บทที่ ๑๙ พันธมิตรอสูรแตกแยก ยิ่งเป็นที่ปลาบปลื้มแก่พระองค์ อีกทั้งยังประกอบกับทรงทราบมาก่อน ที่องค์ยุพราชจะเสด็จมา พระองค์ได้ตรวจสอบดวงชาตาดาวต่างๆทรงเห็น ประกายดาวดวงหนึ่งที่เจิดจ้ายิ่งนักมาสู่สถานที่นี้ เด่นประกายสุกสกาวผ่อง สดใสเจิดจ้าแผ่รังสีเข้าครอบคลุมบริเวณแถบนี้โชติช่วงชัชวาล จึงทรงย้อนกลับเข้าตบะฌานอันทรงอิทธิฤทธิ์ของปวงเทพอันพึงจะมี จึงทราบความเป็นไปเป็นมากระจ่าง และลิขิตถึงเนื้อคู่ของพระราชธิดา ของพระองค์ ที่จะถึงกำหนดเวลาควรได้ทรงอภิเษกสยุมพรเป็นแน่แท้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงพระเมตตาเป็นพิเศษกว่าเจ้าชายต่างเมืองทั้งปวง อีกด้วยประการฉะนี้ การที่พระองค์ทรงให้พระราชธิดาออกมาต้อนรับ เจ้าชายสิงหะฤทธาเป็นกรณีพิเศษแตกต่างจากการต้อนรับทั่วๆไป เพื่อพระราชธิดาจะทรงได้ทำความรู้จักสนิทสนมตามกำหนดของดวงดาว ที่ลิขิตผูกพันกันกำหนดวางไว้ขึ้น ที่จะบังเกิดต่อไปในกาลอนาคตข้างหน้า เมื่อเจ้าชายสิงหะฤทธาองค์พระยุพราชได้รับฟังก็สุดให้ปลาบปลื้มยินดี เป็นล้นพ้น ดวงพระราชหฤทัยก็ให้กวัดแกว่งหวั่นไหวในพระรูปสิริโฉมอัน ผ่องพรรณพระราชธิดาองค์ท่านท้าวยิ่งนัก ถึงกับทรงพระชำเลืองแลมิได้ขาด ส่วนองค์พระราชธิดาเฌอมาลย์เล่าก็ให้ทรงพระสะเทิ้นต่อการสบพระเนตร องค์พระยุพราชแห่งสิงหะนคร ถึงกลับทรงก้มพระพักตร์เขินเอียงอาย มิอาจสบพระเนตรองค์ชายแต่ประการใด ทรงเป็นที่พอพระราชหฤทัย ตลอดเข้าใจถึงประพฤติกรรมนี้ของท่านท้าวเธอยิ่งนัก จึงตรงตรัสว่า “เอาละในเมื่อทรงรู้จักกันดีแล้วถึงการเสด็จมาครั้งนี้ของเจ้าชาย ขอจง ทรงหาพระเกษมสำราญในที่นี้ไปพลางก่อน ” พลางหันไปยังพระราชธิดาแล้วทรงตรัสขึ้นว่า “หากเสร็จสิ้นการต้อนรับเรียบร้อยแล้วขอให้ลูกหญิงจงนำองค์ชาย เสด็จไปพักผ่อนที่ภายในวัง ก่อนไปให้นำไปยังพระอุทยานและเที่ยวชมดู นครตลอดจนปราสาทมหาราชวังทั้งหลายด้วย เสร็จแล้วจะนำ เข้าเฝ้าองค์พระมารดาของลูกที่ยังมหาปราสาท เล่าความต่างๆให้ฟัง ถึงการมาขององค์ยุพราชแห่งสิงหะนคร ให้แก่แม่เจ้าด้วยนะ” เจ้าหญิงเฌอมาลย์รับฟังพระราชบิดาก็ยิ่งทรงเอียงอายยิ่งนักด้วยทราบดี ถึงเรื่องเหล่านี้จากการทรงได้แอบยินรับทราบการพูดคุยกัน ระหว่างพระราชบิดาและพระราชมารดาที่ได้ร่วมปรึกษาหารือ เรื่องของพระองค์ไว้ล่วงหน้าก่อน ก่อนที่เจ้าชายจะเสด็จมา ดังนั้นพระ องค์หญิงจึงหันมาทรงเชิญพระราชบุตรแห่งสิงหะนคร เมื่องานเลี้ยงได้เสร็จสิ้นลง