให้เซ็นข้าวของจนบัญชียาวเฟื้อยยิ่งกว่าหางว่าว แล้วไหนจะเมียสุดที่รักที่เป็นเหมือนธนาคารส่วนตัวบังคับให้ฝากทุกเดือนโดยห้ามถอนเด็ดขาด
     แล้วความสุขของสมบัติจะอยู่ตรงไหน  หมายถึงเรื่องสนุกซุกซนแบบที่ผู้ชายอกสามศอกทุกคนชอบกัน  ในเมื่อเขาพกเงินติดตัวไปทำงานแค่วันละ 30 บาท ไม่ขาดไม่เกินแถมตอนกลับบ้านยังถูกซักละเอียดยิบว่าจับจ่ายอะไรไปบ้าง  ไม่หรอก...ต่อให้พกเงินวันละพันสมบัติก็ไม่มีวันเอาเงินไปผลาญเล่นกับเรื่องพรรค์นั้น   เพื่อน รปภ. ด้วยกันเคยถูกหวยได้เงินเป็นหมื่นอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงฟรีไม่อั้น  สมบัติยังปฏิเสธอย่างไม่ใยดีบอกเพียงสั้นๆ ว่าไม่อยากนอนกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก แม้จะโดนหัวเราะเยาะแต่ประโยคนี้ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าชวนเขาไปทำเรื่องอย่างว่าอีกเลย
     ชีวิตการงานของสมบัติทำท่าจะไปได้สวย แต่คนอย่างเขาเหมือนพวกต้องคำสาป เหมือนมีใครสักคนแอบอิจฉาเส้นชีวิตอันราบเรียบของเขาเลยต้องคอยโยนก้อนกรวด ก้อนหินเข้าไปสร้างความขรุขระเป็นอุปสรรคให้ได้ล้มลุกคลุกคลานอยู่เนืองๆ  สมบัติถูกบอกเลิกจ้างกระทันหันแม้จะได้เงินเดือนในเดือนสุดท้ายแต่ก็ไม่มีค่าชดเชยใดๆ จากนายจ้าง  เขาไม่เพียงไม่มีโอกาศอ้าปากถามถึงความชอบธรรมกลับถูกเตือนให้รีบๆ พาตัวเองออกจากบริษัทแห่งนั้นให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะพลอยซวยติดร่างแหไปด้วยอีกคน  เป็นอีกครั้งที่เขาจำใจต้องออกจากงานโดยไม่ค่อยเข้าใจถึงสาเหตุ  ได้ยินมาแว่วๆ แค่ว่าบริษัทแห่งนี้มีปัญหาเรื่อง ฟอกเงิน อะไรนี่แหละ
     เงินมันสกปรกมากขนาดที่เขาต้องเอามันมาฟอกมาขัดเลยเชียวหรือ?
     แล้วไอ้ฟอกเงินให้สะอาดขึ้นแค่เนี้ยถึงกับต้องมีคนมาสั่งปิดบริษัทด้วย?? ...ยิ่งคิดก็ยิ่งงง
     สมบัติต้องก้มหน้ารับชะตากรรมบนความไม่กระจ่างอีกเช่นเคย นี่ถ้าเขาได้เรียนสูงกว่านี้อาจจะพอเข้าใจเรื่องพวกนี้มากกว่าที่เป็นอยู่  อย่างน้อยๆ เขาก็พอจะบอกเมียรักให้เข้าใจได้ว่าตกงานเพราะอะไร  หรือวันหนึ่งข้างหน้าจะได้ตักเตือนลูกหลานให้ระมัดระวังตัว
     ท้องถนนคืนนี้รถราไม่ค่อยพลุกพล่าน ไม่รู้จะเป็นเพราะมีการเปิดปราศรัยใหญ่ของพรรคการเมืองแกนนำจากทั้งสองฝ่ายที่กำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น หรือจะเป็นแค่เหตุบังเอิญที่วันนี้คนไม่ค่อยสัญจรไปมาบนถนนสายนี้ก็ไม่รู้
สมบัติ บุญรักษา ถีบซาเล้งคู่กาย ผิวปากเป็นทำนองเพลงเดือนเพ็ญไปบนถนนอย่างสบายใจ แม้จะไม่ใช่คืนข้างขึ้น ไม่เห็นแม้แต่ซีกเสี้ยวดวงเดือน เขาก็รู้ดีว่ามันต้องหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้านั่นแหละ  
     พ่อ...คืนนี้ ไม่มีเดือนหงายหรือ? ลูกชายตัวน้อยผิวคล้ำได้พ่อ เอ่ยปากถามพลางแหงนหน้ามองหาอย่างไม่ลดละ
     มีสิ เขาตอบ
     ไหนล่ะ? เด็กน้อยขมวดคิ้วสงสัย  ทำไมหนูมองไม่เห็นเลย?
