บทที่ ๑๗ นิละวานรคีรีมาศ เมื่อท่านท้าวสิงหะราชหลังจากที่ยุพราชโกเมศกุมารได้ลายกทัพออก จากเมืองสิงหะนครไปแล้ว ก็เข้าร่วมปรึกษาหารือกับยุพราชสิงหะฤทธา และเหล่ามุขอำมาตย์ขุนทหารทั้งหลายถึงเรื่องการศึกที่จะมาถึงครั้งนี้ ด้วยพระอุปนิสัยจึงทรงคล้อยตามของยุพราชโกเมศกุมารที่จะมาเป็นว่าที่ พระชามาดาในพระองค์เสียแล้ว กริ่งเกรงว่าหากดำเนินตามพระองค์ไปก็จะ เป็นที่ขุ่นเคืองต่อพระราชธิดาของพระองค์ เมื่อปรึกษาข้อราชการเป็นที่ เรียบร้อยแล้วจึง มอบหมายให้ยุพราชสิงหะฤทธาเป็นแม่ทัพใหญ่ไปในศึกครั้งนี้ ส่วนพระองค์มิได้เสด็จยกทัพไปแต่ประการใด หากมีเรื่องใดเกิดขึ้น ก็ให้พระยุพราชสิงหะฤทธาแจ้งต่อองค์ท่านท้าวนิลกาฬว่าพระองค์ทรง พระประชวรไม่สามารถนำทัพมาเองได้ แล้วพระองค์ทรงมอบอาวุธคู่กาย ให้แก่พระยุพราชในพระองค์เพื่อใช้ป้องกันตัวหากมีปัญหาเกิดขึ้นตลอดจน เก็บไว้แสดงหากเป็นที่ครางแคลงพระทัยในท่านท้าวนิลกาฬด้วยและเวทย์มนต์ ที่ใช้กำกับอาวุธของพระองค์ไว้ เมื่อได้เวลาก็ให้องค์สิงหะฤทธาเคลื่อนขบวน ทัพยกออกไปในทางทิศใต้แล้ววกเข้าสู่ทางทิศตะวันออกของเมืองนาครินทนาคร ครั้นทัพขององค์สิงหะฤทธาเหาะผ่านทวีปต่างๆเพื่อเข้าไปยังที่จุดนัดหมาย เมื่อใกล้ๆเข้ามาจะลุล่วงเข้าสู่อาณาเขตซึ่งเต็มไปด้วยขุนเขามากมาย เปรียบประดุจกำแพงน้อยใหญ่กั้นขวาง พระองค์ก็ตรัสใช้ให้ขุนทหารองครักษ์ ประจำพระวรกายทั้งสองนายเข้าไปตรวจสอบหาชัยภูมิที่ดีเพื่อที่จะใช้เป็นที่ พักหยุดกำลังพล จึงทรงตรัสว่า “นี้แน่ะ ท่านสุระพยัคฆาและท่านสุระติณนะกะจงไปตรวจสอบเพื่อเราจะใช้ เป็นที่วางกำลังพล แล้วรีบกลับมารายงานแก่เราด่วนด้วยนะท่าน” “พ่ะย่ะค่ะ” ขุนทหารส่วนพระองค์รับพระบัญชา แล้วรีบเหาะนำเหล่าองครักษ์ทหารหลายนายแยกย้ายกัน ไปค้นหาทำเลทันที ขุนทหารสุระพยัคฆาแยกไปทางซ้าย ส่วนขุนทหารสุระติณนะกะแยกไปทางขวา สุระพยัคฆาเห็นเหนือเขาใหญ่ที่สูงตระหง่านกว่าเขาใดๆ ก็รีบนำทหารเหาะลงไปเป็นแมกไม้ใหญ่นานาพันธุ์กระจายไปทั่ว ก็นำทหารลงไปยังภาคพื้นดิน เที่ยวตระเวนค้นหาแหล่งน้ำและถ้ำต่างๆ ที่เป็นบริเวณพอใช้เป็นที่พักพิงได้ ขณะที่กำลังค้นหาอยู่นั้นก็ปรากฏเสียง ดังจ๊อกแจรกจอแจดังสนั่นไปทั่วบริเวณเหนือยอดแมกไม้ใหญ่เหล่านั้น ต่างก็เหลือบมองไปเบื้องบนก็เห็นเหล่าทโมนไพรจำนวนมากมาย ซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่ามนุษย์กำลังโหนเถาวัลย์ด้วยใบหน้าดุร้ายขมึงตึง บ้างเหนี่ยวเถาวัลย์มือเดียวอีกมือถืออาวุธที่ทำด้วยไม้ท่อนสั้นๆยาวๆ กำลังโยนตัวลงมาเป็นจำนวนมาก เหล่าทหารก็รีบแยกย้ายกัน เพื่อปกป้องตนพร้อมชักอาวุธออกมา เมื่อเข้าประชันหน้าฝ่ายทโมนไพร ไม่ฟังความใดๆทั้งสิ้นก็เข้าตะลุมบอนหวดตีเหล่าทหารองครักษ์ทันที ทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันเป็นพัลวันด้วยอาวุธ เมื่อประชิดกัน ต่างก็เข้ากัดขย้ำกันจนล้มตายกันไปทั้งสองฝ่าย เนื่องจากท่อนบนของทหารเมืองสิงหะนครเป็นใบหน้าราชสีห์ทั้งฝ่ามือ จึงมิได้ตกเป็นรองแก่ทโมนไพรที่มีร่างกายใหญ่ก็หาไม่ เสียงคำรามดุจราชสีห์ปนเสียงคำรามร้องจ๊อกแจรกจอแจดังไปทั่วบริเวณนั้น ได้ยินไปถึงกองทัพเบื้องบนและท่านสุระติณนะกะ ที่เที่ยวค้นหา บริเวณทางด้านขวาก็รีบยกกำลังทหารเข้ามาสู่สถานที่ได้ยินเสียง ด้วยคิดว่าคงจะเกิดอันตรายแก่ทหารท่านสุระพยัคฆาเป็นแน่ ครั้นมาถึงก็สั่งทหารให้รีบเข้าช่วยเหลือทหารของท่านสุระพยัคฆาทันที การสู้รบผ่านไปเป็นเวลานานผลก็ยังไม่ปรากฏแพ้ชนะกัน บรรดาเหล่า ต้นไม้ใหญ่น้อยต่างก็หักราบพนาสูรจนเป็นบริเวณ กว้างกระจายออกไปทั่ว ซึ่งก่อนจะเข้าสัประยุทธ์กันนั้นยังเป็นที่เต็มไปด้วย แมกไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์อยู่ ต่อมาก็มีเสียงสนั่นดังลั่นสอดแทรก เข้ามาปรากฏร่างของทโมนไพรตัวดำใหญ่สองตัวทะยานผ่านต้นไม้ เข้ามายังที่กลางการรบที่ติดพันกัน เข้าพ่นไฟใส่ยังทหาร ฝ่ายเมืองสิงหะนครทันที เมื่อท่านสุระพยัคฆาเห็นดังนี้ก็ทะยานเข้าไปยังหมู่ทหาร พลางอ้าปากพ่นน้ำเป็นละอองเล็กเข้าสู่ประกายไฟของหัวหน้า ทโมนไพรทั้งสองทันที พลันเปลวประกายไฟที่กำลังเผาผลาญ ทหารสิงหะนครก็มอดดับไป ทโมนไพรใหญ่ทั้งสองแลเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าหาท่านสุระพยัคฆาเข้าตีด้วยกระบองเหล็กพากันเข้ารุมต่อตี ท่านสุระติณนะกะเห็นดังนี้ก็รีบเข้าไปช่วยเหลือสู้รบพุ่งกันเป็นพัลวัน ด้วยอาวุธนานาประการ ก็มิมีผู้ใดเพรี้ยงพล้ำต่อกัน เป็นเวลานาน จนความ ทราบไปถึงองค์ยุพราชสิงหะฤทธา พระองค์จึงตรัสเรียกแม่ทัพหน้าซึ่ง กำลังคอยรับพระบัญชาอยู่ พร้อมทรงตรัสว่า “ท่านปรศุเดชะ เราสงสัยจะมีปัญหาแก่ท่านสุระพยัคฆาและ ท่านสุระติณนะกะ กับเหล่าทหารเป็นแน่แท้ป่านนี้ยังไม่เห็นกลับมา