แล้วเชิญองค์พระยุพราชแห่งสิงหะนคร ถวายบังคมลานำเสด็จออกจากที่ประทับพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงและสนมกำนัล เข้าชมอุทยานแห่งราชอาณาจักรนิละวานรก่อนเสด็จไปที่อื่นๆในพระนคร กาลก่อนนั้นเจ้าหญิงเฌอมาลย์เทพอัปสรนี้เป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญยิ่งนัก แก่เหล่าเทพยาดา ยักษ์ อสูรและวิทยาธรคนธรรพ์ต่างก็เป็นที่หมายปองทำให้ เทพบุตรทั้งหลายจึงมักจะมาคอยเฝ้าขอเข้าเยี่ยมเยียนมิได้ขาด ความงามที่ทรง พระสิริโฉมงดงามนี้ได้รับการยกย่องเข้าเปรียบเทียบได้เท่ากับพระแม่เจ้า แห่งดาวดึงส์ทั้งสี่พระองค์ในจอมเทพแห่งดาวดึงส์ภพนี้หาได้เป็นรองแต่ ประการใดก็หาไม่ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จลงมายังขุนเขานิละวานรคีรีมาศ มักจะติดตามลงมาเยี่ยมเยียนมิได้ขาดจนเป็นที่ทรงพระรำคาญพระทัยให้ แก่องค์หญิงยิ่งนัก จนถึงกับต้องเนรมิตพระวรกายเป็นทโมนไพรเสมอๆ ครั้นเจ้าหญิงเฌอมาลย์ได้ทรงนำเสด็จเข้าเฝ้าพระมเหสีของท่านท้าวเธอ ยังมหาปราสาทนั้นก็ทรงเป็นที่พอพระราชหฤทัยในความสง่างามของเจ้าชาย ตลอดจนกิริยาท่าทางวาจาอ่อนหวานขององค์พระยุพราชสิงหะฤทธาอย่างยิ่ง จนถึงกับทรงโปรดปรานพระองค์ทรงลูบไล้พระหัตถ์ตบพระอังสาเบาๆ ตลอดจนรับสั่งให้เหล่าสนมกำนัลจัดหาอาหารหนักเบาๆต่างๆมาถวาย แด่องค์พระยุพราชมิได้ขาด บางครั้งพระองค์ถึงกับทรงป้อนพระกระยาหาร ด้วยพระองค์เอง และทรงถามข่าวคราวภายในเมืองสิงหะนครอย่างละเอียด และทรงแย้มพระสรวลเบาๆตลอดเวลา เมื่อเห็นได้เวลาพอสมควรแล้วองค์พระยุพราชจึงกราบทูลลากลับ และทรงเข้าเฝ้าองค์จ้าวนครนิละวานร เพื่อทูลเสด็จลาไปยังกองทัพมิได้เข้า พักอาศัยแต่ประการใด ครั้นองค์ท่านท้าวเธอทรงทราบเจตนาก็ทรงมิได้ ห้ามปรามแต่ประการใด เพียงแต่ ท่านท้าววานิระหะก็ทรงตรัสว่า หากองค์ยุพราชจะเสด็จการศึกเมื่อใด พระองค์จะทรงจัดกองทัพเข้าร่วมไป ในการศึกครั้งนี้ด้วย ส่วนองค์เจ้าหญิงเฌอมาลย์ก็ทรงทูลขอกับพระราชบิดา ว่าจะขอเป็นผู้คุมทัพไปเองในครั้งนี้ เพื่อหาประสบการณ์ต่างๆในทางสงคราม ท่านท้าวเธอก็ทรงโปรดให้เป็นไปตามคำขอของเจ้าหญิงทูลขอไว้ เพียงกำชับมิให้สร้างความเดือดร้อนแก่เจ้าชายเป็นอันขาดทำการใดให้ปรึกษา แก่เจ้าชายก่อนอย่าวู่วามจะเสียการได้ แล้วพระองค์ทรงหันมาไต่ถามถึงว่า จะเสด็จไปเมื่อไร องค์พระยุพราชก็ทูลว่าต้องคอยฟังจากท่านท้าวนิลกาฬ เสียก่อนที่จะนัดเข้าร่วมประชุมจึงจะถึงทราบหมายกำหนดการ หากได้โอกาสก็จะทรงหาทางแยกตัวเพราะทรงทราบว่าองค์ท้าวนิลกาฬ มีแผนการร้ายไว้แก่เหล่านครทั้งหลาย โดยจะจัดนำทหารมาช่วยร่วมรบซึ่ง เป็นแผนการสอดแนมอย่างหนึ่ง เหตุที่ทราบมานี้เพราะได้รับข่าวมาจาก องค์พระยุพราชแห่งทันทะกะนคร ที่รีบส่งข่าวมาให้ทราบไว้ด้วยแล้ว องค์ท้าวเธอก็ทรงบอกว่าหากแม้นเป็นเช่นนั้น ก่อนวันใดที่เคลื่อนกำลังพล ก็ควรจะร่วมปรึกษาหารือป้องกันกับเจ้าชายแห่งทันทะกะนครเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดการผิดพลาดขึ้นได้ พระองค์จะให้เจ้าหญิงคุมทหารร่วมไปและ จะให้ทหารทั้งหลายเนรมิตตนให้เหมือนกับทหารของเจ้าชาย เพื่อมิให้ เป็นที่สงสัยแก่ท่านท้าวนิลกาฬว่ามีผู้ที่มาเข้าร่วมในการศึกด้วยครั้งนี้ เจ้าชายสิงหะฤทธาครั้นรับฟังก็ทรงปลาบปลื้มพระทัยเป็นล้นพ้น พร้อมก้มน้อมพระวรกายถวายพระบังคมรับพระบัญชาอีกประการหนึ่ง จะได้สนิทสนมกับเจ้าหญิงที่ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนักจนเกิดความเสน่หา ความเป็นที่พึงพอพระราชหฤทัยในพระองค์ พระยุพราช พระองค์ทรง ถึงกลับเผลอพลั้งพระโอษฐ์พลั้งพระวรกายดำรัสว่าหากมาดแม้นสิ้นศึกครั้งนี้ ก็จะให้เสด็จพ่อเสด็จมาสู่ขอองค์เจ้าหญิงเฌอมาลย์ทันที องค์เจ้าเหนือหัวแห่งนิละวานรคีรีมาศก็ทรงแย้มพระสรวลลั่น ว่าให้เสร็จศึกครั้งนี้เสียก่อน แล้วเรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง แล้วพระองค์ ก็ทรงเสด็จไปส่งเจ้าชายสิงหะฤทธา ที่หน้าพระปราสาทต่อเจ้าชาย พร้อมด้วยเจ้าหญิงเฌอมาลย์ที่ทรงได้รับฟังเจ้าชายอยู่ก็ให้มีพระอาการ สะเทิ้นเอียงอาย แต่ก็มิได้กล่าวประการใด ด้วยพระราชหฤทัยก็ให้ รู้สึกนึกชอบในองค์เจ้าชายสิงหะฤทธาเหมือนกัน เมื่อองค์พระยุพราชเสด็จออกมานอกปราสาทแล้วก็หันพระวรกาย เข้าถวายบังคมลาแก่องค์ท่านท้าวแล้วหันมาทรงยิ้มกับองค์หญิงที่ทรงยืนอยู่ จึงหันพระวรกายนำองครักษ์ทั้งแปดเหาะกลับสู่ยังกองทัพบนยอดเขาทันที พอถึงที่พลับพลาประทับก็พบเหล่าทหารหาญคอยรับเสด็จอยู่ กำลังปรึกษา หารือกันถึงกรณีที่องค์ยุพราชเสด็จไปนาน มีการต่อล้อต่อเถียงกันจนหน้า ดำหน้าแดง ครั้นเห็นเสด็จมาแล้วก็ให้ปลาบปลื้มยินดีแก่เหล่าทหารยิ่งนัก พระองค์ก็ทรงทักทายเหล่าทหารด้วยน้ำพระเสียงสดใสเล่าถึงความต่างๆ ให้แก่เหล่าทหารๆฟัง แล้วทรงเสด็จเข้าไปที่พระทับยังพลับพลาเพื่อพักผ่อน รอวันเวลาเข้าพบกับท่านท้าวนิลกาฬต่อไป