      ลองมองดูดีๆ สิ ...อยู่บนฟ้านั่นแหละ
     พ่อรู้ได้ไง?
     พ่อไม่เคยเห็นมันไปอยู่ที่อื่น
     พ่อ!! นั่นๆ เด็กน้อยเบนความสนใจไปยังถังพลาสติกสีเขียวใบเขื่องบนทางเท้าอย่างกระทันหัน  ท่าทางตื่นเต้นเหมือนมันเป็นถังใบแรกในชีวิตที่ได้เห็น  สมบัติอมยิ้มกับความเดียงสาของลูกชาย  เขาผ่อนแรงถีบค่อยๆ บังคับซาเล้งเข้าไปจอดเทียบข้างถังอย่างชำนาญ
     เอาล่ะ ไหนดูซิ  คืนนี้มีอะไรบ้าง เขาป้ายขาลงจากซาเล้ง เดินตรงไปเปิดฝาถัง
     มีอะไรรึเปล่าพ่อ? เด็กน้อยลุกขึ้นยืนชะเง้อด้วยความอยากรู้ จนซาเล้งโยกโคลงเคลง
     มีสิ สมบัติยกถุงสีดำในถังออกมาวางเรียงรายที่พื้นทางเท้า แกะมัดปากถุงทั้งหมดออกและลงมือคุ้ย
     นี่ไงล่ะ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมขวดพลาสติก 2  3 ขวดในมือ
     เด็กชายยิ้มร่า ตบมือดีใจเหมือนพ่อค้นเจอสมบัติล้ำค่า
     โยนมาเลย โยนมาเลย
     รับให้ดี อย่าให้หล่นล่ะ เอ้า!
     มีแต่ขวดอย่างเดียวเองเหรอ?
     ใจเย็นๆ สิ ยังหาไม่ทั่วเลย
     เอาเยอะๆ ให้เต็มรถเลยนะพ่อ
     ถ้างั้นต้องเดินกลับนะ เพราะไม่มีที่นั่ง
     ไม่เป็นไร หนูเดินได้
     แน่ใจนะ
     แน่สิ
     หลังจากคุ้ยค้นจนแน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งที่ต้องการอีกแล้ว สมบัติก็จัดแจงเก็บกวาดมัดปากถุงแน่นหนา แล้วหย่อนมันคืนกลับลงถัง เขาไม่รู้ว่าเศษขยะในถุงสีดำพวกนี้จะถูกพาไปที่ไหนอีกต่อจากนี้  รู้แต่ส่วนที่เขาคัดเลือกมามันจะถูกเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินรายได้สำหรับจุนเจือครอบครัวเล็กๆ ให้มีกินกันโดยไม่ต้องคอยพะวงว่าเมื่อไหร่จะมีปัญหาอะไรที่เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจมาขับไล่เขาออกไปจากการงานสุจริตที่ทำอยู่นี้อีก
     พ่อ-ทางนู้นเค้าทำอะไรกันเอะอะเสียงดังเหมือนคนทะเลาะกันเลย เด็กน้อยชี้มือไปยังทิศที่มีแสงไฟสว่างเจิดจ้าข้างหน้า
     เจ้าไม่รู้เรื่องหรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา 
     งั้นพ่อก็ต้องรู้เรื่องสิ เพราะพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว
     อือ สมบัติครางในลำคอ ไม่รู้จะบอกลูกชายยังไงว่าความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่คนพวกนั้นทำไปเสียทั้งหมด
     ผู้ใหญ่พวกนั้น มักจะพูดผ่านจอทีวีเสมอว่าทำเพื่อประชาชนเดินดินอย่างพวกเขา การทะเลาะกันนี่ก็คงเป็นด้วยเหตุผลนั้นกระมัง ไม่อย่างนั้นใครกันจะมาทนเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดด้วยเรื่องอันไม่เป็นเรื่อง แถมยังมีคนไปรวมกลุ่มกันฟังเป็นพันเป็นหมื่น ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ ไม่ต้องเหมาว่าบ้าทั้งคนพูดทั้งคนฟังหรอกหรือ