ท่านจง ออกไปตรวจดูหน่อยเถิด” “พระเจ้าข้า” ปรศุเดชะรับพระบัญชาก็รีบออกมานำเหล่าทหาร พร้อมชักขวานเพชรอาวุธประจำกายรีบนำทหารเหาะลงไปทันที ครั้นแลเห็นเหล่าทหารและท่านองครักษ์ทั้งสองขององค์พระยุพราช กำลังเข้าต่อสู้กับทโมนไพรยักษ์ทั้งสองเป็นพัลวันจนร่างกายทั้งสอง ฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บไปตามๆกันก็ยังหายอมแพ้กันไม่ จึงรีบเข้ามา พร้อมแผดเสียงคำรามก้องเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ด้วยอำนาจของ พระยาราชสีห์ ทำให้เหล่าทโมนไพรทั้งหลายต่างพากันแตกกระเจิง รีบกระโจนเข้าป่าดงดิบไปเกือบหมดสิ้น บ้างหนีเสียงคำรามไม่ทัน ก็ถึงกาลแก่ชีวิตทันที แม้กระทั่งทโมนไพรยักษ์ก็ถึงกับเข่าทรุดลงกับพื้น และถูกท่านสุระพยัคฆาท่านสุระติณนะกะจับกุมไว้ได้ นำเข้ามายัง ท่านแม่ทัพปรศุเดชะสอบถาม เมื่อท่านแม่ทัพปรศุเดชะเห็นดั่งนี้ก็รีบคุมตัว ทโมนไพรยังกลับไปเข้าเฝ้าองค์พระยุพราชสิงหะฤทธาพร้อมกับองครักษ์ สุระพยัคฆา ส่วนทางท่านสุระติณนะกะก็จัดการเกณฑ์ไพร่พลจัดการ ทำความสะอาดบริเวณเก็บกวาดให้สะอาดเพื่อใช้เป็นที่พักไพร่พลต่อไป เมื่อท่านแม่ทัพนำทโมนไพรยักษ์ทั้งสองเข้าเฝ้าองค์พระยุพราชแล้ว พระองค์ก็ทรงไต่ถามเหตุการณ์ทั้งหลายโดยละเอียด ก็ได้รับการทูลถวายตอบ แล้วจึงหันมาทอดพระเนตรสองทโมนไพพลางตรัสถามว่า “นี่แนะท่านขุนกระบี่ทั้งสอง เหตุใดท่านจึงมาปกปักรักษาบริเวณนี้ล่ะ ท่าน พร้อมทั้งสั่งให้ทหารแก้มัดแก่ทโมนไพรทั้งสองด้วย” ทโมนไพรยักษ์ทั้งสองต่างก็หันมามองหน้ากันและกัน ทางด้านทโมนไพร ซึ่งตัวจะใหญ่กว่าก็น้อมทูลขึ้นว่า “เกล้ากระหม่อมเป็นทหารเอกของท่านท้าววานิระหะแห่ง ขุนเขานิละวานรคีรี ให้มาขัดขวางการบุกรุกดินแดนแห่งนี้ พระเจ้าข้า” สร้างความแปลกใจแก่เหล่าขุนทหารทั้งหลายเป็นยิ่งนักที่ทโมนไพร สื่อภาษากันได้ ต่างก็หันไปสบตากันและกันและต่างเฝ้ามองดู “กระนั้นหรือท่าน เราและเหล่าทหารเหล่านี้หาได้มีเจตนา จะเข้ามายึดถิ่นที่นี่ไว้ในราชอำนาจแต่อย่างไรไม่เพียงแค่ผ่านทางไป เราคิดแต่เพียงหวังจะมาขอพักผ่อนชั่วคราวหากเสร็จกิจธุระก็จะจากไป แล้วเราจะมีหนทางใดละที่จะขอเข้าเฝ้าท่านท้าววานิระหะแห่งท่านได้เล่า เพื่อจะขออนุญาตต่อพระองค์ท่าน” พระยุพราชทรงตรัสสอบถาม “หากแม้นพระองค์มิคิดจะยึด ข้าพระพุทธเจ้าก็จะขอนำพระองค์เข้าไป เจรจากับท่านท้าววานิระหะเสียก่อน พระเจ้าข้า” ทโมนไพรร่างยักษ์กล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการดียิ่งนะท่าน เอาละท่านเราสร้างความลำบากแก่ ท่านอีกจงช่วยนำเราไปทำการเจรจาครั้งนี้ด้วยเถิด” พระองค์ทรงตรัสตอบ “ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญพระองค์เสด็จตามข้าพระพุทธเจ้ามา เถิดพ่ะย่ะค่ะ” ทโมนไพรร่างยักษ์น้อมกายลงสนองพระดำรัส” พลางหันไปทางปรศุเดชะแล้วพระองค์ทรงตรัสว่า “ท่านปรศุเดชะ เราขอฝากไพร่พลให้ท่านดูแล ส่วนเราจะเข้าไปเฝ้าท่านท้าว วานิระหะก่อน ท่านนิระกำพลกับท่านสุระกำพลจงติดตามเราไปเพียงแค่ทหาร องครักษ์แปดนายก็คงจะเพียงพอ เพื่อมิให้ท่านท้าวได้หวาดระแวงต่อเรานะท่าน” “ถ้าอย่างนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอเชิญพระองค์เสด็จเถิดพระเจ้าข้า” ทโมนไพร กล่าวขึ้นพร้อมกับทโมนไพรที่ยืนฟังดูเหตุการณ์ต่างลุกขึ้นน้อมกายหมายนำทาง “เชิญเถอะท่านทั้งสอง” พระองค์ทรงตรัสแล้วติดตามทโมนไพรดำเนินไป เมื่อออกมาข้างนอกทโมนไพรต่างก็ทะยานขึ้นยังเถาวัลย์ละลิ่วลอยไปเบื้องหน้า องค์ท่านพระยุพราชและทหารก็เหาะติดตามไปทันที บัดดลก็มาถึงซึ่งถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่าทโมนเป็นปราสาทดูร้างกว้างขวาง ดูใหญ่โตมโหฬาร ถึงแม้จะมีที่บางส่วนปรักหักพังแต่ก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ใช้ได้ ท่ามกลางขุนเขาแมกไม้น้อยใหญ่ใกล้ๆกับริมเขาเป็นหน้าผาสูงชันยิ่งนัก เมื่อทโมนไพรทั้งสองมาถึงเหล่าทโมนไพรต่างๆซึ่งยืนรักษาการณ์อยู่เห็น ก็เปิดทางให้เข้ายังปราสาท เมื่อทรงดำเนินผ่านเหล่าทโมนไพร ก็เข้าสู่สถานชั้นในแลเห็นตระการตานักผิดกับรูปทรงภายนอกสิ้นเชิง เป็นที่ประดับประดาของเหล่ากษัตริย์โบร่ำโบราณมาก่อน มีแท่นที่ประทับตั้งอยู่ท่ามกลางเบื้องหน้าของเหล่าทหารหาญ ที่กำลังเฝ้าองค์กษัตริย์แห่งนครนี้อยู่ ภายในประดับประดาด้วยแก้วหลากสีส่งแสงประกายแวววาวระยิบระยับ สลับสีทองตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆทำด้วยทองคำทั้งสิ้น แม้แต่ที่ประทับและเก้าอี้ของเหล่าทหารหาญก็ทำด้วยทองคำ ประดับด้วยแก้วมณีหลากสี ที่แท่นประทับที่อยู่ท่ามกลางของเหล่าทหารนั้น
ภาพประกอบด้านล่างเป็นของ คุณ เฌอมาลย์ ขอรับท่าน...แก้วประเสริฐ.
19 พฤศจิกายน 2549 13:14 น. - comment id 93775
.. .. คุณลุงแก้วฯ เก่งจัง.. เรนเป็นกำลังใจให้คุณลุงแก้วนะคะ .. เรนเก๊าะไปป่ามาเหมือนกันนะคะ .. ป่าสวยมากด้วยดิคะ.. แต่เรนบรรยายไม่เป็น.. เรนจะพยายามแบบคุณลุงแก้วนะคะ ..
19 พฤศจิกายน 2549 20:36 น. - comment id 93784
ลิงได้ออกโรงซะที บทนี้ดีหรือร้ายหนอ ?
19 พฤศจิกายน 2549 23:26 น. - comment id 93785
เข้าโรมรันพันตรูในหมู่ศึก อึกทึกเรืองลั่นสนั่นไหว แผ่นดินสะเทือนเหมื่อนเคลื่อนแผ่นดินไป ปทุมวดีต้องหลบไปใจกลัววานร.... ถวายบังคมลาคุณชายนะเจ้าคะ
20 พฤศจิกายน 2549 08:33 น. - comment id 93787
จากงูมาเจอลิง สนุกใหญ่เลยค่ะคราวนี้ ต่อไปจะมีอะไรอีก จินตนาการตามคุณลุงไม่ทันเลยค่ะ
20 พฤศจิกายน 2549 16:01 น. - comment id 93791
คุณ เรน ไม่เก่งหรอกครับ บ้าๆบวมๆบ๊องส์เสียมากกว่า หากคนไม่มีแบบนี้จะเขียนเรื่องอย่างนี้ไม่ได้หรอก ครับ ด้วยมันขัดกับสังคมยุคปัจจุบันเขาหาว่าผม บ้าๆเสียมากนะครับ ขอบคุณจ้า แก้วประเสริฐ.
20 พฤศจิกายน 2549 16:04 น. - comment id 93792
คุณ อัลมิตรา ยอดหญิงที่รัก ไม่เป็นลิงธรรมดานะครับ เป็นชนิดพิเศษหยาดฟ้ามาดิน อย่างข้างในสุกใส ข้างนอกมะติ้งโหน่งไงล่ะครับ อิอิ ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
20 พฤศจิกายน 2549 16:09 น. - comment id 93793
คุณ ยายแม่มดน้อย โอ้โฮเก่งจังเป็นกลอนดีด้วยนา ฮ่าๆๆ ซูฮกๆครับ แก้วประเสริฐ.
20 พฤศจิกายน 2549 16:14 น. - comment id 93794
คุณ เพียงพลิ้ว เทพนิยายก็มักจะเป็นแบบนี้แหละครับ บ้าๆบ๊องส์ๆแล้วก็บวมๆนิดๆสะกิดใจดีแท้ ฮ่าๆๆๆ เรื่องยังไปอีกยาวไกลนะครับ ตอนนี้ เขียนไปได้แล้วกว่ายี่สิบบทแล้วครับค่อยๆ เอามาทะยอยลงให้คนที่มีนิสัยคล้ายๆกันอ่าน เน๊อะ เพราะเขาว่ามันจำพวกหลังเขา เขาก็เขา นะแต่มันก็ได้อะไรๆดีๆเหมือนกันเน๊อะ หลานคิดอย่างลุงหรือเปล่าล่ะ ไม่ต้องคิดมาก อ่านสะบายซำบายแล้วก็ไม่ปวดหัวด้วยนา แก้วประเสริฐ.
21 พฤศจิกายน 2549 10:10 น. - comment id 93809
คุณ เฌอมาลย์ ขอบคุณมากครับภาพสวยๆผมเก็บไว้หมดเลย ครับ แก้วประเสริฐ.
21 พฤศจิกายน 2549 10:12 น. - comment id 93810
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงเฌอมาลย์ปรากฏพระสิริโฉมแล้วครับ แก้วประเสริฐ.