จวบจนวันรุ่งขึ้นก็มีทหารจากเมืองกาฬคีรีขอเข้าเฝ้า ดังนั้นจึงเสด็จ ออกสู่ยังที่ว่าการทหารของพลับพลา แล้วทรงรับพระราชสาสน์มาอ่าน ก็เป็นไปตามที่องค์พระยุพราชแห่งทันทะกะนครแจ้งมาให้ทราบล่วงหน้าแล้ว ครั้นทรงอ่านเสร็จก็ทรงมีพระบัญชาให้ แม่ทัพพระองค์นำกำลังรี้พลของเมือง กาฬคีรีเข้าไปพักยังที่อาศัยห่างจากกองทัพของพระองค์ยังเชิงเขาเบื้องล่าง หากได้ผลประการใดให้รีบกลับมารายงานให้ทราบโดยด่วน แล้วทรงเผย ถึงการนี้ให้แก่เหล่าทหารฟังพร้อมกับให้เก็บเป็นความลับต่อไปด้วย ครั้นได้เวลานัดหมายก็ทรงนำเหล่าองครักษ์ทั้งสี่นาย พร้อมทหารอีก จำนวนหนึ่งนำด้วยทหารของเมืองกาฬคีรีนคร เสด็จเหาะไปยังที่ตั้งของ องค์ท่านท้าวนิลกาฬทันที พอเสด็จไปถึงก็มีเจ้าชายโกเมศกุมารเข้ามา รับเสด็จ ทั้งสองพระองค์ก็ตามทหารกาฬคีรี เข้าไปเฝ้าท่านท้าวนิลกาฬ เมื่อมาถึงยังที่ว่าการทหารที่ทรงใช้เป็นที่นัดพบก่อนเข้าทำศึกนี้ จัดไว้ พอนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ท้าวเธอก็ถามเจ้าชายสิงหะฤทธาทันที “เป็นอย่างไรบ้างท่านยุพราช ก่อนที่จะเข้าพักยังยอดเขานิละวานรคีรีนั้น เป็นประการใดรึ” ท่านท้าวนิลกาฬส่งดำรัสถาม “ขอเดชะพระองค์ ทางนครสิงหะต้องเสียกำลังพลไปมากมายต่อการ เข้าสู้รบกับเหล่าทโมนไพร ซึ่งล้วนแล้วแต่มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งนักพระเจ้าข้า” องค์ชายสิงหะฤทธา ทรงทูลตอบ “อ้อเราก็ได้ข่าวเช่นนี้เหมือนกัน แล้วไพร่พลส่วนใหญ่ละยังดีอยู่รึ เราเองเมื่อทราบก็รีบส่งกำลังพลไปเพื่อช่วยเหลือทางท่านอยู่ คงไม่เป็น ปัญหาแก่องค์ยุพราชนะ” ท่านท้าวเธอตรัส “หามิได้พระเจ้าข้า กระหม่อมกำลังรักษาทหารที่รับบาดเจ็บสาหัส อยู่คิดว่าจะมาทูลแด่ฝ่าพระบาทด้วย เนื่องจากเสียกำลังพลไปเกือบครึ่งของ กองทัพ มาดแม้นว่าหากมะรืนนี้เพ็ญศิวะราตรีนั้น กระหม่อมคิดว่ากำลังพล ทหารก็พอจะเข้าทำการสู้รบได้ แต่อาจจะล่าช้าไปบ้างพระเจ้าข้า” องค์ชายสิงหะฤทธา แสร้งทูลรายงาน ด้วยทราบในกลอุบายของท่านท้าวเธอ องค์ท้าวนิลกาฬได้รับฟังก็ทรงพระเกษมสำราญในพระราชหฤทัยยิ่งนัก เพราะสมเจตนาในความตั้งใจที่เจ้าชายมิทราบถึงเจตนาเช่นนี้ “ขอกราบทูลเพิ่มเติมพระเจ้าข้า ว่าขณะนี้ถึงแม้ว่าทางกระหม่อมจะยังยั้งได้ ชั่วคราว แต่ก็หาได้กำหลาบหมดสิ้นได้เพียงแต่รออยู่มิทราบว่าวันเวลาใด
ภาพทั้งหมดนี้เป็นของคุณ เฌอมาลย์ ขอรับท่านที่รัก...แก้วประเสริฐ.