      สมบัติเคยคิดจะไปนั่งฟังกับเขาอยู่หลายหนเหมือนกัน แต่ก็ได้แค่คิดเพราะปากท้องไม่เคยให้เวลาเขา มันคอยตามติดประชิดทุกฝีก้าว เขาหยุดเดินเมื่อไหร่มันก็ล้ำหน้าไปเมื่อนั้น  สงสัยอยู่เหมือนกันว่าคนเป็นพันเป็นหมื่นพวกนั้นเขาเอาไหนกินไหนใช้เพราะบางทีเห็นมาอยู่กันได้เป็นเดือนๆ
     พ่อๆ นั่นไงๆ ลูกชายตัวน้อยผุดลุกขึ้นยืนชี้มือไปที่ถังใบใหญ่ข้างทาง  มันรับของเหลือทิ้งไว้เต็มจนล้นเกลื่อนออกมากองที่พื้นรอบๆ  หมาโซ 2-3 ตัวจุ่มหัวคุ้ยเขี่ยอยู่ข้างถังอีกด้าน  มันรีบผละหนีไปโดยมีข้าวของติดปากไปคนละชิ้นสองชิ้น เมื่อเห็นซาเล้งแถเข้าไปจอดเทียบข้างๆ
     สมบัติลงไปสำรวจถัง โดยมีสายตาลูกชายคอยจ้องไม่ยอมกระพริบ
     มีอะไรไหมพ่อ? เด็กน้อยร้อนใจ
     เดี๋ยวสิ...เพิ่งเริ่มดูเอง สมบัติคุ้ยลึกลงไปในถัง
     ว่าไงพ่อ ได้อะไรไหม?
     นี่ไง! เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมขวดน้ำพลาสติกเล็กๆ ในมือ
     มีแค่นี้เองเหรอ? ลูกชายทำท่าผิดหวัง
     แค่นี้แหละ นอกนั้นมีแต่กล่องโฟมกับเศษข้าวเหลือทิ้ง เขายื่นขวดพลาสติกให้ลูกชาย
     แล้วที่พื้นนั่นล่ะ
     นั่นก็กล่องโฟม เป็นร้อยๆ เลยมั้ง...สงสัยพวกนั้นเอามาทิ้ง สมบัติมองไปทางแสงไฟเจิดจ้า
     ถ้ามันขายได้ก็คงดีเนาะ
     ไม่มีใครเขารับซื้อกล่องโฟมหรอก มันเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เขาลูบหัวลูกชาย
     พ่อว่าเราขี่ย้อนกลับไปฝั่งโน้นดีกว่า ข้างหน้ายิ่งใกล้พวกนั้นเข้าไปยิ่งจะมีแต่กล่องโฟม เผลอๆ อาจจะเยอะกว่าตรงนี้อีก
เด็กน้อยพยักหน้าฟังคำโดยดี  ซาเล้งเลี้ยวหันหลังกลับบ่ายหน้าข้ามไปยังถนนฟากตรงข้าม
      สมบัติตระเวณคุ้ยถังอีกนับสิบใบในคืนนั้น เขากับลูกชายวัยเดียงสาได้ของเกือบเต็มคันรถ มีทั้งเศษกระดาษ  ขวดพลาสติก กระป๋องเบียร์ หนังสือเก่า เศษเหล็ก ของเล็กๆ น้อยๆ อื่นอีกนับไม่ถ้วนชิ้น  คะเนราคาคร่าวๆ บนความเคยชินแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 200 บาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่าจะมีคนเอาเงินใส่ถุงมาโยนทิ้งลงถังให้เขาคุ้ยได้ทุกวัน  คนทั่วไปอาจจะเห็นว่ามันเป็นแค่เศษขยะชวนสะเอียน แต่สำหรับสมบัติกองขยะเหล่านี้เป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันหมดสิ้น เพราะมันจะถูกเติมเต็มทุกๆ วัน
     ช่วงแรกที่เริ่มคุ้ยเขาเองก็ยอมรับว่าแย่เอาการอยู่เหมือนกัน บางถุงเหม็นเน่าด้วยเศษอาหาร อาจมปนเปรอะจนแยกแยะไม่ออก โดนเศษแก้วแตกขวดแตกบาดนิ้วมือเข้าก็มี  ไหนจะสายตาเหยียดหยันของผู้คนผ่านไปผ่านมาซึ่งมองประหนึ่งว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองขยะเน่าเสียนั้นเสียเอง มันทำให้เขาเกือบหันหลังกลับอยู่หลายครั้ง  แต่คนอย่างสมบัติไม่ใช่คนที่มีทางเลือกมากนัก เขาแทบไม่มีทางให้ถอยกลับ ความเป็นพลเมืองชั้นล่างสุดมันกำลังไล่ต้อนเขาเข้ามุมอับ  เสี้ยวศิวิไลซ์ที่เคยถวิลหาดูเหมือนจะโบกมือลาไปนานแสนนานแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่เคยฝันถึงมันเขาจำไม่ได้แน่ชัด อาจจะเป็นตอนทำงานเป็นยามในบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งกินเงินเดือนประจำเดือนละเกือบห้าพันบาท  เขากับภรรยาเคยคุยกันว่าจะผ่อนโทรทัศน์จอใหญ่ๆ ไว้ดูละครหลังข่าว  แล้วเอาตู้เย็นขนาดกลางๆ อีกสักเครื่อง เท่านั้นก่อนเอาแค่พอผ่อนกันไหว ฝันกำลังจะกลายเป็นรูปเป็นร่างอยู่รอมร่อ แต่ฟ้าดันผ่าเปรี้ยงลงมากลางวันแสกๆ เขาถูกเลิกจ้างกระทันหัน 
     สมบัติยังไม่ท้อเขาออกตระเวณสมัครงานในตำแหน่งเดิมนี้และได้ทำอีก 2-3 ที่เป็นระยะเวลาสั้นๆ สุดท้ายก็ต้องออกอีก คราวนี้ด้วยเหตุผลใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน นั่นก็คือเพราะเขาเป็นยามที่ไม่มีสังกัด  แรกทีเดียวสมบัติไม่เข้าใจคำนี้เลย ตอนหลังจึงได้รู้ว่า พวกบริษัทต่างๆ หันไปจ้างยามที่มาจากบริษัทรักษาความปลอดภัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นของตำรวจหรือทหารนอกราชการแทนยามไร้หัวนอนปลายตีนอย่างเขา พวกนั้นมีสังกัดแน่นอน มีการรับประกันความเสียหาย มีอะไรอีกหลายต่อหลายอย่างที่คนหัวเดียวอย่างเขาไม่มี
     น้ำไหลเชี่ยวป่วยการจะยืนขวาง สมบัติรีบแก้ทางตันด้วยการไปสมัครเข้าสังกัดกับบริษัทรักษาความปลอดภัยพวกนั้นซะเลย  และมันก็ส่งผลให้เขาได้งานแทบจะทันที ทำอยู่พักหนึ่งเขาก็ทนต่อไปไม่ได้จนคราวนี้ต้องเป็นฝ่ายลาออกเอง
     เงินเดือนเจ็ดพัน โดนเขาหักค่านายหน้าไปซะสามพันกว่า ทำไปก็เหมือนทำนากินฟางข้าว สมบัติบอกเมียในวันที่เขาตัดสินใจจะไม่ตกเป็นฝ่ายก้มหน้าทนทำอีกต่อไป
     ไม่ทำแล้วพี่จะไปทำอะไร? ฟังเหมือนคำตัดพ้อมากกว่าคำถาม
     มันต้องมีทางสิ ขอคิดก่อนรับรองไม่พาอดตายหรอก ตอนนั้นเขาก็ทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้นเอง เพราะยังมืดแปดด้านอยู่เหมือนกัน ก็ใครจะไปคิดว่าอาชีพยามซึ่งเป็นอาชีพของคนระดับล่างอย่างเขา จะถูกคนที่อยู่ในระดับสูงกว่ามาเบียดแย่งเอาไปทำเงินกันเป็นล่ำเป็นสันเสียอย่างนั้น  อีกหน่อยคนอย่างเขาคงไม่มีกระทั่งที่ให้ซุกหัวนอนเป็นแน่  ใครบอกว่าประเทศนี้เป็นของพวกเราทุกคน  ประเทศนี้น่ะเป็นของคนบางคนเท่านั้นแหละ 
     ถนนยังคงว่างโล่ง มีรถราแล่นผ่านมาบ้างประปราย บางช่วงทิ้งระยะจนดูเงียบชวนใจหาย
