บันทึกรักนักดับเพลิง บทที่ 4 ตอน อปพร.ที่รัก ณ หอประชุมหลังโรงรถดับเพลิง เช้าวันจันทร์เป็นวันที่คึกคัก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังสาระวนกับการตระเตรียมจัดโต๊ะ เก้าอี้ให้เรียบร้อย ที่จริงเราเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่เพื่อความพร้อมและเป็นระเรียบ ข้าพเจ้าจึงให้พากันตรวจอีกครั้ง ใช่แล้ว..วันนี้เป็นวันฝึกอบรม อปพร. คำเต็มเรียกว่า อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หลักสูตรในการอบรมจะต้องใช้เวลาห้าวัน หนุ่มสาวและไม่หนุ่มไม่สาวที่ได้รับการคัดเลือกเดินทยอยกันเข้ามาลงทะเบียนในหอประชุม เป้าหมายผู้เข้าอบรมครั้งนี้ อยู่ที่จำนวนร้อยคน สวัสดีครับ ท่านใดที่มาแล้วก็ขอเชิญลงชื่อ เสร็จแล้วนั่งตามเก้าอี้ที่จัดให้แต่ละหมู่บ้านเลยนะครับ ข้าพเจ้าประชาสัมพันธ์ผ่านเครื่องขยายเสียง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังยืนชี้ไม้ชี้มือให้ผู้ที่ลงทะเบียนเข้านั่งประจำที่อยู่นั้น สวัสดีค่ะ ให้นั่งตรงไหนคะ ใบหน้าใสเรียบๆ เดินมายกมือไหว้ เด็กหนุ่มรุ่นน้องเดินตามหลังมาติดๆ ยกมือไหว้ตาม หวัดดีครับ หมู่อะไรครับ ข้าพเจ้ารับไหว้พลางสอบถาม หมู่ห้าค่ะ อ๋อ..นั่งทางโน้นครับ ข้าพเจ้าชี้มือ พลางชำเลืองป้ายชื่อที่หน้าอก จึงรู้ว่าชื่อ มณีวรรณ ขณะที่เธอก้าวไปนั่งนั้น เธอหันมาส่งรอยยิ้มหวานพร้อมโน้มศีรษะให้อย่างขอบคุณ เล่นเอาข้าพเจ้าสะดุดตรงหัวใจนิดๆ เมื่อผู้บังคับบัญชาเดินทางมาเปิดงานเสร็จสิ้นผ่านไป ข้าพเจ้าเป็นพิธีกรเชื้อเชิญวิทยากรต่างๆ มาให้ความรู้ จวบจนถึงวิชาภาคสนาม เป็นการฝึกจับหัวฉีดดับเพลิง จนถึงขั้นตอนฉีดน้ำจริงๆ เร่งความดัน ข้าพเจ้าสั่งพร้อมทำมือเป็นสัญญาณให้ ผู้อยู่ประจำรถดับเพลิงเร่งเครื่องจนน้ำพุ่งกระฉูดออกจากหัวฉีดอย่างรุนแรง ผู้ที่จับหัวฉีดเซถลานิดๆ หากจับไม่ถูกวิธีล่ะก็หัวฉีดจะหลุดมือแล้วกระเด็นกระดอนคล้ายไส้เดือนยักษ์ดิ้นทุลนทุลายเมื่อถูกน้ำร้อนลวก เพราะแรงดันของน้ำที่พุ่งออกจากหัวฉีดนั้นรุนแรง ใครอยู่ใกล้อันตรายถึงตายได้หากหัวฉีดกระเด็นไปโดนจุดสำคัญของร่างกาย ลดความดัน ข้าพเจ้าสั่งอีกครั้ง และน้ำก็ค่อยๆ ลดลง ลดลงจนไหลออกเบาๆ เหมือนน้ำประปาที่เปิดจากก๊อกธรรมดา ปิดน้ำ ข้าพเจ้าสั่งต่อจนน้ำหยุดนิ่ง ข้าพเจ้าเปลี่ยนทีมผู้เข้าอบรมที่แบ่งออกเป็นหลายทีมเข้าไปทดลองจับหัวฉีดให้ครบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองหาเธอ มณีวรรณ ผู้หญิงไม่ต้องจับหัวฉีดก็ได้นะครับ มันอันตรายเกินไปถ้าร่างกายไม่แข็งแรงพอ ผมสั่งออกไปอย่างเป็นห่วงผู้หญิง โดยเฉพาะเธอ อีกทั้งเป็นการไม่ประมาท อันตรายอาจเกิดขึ้นได้ ลูกน้องรับทราบ ข้าพเจ้ามองเห็นเด็กหนุ่มคนที่มาอบรมพร้อมเธอ จึงกวักมือเรียก เมื่อเขาเข้ามาใกล้ จึงดูที่ป้ายชื่อ มีอะไรครับหัวหน้า เขาถามข้าพเจ้า เออนี่ วิชัย นายอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับมณีวรรณเหรอ ครับ ถามจริงๆ นะ เธอโสดไหม ข้าพเจ้าถามเสียงกระชิบ โสดครับ ทุกวันนี้พี่ณีอยู่กับพ่อแม่ ขอบใจมาก...นายไปฝึกต่อเถอะ ข้าพเจ้าพูดจบเขารีบวิ่งไปเข้าแถวกับเพื่อนๆ ############# วันที่ห้าวันสุดท้ายของการอบรมก็มาถึงทุกคนจะได้รับวุฒิบัตร ข้าพเจ้าให้ลูกน้องแจกจ่ายเครื่องแบบ อปพร. ที่ใช้งบประมาณทางราชการซื้อมาให้กับ อปพร.ทุกคนและถือว่าจบหลักสูตร เมื่อแจกครบแล้วให้ไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำก่อนเข้ารับมอบวุฒิบัตร ข้าพเจ้าเพ่งมองมณีวรรณ เธออยู่ในชุดเครื่องแบบ อปพร. ดูเก๋ไปอีกแบบ หลังจากผู้บังคับบัญชามอบวุฒิบัตรเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าในนามครูฝึกจึงกล่าวเลิกการอบรมแก่สมาชิก อปพร.ใหม่ที่จบหลักสูตรหมาดๆ อาจเป็นเพราะความผูกพันที่ร่วมอบรมมาห้าวันจึงอาจทำให้หลายๆ คนน้ำตานองหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมณีวรรณ ข้าพเจ้าเห็นเธอเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เห็นแล้วอดซึมเศร้าไปด้วยไม่ได้ โชคดีนะครับ ข้าพเจ้าเอ่ย ขอบคุณค่ะ ถ้าว่างๆ ณีขออนุญาตมาเยี่ยมที่ดับเพลิงนะคะ เธอฉีกยิ้มให้ เล่นเอาข้าพเจ้ายิ้มไม่ยอมหุบ ยินดีทีเดียวครับ..คุณณี เธอโบกมือให้ก่อนเดินไปหาเพื่อน แต่แล้วสักครู่เธอก็เดินกลับไปกลับมาส่งสายตาคล้ายมองหาใครสักคน มีปัญหาอะไรหรือครับ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปถาม มองหาเพื่อนนะค่ะสงสัยครับไปก่อนแล้ว แย่จัง งั้นผมขออนุญาตไปส่งนะครับ เกรงใจค่ะ... ในทีสุดเธอก็ยอมขึ้นรถข้าพเจ้า เธอบอกทางจนเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิด จอดนี้ล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง พูดจบยิ้มหวานให้ บ้านหลังใหญ่นะครับ น่าอยู่มากเลย ข้าพเจ้ามองบ้าน เธอหัวเราะ ยังเป็นเวลาราชการไม่ใช่เหรอคะ เธอพูดพลางยกนาฬิกาขึ้นอ้าง ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าเธอไม่อยากชวนเข้าไปในบ้าน โอกาสหน้าพบกันใหม่นะคะ โชคดีค่ะ เอ้อ...โชคดีครับ ข้าพเจ้ารู้ว่าเธออยากให้กลับไป แต่ก็แกล้งเฉย เธอยืนยิ้มให้ข้าพเจ้าพลางหัวเราะ ก็กลับไปซิค่ะ ไปเถอะค้า... เธอส่งเสียงหวานๆ ไล่ ข้าพเจ้าขับรถออกมาพลางมองกระจกส่องหลังมองเธอที่กำลังโบกมือให้ สวยใช้ได้เลยนะอปพร.มณีวรรณที่รัก ข้าพเจ้าคิดแล้วยิ้มขณะรถเคลื่อนตัวกลับหน่วยดับเพลิง ################ เย็นหลังเลิกงานวันต่อมา ข้าพเจ้าตัดสินใจขับรถไปหาเธอที่บ้าน พอรถจอดรถหน้าประตูรั้วบ้าน ไม่รู้เป็นไงข้าพเจ้าไม่กล้าลงไปกดออดเรียก ดูบ้านช่างเงียบเชียบเสียเหลือเกิน หรือว่าเธอไม่อยู่ในที่สุดก็ต้องขับรถออกจากที่นั่น ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าทำไมถึงไม่กล้ากดออดเรียกหนอ ทำไมไม่กล้า บ้าจริงๆ เลยเรานี่ ข้าพเจ้าคิดโกรธตัวเอง หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ข้าพเจ้านั่งทำงานในสำนักงานด้วยจิตใจเหม่อลอยคิดถึงใบหน้าหวานๆ นั้น ใช่เลิกงานวันนี้จะต้องไปหาเธอที่บ้านให้ได้ คราวนี้ต้องใจกล้าๆ หน่อย ข้าพเจ้ามองดูนาฬิกาที่แขวนไว้ อีกราวชั่วโมงกว่าๆ ก็เลิกงานแล้ว และแล้วเสียง ว. ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศแห่งภวังค์ มีเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านเลขที่......... เสียง ว. รานงานเหตุพร้อมที่เกิดเหตุ แจ้งกำลังทุกนายพร้อม ว.สี่ ที่เกิดเหตุ ข้าพเจ้าสั่งทาง ว. รับทราบรับปฏิบัติ เสียงตอบรับ ข้าพเจ้ากระโดดขึ้นนั่งด้านหน้ารถดับเพลิงคู่กับคนขับ รถพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงหวออันโหยหวน... รถราที่กำลังเดินทางไปมาหลีบหลบข้างทาง รถเลี้ยวไปตามถนนมุ่งหน้าที่เกิดเหตุตามที่ ว. แจ้ง นี่มันทางไปบ้านมณีวรรณ อปพร.คนสวยนี่นา ข้าพเจ้าคิด ไม่นานนักรถจอดตรงหน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุที่มีกลุ่มควันลอยโขมง เฮ้ยนี่มันบ้านเธอนี่หว่าที่ถูกไฟไหม้ ข้าพเจ้าตะลึงชั่วครู่ก่อนสั่งลูกน้องลากสายต่อหัวฉีดเข้าไป สมาชิก อบฟร. ที่ผ่านการอบรมมาหมาดๆ มาแสดงตนช่วยเหลือ เธออยู่ไหน หรือว่าอยู่ในบ้านออกมาไม่ได้ แย่แล้ว คิดแล้วข้าพเจ้าวิ่งจะเข้าไปในบ้านแต่ต้องสะดุด หัวหน้าครับรู้สึกว่าจะไม่มีคนอยู่ในบ้านเลย ประตูรั้วก็ใส่กุญแจไว้ พนักงานดับเพลิงรายงานเมื่อเห็นข้าพเจ้าถลาจะเข้าไป ขวานเหล็กตัดเลย ข้าพเจ้าสั่งตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้หากไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้ให้พังทลายสิ่งขวางกั้นได้ตามความจำเป็น เมื่อกุญแจประตูถูกตัดแล้ว จึงให้ลูกน้องนำสายฉีดน้ำเข้าไปดับต้นเพลิงที่มาจากทางครัวหลังบ้าน ส่วนข้าพเจ้าเดินไปที่ประตูบ้าน แต่ถูกล็อกแน่นหนา ถอยออกมาหัวหน้าอันตราย... ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกครับ ผมรู้จักเจ้าของบ้านนี้ดีเขาไปทำงานกันหมด เสียงตะโกนใครคนหนึ่งบอก ข้าพเจ้าหันไปตามเสียงนั้น อปพร. วิชัย นั่นเอง ราวชั่วโมงเพลิงจึงสงบ ลูกน้องเข้าเคลียพื้นที่เสียหายเฉพาะห้องครัว แล้วมณีวรรณเธอไปไหนนี่ เวลานี้บรรดาไทยมุงเต็มพื้นที่ไปหมด ตำรวจที่มาตรวจสอบพื้นที่ทำแนวกั้นห้ามเข้าบริเวณ สักครู่เสียงอื้ออึงว่าเจ้าของบ้านมาแล้ว ข้าพเจ้าเดินเข้าไปหา เห็นสารวัตรตำรวจกำลังสอบปากคำ เมื่อได้ยินคำให้การข้าพเจ้าถึงกับหูชา ได้ความว่าบ้านหลังนี้มีพ่อแม่ลูกสามคน วันเวลาราชการจะไม่มีใครอยู่บ้าน มณีวรรณเธอโกหก ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเธอ แต่...เอ เธอไม่ได้บอกซักคำเลยนี่หว่าว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านเธอ เพียงแค่เธอบอกให้จอดรถส่งเธอลงตรงนี้เฉยๆ นี่ เราคิดไปเองต่างหากล่ะ ช่างเถอะ...จะใช่หรือไม่ใช่บ้านของเธอไม่สำคัญ ว่าแต่ว่าเธอมาช่วยงานตามหน้าที่ อปพร.ไหมนี่ ข้าพเจ้ามองหา และแล้ว ข้าพเจ้าเดินมาหยุดตรงที่วิชัยยืนอยู่ น้ำครับ ลูกน้องคนหนึ่งเดินมายื่นให้ ขอบใจ ข้าพเจ้าตอบพลางหันไปมอง อปพร. วิชัย แล้วคว้าแขนของเขาเดินเลี่ยงออกมาข้างนอก มีอะไรหรือครับหัวหน้า เขาถามอย่างสงสัย เออ...อปพร. เรามาช่วยกันกี่คนนี่ ข้าพเจ้าถามอ้อมค้อม มาหลายคนครับ แล้วมณีวรรณไม่มาเหรอ ข้าพเจ้าตัดสินใจถามตรงประเด็น ไม่มาครับ เธอคงไม่มาร่วมงานอีกแล้ว อ้าวทำไมล่ะ ข้าพเจ้าสะดุ้ง เธอไปกรุงเทพฯ เมื่อวานนี่เองครับ วิชัยตอบพลางจ้องหน้าข้าพเจ้า เธอไปทำงานเหรอ... ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบ ครับ...ทีแรกพี่ณีกะว่าจะมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ตลอดไป แต่ว่า... วิชัยพูดแล้วหยุดนิ่ง แต่ว่าอะไร ข้าพเจ้าจับไหล่เขาเขย่า คือว่า..พี่คำตันแฟนพี่ณีที่หย่ากันเมื่อเดือนที่แล้ว ตามมาง้อคืนดีแล้วพากันกลับไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯ แล้วครับ สิ้นเสียงพูดวิชัย ข้าพเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่าขวดน้ำดื่มหลุดมือตั้งแต่เมื่อไหร่ ####################
17 พฤศจิกายน 2549 13:24 น. - comment id 93697
เวปไซน์นี้น่าสนใจดีนะค่ะ http://enajosus.notlong.com
17 พฤศจิกายน 2549 13:43 น. - comment id 93717
ขอบคุณ นึกว่าเข้ามาอ่านเรื่องแล้วติชมวิจารณ์
17 พฤศจิกายน 2549 21:22 น. - comment id 93729
ก็ดีค่ะ แต่ไม่อยากให้ผิดหวังเลย น่าสงสาร
23 พฤศจิกายน 2549 02:21 น. - comment id 93861
.....ชอบอ่านคะ น่ารักดี ชอบเพ้อฝันเหมือนกัน อิอิ มีจินตนาการดี ชอบคิดชอบเขียนเหมือนกัน อิอิ