22 พฤศจิกายน 2549 12:53 น. - comment id 93839
สวยแล้วยังเด้ดเดี่ยวด้วยนะคะเจ้าหญิงเฌอมาลย์ อิอิ เจ้าหญิงมณีกานต์มาทักายค่ะ
22 พฤศจิกายน 2549 13:23 น. - comment id 93840
คุณ เพียงพลิ้ว นั่นซิทำไมผู้หญิงในเรื่องนี้ ถึงได้เก่งกาจ เสียยิ่งนักไม่รู้ซิ ทั้งสวยทั้งเก่งจนชักจะอิจฉาแล้ว นะซิ จริงๆน๊ะ แก้วประเสริฐ.
22 พฤศจิกายน 2549 21:36 น. - comment id 93852
งามจริงเจ้าหญิงเฌอมาลย์..... ........แปลงร่างไปทั่งห้องกลอนเลย....
22 พฤศจิกายน 2549 22:39 น. - comment id 93853
ชมหรือว่าเฌอกันแน่คะ
23 พฤศจิกายน 2549 00:02 น. - comment id 93856
คุณ เฌอมาลย์ ยอดเยี่ยมจริงๆนะครับ ผมเก็บไว้เสมอๆครับ มาเท่าไหร่เก็บหมดครับขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2549 00:04 น. - comment id 93857
คุณ ยายแม่มด เธองามจริงนะจ๊ะทั้งที่ไม่เห็นหน้าเลย แต่ น้ำใจที่มอบให้ก็สุดซึ้ง ดั่งเช่นคุณที่มิได้ย่อหย่อน ไปกว่ากันแหละครับ ตอนนี้จะออกบทกันแล้วล่ะ แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2549 00:10 น. - comment id 93858
คุณ เฌอมาลย์ สุดงามจริงยิ่งแท้แม่ยอดหญิง สรรพสิ่งเรือนร่างสว่างไสว อรชรอ้อนแอ้นแสนไฉไล กึกก้องไปในหล้าหาใครเทียม สวยต่อสวยเจอกันดั่งฉันท์มิตร เคียงคู่จิตคิดสร้างกระจ่างเยี่ยม เทพนิยายในนี้มิมีเทียม สองนางเปี่ยมฤาชามิกล้าเบือน. แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2549 00:20 น. - comment id 93859
แด่ผู้อ่าน วาสนาข้าน้อยมันต้อยต่ำ เริงระบำขับขานอ่อนชันษา มีใจจิตคิดสร้างอย่างจินตนา ดุจนาวาจะล่มแล้วจมลง เพียงฝากไว้ในรสเพื่อจดสร้าง แม้นอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวดุจเคียวโก่ง อักษราวาจาเหมือนพาโลง ท่องตามโค้งผืนนาเพื่อหาสราญ. แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2549 08:08 น. - comment id 93875
23 พฤศจิกายน 2549 09:44 น. - comment id 93879
คุณ โคลอน ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมครับผ๊ม แก้วประเสริฐ.
26 พฤศจิกายน 2549 02:09 น. - comment id 93952
are they in the fight yet? or they still on the way to go fight? i start getting lost in your story maybe i need to go back and learn about thai word hahahah anyway it's all good i read all that u been wrote on this story make my day go faster oh well lazy to work that why need something to make my day go fast
26 พฤศจิกายน 2549 16:01 น. - comment id 93958
คุณ nongeva ขอบคุณเวปนี้เป็นเวปฯเฉพาะเรื่องสั้น นี่ผม ก็ร่ายเสียจนยาวไปแล้วครับ งานด้านนี้หากจะรวบ รัดมากไปกว่านี้ก็ทำให้ผู้อื่นติดตามได้ทัน การต่อสู้ ขออาวุธวิเศษผมเขียนเพื่อพอให้ทราบเท่านั้นเลย ไม่ได้อธิบายให้ละเอียดไป การทำเนินเรื่องช้าๆนั้น ก็เพียงเน้นที่จะให้ผู้อ่านได้เข้าไปถึงเหตุการณ์คือ เสมือนดังไปร่วมอยู่ในที่ๆแห่งนั้นเฝ้ามองดูครับ ผมเขียนเรื่องนี้จบไปแล้วแต่ค่อยๆทะยอยลงไปครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.