     สมบัติ ถีบซาเล้งพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปบนถนนสายเล็กๆ ซึ่งเป็นเส้นทางกลับบ้าน ลูกชายตัวเล็กผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลียได้พักใหญ่ ความเงียบชวนให้ไพล่คิดถึงคืนแรกที่เขาเริ่มงานนี้ มันเป็นไปอย่างทุลักทุเลบนความกระดากอาย ถังขยะใบใหญ่เหมือนจ้องจะเยาะหยันเขา แสงไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าก็คอยประจานอีกแรง แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้ เพียงแค่นึกถึงประโยคสั้นๆ ที่พ่อเคยสอนไว้เสมอว่า มึงจะอายไปทำไมในเมื่อไม่ได้ปล้นจี้ขโมยของใครเขา ปล่อยให้ตัวเองอดตายนั่นน่าอายกว่าเป็นไหนๆ 
     จากนั้นมาเขากับถังขยะพวกนี้ก็แทบจะกลายเป็นเพื่อนกัน บางคืนนึกครึ้มใจเขายังแอบพูดกับพวกมันด้วยซ้ำ กลิ่นเหม็นชวนสะเอียนค่อยๆ จางหายไปจนในที่สุดก็แทบไม่ได้กลิ่นอะไรอีก
     แสงจากไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าข้างทางไกลออกไป 2-3 ช่วงตึก  ส่องให้เห็นรถซาเล้งเก่าๆ คันหนึ่งจอดแช่อยู่ริมฟุตบาท เจ้าของรถกำลังง่วนอยู่ในปากถังขยะใบใหญ่  สมบัติลั่นกระดิ่งเบาๆ เมื่อแล่นผ่านไปใกล้ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาจากถังเผยยิ้มเห็นฟันเหลือง  สมบัติยิ้มพลางพยักหน้าให้
     ตามสบายเลย เขานึกในใจ คืนนี้ถือว่าได้มากพอแล้วถึงเวลาพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปส่งคืนตักแม่เสียที พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ ขยะมันไม่หนีไปไหนหรอก ยังไงมันก็ต้องเป็นของพวกเราอยู่วันยังค่ำ
     ขออย่างเดียว! ขออย่าได้มีใครมามองว่ามันเป็นแหล่งขุมทรัพย์ทำเงิน  แล้วกระโจนลงมาแสวงหาความร่ำรวยด้วยการทำตัวเป็นผู้ผูกขาดกองขยะเหล่านี้แต่เพียงผู้เดียวอีกเลย
      มันไม่มีวันเป็นจริงหรอกน่า
     สมบัติหัวเราะขื่นๆ ในลำคอ กับความคิดพิสดารของตัวเอง.				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    22 พฤศจิกายน 2549 20:33 น. - comment id 93850

    จะมีสักกี่คนที่ชอบมอง การทำงานของคนตัวเล็กๆเหล่านี้แล้วนึกอยากจะถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นรู้...อย่างเรานะแค่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถรู้สึก สงสาร เห็นใจ แต่มันก็จบอยู่แค่นั้น เราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นพอเจอเรื่องอื่นเราก็ลืมแล้วล่ะ เหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคมที่มักจะมองข้ามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตตัวเองไป...32.gif
    
    ปล. เราก็อยากเขียนเรื่องสั้นเก่งๆแบบนี้มั่ง...แต่คงอีกนาน4.gif
  • yuiu

    7 ธันวาคม 2549 16:27 น. - comment id 94147

    แน่นอนมาก สิ่งรอบตัวคือจุดเล็กๆ ที่หลายคนมักมองไม่เห็นนะ
    เรื่องนี้เขียนได้ดีที่เดียวนะ เขียนมาอีกหล่ะ
  • tuku

    5 กุมภาพันธ์ 2550 18:37 น. - comment id 94886

    พึ่งเคยเข้ามาอ่าน แปลกดีอ๊ะ   ไว้จะเข้ามาอ่านอีกนะจ๊ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน